อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 49 วิเคราะห์ ตื่นรู้ (มุมของเจ็ม)
「เห้อ ไม่มีภาพเลยวุ้ย」
นั่นคือคำพูดแรกที่ฉันพ่นออกมาหลักดูบันทึกต่างๆ ของนักรบที่อยู่บนดาวโลก
สามารถเดินทางไปทั่วระบบสุริยะแล้วยังมาดูของที่เรียกว่าวิดีโออีกมันก็น่าแปลกแหละ แต่บอกตามตรงว่าฉันดีใจชะมัดที่ได้ดูมันก่อน
「ทำไมถึงพูดอะไรอ่อนแอแบบนั้นล่ะคะ ทั้งที่ปกติออกจะมั่นหน้า? 」
「อย่าเรียกว่ามั่นหน้าสิเห้ย ฉันก็ทำได้แค่เรื่องที่ทำได้เท่านั้นแหละ」
MEIเดินมาหาฉันขณะกำลังดูข้อมูลส่วนกลางภายในยาน
ฉันกอดอกคิดแล้วมองหน้าเธออย่างหงุดหงิด แอนดรอยสาวงามสารพัดประโยชน์ที่ทำได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
「เห้อ ต้องมาปวดหัวกับคำสั่งให้ลำดับดวงดาราสองหลักไปรุกรานดาวเพื่อแสดงความภักดี…. 」
คำสั่งที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มากะทันหันให้ลำดับแห่งดวงดาราสองหลักบุกไปโจมตีนักรบของดาวโลก
หากเอาชนะอีกฝ่ายได้ก็จะสามารถเลื่อนลำดับขึ้นไปสูงกว่าเดิมและรับรางวัลพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปกติหาไม่ได้แน่นอน
『เวทีคราวนี้คือดาวโลก จงเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้ในฐานะลำดับแห่งดวงดาราเสีย』
นั่นคือสิ่งที่ท่านผู้นั้นบอกมา แต่ฉันก็ไม่ได้โง่พอจะบอกว่า ได้ค๊าบ เอ้าบุกโลก หรอกนะเออ
ต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แหง
ความคุ้มค่าในการไปยุ่งกับดาวเคราะห์เล็กๆ อย่างดาวโลกคืออะไร?
มีศัตรูที่โหดพอจะรับมือกับพวกสองหลักเหรอ?
แล้วทำไมถึงต้องเป็นพวกเราด้วย?
「จากการตรวจสอบ ไม่พบทรัพยากรที่หายากบนดาวโลก ระดับอารยธรรมก็ต่ำ ไม่สามารถเดินทางในอวกาศได้ หรือมันมีสิ่งมีชีวิตน่าสนใจเหรอ」
「ถ้าแบบนั้นก็น่ายินดีไม่ใช่เหรอคะ ที่สามารถรุกรานได้ง่าย? 」
「ขอดึงบันทึกที่น่าสนใจออกมาให้ดูหน่อย」
「รับคราบค่ะ」
แสงในดวงตาของMEIกะพริบไปมา
จากนั้นไม่กี่วินาทีหลังจากเธอค้นไฟล์ข้อมูลก็ต้องเกิดความสับสน
「แม้จะมีระดับอารยธรรมที่ต่ำต้อย แต่พวกเขาก็สวมชุดสูทของคุณโกลดี้…ดาวโลกช่างน่าแปลก」
「ดาวโลกคือที่ซ่อนตัวของนักวิทยาศาสตร์ปีศาจโกลดี้ จากความฉลาดของเขา เขาคงเลือกดาวเคราะห์ที่มีระดับอารยธรรมที่ต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของคนอื่น…..ส่วนตัวฉันก็หวังว่าอยากจะพบเขาเป็นการส่วนตัวสักครั้ง」
นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างสิ่งประดิษฐ์ระดับสูงที่เสริมพลังให้กับผู้สวมใส่ซึ่งวันหนึ่งได้หายตัวไป
หลังจากเขาหายตัวไป ของก็อปจีนแดงก็ได้โผล่ขึ้นมา ของระดับต่ำที่ถูกปล่อยออกมาให้ใช้กันเป็นจำนวนมาก โดยมีตัวตั้งตัวตีหลักๆ เป็นลำดับที่ 44 นั่นแหละ
ในตอนนั้นฉันยังเป็นแค่จักรกลกระจอกๆ ที่ไม่ติดอันดับสูงๆ กับเขาด้วยซ้ำ แต่ฉันก็รู้สึกเคารพความสามารถของเขาที่ก้าวขึ้นมาเป็นลำดับ 2 หลักได้ด้วยมันสมองอย่างเดียว
「ในฐานะเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ด้วยกันแล้ว อยากจะเปิดอกคุยแบบไม่สนใจมิตรศัตรูชะมัด」
「ไม่ใช่ว่าจะทะเลาะเถียงกันหรอกเหรอคะ」
「ความขัดแย้งและข้อถกเถียงจะนำไปสู่ความเจริญที่ยิ่งกว่า สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่คำเยินยอ สรรเสริญ แต่ต้องการคำวิจารณ์」
……เหมือนจะออกนอกเรื่องไปหน่อยวุ้ย
「แต่ว่าไอ้หมอนี่ เกินไป อันตรายชะมัด」
「อัศวินดำสินะคะ」
อัศวินดำ
วิธีการต่อสู้ที่แสนเรียบง่าย นั่นคือการใช้หมัดต่อยตี
ทว่าเขากลับทรงพลังมากเสียจนใช้วิธีการธรรมดาแบบนั้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
รู้สึกทึ่งแล้วก็สยองในเวลาเดียวกัน เขาจะต้องผ่านอะไรมาบ้างนะกว่าจะมาถึงตรงนี้
「มีสิ่งมีชีวิตน้อยมากในจักรวาลนี้ที่จะมีความเข้ากันได้กับสูทที่โกลดี้สร้างขึ้นเพราะแกนพลังงานของสูทแต่ละตัวจะมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง การจะดึงพลังออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่จึงเป็นไปได้ยาก หากเทียบกับแกนพลังงานของสูทที่ใช้กันปัจจุบัน」
「เหมือนกับฉันสินะคะ? 」
「ก็งั้นแหละ ในแง่ของการมีเจตจำนงแล้วไม่ต่างอะไรกับเธอเลย」
เจตจำนงที่ทำให้มีความนึกคิด รู้ถึงสิ่งที่ตนเองชอบและไม่ชอบ
มันกลายเป็นอาวุธที่แสนน่ากลัวซึ่งจะเลือกผู้ใช้งานและจัดการกับคนที่ไม่คู่ควรเลวร้ายสุดก็คือถึงชีวิต
「อัลฟ่าที่ถูกทำให้เป็นแกนกลาง ผ่านการคัดสรรจากโอเมก้าที่ดุร้าย」
「ก็โหดจริงนั่นแหละ โอเมก้าที่ตกลงสู่ความบ้าคลั่งมากเท่าไหร่คุณค่าของแกนพลังงานจากอัลฟ่าก็จะสูงขึ้น 」
พวกเราใช้สิ่งที่กลายเป็นเพียงความบ้าคลั่งของดวงดาวมาเป็นอาวุธและกักขังพวกมันเอาไว้ตลอดไป
ส่วนตัวฉันก็ไม่มีอะไรเสียนอกจากรู้สึกสงสารการมีอยู่ของมัน
「….เอาเถอะ ในฐานะคนขอองค์กร ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปสงสารพวกมันหรอก…แต่มันหามันอยู่ตรงการใช้งานนี่แหละ」
แม้จะเป็นลำดับแห่งดวงดาราที่สูง ทว่าคนที่สามารถเข้ากับสูทที่โกลดี้สร้างขึ้นได้ก็นับว่าน้อย
คนแรกที่พอจะนึกออกก็คงเป็นท่านวาสซึ่งอยู่ลำดับที่ 1
「ตอนนี้มีแกนพลังงานที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีเจตจำนงเป็นของตัวเองซึ่งอยู่บนโลกมีด้วยกัน 3 คอร์ อันแรกถูกติดตั้งไว้กับสูทของผู้นำทีมจัสติสครูเซเดอร์ เรดอันที่สองโปรโตสูทของอัศวินดำ และ สุดท้ายคือสูทของอัศวินขาว」
「เป็นอย่างที่มาสเตอร์บอกค่ะ แต่ไม่น่าแปลกเหรอคะที่คนคนเดียวสามารถเข้ากันได้กับคอร์ 2 ชิ้น? 」
「นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันอยากจะให้เธอคอยจับตามองให้ดี」
ฉันเคยดูดาต้าการต่อสู้ของเรดมาแล้ว บอกเลยว่าสยองสุดๆ สำหรับวิธีการต่อสู้ของเธอ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับอัศวินดำและอัศวินขาว
「หากให้วิเคราะห์แกนพลังงานหมายเลข 00-1 ถูกโกลดี้ขโมยไป ส่วนแกนพลังงานหมายเลข 00-2 ซึ่งเวลาผู้รับหน้าที่ดูแลดาวโลกเป็นผู้รับผิดชอบได้ใช้มันติดตังใส่ร่างของเขาเพื่อเปลี่ยนให้เป็นหมาก ทว่าเขากลับเข้ากันได้เพราะแกนพลังงานทั้งสองมีต้นกำเนิดมาจากดาวดวงเดียวกันค่ะ」
ภาพยังคงฉายต่อไป
ภาพของการต่อสู้ที่อัศวินดำและอัศวินขาวกับพวกสัตว์ประหลาด
「ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของอัศวินดำเพราะเขาสูญเสียความทรงจำไปแล้ว…ไม่สิตรงนี้ต้องขอขอบคุณจริงๆ เพราะไม่งั้นได้ปวดหัวตายแหง」
สัตว์ประหลาดของดาวโลก….
มันคือสิ่งที่โอเมก้าของโลกสร้างขึ้นมา แถมความสามารถของพวกมันก็แสนจะสุดสยองแม้กระทั่งกับฉัน
「ดาวโลกนี่มันตัวปัญหาของจริงเลยวุ้ย โหดซะจนฉันสงสัยว่าไอ้โง่ที่ดูแลดาวโลกอยู่ทำไมถึงไม่รู้กันฟะ」
「ตามข้อมูลภายใน 『เซิฟเวอร์』ดาวโลกถูกปล่อยให้พัฒนาไปตามมีตามเกิดค่ะ」
「ฉันมองว่าไอ้โง่นั่นคงจะประเมินดาวโลกต่ำไป เพราะมองจากการที่โอเมก้าของโลกถูกมนุษย์โลกจัดการลงได้…ทว่ามันตรงกันข้ามเลยต่างหาก โอเมก้าของโลกนั้นตระหนักดีถึงการมีอยู่ของพวกเราและมันตั้งใจจะสร้างกองกำลังขึ้นมาบนโลกเพื่อป้องกันการรุกรานของพวกเรา」
หรือจะเป็นเพราะความสามารถของอัลฟ่าดาวโลกด้วยนะ? ถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าอัลฟ่าดาวโลกอยู่หรือตายไปแล้วก็เถอะ ทว่ามันก็มีความเป็นไปได้ที่การรับรู้จะถูกบิดเบือนไปเพราะพลังของมัน
「ในขณะเดียวกันมันก็ช่วยพัฒนานักรบของดาวโลกให้มีประสบการณ์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่มีพลังเทียบเท่ากับพวกสองหลักของลำดับดวงดาราอยู่เป็นประจำ จนกลายเป็นปีศาจร้ายที่รับมือกับพวกเราได้อย่างง่ายดาย」
「ราวกับเป็นดวงดาวของพวกชูร่าเลยนะคะ」
「กลายเป็นว่าดาวโลกตอนนี้เต็มไปด้วยตัวปัญหาละสิ จากมุมของพวกเรานี่นับว่าเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่เลยแฮะ」
แต่ในอีกมุมฉันก็รู้สึกขอบคุณที่โอเมก้าของดาวโลกถูกกำจัดไปแล้ว
ฉันละไม่อยากไปรับมือกับพวกสัตว์ประหลาดที่มีความสามารถบ้าบอพวกนี้จริงๆ
อะไรของมันฟะ ทากไฟฟ้านั่น
ศัตรูตามธรรมชาติของฉันเลยไม่ใช่หรือไง
「ตอนนี้ก็เหลือแค่อัศวินขาวสินะที่พอไหว」
หากอัศวินดำยังอยู่ ทันทีที่ฉันไปถึงดาวโลกคงถูกส่งกลับบ้านเก่าแหง
เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะเอาชนะเขา นอกจากนี้ก็มีพวกจัสติสครูเซเดอร์ที่อันตรายพอๆ กันอีก ไม่สิอาจจะอันตรายกว่าด้วยซ้ำ เป็นไปได้ก็ไม่อยากสู้ด้วยเลยวุ้ย
「จากการวิเคราะห์ เขาเติบโตขึ้นในอัตราที่รวดเร็วมากค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ราวกับว่าเขาค่อยๆ กลับกลายเป็นคนเดิมแต่เพิ่มเติมคือพัฒนาสิ่งที่ขาดหายไปจากร่างอัศวินดำเข้าไปด้วย」
「ก็สุดยอดอย่างที่เธอบอก แต่ฉันแน่ใจว่าเธอเองก็มีวิธีเอาชนะสินะ? 」
「ถูกต้องค่ะ หากตั้งเป้าเพียงการเอาชนะให้ได้ ก็สามารถเผาพื้นผิวโลกได้ด้วยอาวุธยุทธวิธีจากระยะไกล แต่ถ้าไม่สามารถกำจัดเขาได้อีก ความโกรธของเขาคงได้พุ่งตรงมาหาพวกเราแน่ค่ะ ตรงจุดนี้ก็แอบน่าขนลุกไม่น้อย」
ตอนนี้ฟอร์มที่น่ากังวลจริงๆ ซึ่งยากจะรับมือมีด้วยกัน 3 ฟอร์ม
อันแรก Another Form ร่างผสานขาวดำ
อันที่รอง Hazard Time ที่พัฒนาขึ้นมาจาก Another Form
และสุดท้าย True Form ร่างสีขาวบริสุทธิ์ที่มีแถบ 3 สีพิเศษ
「บอกได้เลยว่า หากเป็นTrue Form พลังของมันมีมากพอจะงัดกับ 10 ลำดับแรกได้สบายๆ น่ากลัวชะมัด」
「ระดับเดียวกับพี่สาวท่านเหรอคะ? 」
「ขอร้องเลย อย่าพูดถึงสิ่งนั้น เธอไม่รู้หรอกว่ายัยนั่นมีหูตาอยู่ตรงไหน」
ถึงจะเป็นเครื่องจักร แต่ฉันก็รู้สึกว่าหน้าของฉันซีดทันทีที่ได้ยิน
ฉันมีเหงื่อกับเขาด้วยเหรอฟะ? เลิกคิดๆๆ ไปดูข้อมูลต่อดีกว่า
「ในวันที่เวก้า ติดตั้งดัสไดรฟ์เวอร์ให้กับอัศวินขาว เขาได้ใช้มันบุกโจมตีสำนักงานใหญ่ขององค์กรเพียงลำพัง พร้อมกับทำลายยานรบพิเศษของเราทิ้งไปด้วยสิน้า」
「การต่อสู้ของเขาไร้ซึ่งความกลัวจริงๆ ค่ะ」
「แต่หลังจากนั้น เขาคงจะไปเจอกับท่านผู้นั้นสินะ…ถ้าให้ฉันเดา」
「……」
MEIไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ฉันรู้ดีว่าเธอคิดยังไง
แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน
แต่หากหาความเชื่อมโยงต่างๆ มันก็พอจะทำให้เชื่อได้ว่าเป็นแบบนั้น
「หากจะให้ฉันอธิบายความเป็นไปได้นั้นอย่างแรกก็คือเขากลับมาที่โลกได้สำเร็จ」
「ตรงจุดนี้อาจจะเพราะฟังก์ชันวาร์ปของยานก็ได้ ไม่ใช่เหรอคะ? 」
「ก็จริงอยู่ว่าเป็นไปได้ แต่เหตุผลต่อมาก็คือการที่เขาเสียความทรงจำยังไงล่ะ…ก็จริงอยู่ว่าอาจจะเสียไปเพราะผลกระทบจากการต่อสู้ที่เกินตัว」
ไม่ใช่ว่าฉันไม่คิดถึงความเป็นไปได้นั้น
แต่มันมีปัจจัยอื่นที่ช่วยสนับสนุนความคิดฉันน่ะสิ
「จากตรงนี้จะเป็นแค่การเดานะ ในตอนที่เขาแปลงร่าง ทำไมเขาถึงสูญเสียพลังทั้งหมดไปล่ะ แค่ความทรงจำเสื่อมเนี่ยนะ มันแปลกเกินไปหรือเปล่า ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้แต่หากสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นไปโดยเจตนาของใครบางคนล่ะ? 」
「……จะบอกว่าท่านผู้นั้นเป็นคนจัดการเหรอคะ? 」
「อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ฉันคิด」
หากความคิดของฉันถูก การรุกรานโลกคราวนี้ก็คือการลวงหลอก
สุดท้ายแล้ว ท่านผู้นั้นก็อาจจะอยากแค่ปั้นอัศวินขาวให้เติบโตขึ้น โดยใช้พวกลำดับแห่งดวงดาราเป็นหมาก
「คิดดูสิ ลำดับแห่งดวงดาราที่ถูกส่งไปนั้นจะค่อยๆ มีลำดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อพัฒนาความสามารถหรือจุดที่อัศวินดำบกพร่องในอดีต สุดท้ายเขาก็พัฒนาขึ้นจริงๆ จนสามารถสร้างรูหนอนขึ้นมาได้ในร่าง Another Form ได้อีก」
เทคนิคดังกล่าวคือพลังที่ท่านผู้นั้นใช้
「……ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นกันคะ? 」
「อาจจะเพราะท่านผู้นั้นคาดหวังเขาเอาไว้สูงและอยากจะให้เขาพัฒนาตัวเองไปในเส้นทางที่แตกต่างจากอัศวินดำคนเดิม」
หรือบางทีท่านอาจจะแค่ทำเพราะอยากก็ได้
แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอกมั้งที่จะถึงขั้นตกหลุมรักกัน…..ไม่หรอกเนอะ
ฉันเดาไม่ออกเลยว่าเขาได้แสดงอะไรให้ท่านผู้นั้นเห็นตอนอยู่ในพื้นที่แห่งความว่างเปล่า แต่ถ้าสิ่งที่ฉันคิดถูกทั้งหมด ตำแหน่งของฉันตอนนี้ก็เรียกว่าเสี่ยงสุดๆ
「จุดสำคัญตอนนี้ก็คือพวกเราลำดับแห่งดวงดารา ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าหมากเพื่อพัฒนาอัศวินขาวนี่แหละ」
「แค่เอาชนะเขาก็จบแล้วไม่ใช่เหรอคะ? 」
「ไม่หรอก นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องแน่ๆ ไหนจะมีพวกจัสติสครูเซเดอร์คอยปกป้องเขาอีก นอกจากนี้ความโกรธของท่านผู้นั้นอาจจะหันมาหาพวกเราแทนด้วยก็ได้」
โปรโตสูทในยุคของอัศวินดำน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าเหตุผลที่ท่านผู้นั้นลบความทรงจำของเขาไป ความเป็นไปได้มากที่สุดที่ฉันคิดก็คืออยากเปลี่ยนให้เขาเป็นนักรบที่ท่านต้องการและให้เขาเรียนรู้การต่อสู้นอกเหนือจากการต่อยตี
「อย่างแรก ท่านผู้นั้นกำลังจับตามองอัศวินขาวอยู่ สองการเอาชนะเขาสร้างความเสี่ยงให้กับเราเกินไป สามถ้าเราพ่ายแพ้แม้อัศวินขาวจะไว้ชีวิตพวกเรา แต่จัสติสครูเซเดอร์ไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ ….เฮ้อ รู้สึกสมเพชชะมัดที่ตัวเองถูกใช้แล้วทิ้ง」
การกระทำของฉันต่อจากนี้จะเป็นตัวกำหนดชีวิตของฉัน
ถ้าสู้แบบออมแรงก็จะตาย ถ้าสู้แบบจริงจังก็เสี่ยงทำท่านผู้นั้นโกรธ
「ก็เอาสิฟะ มาลองกันสักตั้ง」
「หมายความว่าอย่างไรคะ? 」
「ฉันจะทำให้อัศวินขาวแข็งแกร่งขึ้น เมื่อเขาเติบโตมากพอฉันก็จะยอมแพ้แล้วหนีออกมาแบบสวยๆ ด้วยวิธีนี้น่าจะทำให้ท่านผู้นั้นพอใจและพวกเรารอดทั้งคู่」
เพื่อจะทำแบบนั้นได้ อันดับแรกคงต้องสร้างMEIขึ้นมาเพิ่มเพื่อสร้างกลยุทธ์ให้เห็นว่า ฉันคือคนเดียวที่จะให้อัศวินขาวรับมือ
แล้วก็จะเป็นฉันที่ฝึกฝนอัศวินขาวให้แกร่งขึ้น
「ตอนนี้ ฉันต้องทำการอ่านดาต้าของอัศวินดำเพื่อสร้างการเคลื่อนไหวแบบนั้นให้ได้ก่อน」
ต้องทำให้เสร็จเร็วที่สุด
องค์กรก็ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยสิ
บางคนอาจจะใช้โอกาสนี้ในการท้าทายท่านผู้นั้น บางคนอาจจะแปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งดาวโลก
แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่น่าขนลุกสุดๆ ก็คือ ท่านผู้คน คงจะเพลิดเพลินมากแน่ๆ ไม่ว่าจะออกมาหน้าไหน
「ถึงจะบอกว่าช่วยทำให้นายเติบโตขึ้น! แต่ไอ้แบบนี้ก็ไม่ไหวนะเห้ย!」
การโจมตีของอัศวินขาวที่กลายเป็น Breake Form ซึ่งเกราะบนร่างถูกประดับไว้ด้วยประกายสีทอง พลังหมัดก็สูงกว่าหมัดของฉันที่อ่านดาต้าของอัศวินดำได้ ส่งผลทำให้เป็นฝ่ายฉันเองท่ากลิ้งไปนอนกับพื้น
แน่นอนว่าตอนแลกหมัดกันก็ได้สวนไปอยู่หรอก แต่อีกฝ่ายดันฟื้นตัวได้เร็วสุดๆ จนกลายเป็นฉันที่เสียเปรียบ
「Break Form! งั้นเหรอ มาลองวัดกันหน่อย!」
พลังทำลายล้างสูงกว่า Save Form หลายเท่า
อัศวินขาวสวนหมัดของฉันไปมา
เมื่อเห็นพลังและเจตจำนงอันแรงกล้าของเขาพุ่งมาหาหนักขนาดนี้ ร่างกายที่เป็นเครื่องจักรของฉันก็ชักไม่ไหวแล้วสิ
「ย๊าก!!」
「อึก」
หมัดตรงของฉันคราวนี้ ถูกแขนของเขากันไว้ได้
อัศวินขาวในตอนนี้สามารถเอาชนะพลังของอัศวินดำที่ฉันสร้างขึ้นในเมื่อครู่ได้สำเร็จแล้ว
【POWER ทำการปรับปรุงการประเมินค่าพลัง!】
「คิดว่ายังไหวไหม!? 」
ฉันทำการตอบโต้กับเสียงประมวลผลภายในหัวเพื่อหาคนตอบ
ประมวลผลให้เร็วๆ หน่อยสิฟะ!
【การประเมิน ตอนนี้ไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้】
【ขอแนะนำให้ทำการถอยทัพทันที!!】
「ให้ตายเถอะเป็นAIที่ห่วยชะมัด!!!!」
【เป็นเพราะผู้ดูแลระบบ AI …กำลังวิเคราะห์】
「เออขอโทษก็แล้วกันเฟ้ย!!」
เอาเป็นว่าที่เหลือก็ปล่อยให้ AI จัดการไปละกัน!
เนื่องจาก MEI กำลังต่อสู้กับพวกจัสติสครูเซเดอร์ จะให้มาสนับสนุนฉันแบบเต็มที่ก็คงไม่ไหว
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาการพลังที่เขาเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมากแล้ว ก็เรียกว่าเป็นการอัพเกรดความสามารถพื้นฐานได้เยอะพอสมควร
สาเหตุก็คงจะมาจากการที่เขาไม่สามารถเอาชนะพวก 2 หลักได้จึงพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น
「แต่คนที่นายกำลังต่อสู้ก็คือตัวนายนี่แหละ!!」
เร่งพลังที่ใช้ให้มากขึ้น
ร่างจักรกลของฉันส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ทุกครั้งที่ก้าว กระแสไฟฟ้าจากร่างกายของฉันก็พุ่งออกมา หากเป็นแบบนี้ต่อไปร่างคงได้พังแหง
「ย้ากกก!!」
「โอ้ววว!!」
อัศวินขาวเองก็เหมือนกับฉันที่ใช้พลังเพียงจากร่างทำการต่อยเตะอีกฝ่าย ประกายสีทองปะทุออกมาทุกครั้งที่เราปะทะกัน
เดิมทีการต่อสู้ของฉันจะถูกควบคุมโดยระบบของ MEI ที่ติดตั้งภายในร่างเพื่อทำการเลียนแบบวิเคราะห์วิธีการต่อสู้จากดาต้ามาใช้
ฉันไม่สามารถสู้ด้วยการคำนวณของตัวเองไหวหรอก
แต่ถึงแบบนั้น
「ก็มีแต่ต้องทำเท่านั้นละเว้ย!!」
“กำลังเฝ้ามองอยู่”
เพราะการต่อสู้คราวนี้ท่านผู้นั้นกำลังเฝ้ามองอยู่ผ่านตัวของอัศวินขาว
หากสำเร็จฉันก็จะรอด
「แต่ฉันก็ไม่คิดจะยอมง่ายๆ หรอกนะเฟ้ย!」
「……นายนี่แกร่งชะมัด!!」
「นายต่างหากที่แกร่งกว่า!!」
มาเหน็บแนมกันหรือไงฟะไอ้หมอนี่?
ในขณะที่ฉันกระหน่ำหมัดออกไปไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ เขาก็ประเคนหมัดอัดฉันเช่นเดียวกัน จนทำให้แขนขวาของฉันขาดครึ่งไป
จากนั้นมือของอัศวินขาวก็ปรากฏอาวุธคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวขึ้น
ปลายทั้งสองข้างของมันถูกติดใบมีดสีทองเอาไว้อยู่
「แต่ว่าฉันเองก็จะแพ้ไม่ได้เหมือนกัน!!」
『BREAK ARROW!!』
———ธนู!
ทันทีที่ระบุอาวุธได้ ฉันก็ถอยกลับไปเปลี่ยนแขน
ทว่าอีกฝ่ายก็ทำการดึงสายธนูและปล่อยนิ้ว วินาทีนั้นเองลูกธนูที่สร้างมาจากพลังงานสีขาวก็ตรงมาหาฉัน
「คึก」
ฉันพยายามหลบอย่างสุดตัวจนรอดมาได้ แต่ก็ไม่พ้นว่าเฉียดสีข้างของฉันไป
แรงระเบิดของลูกธนูเพียงเล็กน้อยทำให้ฉันกระเด็นไปไกล แต่ฉันก็พยายามลุกขึ้นและวิ่งไปต่อยเขาด้วยแขนซ้ายที่เหลือ
「โอ้วววว!!」
ร่างกายร้อนจนรู้สึกผิดปกติ
ทั้งที่ยอมแพ้ตรงนี้มันก็น่าจะจบแผนได้สวยแล้วแท้ๆ
แต่ฉันไม่เข้าใจเหตุผลที่ตัวเองฝืนสู้ต่อเลยสักนิด
「พอแค่นี้ดีกว่ามั้ง! นายน่ะ……!」
「พอแค่นี้งั้นเหรอ อย่ามาพูดอะไรไร้สาระนะเฟ้ย!!」
「อะ อื้อ เข้าใจแล้ว!!」
ตัวเครื่องภายในเริ่มขัดข้อง แรงขับเคลื่อนเกิดความผิดปกติ
อีกฝ่ายก็คงรู้สึกตัวเหมือนกัน ก็เลยเกิดความลังเลในการลงมือต่อ ทว่าพอสิ้นเสียงของฉันอีกฝ่ายก็ตัดสินใจได้และยิ่งลูกธนูออกใส่ลำตัวของฉัน
「อะ อึกกกกก……」
「ไม่ร้องขอชีวิตเหรอ……!」
ไอ้หมอนี่อ่อนหัดชะมัด
แม้จะเป็นคนเดียวกับอัศวินดำ…แต่ว่า จากที่เห็นความโหดเหี้ยมของเขาก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนก็กับแค่พวกสัตว์ประหลาด…บางทีตัวตนจริงๆ ของเขาอาจจะเป็นแบบที่ฉันเห็นก็ได้
พวกอ่อนหัด ที่ดูน่าสมเพชเกินเยียวยา…แต่ฉันกลับชอบนิสัยหมอนี่ชะมัด
「อ……ย่……อย่าได้ลังเล จัดการซะ….!」
「……อ้า」
『DEADLY!! TYPE LUPUS!!』
ร่างกายของฉันไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว
เขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาก่อนจะแตะหัวเข็มขัดเพื่อใช้งานท่าพิเศษ
แสงสีทองส่องออกมาจากหัวเข็มขัดและพลังงานมหาศาลก็ไหลไปรวมที่คันธนู
『BREAK! ARROW CHARGE!!』
ลูกธนูถูกยิ่งออกมาด้วยความเร็วสูง
มันกระแทกเข้าไปตรงหน้าอกของฉัน ก่อนจะทำลายชิ้นส่วนต่างๆ ในร่างกายของฉัน ก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้นจนเหลือแค่หัว
แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
ไม่สิ แม้จะฝืนเกินตัวไปนิดหน่อย แต่นอกจากสภาพที่ดูไม่ได้แล้วทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน
「ขออภัยที่ให้รอค่ะ มาสเตอร์」
เสียงอันแผ่วเบาของ MEI ได้เดินมาคว้าหัวของฉันจากด้านข้าง เพราะร่างของฉันมันไม่เหลือแล้ว
ตอนนี้ MEI อีกร่างหนึ่ง ได้ใช้โหมดล่องหนซ่อนตัวเอาไว้อยู่ สภาพของฉันตอนนี้เลยเหมือนหัวที่ลอยได้
「หัวลอยได้!? 」
「ฮ่าๆๆ น่าเสียดายนะอัศวินขาว แต่ตราบใดที่ฉันยังเหลือหัวอยู่ก็เรียกว่าปลอดภัยนะเออ เอาเป็นว่าก็ทำสิ่งที่อยากทำเสร็จไปแล้ว กลับบ้านกันดีกว่า!!!!」
「รับทราบค่ะ」
「ว่าแต่ นี่เธอไม่ถือหัวของฉันให้มันดีๆ หน่อยหรือไงฟะ? 」
มาคว้าหัวอย่างกับเลี้ยงลูกบอล
ในขณะที่ฉันบ่นอยู่นั่นเอง MEI ก็ทำการเปิดถ่ายโอนสสารกลับไปยังยานโดยไม่ตอบโต้อะไร
「ร่างทั้ง 2 ที่ใช้รับมือกับพวกนั้นถูกทำลายหมดแล้วค่ะ」
「…ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ? ผิดจากที่คำนวณไว้ตั้ง 5 นาทีนะ」
「ถ้าฝืนนานกว่านั้น คุณได้ตายแน่ค่ะมาสเตอร์」
จัสติสครูเซเดอร์นี่น่ากลัวชะมัด
ฉันกับMEI ได้ทำการเคลื่อนย้ายกลับไปยังยานที่จอดเอาไว้สำเร็จ
「เห้อ คิดว่าจะตายซะแล้วสิ」
「พอเห็นพูดในสภาพเหลือแต่หัวก็ตลกดีนะคะ」
「ขอรับไว้เป็นคำชมแล้วกัน」
สิ่งมีชีวิตบนดาวโลกนี่มันตัวบ้าอะไรกันฟะ
แต่เอาเถอะ สุดท้ายก็เป็นไปตามแผน
การต่อสู้ของฉันได้จบลงแล้ว จะนับว่าได้รับอิสระแล้วก็คงได้มั้ง
เพราะข้อพิสูจน์คือฉันไม่ถูกท่านผู้นั้นฆ่าหลังกลับมาถึงยาน
「……มาสเตอร์」
「ว่าไง」
「ฉันกำลังได้รับข้อมูลการเคลื่อนย้ายสสาร ตอนนี้พี่สาวของมาสเตอร์ ลำดับที่ 7 ได้อยู่บนยานลำนี้แล้วค่ะ」
……。
……、……。
「ล้อกันเล่นหรือเปล่าฟะ……? 」
หล่อนจะมาที่นี่ทำบ้าอะไร นี่ฉันงานเข้าแล้วสินะ
แถมยังในสภาพที่เหลือแค่หัวอีก
————-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code