อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 50 กลยุทธ์ที่นำไปสู่ชัยชนะ
เหตุผลที่พวกเราเหล่าจัสติสครูเซเดอร์ ยังไปโรงเรียนก็เพื่อไม่ให้ตัวเองได้ลืมชีวิตของคนปกติ
อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ฉัน ฮินาตะ อาโออิ คิด
การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจะทำให้ความเป็นมนุษย์ของพวกเราค่อยๆ ถดถอยไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดเสียเอง
แต่อากาเนะที่เป็นเรดนั้นคงจะผิดปกติสักหน่อย เพราะเธอสามารถสลับอารมณ์และความรู้สึกตอนใช้ชีวิตปกติกับตอนต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์
ส่วนคิราระที่เป็นเยลโล่ก็คงไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเธอมีครอบครัวคอยเยียวยาใจ
แต่สำหรับฉัน…ที่ถูกบอกว่าเป็นคนจิตใจเข้มแข็มตั้งแต่ยังเด็ก เลยไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
แม้ว่าจะผ่านสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วน
「นี่ อาโออิ」
「หือ」
ฉันกำลังพักทานข้าวกลางวันเหมือนปกติ
เนื่องจากช่วงวันหยุดฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว ฉันก็เลยต้องมาปั่นการบ้านก่อนวันหยุด โดยข้างๆ ฉันตอนนี้มีเพื่อนของฉันอย่าง ฮามาฮานะ มิโดรินั่งกินข้าวกล่องอยู่
「เธอนี่แปลกจริงๆ 」
「……กำลังรู้เหรอ? 」
「นี่เธอก็รู้ตัวอยู่แล้วเหรอ……!? 」
มิโดริเด็กสาวผมดำแกมเขียวถึงกับตกตะลึง
「อาโออิเนี่ยชวนให้รู้สึกเป็นเด็กสาวแนวเรื่องลึกลับเลยแฮะ」
「เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเป็นเด็กเรียนสายวิทย์นะ」
「พูดแบบนี้ตลอด แต่จริงๆ ก็แค่พยายามสร้างคาแร็กเตอร์เฉยๆ ไม่ใช่เหรอ? 」
「ไม่เข้าท่าเหรอ? 」
「แล้วคิดว่ามันใช้ได้เหรอ?! นับวันการกระทำของเธอมักชักจะออกไปแนวไสยศาสตร์ขึ้นทุกที!!」
อันที่จริงไสยศาสตร์ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์หรือเปล่า
ทำไมถึงเข้าใจเรื่องแค่นี้
「นี่สินะพวกมือสมัครเล่น ตาไม่ถึง」
「พูดแบบนี้ฉันโกรธจริงๆ นะ」
ฉันเองก็เริ่มหิวแล้ว เลยหยิบข้าวกล่องที่ห่อด้วยผ้าออกมาจากกระเป๋า
ข้างในนั้นมีแซนด์วิชเรียงกันเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งก็มีไส้ไข่กับไส้ทูน่า
「โห ต่างจากทุกทีนะ」
「ไปทำที่ร้านกาแฟโปรดน่ะ」
「ต้องบอกว่าซื้อไม่ใช่หรือไง? 」
เธอฟังฉันไม่รู้เรื่องหรือไงนะ?
ต้องอธิบายต่อสินะ
「ฉันได้ข้อมูลมาว่าพนักงานพาร์ทไทม์ของร้านกำลังฝึกทำแซนด์วิช」
「อ๋อ คนที่อาโออิสนใจนี่เอง….」
「ฉันก็เลยเข้าไปถามเขา」
「อื้อ」
「แล้วก็ขอให้เขาช่วยสอนฉันทำแซนด์วิชไปด้วยซะเลย」
「ใจกล้าเกินไปไหม ความอายเธอหายไปไหนหมด? 」
เป็นคนพูดที่โหดร้ายชะมัด
คนเป็นเพื่อนเขาว่ากันแบบนี้เหรอ…?
「เรื่องอายไม่อายฉันจะเป็นคนตัดสินเอง」
「……มันได้เหรอ……!!」
「……」
「……」
「พอก่อนดีกว่า」
「พอเถอะเนอะ」
หากไปมากกว่านี้เดี๋ยวก็คุยไม่รู้เรื่องเปล่า
Samurai 8 กล่าวเอาไว้พ่ายแพ้วันนี้ไม่ได้หมายความว่าจะพ่ายแพ้เสมอ ชนะวันนี้ก็ใช่จะชนะเสมอไป
ฉันกินอาหารกลางวัน หยิบเอาน้ำผลไม้ที่ซื้อก่อนหน้าเสียบหลอดแล้วดูด
「ตั้งใจจะเอาเรื่องนี้ไปอวดรุ่นพี่ที่สนิทด้วยอีก 2 คนนั้นเหมือนกัน แต่สัมผัสที่หกของฉันบอกว่า คงจะถูกพวกเธอโจมตีดั่งสัตว์ร้ายแน่ๆ ดังนั้นคงต้องพับไป」
「แล้วฉันต้องรู้สึกยังไงล่ะเนี่ย เหมือนเรื่องราวของพวกเธอทำฉันตามไม่ทันสักที……!? 」
คิราระเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เล่นคุยด้วยง่าย ส่วนอากาเนะเป็นพวกถ้าเกิดจริงจังขึ้นมาก็ต้องจริงจังตามไปด้วย
จัสติสครูเซเดอร์เป็นพวกพ้องที่ดี แต่จะเปลี่ยนไปเป็นศัตรูกันตอนไหนมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่
「แต่สุดท้ายก็ดูสนิทกันดีใช่ไหมล่ะ ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องของพวกรุ่นพี่มากด้วยสิ」
「รุ่นพี่อากาเนะจะเป็นแนวนางเอกยุคคลาสสิก รุ่นพี่คิราระจะเป็นประเภทสาวที่สวยสุดๆ ตอนถอดแว่น」
「เดี๋ยวเถอะ หยุดเปรียบเทียบคนอื่นจากตัวละครเกมจีบสาวได้ไหม? 」
「มิโดริเป็นประเภทเพื่อนตัวเอก โดยรูทจะถูกปลดล็อกหลังจากคุยโทรศัพ 10 ค――」
ฉันรับแรงเหวี่ยงมือที่ถาโถมเข้ามาจากมิโดริ
เด็กที่เปราะบางเช่นเธอนี่ชอบใช้ความรุนแรงจริงๆ
「เธอนี่แปลกจริงๆ นั่นแหละ เหมือนไม่ใช่สิ่งชีวิตแบบเดียวกับพวกฉันเลย!」
「พูดอะไรของเธอ」
「ก็ลองเทียบกับคนวัยเดียวกันดูสิ เธอไม่คิดเหรอว่าเธอผิดปกติ」
เป็นไปไม่ได้หรอก
คำพูดของมิโดริเชื่อถือไม่ได้
「เป็นไปไม่ได้ ฉันเองก็ชอบมังงะ อนิเมะ โนเวลเหมือนคนปกติ」
「มันแปลกๆ อยู่ดี ถึงจะชอบเรื่องพวกนี้แต่ความชอบของเธอก็ยังผิดปกติอยู่ดี เอ้าอย่างเกมที่ชอบอะไรล่ะ แนวพัทเซิลเหรอ? 」
「บลัดบอร์น」
「ก็เพราะแบบนี้ไง เด็กสาวมอปลายที่ไหนเค้าชอบเล่นบลัดบอร์นกันยะ!!」
ถ้างั้นเธอก็แปลกที่คบฉันไม่ใช่หรือไง
หลังเหนื่อยจากการเถียงกับฉัน มิโดริก็เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วดืมชาจากขวด
「ฉันก็รู้แหละว่าเธอเป็นอัจฉริยะ แต่เรื่องไหนที่เธอโง่ เธอก็โง่สุดๆ ไปเลย」
「พูดโง่ซ้ำตั้งสองที」
「ก็มันเป็นเรื่องที่ต้องย้ำไง」
ทำไมล่ะ แปลกชะมัด
มิโดริทำหน้าเซ็งก่อนเอามือเท้าคางวางบนโต๊ะ
「เอาเถอะ ถ้าเธอยังมีแรงทำตัวแบบนี้ได้ต่อไป ก็ไม่น่าเป็นไรมั้ง」
「ฉันจะทำแบบเดิมต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น」
「….อย่างน้อยก็ช่วยกังวลหน่อยเถอะ ไม่รู้หรือไงว่าตอนเธอออกไปทีไรฉันรู้สึกยังไง ต้องมาคอยช่วยเก็บงานตอบเรื่องต่างๆ แทน 」
เธอคือเพื่อร่วมชั้นที่ให้ความร่วมมือกับฉัน
มิโดริ
ฉันก็รู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องกังวล แต่ฉันก็มีวิถึในแบบของฉัน
「มิโดริ」
「หือ? 」
「นอกจากฉันเธอไม่มีเพื่อนคบแล้วเหรอ? 」
ฉันหลบหมัดของเธอได้อย่างสวยงาม
ถ้าไม่ล้อเล่นให้พอดี เดี๋ยวสักวันคงได้เจ็บตัว
ค่าความฉลาดของฉันเพิ่มขึ้น 1 จุด
「จะว่าไปเรื่องนั้น จริงเหรอ」
「หมายถึง? 」
หลังสงบสติอารมณ์กันได้ มิโดริก็กระซิบถามฉัน
「ก็เรื่องที่อัศวินดำความจำเสื่อมไง เพราะไม่ได้ติดตามอะไรมาก แต่นั่นเรื่องจริงใช่ไหม? 」
「เรื่องจริง แต่ไม่ใช่อะไรที่ต้องกังวล」
「หือ งั้นเหรอ? 」
เขาไม่ได้เสียความทรงจำ
แค่ความทรงจำของเขาถูกเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง
ยังไงก็รู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งความทรงจำเขาจะกลับมา ระหว่างนี้ก็ทำคะแนนต่อไปไม่เสียหาย
「เพราะสิ่งที่ฉันทำจะไม่เปลี่ยนแปลง」
ต้องเอาชนะให้ได้
จัดการสัตว์ประหลาดและปกป้องความสงบสุขของคนที่ชอบ
ฉันเอาแซนด์วิชชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะสังเกตเห็นว่าที่แปลงร่างตรงข้อมือกะพริบแสง
….พวกเอเลี่ยนไม่ยอมให้ฉันใช้ชีวิตสงบสุขได้เลย
「มิโดริ ฝากด้วยล่ะ」
「เธอเองก็ระวังตัวด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องตรงนี้เอง」
「อื้อ」
ฉันฝากของไว้กับมิโดนริแล้ววิ่งจากไป
เอเลี่ยนจากต่างดาวและพวกสัตว์ประหลาดมันบุกมาไม่รู้เวลาจริงๆ
นี่คงเป็นส่วนที่ทำให้ฉันลำบากที่สุด
***
เอเลี่ยนบุกอีกแล้ว
ทันทีที่ฉันได้รับรายงานจากอัลฟ่าที่ทำงานร้านกาแฟเดียวกับฉัน ฉันก็ขอตัวออกไประหว่างงาน รู้สึกผิดกับมาสเตอร์อยู่หรอก แต่ก็ต้องไป
ระหว่างทางก็ได้เจอกับจัสติสครูเซเดอร์ทั้ง 3 คน โดยปลายทางของพวกเราคือชายหาดที่ห่างจากตัวเมืองนิดหน่อย
เอเลี่ยนกำลังรอเราอยู่ที่พื้นหาดทรายสีขาว
「ว่าไง กำลังรออยู่เลย」
ชายที่มีเขาสีขาวงอกออกมาจากดวงตา ยืนทักทายพวกเรา
ในมือของเขามีสิ่งที่เหมือนกับหนังสืออยู่ แม้รูปร่างของเขาจะคล้ายกับมนุษย์โลกแต่ดูยังไงก็ไม่ใช่แหละ
「ชิ!」
เรดเปิดใส่อีกฝ่ายก่อนทันที โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว
ดาบเล็งไปตรงคอของเขา ทว่ามันก็กระแทกเข้ากับบาเรียที่มองไม่เห็น
「อ้อ เปล่าประโยชน์ การโจมตีของพวกเธอไม่มีผลกับฉันหรอก เพราะฉันได้กางอาณาเขตเอาไว้แล้ว」
「……」
「คงอยากจะบอกว่าไม่มีเหตุผลให้ต้องฟังคำพูดของฉันสินะ แต่เสียใจด้วยเพราะฉันเป็นพวกมีอารยธรรมพอและอาณาเขตของฉันก็ไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงและป่าเถื่อนเหมือนที่พวกเธอทำ 」
ชายคนนั้นดีดนิ้ว พื้นที่โดยรอบก็เปลี่ยนไปเป็นสีดำทันที
เหมือนกับตอนที่สู้กับลำดับ 99
「เป็นสายสร้างเงื่อนไขในการต่อสู้สินะ…โถ่เว้ย ไม่ชอบพวกประเภทนี้ชะมัด」
「ต้องชนะตามเงื่อนไขของอีกฝ่าย ลำบากจริงๆ ….」
「ยุ่งยาก……」
「ดูพวกเธอจะเคยเจออะไรทำนองนี้มาเยอะเลยนะ!? 」
ในขณะที่ฉันคุยกับเรดและคนอื่นๆ
พื้นที่ปริศนาที่ล้อมเราเอาไว้ก็เปลี่ยนโครงสร้าง แท่นเสาทั้ง 4 โผล่ขึ้นมา เหมือนกับห้องพิจารณาคดีในหนังย้อนยุคที่เคยดู
ฉันสงสัยว่ามันมีไว้เพื่ออะไรกันแน่ แล้วชายคนนั้นก็โผล่ออกมาจากความมืด
「ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ลำดับแห่งดวงดาราที่ 77 เคฟก้าแห่งการไต่สวน ผู้แสวงหาความรู้และผู้พิทักษ์แห่งปัญญา ซึ่งได้รับหน้าที่มาให้รุกรานดาวแห่งนี้ ดังนั้นคงต้องขอให้สู้ในอาณาเขตของฉันต่อไปละกัน」
เขาโค้งตัวคำนับพวกเราและวางเท้าขึ้นไปบนแท่น ที่เหมือนแท่นยืนฝั่งพยานในศาล ก่อนที่แท่นดังกล่าวจะถูกยกให้สูงขึ้น
「การโจมตีทั้งหมดรวมถึงการโจมตีของฉันจะไม่เกิดผลใดๆ ในพื้นที่แห่งนี้ ก็ไม่ได้คาดหวังมันสมองของพวกเธอให้เข้าใจถึงหลักการหรอก แต่เอาเป็นว่ามันคือพลังพิเศษของฉันละกัน」
「……พูดจาได้อ้อนมืออ้อนเท้าเหลือเกินนะ」
「ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะฉันคือสิ่งมีชีวิตในมิติที่สูงกว่า ความรู้เหนือจากพวกดาวโลกที่อาศัยกันอยู่ในที่คับแคบ ระดับความรู้จะตามกันทันคงยาก」
เข้าใจแหละว่าอยากดูถูกแต่พูกได้วกวนชะมัด
แต่ก็สรุปได้ว่าเราไม่สามารถโจมตีอีกฝ่ายได้ ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ทำอะไรเราไม่ได้เหมือนกัน
「ที่แห่งนี้คำพูดคือพลัง มันเป็นกฏเฉพาะที่ถูกตั้งเอาไว้ โดยเราจะตัดสินแพ้ชนะกันผ่านคำพูด」
「ถ้าเกิดทางนี้เอาชนะแกได้ล่ะ? 」
「ก็จะได้ออกจากที่แห่งนี้ไป ส่วนฉันคงตาย」
เคฟก้ายกมือขึ้น จากนั้นก็มีแท่งไม้ 5 สี สีละ 5 ชิ้นปรากฏขึ้นในอากาศตามสีของพวกเราและเคฟก้าอีก 1 ราวกับเป็นแถบค่าพลัง
สีขาวนี่สีของฉันเหรอ?
เอาเถอะก็ถูกเรียกว่าอัศวินขาวนี่นะ
「สำหรับกฎในคราวนี้คือ การดูถูก」
「การดูถูก หมายถึงให้พูดไม่ดีเหรอ? 」
「ใช้แล้ว พวกนายจะต้องพูดดูถูกอีกฝ่าย ให้เจ็บช้ำจนเสียเพจพลังบนหัวไปจนหมด หากเกจนั้นหมด ก็จะพ่ายแพ้หมดสิทธิ์พูด」
อะไรของมัน……。
แย่แล้วสิ ฉันเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์พูดจาดูถูกคนอื่น เลยไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดี
「อ่ะ เอ่อ คือฉันไม่มีประสบการณ์อะไรทำนองนี้ด้วยสิ อย่าคาดหวังกันนักล่ะ」
「? 」
้เรดหันมามองฉันและเอียงคอสงสัย
「ลองซ้อมโดยนึกว่าฉันเป็นสัตว์ประหลาดที่ต้องหั่นเป็นชิ้นๆ ก็ได้」
「เรดติมันพรามปากปีจอ」
「อึก……」
จากนั้นเกจบนหัวของเรดก็ลดลงไป 2 แต้ม จนเหลือเพียงแค่ 3
เดี๋ยวนี่ฉันสร้างความเสียหายให้พวกพ้องได้เหรอ
เมื่อเรดสังเกตเห็นว่าแต้มของตัวเองลด จึงตะโกนถามเคฟก้าด้วยความตกใจ
「เดี๋ยวก่อนสิยะ นี่หมายความว่ายังไง?!」
「เอาล่ะ การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว โปรดระวังกันเอาไว้ด้วยเพราะการพูดจาใส่พวกเดียวกันก็นับว่าเป็นการโจมตีนะ」
「ก็รีบบอกกันให้เร็วกว่านี้สิยะ!? นี่มันบ้าอะไรกันแต้มลดตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม!!」
「บอกตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเดียวกันลดแต้มกันเอง…เลย…ไม่รู้ว่าจำเป็นต้องบอกก่อนน่ะ」
「……ไอ้! ……!!」
「เรด หยุดก่อน การโจมตีมันใช้ไม่ได้ผลในนี้นะ!!」
ตอนนี้พวกเราก็ทำได้เพียงหยุดไม่ให้เรดชักดาบออกมา
แท่นปริศนาที่ลอยอยู่ในอากาศใต้เท้าพวกเราเริ่มเชื่อมต่อกันเป็นเส้นตรงโดยหันหน้าไปหาทางเคฟก้าที่อยู่ตรงข้าม
เรียงลำดับก็ เรด เยลโล่ บลู แล้วก็ฉัน
「อุ เหมือนฟิลดูเอล ของยูกิโอ.……」
「หือ อะไรล่ะนั่น? 」
ฉันประหลาดใจกับเสียงพึมพำของบลูที่อยู่ข้างๆ แต่ก็เลือกหันไปสนใจท่าทีของเคฟก้าก่อน
「ถ้างั้นมาเริ่มกันเลย」
「4 ต่อ 1 …ไม่สิ 3 ต่อ 1 ก็ยังมั่นใจอีกเหรอ? 」
「เดี๋ยวสิ ทำไมไม่นับฉันเข้าไปด้วยล่ะ? นี่? 」
「ไม่สำคัญหรอกว่าจะมีกันสักกี่คน」
ฉันคงต้องคอยสนับสนุนเรดน่าจะดีกว่า แม้การต่อสู้แบบรุมจะดูไม่ยุติธรรมไปบ้างแต่ฉันก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับคำพูดและสิ่งที่จะพูดออกไป
「ถ้างั้นฉันจะแสดงตัวอย่างให้ดูก่อนเอง」
เคฟก้าหันไปหาเรดพร้อมกับถือหนังสือในมือ
「ดูเหมือนพวกเธอจะเป็นฮีโร่ของโลกใบนี้สินะ」
「ใช่แล้ว เจ้าโง่」
「ถ้างั้นทำไมพวกเธอ….อุ๊ฟ หุหุ」
「เดี๋ยวแม่จะสับให้เละเลย!!」
เยลโล่กับบลูกำหมัดด้วยความหงุดหงิด ส่วนเรดแสดงเจตนาฆ่าออกมาชัดเจน
ทำไมพวกเธอทนการยั่วยุแค่นี้ไม่ไหวกัน?! ฉันว่ามันก็ไม่ใช่อะไรที่หนักหนานะ
ถึงแถบแต้มบนหัวจะไม่ลด แต่มันได้กลายเป็นปัญหาในอนาคตแหง
「อะไรนะ เรดติมัสพราม? 」
「!? 」
「เรดแห่งภัยพิบัติ? 」
「……อึก」
「ฮิโตคิริบลัด? 」
「ไอ้……」
「ฉันว่าอะไรพวกนี้มันไม่ใช่ชื่อที่จะตั้งให้กับผู้หญิงเลยนะ」
「คึกกกก……」
「ก็ไม่ได้อยากจะพูดว่าสงสารหรอกนะ แต่เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอยู่จริงๆ เหรอ? 」
แต้มบนหัวของเรดลดลงไปอีก 1
ไหล่ของเรดสั่นเทา ก่อนจะตะโกนใส่เคฟก้าที่ยืนยิ้มอยู่
「…อึก…เจ้าบ้า! เจ้าบ้า! เจ้าบ้าเอ้ยยยย!!」
「เรด หยุดก่อน สภาพของเธอตอนนี้จะเป็นบอสเซนจากSket Danceเข้าไปทุกที」
「โถ่เว้ย อย่าให้ได้ออกไปจากที่นี่นะ ฉันจะฟันแกให้เละเลย ไอ้เจ้าบ้า!!」
「เรด หยุดเตอะ หยุ๊ดดดด บ่ต้องเว่าแล้ววววววว!!」
ช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้….?!
คนแรกที่โดนโจมตีเข้าไปเต็มๆ ก็คือเรด!
มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะประมาทได้เลย
สภาพเรดก็ตอนนี้ก็เหมือนแพ้ไปแล้วจริงๆ ดังนั้นฉันจะต้องสานต่อให้สำเร็จ
「เรด ฉันจะแก้แค้นให้เธอเองเด้! เอาละได้เวลาสวนกลับ!」
「เอ้าถึงตาเธอแล้วสินะ ยัยคนไร้อัตลักษณ์」
「……」
เดี๋ยวทำไมแต้มของเยลโล่ถึงลดไปล่ะ?!
ได้ยังไงกัน ถามจริง ไอ้หมอนี่มันจี้ใจพวกเธอได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?!
「ทะ-ทำไม่เลวเลยเด้ แต่รอบหน้าฉันบ่มีทางหลงกลอีกแน่!」
「เอ่อ โทษทีนะ แต่ฉันฟังไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ ไม่เห็นจะเหมือนภาษาญี่ปุ่นที่ฉันรู้จักเลย พูดอีกทีได้ไหม」
「……อย่ามาล้อกันเล่นนะยะ!!」
「เอ้า ก็พูดแบบคนปกติเป็นนี่นา สรุปไอ้ที่ทำมาก็แค่การสร้างคาแร็กเตอร์สินะ…น่าตกใจจริงๆ 」
แต้มของเยลโล่ร่วงลงอย่างรวดเร็ว
ทำไมกันล่ะ ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเป็นไปได้ยังไง แต่แต้มของพวกเธอก็ร่วงจนจะหมดอยู่แล้ว
「หากเทียบกับเรดและบลูแล้ว เธอค่อนข้างเป็นผู้หญิงน่าเบื่อนะ ข้อดีเดียวที่มีก็คงจะเป็นร่างที่เบิ้มๆ นั่นแหละมั้ง」
「ข้อดีตรงไหนกันยะ สำหรับฉันมันเกะกะตอนสู้ด้วยซ้ำ」
「คึก คำพูดของพวกที่มีกินมีใช้จะพูดกันได้….」
「แล้วทำไมเธอถึงได้รับความเสียหายแทนล่ะบลู!? แปลกเกินไปแล้ว!!」
「สำหรับบางคนไม่เคยมีโอกาสได้เจอปัญหานั้นด้วยซ้ำ…..!」
พวกเธอหมายถึงอะไรกัน!
อยู่ดีๆ บลูก็มือเอาจับหน้าอกตัวเองด้วยความเจ็บปวด
「ยะ-แย่แล้วสิ……」
เรดเหลือ 1 แต้ม
เยลโล่เหลือ 2 แต้ม
บลูเหลือ 4 แต้ม
ส่วนฉันยังปลอดภัย
จากสภาพนี้ ฉันคงต้องแบกพวกเธอให้จบงาน
「พวกจัสติสครูเซเดอร์นี่ไม่ไหวจริงๆ เอาละ รีบจัดการบลูให้เสร็จแล้วค่อยปิดงานอัศวินขาวดีกว่า」
「อุ งั้นก็ลองมาดูกัน」
ไม่รู้ทำไมบลูที่ได้รับความเสียหายไป 1 แต้มกลับยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
เป็นความมั่นใจที่แปลกประหลาด หรือเธอจะมีแผนลับอยู่
ไม่สิ จากที่ฉันสัมผัสได้ ฉันรู้สึกว่าบลูคือคนที่มีความสามารถในการทะเลาะกับคนอื่นได้อย่างน่าฉงน
「ท่าทางช่างน่าผิดหวังและน่าเบื่อ จัสติสครูเซเดอร์ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่ สภาพแบบนี้สู้ไปท้าทายสิ่งมีชีวิตจากดาวอื่นที่มีมันสมองกว่านี้ก็คงดี……」
「……」
「ฉันรู้เรื่องของเธอดีบลู นักแม่นปืนสุดอำมหิต ที่มีพฤติกรรมและความคิด――」
「เหอะ」
เคฟฟ้าขมวดคิ้วเมื่อบลูส่งยิ้มแบบเย้ยหยันให้
「ทั้งที่ดูถูกพวกเราขนาดนั้น แต่ก็ทำการบ้านของพวกเรามาซะดีเลยนี่」
「จะบอกว่าการหาข้อมูลมันไม่จำเป็นเหรอ? 」
「ไม่ได้จะพูดแบบนั้น แค่สงสัยน่ะว่ามันจำเป็นด้วยเหรอ」
บลูกอดอกและแสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมา
「หากบอกว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตในมิติที่สูงกว่า ทำไมต้องหาข้อมูลของพวกเราก่อนด้วยล่ะหรือจะบอกว่าตัวเองไม่มีปัญญาที่จะสามารถเอาชนะพวกเราได้หากไม่เตรียมตัวมาก่อน มันก็เลยชวนให้สงสัยจนอยากได้คำอธิบายน่ะ」
「แล้วทำไมฉันจะต้องไปเสียเวลาบอกเธอด้วยล่ะ? 」
「พูดจาด้วยภาษาที่วกวน เงียบราวกับยืนยัน ตอบคำถามด้วยคำถามคือการตอกตะปูใส่ตัวเอง….อื้อ แบบนี้นี่เอง」
หา?
แบบนี้นี่เองอะไรของเธอกัน?
บลูชี้ไปหาเคฟก้า
「สุดท้ายก็กลัวพวกเราใช่ไหมล่ะ」
「อย่ามาล้อกันเล่นนะเห้ย!!」
「โถ อย่ารีบร้องไปสิ นี่คือการต่อสู้ด้วยคำพูดนะ? จะโกรธจนตัวสั่นทั้งที่มาท้าทายกันแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน แล้วก็…..ดูนั่นสิ」
บลูชี้ไปที่บนหัวของเคฟก้า
แต้มของมันลดลงไป 1 แต้ม
「หายไปไหนหนึ่งเอ่ย? 」
「~~~คึก!!」
「ไม่จำเป็นต้องอายที่รู้สึกกลัว หากเป็นเอเลี่ยนที่มีสติปัญญา มันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้อยู่แล้วที่จะมีอารมณ์พวกนี้」
「เรื่องที่เข้าใจได้งั้นเหรอ….!! นี่เธอคิดว่าฉันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับพวกเธอหรือไงวะ!!」
「หวา หายไปอีก 1」
ความโกรธของเคฟก้าทำให้แต้มของมันตอนนี้เหลือแค่ 3
เคฟก้าถึงกับตกใจ แต่ความโกรธของเขาก็เพิ่มมากขึ้นจนไหล่สั่นพร้อมกับจ้องมองบลู
「คิดจะมาหลอกให้โมโหสินะ…!」
「สิ่งที่ฉันพูดไม่ได้การหลอกลวง แต่นายโกรธและขุดหลุมฝังตัวเอง เข้าใจผิดไปตามใจชอบดังนั้น『ไม่ใช่ความผิดฉัน』 สักนิด」
แต้มบนหัวหายไปอีก 1 เหลือ แค่ 2
น่าทึ่งชะมัดที่เธอยั่วคนอื่นได้ขนาดนี้
「บะ-บลูสินะ? 」
「อื้อ」
「แต่ทำไมฉันเห็นมันไม่ใช่นะ ไอ้การเคลื่อนไหวที่ก็อปไอเซ็นมาและทำตัวเหมือนคุมะนี่มันอะไร」
「??? 」
ไอเซ็น คุมะ ใครกันล่ะนั่น?
ฉันหันไปถามบลูเพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่บลูก็นิ่งไป ก่อนจะเอามือไปวางที่จัสติสเชนเจอร์แล้วยกเลิกการแปลงร่าง
「บลู ทำอะไรของเธอน่ะ!? 」
เรดที่ฟื้นสติขึ้นมาได้ถามขึ้นด้วยความตกใจ
บลูกลับไปร่างของอาโออิแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
「แบบนี้น่าจะสะดวกกว่า」
「เดี๋ยวสิๆๆ ยังไงก็ต้องแปลงร่างเพื่อความปลอดภัยบ่ดีกว่าเรอะ?!」
「ไม่ต้องห่วง อัศวินขาวจะปกป้องฉัน」
「อื้อ ไว้ใจฉันได้เลย!!」
「งั้นก็สบายมาก」
ว่าแต่ทำไมต้องยกเลิกการแปลงร่างล่ะ?!
เมื่อเห็นการกระทำที่แปลกไปของบลู เคฟก้าก็ถอนหายใจแล้วพยายามตั้งสติเช่นเดียวกัน
「ถึงแม้ว่าเธอจะแตกต่างจากยัยโง่สองคนก่อนหน้า แต่คราวนี้อย่าคิดว่าฉันจะพลาดอีกล่ะ เพราะจากจุดอ่อนที่ฉัน――」
「คุคุคุคุ」
「เป็นอะไรของเธอ」
อาโออิยิ้มออกมาเหมือนกับสัตว์ร้าย
จากนั้นน้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนไปราวกับว่ากำลังเผยโฉมหน้าที่แท้จริง
「ไม่ต้องพยายามใช้คำพูดสวยหรูเพื่อปิดความกระจอกของตัวเองก็ได้」
「……หา? 」
คาฟก้าแสดงสีหน้าตกใจ ส่วนอาโออิก็ยิ้มออกมา
「อะไรของนายกัน สิ่งมีชีวิตในมิติระดับสูงมีปัญหาเรื่องการได้ยินหรือไง ถึงต้องมาทำท่าเหมือนอยากให้คนอื่นพูดซ้ำบ่อยๆ 」
「หุบปากซะ……」
「โถ ไม่เอาน่า นี่เป็นการต่อสู้ด้วยคำพูดไม่ใช่หรือไง ถ้าเอาแต่เงียบแล้วชาติในผลแพ้ชนะจะออกมาล่ะ อย่าลืมเป้าหมายของตัวเองซะสิ เอ้าหรือว่าลืมไปแล้ว? 」
「……คึก!!」
เคฟก้ากัดฟัน
เมื่อเธอเห็นแบบนั้นก็เปิดปากพูดต่อ
「ความรู้นั้นไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่ว่านายจะได้รับความรู้มามากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้หรอก ทั้งนาย ฉัน และไม่ว่าใครก็ตาม ไม่มีวัน…」
「ไอ้เจ้าคนสามหาว…!! คำพูดของแกก็ไม่ต่างอะไรกับการเยาะเย้ยท่านผู้นั้น!!」
「กระจอก ท้ายที่สุดแล้วมันก็แค่ความคิดของพวกขี้แพ้ ที่หยุดเติบโตและไม่มีคุณสมบัติพอจะก้าวไปข้างหน้าได้ ดังนั้นไม่มีทางจะเอาชนะพวกฉันที่ก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญและไม่สนใจสิ่งใดได้หรอก」
จะ-เจ๋งชะมัด…
ถึงจะไม่เข้าใจที่อาโออิพูดเลยสักนิดก็ตาม แต่คำพูดของเธอก็มีพลังชวนให้ตั้งใจฟังอย่างน่าประหลาดจากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
「ฉันจะสอนให้นายรู้จักกับความพ่ายแพ้เอง นั่นคือสิ่งที่ทุกคนบนโลกต้องเผชิญ」
ก่อนที่เคฟก้าจะรู้ตัว แต้มบนหัวของเขาก็เหลือเพียงแค่ 1
อาโออิที่เห็นจังหวะก็ได้ชี้นิ้วของเธอไปหาอีกฝ่ายราวกับจะบอกว่านี่คือหมัดสุดท้าย
「ผู้ที่ไม่คิดจะพัฒนาตัวเองคือพวกคนเขลา」
「คึ อึก……」
นัตสึเมะ โซเซกิ?!
ร่างกายของเคฟก้าเริ่มบิดเบี้ยวหลังโดนคำพูดของบลูที่ไปก็อปชาวบ้านมาใส่
การโจมตีนั้นทำให้แต้มของเคฟก้าเหลือ 0
เขาล้มลงกับพื้น ก่อนที่บลูจะยิ้มออกมาแล้วพูด
「ดูเป็นสำนวนที่เหมาะสมกับแมลงที่หมอบคลานมองแต่ผืนดินโดยไม่มองผืนฟ้าดีใช่ไหมล่ะ? คุณลำดับที่ 77 เคฟก้าแห่งการไต่สวน」
ร่างของเคฟก้าค่อยๆ สลายหายไป ก่อนที่พื้นที่รอบๆ จะกลับมาเป็นวิวทะเล
「ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาแพ้ให้กับแก….」
「หือ…นั่นสินะ…คำพูดนี้ มันเหมือนคำพูดสุดท้ายของพวกตัวร้ายในการ์ตูนแก๊กเลยแฮะ」
「ทำไมฉันถึงต้องมาแพ้ให้กับยัยบ้าตัวประหลาดอย่างแกด้วยยยยยยย!? 」
ในที่สุดเคฟก้าก็สลายหายไปจนสิ้น
ฉันแอบขนลุกนิดหน่อย เมื่อนึกว่าหากพวกเราแพ้จะต้องตกอยู่ในสภาพนั้นเหมือนกัน
ทว่าฉันก็รู้สึกตัวว่าอาโออิตอนนี้ไม่ได้แปลงร่างอยู่ ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าเป็นเรื่องแน่
「ชิโระ! ขอมอเตอร์ไซด์กับหมวกกันน็อค!!」
『โฮก!』
ฉันโยนหมวกกันน็อคที่ชิโระสร้างให้อาโออิ
แต่ร่างกายส่วนอื่นของเธอนอกจากหน้าก็ยังไม่ได้รับการปกปิด ดังนั้นคงต้องรีบพอเธอออกไปจากที่นี่
ฉันขึ้นรถที่ชิโระเรียกออกมา แล้วบอกให้อาโออิที่สวมหมวกกันน็อคขึ้นมาซ้อน
「ขึ้นมาสิบลู!」
「นั่นสินะ คราวนี้ฉันก็ทำผลงานได้เยอะสุดด้วย ดังนั้น ลาก่อน เรด เยลโล่」
「「เดี๋ยวสิ」」
ฉันเร่งเครื่องแล้วบินขึ้นบนท้องฟ้าทันที
นอกจากนี้ก็เปิดโหมดพรางตัวเอาไว้ด้วย โดยเร่งความเร็วแค่ระดับกลางๆ
「ฉันสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ? 」
「อ้า!」
「ฟุฟุฟุ……」
ไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าจะได้มาเถียงกับเอเลี่ยนเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย
แต่สุดท้ายคำพูดนี่มันก็รุนแรงจนกลายเป็นอาวุธที่ทะลวงเกราะทุกประเภทได้จริงๆ!!
————-
Note 1 : หากเปลี่ยนจากญี่ปุ่นเป็นประเทศไทย เชื่อว่าชาวไทยจะรับมือกับเอเลี่ยนตัวนี้ได้สบายๆ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code