อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 42 ลำดับสูงสุด
นี่เป็นการต่อสู้ร่วมกันอย่างเป็นทางการกับเหล่าจัสติสครูเซเดอร์
ทำให้ฉันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!
ทั้งที่นี่เป็นการต่อสู้ร่วมกันครั้งแรกของพวกเรา ฉันควรจะสงสัยในตัวพวกเธอว่าสามารถฝากแผ่นหลังให้ได้ไหม
แต่ไม่รู้ทำไมฉันกลับรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
「อัศวินขาวคุง เร่งให้เร็วกว่านี้ได้ไหม!? 」
「ครับ! ชิโระ ไปกันเลย!」
『LUPUS STRIKER!! ASSAULT RED!!』
กลไกคล้ายกับเครื่องยนต์เจ็ทโผล่ออกมาจากข้างหลังของ Lupus Striker ความเร็วของรถฉันก็เพิ่มขึ้นทันที
เพียงไม่กี่วินาที ความเร็วของรถฉันก็ข้ามผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนใกล้กับความเร็วเสียง สายตาของฉันเริ่มมองเห็นยานของพวกจัสติสครูเซเดอร์―――ตรงหน้าก็มีเสาแสงร่วงลงมาถึง 5 ต้น
「5 เลยเหรอ!? 」
หรือก็คือศัตรูที่เราต้องสู้มีด้วยกัน 5 ตัว
แถมเสายังตกไปใจกลางเมืองอีก แย่สุดๆ!
「ถึงศูนย์บัญชาการ ศัตรูมีด้วยกันทั้งหมด 5 ตัว รีบอพยพผู้คนโดยรอบทันที ตรงจุดนั้นจะกลายเป็นสนามรบแล้ว! อะไรนะ 10 นาทีเหรอ!! ให้เวลาแค่ 5 นาทีพอ เยลโล่ บลู! รีบซื้อเวลาให้คนอพยพกันก่อน!!」
「ได้เล๊ย!」
「รับทราบ」
เรดออกคำสั่งอย่างรวดเร็วให้ทุกคนได้ฟัง
「อัศวินขาวคุง ขอฝากด้วยนะ!」
「ไว้ใจได้เลย!」
『GRAVITY!!』
「ตอนนี้ยังไม่ได้นะ พลังทำลายมันสูงเกินไป!」
แอบรู้สึกตื่นเต้นไม่หายพอยิ่งจะได้สู้
ฉันเลือกไม่ใช้กราวิตี้ไดร์ฟและลงรถเมื่อถึงจุดหมาย
ก่อนจะพบว่ามีสัตว์ประหลาด 4 ตัว ถูกล่ามโซ่ล็อคเอาไว้โดยมีเอเลี่ยนตัวหนึ่งข้างหน้าจูงพวกมันอยู่
「อะ โอ้ รอเดี๋ยว」
「หือ」
มันพูดได้ด้วยเหรอ?!
ไม่สิ คือพวกมันก็พูดกันได้อยู่แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินมันพูดภาษาญี่ปุ่น
ในระหว่างที่รอดูท่าทีฉันก็มองไปยังพวกที่โดนล่ามโซ่ พวกมันทุกตัวยื่นนิ่งราวกับกำลังหลับไหล
ตัวหนึ่งมีรูปร่างเหมือนสิงโต อีกตัวเป็นงูขนาดใหญ่ อีกตัวมีเขาเหมือนปีศาจ
อีกตัวมีปีกติดข้างหลัง….
หมายเลขของพวกมันคือ 188 143 141 132
「แล้ว……」
「มนุษย์ที่เอาชีวิตรอดจากความเสื่อมโทรมของโลกได้งั้นเหรอ 」
เอเลี่ยนจั๊กจั่นหัวเหล็กพูด
ในมือของมันมีโซ่ที่เชื่อมกับสัตว์ประหลาดพวกนั้นเอาไว้อยู่ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้ามันแปลกๆ วุ้ย
「แตกต่างจากโอเมก้าปกติที่หลงลืมตัวเองและกลายเป็นสัตวืร้าย ช่างแปลกจริงๆ 」
「แกเป็นใคร」
「เซกิร่า ลำดับแห่งดวงดาราที่ 100 มาสนุกกับการล่ายามราตรีเถอะ――」
ก่อนที่มันจะพูดจบ หัวของมันก็ถูกตัดทิ้ง
หัวของมันกลิ้งลงไปกับพื้น ส่วนเจ้าของการโจมตีนี้ก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นเรด
「……」
「เรด รายงาน? 」
「ฟันหัวทิ้งไปแล้ว แต่น่าจะยังไม่จบ」
หา?! ฉันอดไม่ได้ที่จะมองไปหาเรด ซึ่งเหวี่ยงดาบยาวกว่าร่างของเธอได้อย่างงายดาย ยังไม่จบงั้นเหรอ
「……เรด!? เมื่อกี้ไอ้หมอนั่นมันกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ทำไมเราไม่รอฟังมันสักหน่อยล่ะ?!」
「อัศวินขาวคุง ศัตรูที่พวกเราเจอในบางครั้งก็มีพลังใช้คำพูดสะกดจิต ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยให้มันได้ทำอะไรนะ」
「!? บะ แบบนี้นี่เอง……」
ตอนแรกฉันก็คิดว่าเธอเป็นประเภทใส่ยับไม่สนฟ้าดิน แต่มันมีสาเหตุนี่เอง
สมกับเป็นจัสติสครูเซเดอร์…..
แนวทางและเหตุผลในการกระทำของพวกเธอเหนือกว่าฉันอย่างสิ้นเชิง!
「เรด มันกำลังขยับ」
「อื้อ……」
เรดตั้งท่าระวังเซกิร่าทันที
ทันใดนั้นหัวที่ควรจะหายไปแล้ว กลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
「ฮ-โฮ่ช่างเป็นหญิงสาวที่น่าทึ่ง! อยู่ดีๆ ก็เข้ามาฟันกันแบบนี้เลยเรอะ?!」
เรดไม่รอช้ารีบเข้าไปฟันหัวมันซ้ำอีกรอบ
วินาทีต่อมาหัวของมันก็งอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
「นี่แกไม่เข้าใจเลยหรือไงว่าที่ทำอยู่มันเปล่าประโยชน์! ฉันเป็นอมตะ———」
「แล้วอะไรทำให้แกคิดว่าพวกฉันต้องฟังสิ่งที่แกพูดด้วยล่ะ? 」
「คึก นี่แก」
「ถ้าคิดจะมาออกล่า ก็คงเตรียมใจจะถูกล่ากลับแล้วสินะ? 」
จากนั้นเรดก็ฟันหัวของมันให้ปลิวไปอีกรอบ
「พวกแกมารุนรานโลก หน้าที่ของพวกฉันก็แค่กำจัดแก」
「คึก!? 」
「เป็นอะไรไปล่ะ? อยากยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ ถ้าเป็นงั้นแกก็ไม่น่าพกไอ้ 4 ตัวที่เหลือติดมือมาด้วยนะ เสียเวลาชะมัด」
「แกนะแก」
เซกิร่าไม่สนใจที่จะพูด แล้วเริ่มเข้ามาโจมตีทันที
มือของมันมีแสงสว่างส่องออกมาอย่างน่าสงสัย ในจังหวะที่ฉันเตรียมจะรับมือ บลูก็ได้ยิงแขนของมันทิ้งไปจนเซกิร่าล้มลงกับพื้น
「สุดยอดชะมัด」
―แกก็ควรจะเอาอย่างนะ
―ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของรูอินซัง
แล้วการโจมตีก็ดำเนินต่อไป
「เดี๋ยวสิฟะ รอกะ――」
「แล้วจะรอเพื่อ」
วินาทีต่อมาหัวของมันก็ปลิวหายไปอีกครั้ง ก่อนจะงอกกลับมาใหม่ คราวนี้เป็นฝีมือของเยลโล่
เมื่อเห็นว่าหัวของมันงอกได้ใหม่เยลโล่ก็รีบโถมการโจมตีต่อเนื่องทันที
การโจมตีของพวกเธอทำให้อีกฝ่ายไม่มีเวลาไปปลดปล่อยสัตว์ประหลาดที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้ด้วย เรดกับบลูเริ่มคุยกันต่อทันทีในระหว่างที่เยลโล่กำลังต่อสู้
「บลู คิดว่าไง? 」
「การโจมตีควรจะสังหารมันได้แล้ว แต่การที่ยังไม่ตายน่าจะเป็นพลังชีวิตของร่างเหลืออยู่」
「เอายังไงดีล่ะ? 」
「ก็แค่ฆ่าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตาย」
「ตามนั้น」
หลังจากได้ยินความเห็นของบลู เรดก็เอามือวางไว้บนคางก่อนหันมาทางฉัน
บอกตามตรงว่าฉันงงไปหมดแล้ว
จะตัดสินใจอะไรกันได้สุดยอดเกินไปไหม จัสติสครูเซเดอร์
「อัศวินขาวคุงคิดว่ายังไงล่ะ? 」
「ถ้าถามว่าสังเกตเห็นอะไรจากตัวมันบ้าง ก็คงจะเป็นมันพยายามใช้มือของมันเข้ามาแตะพวกเรา…..บางทีคงมีเป้าหมายพิเศษบางอย่าง」
「จากที่ฉันคิด มันน่าจะเป็นพลังที่สามารถดูดพลังชีวิตของอีกฝ่ายได้ด้วยการสัมผัส」
เรดเงยหน้าของมองมันก่อนจะพูดต่อ
「ในที่สุดสัตว์ประหลาดที่มีพลังเหมือนกับพวกบนโลก พลังที่ไร้เหตุผล ชวนให้รู้สึกอยากอ้วกจนไม่อยากเจออีกก็โผล่มาแล้วสินะ」
「เรด ไหวหรือเปล่า? 」
「อื้อ ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง กับตัวแบบนี้เคยเจอมาเยอะแล้ว」
ก็แปลว่าฉันจะได้เป็นฝ่ายจัดการกับอีกตัวสินะ
เริ่มชักรู้สึกว่าฉันเป็นนักเรียนที่มาศึกษางานจากเหล่าอาจารย์เลยวุ้ย
「โฮกกกกก!!」
เสียงคำรามดังขึ้น
เยลโล่ได้ถอยกลับมาหาพวกฉัน ก่อนที่ฉันจะมองไปยังเซกิร่าที่สามารถปลดปล่อยพวกสัตว์ประหลาดทั้ง 4 ตัวได้สักที
「ไม่ต้องเลือกวิธีการมันแล้วว้อย!」
เซกิร่าสกัดการโจมตีของเรดโดยใช้สัตว์ประหลาดข้างๆ เป็นโล่กำบัง ก่อนจะจับพวกมันทั้งหมดมาหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน
「ด้วยการผสมสัตว์ประหลาดทั้ง 4 ตัวเข้าด้วยกัน พวกมันจะแข็งแกร่งและดุร้ายยิ่งขึ้น」
สัตว์ประหลาดทั้ง 4 ตัวดิ้นไปมาอย่างทรมานขณะถูกดึงไปร่วมร่าง
「เลวร้ายชะมัด……」
「บังคับให้รวมร่างสินะ……」
สัตว์ประหลาด 4 ตัวนั้นเป็นศัตรูของพวกเราแน่นอน
เจตจำนงของพวกมันได้ถูกแทนด้วยความบ้าคลั่ง
บางทีมันอาจจะไม่อยากต่อสู้กับพวกเราแต่แรกด้วยซ้ำ
พวกมันอาจจะถูกรุกรานบ้านเกิดและถูกจับตัวมา เหมือนกับที่พวกเรากำลังโดน
สุดท้ายจุดจบของผู้แพ้จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่านะ…
『ฮ๊าาาาาา!!』
เสียงที่คล้ายกับเสียงกรีดร้องมากกว่าคำรามดังขึ้น
หัวเป็นสิงโต เขาเป็นแพะ มีปีกขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง และมีหางเป็นงู
ต้องเรียกว่าคิเมร่าได้ไหมน้อ
เรดกับคนอื่นๆ เริ่มเตรียมรับมือกับศัตรูที่ขยายขนาดตัวใหญ่กว่าเดิมถึง 4 เท่าทันที
「อัศวินขาวคุง! เดี๋ยวฉันจะจัดการกับมันเอง!」
「……อ่ะ เดี๋ยวฉันรับมือกับตัวข้างล่างเอง」
「อัศวิน……ดำ……อึก ไม่สิ ฝากด้วยนะ!!」
ยานของพวกเธอได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งก่อนที่พวกเธอจะเข้าไปข้างใน
「ถ้าเป็นสายพลังละก็ฉันเองเด้ ฟอร์เมชั่น 3」
「OK!」
「รับทราบ」
「「「ยูเนี่ยน!!」」」
ยานของเรดได้เข้าไปประกอบตรงบริเวณส่วนขา เหมือนโรลเลอร์สเก็ต ยานของบลูได้กลายเป็นแขนทั้งสองข้าง โดยมียานของเยลโล่เป็นจุดศูนย์กลาง
「ลุยกันเลย!!」
หุ่นยักษ์ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดด้วยดาบสีแดงในมือ
ส่วนเรดกับบลูที่แยกตัวออกมาจากยานก็คอยยิงสนับสนุนเยลโล่
ตอนนี้ต้องหาทางรับมือกับอีกฝ่ายก่อน
ลำดับของมันคือ 100 แปลว่าต้องแข็งแกร่งกว่าที่เคยเจอมาแท้ๆ
แต่มันก็ยังถูกจัสติสครูเซเดอร์กระทืบซะยับในตอนก่อนหน้านี้
「ได้เวลาลุย!」
『CHANGE!! SWORD RED!!』
『FLARE CALIBER!!』
ฉันจับดาบแล้วพุ่งออกไปฟันเซกิร่า
ดาบได้ฟันเข้าที่ไหล่ของมันพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชน สีหน้าของมันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจและเปิดใช้งานท่าพิเศษทันที
「คึก นี่แกก็เอากับเขาด้วยเหรอ……!」
「ย้ากกก!!」
『BURNING!! SLASH!!』
พลังของเข็มขัดถูกปลดปล่อยออกมาก่อนที่ฉันจะฟันผ่าร่างของเซกิร่าทิ้งไปพร้อมกับเปลวเพลิง
เปลวไฟกำลังค่อยๆ เผาบาดแผลที่โดนฟัน
ทว่าสีหน้าแห่งความเจ็บปวดของมันกลับเปลี่ยนไปเป็นรอยย้มและกระแทกหมัดมาที่ร่างของฉัน
「อึก」
「สุดท้ายก็ต้องแสดงร่างจริงสินะ……! ทั้งที่ตั้งใจจะรอดูอีกสักหน่อย……!!」
「อะไรกัน……!? 」
ร่างของมันได้เปลี่ยนไปจากร่างที่ผอมบางถูกเคลือบเอาไว้ด้วยโลหะบางอย่าง
เกราะสีเงินที่สร้างความโดดเด่นให้กับมันก่อตัวขึ้น ก่อนที่จะมีหนวดปริศนาและมือของตั๊กแตนยื่นมาจากด้านหลังและแขนของมัน
แอบรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นการผสมกับของสัตว์หลากชนิด
「หากฉันใช้ร่างนี้ ถึงจะเป็นยัยพวกนั้นก็ไม่คณามือหรอก」
「……ก็แล้วทำไมไม่ใช้มันแต่แรกล่ะ เกือบจะแพ้ละไม่ใช่หรือไง」
「……」
「……」
「……ตายซะ!!」
เซกิร่าโดดเข้ามาหาฉัน
ความเร็วของมันไม่ใช่เล่นๆ เลย แม้ฉันจะสกัดเอาไว้ด้วยดาบได้ แต่แรงกระแทกก็ทำให้แขนชาไปหมด
「อึก」
『CHANGE!! AXE YELLOW!!』
เมื่อเปิดใช้งานร่างของฉันก็เปลี่ยนไปเป็นโหมดใช้พลังและความเร็ว
ฉันเคลื่อนตัวไปพร้อมกับสายฟ้า จนไปอยู่ข้างหลังของมันและตั้งใจจะเตะอัด
「ก็เร็วใช้ได้นี่」
「!」
ทว่าขาของฉันก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่มันจะหันมามองเสียอีก
ฉันมองดูมันด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเห็นดวงตาคล้ายกับแมลงอยู่เต็มหลังหัวของมัน ซึ่งน่าขนลุกกว่าที่เห็นข้างหน้าซะอีก
「ไม่รู้สึกแหยงบ้างเหรอฟะ!? 」
「เรียกว่าวิวัฒนาการต่างหาก แกที่ไม่เข้าใจถึงสิ่งนั้น ก็เลยเป็นไปเพียงมนุษย์ยังไงล่ะ」
「อึก!? 」
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกดูดพลังไปจากขาขวา
นี่มันมีพลังในการดูดพลังงานจากอีกฝ่ายจริงสินะ?!
『CHANGEDOWN……SAVE FORM』
「บ้าน่าถูกบังคับให้เปลี่ยนกลับเหรอ……!? 」
ปริมาณพลังงานที่มันดูดไปจากสูทของฉันมากเสียจนฉันถูกบังคับให้เปลี่ยนร่างกลับเป็นปกติ
หากปล่อยเอาไว้แบบนี้แม้แต่การแปลงร่างคงไม่เหลือแน่ ฉันจึงทำการใช้มีดปาใส่อีกฝ่ายให้ขาหลุดออกมาได้
「แกนี่ประมาทน่าดู แต่พลังงานที่ได้มาก็นับว่าคุณภาพสูง」
「……อย่าบอกนะว่าร่างของแกก็เป็นการดึงพลังจากสิ่งมีชีวิตอื่นมาด้วย? 」
ไม่รู้เพราะอะไรแต่ท่าทางของมันเริ่มเหมือนคนและพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกางแขนออก
「หึหึหึ พลังของฉันจะเพิ่มขึ้นตามคุณภาพของพลังงานที่ดูดมาได้ยังไงล่ะ」
「ด้วยการฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่น? 」
「ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วเซ่ ยิ่งแกร่งมากแค่ไหน ฉันก็ยิ่งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น ความสามารถในการเติบโตอย่างไม่มีสิ้นสุด ว่าแต่ทำไมฉันต้องมาอธิบายให้คนโง่เง่าอย่างแกเข้าใจด้วยนะ」
เป็นความสามารถที่โกงชะมัด
พอพิจารณาจากความเร็วในการดูดพลังของมันแล้ว แค่ 10 วินาทีศัตรูของมันคงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกแหง
การที่เหล่าจัสติสครูเซเดอร์สามารถเอาชนะพวกมันได้โดยไม่โดยแตะตัวเลยนี่สุดยอดชะมัด แต่มันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันอ่อนขนาดไหน
「แม้จะดูดซับเอาพลังงานจากชีวิตเป็นล้านๆ ตัว แต่ถ้ามันไม่ใช่ของคุณภาพมันก็ไม่สามารถทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นมาได้ น่ารำคาญจริงๆ ต้องเรียกว่าขยะแหละมั้ง ให้ตายเถอะ」
「……」
ฉันนิ่งเงียบไป ก่อนที่กราวิตี้ไดร์ฟในมือซ้ายจะปรากฏขึ้น
「ถึงจะดึงพลังมาจากคนอื่นเพื่อพัฒนาตัวเองจะแย่ แต่การเรียกชีวิตที่แสนมีค่าของคนอื่นว่าขยะน่ะ มันสวะยิ่งกว่าอะไรซะอีก!」
『GRAVITY!!』
ฉันเสียบกราวิตี้ไดร์ฟเข้าไปที่เข็มขัดและเริ่มเปลี่ยนร่าง ควันสีดำปรากฏรอบตัวของฉันทันที
『ANOTHER FORM!! COMPLETE……』
ชุดเกราะสีขาวดำได้ปรากฏขึ้น ฉันใช้ขาของตัวเองที่อัพเกรดจากฟอร์มใหม่เตะมันทันที
「ชิ อะไรกัน!? 」
ฉันดึงมีดที่ปาไปก่อนหน้านี้ซึ่งติดอยู่บนไหล่ของมันมาฟันมันต่อทันที
หากเป็นฟอร์มนี้ละก็ไหวแน่
「อย่ามาล้อกันเล่นนะเห้ย……!」
「……」
『GRAVITY BUSTER!!』
ก่อนที่มันจะได้เข้าใกล้Gravity Busterก็ปรากฏขึ้นในมืออีกข้าง ฉันใช้มันยิงกระสุนพลังงานใส่อีกฝ่ายทันที
ตัดหนวดของมันด้วยมีดเพื่อไม่ให้ถูกสัมผัส และหยุดการเคลื่อนไหวของมัน
แม้มันจะงอกออกมาใหม่ได้เรื่อยๆ แต่มันก็ต้องกินพลังงานที่ใช้แน่ๆ ดังนั้นก็มีแต่ต้องโหมโจมตีเข้าไปเรื่อยๆ
「ย้าก!」
หลังจากใช้ปืนยิงไปที่หน้าท้องของมันและแทงมีดไปตรงไหล่ของมันอีกรอบ ฉันก็เปลี่ยนโหมดGravity Busterเป็นโหมดประชิด
ไม่ต้องรีบใช้ท่าพิเศษ
แค่จัดการมันจนกว่าพลังของมันจะหมดก็พอ
「ถึงแกจะเป็นอมตะ แต่พลังงานของแกก็มีขีดจำกัดใช่ไหมล่ะ ดังนั้นก็แค่อัดแกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตาย」
「ดะ เดี๋ยวก่อนสิ!」
มันพูดเหมือนตอนเจอกับเรด ฉันไม่สนใจและเหวี่ยงGravity Busterใส่มันทันที
「หยุดนะ」
「คึก! อะไรฟะ? 」
ก่อนที่การโจมตีจะโดนเซกิร่า ใบหน้าของเด็กชายชายมีเขาคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่อกของมัน
ท่าทางของเขาเหมือนกำลังดิ้นรถด้วยความเจ็บปวด แล้วขอความช่วยเหลือจากฉัน
「ช่วยด้วย」
「เจ็บปวดเหลือเกิน」
「ช่วยฆ่าฉันที」
ใบหน้าของเด็กต่างดาวค่อยๆ ผุดขึ้นมาทีละคน
แรงเหวี่ยงในมือของฉันหายไป
ไอ้สารเลวนี่นอกจากจะดูดพลังงานมาแล้ว ยังดึงอีกฝ่ายมาหลอมรวมด้วยเหรอ
「หึ!! ไอ้เจ้าโง่เอ้ย!!」
「คุ!? 」
จังหวะที่ฉันกำลังลังเล เซกิร่าก็ยืนขึ้นและคว้าคอขอฉันด้วยแขนมันเอาไว้
ชิบ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว ร่างของฉันค่อยๆ โดนดูดพลังงานไปเรื่อยๆ
「อะ อึก……!」
「ึคนที่โดนฉันดูดพลังออกไปแล้วก็มีแต่ตายละเว้ย! ไม่อยากจะเชื่อว่าแกถูกหลอกด้วยกลโง่ๆ แบบนี้ได้!!」
「……คึก! ไอ้สารเลวแม้แต่เด็กแกก็!!」
「หา?! แล้วมันแปลกตรงไหน จะเด็ก ผู้หญิง คนแก่ มันก็มีพลังงานในตัวหรือเปล่า แค่นั้นก็เรียกว่าเป็นแหล่งอาหารได้แล้วเว้ย!!」
ชุดเกราะฟากสีขาวค่อยๆ เลือนหายไป ร่างกายของฉันเริ่มถูกถมด้วยสีดำสนิท มาจนถึงคอ แล้วมันก็ส่งเสียงยินดีออกมา
「ฮ่าๆๆ นี่มันพลังงานบ้าอะไรกัน?! น่าทึ่งชะมัด คุณภาพสูงเสียจนฉันยังตกใจ ไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย เอาล่ะขอดูดมันให้หมดเลยละกัน!!」
「……โถ่ เว้ย」
แม้การแปลงร่างจะยังไม่ถูกปลด
แต่ก็ไม่มีแววจะหลุดจากมันได้เลย
ทว่าสิ่งที่เพิ่มพูนอยู่ภายในใจของฉันกลับไม่ใช่ความสิ้นหวังแต่เป็นอารมณ์บางอย่าง
「เดี๋ยวนะ ชักจะแปลกๆ แล้วสิ ทำไมมีแต่พลังงานด้านสีขาวที่ถูกดูดไปล่ะ ทำไมส่วนสีดำมัน….」
「ฮ๊าาาาาา!!」
แรงกระตุ้นที่แสนบ้าคลั่งถูกปลุกขึ้นจากร่างของฉันจนทำให้ฉันหลุดมาจากมือของมันได้ ก่อนที่ควันสีดำจะปกคลุมร่างเอาไว้
ฉันรู้สึกเหมือนความเกลียดชังถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงอยู่ภายในใจ
「นั่นมัน บ้าอะไรกัน……!」
จิตสำนึกของฉันเริ่มค่อยๆ ถูกเงาดำนั้นครอบงำ แต่ฉันก็พยายามดึงสติเอาไว้ให้ได้มากเท่าที่จะไหว
―ไม่เป็นไรหรอก
―ถ้าเป็นแกละก็ ไหวแน่
เสียงของรูอินซัง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ฉันก็ดึงสติตัวเองให้เข้าไปต่อสู้กับความรู้สึกภายในใจ
「อย่าบอกนะว่าพลังงานสีขาวกับดำมันกำลังต้านกันเองอยู่?!」
มือขวาของฉันพยายามเอื้อมไปแตะหัวเข็มขัดเอง แต่ฉันก็ฝืนมันเอาไว้
……อย่ามาล้อกันเล่นนะเว้ย……!!
ใครจะไปยอมให้ถูกพลังบ้านี่ครอบงำกัน……!!
ฉันจะต้องเผชิญหน้ากับมัน ด้วยพลังและความกล้าทั้งหมดที่มี ก่อนจะกำหมัดในมือไว้แน่น
「โถ่เว้ย!!」
『AMAZING!!』
ฉันชกตัวเองเข้าไปที่อกราวกับปัดเป่าอารมณ์ทั้งหมดให้กระจุยออกไป สติของฉันกลับมาเป็นปกติ
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากหัวเข็มขัดราวกับแสดงความยินดี
『COMPLETE! TIME! HAZARD!!』
ชุดเกราะฟากสีขาวได้หายไปจนหมด เหลือแต่เพียงเกราะสีดำ ฉันถอนหายใจแล้วจ้องมองไปยังเซกิร่าตรงหน้า
แต่ฉันก็ตระหนักได้เหมือนกันว่าร่างนี้คงอยู่ได้ไม่นาน
『COUNT START!!』
『10!!』
ทันทีที่การนับถอยหลังเริ่ม ฉันก็เทเลพอร์ตไปตรงหน้าของมันและซัดหมัดเข้าที่หน้า
หลังร่างของมันกระเด็นไป ฉันก็พุ่งตามไปเตะต่อ
『9!!』
แม้จะไม่เข้าใจถึงความเป็นมาของพลัง
แต่ฉันก็รู้ว่าความมืดมิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่าย
「ทำไม แกถึงมีพลังเหมือนท่านผู้นั้นได้?!」
『8!!』
เซกิร่าได้เปลี่ยนแขนของมันให้กลายเป็นปืนพลังงานก่อนจะสาดกระสุนจำนวนมากออกมา แต่รูหนอนรอบตัวของฉันก็กลืนมันเข้าไป
『7!!』
วินาทีถัดมา รูหนอนก็ได้ปรากฏขึ้นรอบตัวของเซกิร่าและกระสุนพลังงานที่มันยิงออกไปก็โผล่มาจากรูพวกนั้นแล้วโจมตีร่างของมัน
ประกายไฟก่อตัวขึ้นรอบร่างของมันจนกลิ้งไปมา มันจึงพยายามลุกขึ้นและหันหลังหนีให้กับฉัน
「ทะ ทำไม การโจมตีของฉันถึงได้กลับมากัน!? 」
『6!! ……5!!』
「ใครจะไปสู้กับสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้กันวะ!!」
『4!!』
ฉันมองไปยังร่างของมันที่กำลังวิ่งหนี และหันฝ่ามือไปทางนั้น
รูหนอนปรากฏขึ้นตรงหน้ามัน ก่อนจะกลืนมันเข้าไปข้างใน และมันก็โผล่มาตรงหน้าของฉันแทน
『3!!』
「อะ อะไรกั๊น!? 」
『2!!』
「ฉันจะ ไม่ปล่อย ให้แก หนีไปได้หรอกโว้ย」
『DEADLY!! HAZARD! TIME OVER』
ฉันปล่อยหมัดที่ปกคลุมด้วยควันสีดำออกไปอย่างไม่ลังเล
『1!!!』
「โอ้ววววว!!」
『10 COUNT!!』
『KNUCKLE! FEVER!!』
เซกิร่าถูกซัดจนปลิวออกไปโดยไม่สามารถส่งเสียงกรีดร้องใดๆ ได้อีก
จากนั้นร่างของมันก็ถูกวัตถุสีดำตรึงเอาไว้ในสภาพยับเยิน
「บะ บ้าอะไรกัน?! ทำไมร่างกายของฉันมันถึงไม่ฟื้นฟูล่ะ…..」
「แฮก แฮก……」
『CHANGE SAVE MODE』
พลังงานที่ถูกใช้ไปมันทำให้ฉันต้องกลับไปเป็นโหมดปกติ
แค่การเปลี่ยนร่างครั้งเดียวมันทำให้ฉันไม่เหลือแรงจะเปลี่ยนเป็นฟอร์มอื่นได้อีกแล้ว
ฉันจ้องมองศัตรูที่กำลังติดอยู่ในพลังของแรงโน้มถ่วง
「ลาขาดละเว้ย……! ไอ้สารเลว……!!」
『DEADLY!! TYPE LUPUS!!』
แม้แขนจะสั่นไปหมด แต่ฉันก็พยายามใช้มือกดตรงหัวเข็มขัด 3 ครั้งเพื่อใช้ท่าพิเศษของร่างปกติ
เซกิร่าที่เห็นการกระทำของฉันก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง
「เดี๋ยว หยุดก่อน! ร่างของฉันจะพังหมดแล้ว! ไม่นะ ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังไปได้สูงกว่า――」
「มาถึงตอนนี้จะร้องขอชีวิตงั้นเหรอ แล้วชีวิตที่แกชิงมาละ แกเคยปราณีมันด้วยเหรอวะ!!」
ฉันกระโดดขึ้นไปและเตะร่างของเซกิร่าอย่างสุดแรง
ลูกเตะของฉันกระแทกเข้าที่กลางลำตัวของมันจังๆ
「แกไม่มีสิทธิ์นั้นเว้ย!!」
『BITING! CRASH!!』
「ม่ายยยยยยยยย!? 」
ร่างของมันเกิดการระเบิดขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายของมัน
ฉันร่อนลงถึงพื้นในสภาพที่ต้องคุกเข่า
「แฮก แฮก…แฮก…」
ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากจริงๆ
ทั้งที่พลังก็มีมากมาย แต่กลับใช้วิธีการขี้ขลาดเข้าสู้ ให้ตายสิ….
「เรดกับคนอื่นๆ ……」
『โอ้ว! ถ้าเป็นพวกเราละก็สบายมาก!』
ก่อนที่จะรู้สึกตัว หุ่นยักษ์สีเหลืองก็ได้ใช้ดาบพลังงานผ่าลำตัวของสัตว์ประหลาดทิ้งไปเสียแล้ว
ทางบลูเอาก็ยิงกระสุนพลังงานจำนวนมากออกมาจากยานของเธอ จนทำให้สัตว์ประหลาดเสียการทรงตัว เรดไม่รอช้ากระโดดลงจากยานและใช้ดาบยาวของเธอเหวี่ยงไปยังคอของสัตว์ประหลาดจนขาดออกจากตัว
「หะ โหว……」
น่าทึ่งชะมัด
แม้จะเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่รวมร่างกัน 4 ตัว เรดก็ยังสามารถตัดหัวของมันทิ้งได้โดยไม่ใช้หุ่น
หนทางของฉันยังอีกยาวไกลสินะ
「เฮ้อ……」
「โฮ่ๆๆ น่าประทับใจจริงๆ!」
「คึ!!!? 」
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังฉัน
ตัวตนที่ฉันไม่อาจสัมผัสได้ก่อนที่มันจะพูดขึ้น ฉันไม่รอช้ารีบหยิบมีดฟันไปข้างหลังทันที
ทว่าก่อนที่การโจมตีจะส่งออกไป ฉันก็ถูกมือข้างหนึ่งจับแขนเอาไว้เสียก่อน
「ฟังที่ทางนี้พูดออกหรือเปล่า ไม่ไหวๆ ไม่ได้พูดภาษาของโลกมานานแล้วด้วยสิ」
「นายเป็นใครกัน」
「หื้ม แบบนี้นี่เอง นิสัยดูใช้ได้เลยนี่นา ถึงจะไม่รู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนั้นก็เถอะ」
……หา?
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันตอนนี้สวมเกราะหนักคล้ายกับชุดเกราะของซามูไร ทั้งตัวของเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเกราะสีขาว บริเวณหลังและเอวก็มีดาบจักรกลถูกติดเอาไว้อยู่
ชุดที่เขาใส่จะคล้ายกับชุดของพวกจัสติสครูเซเดอร์ในบางจุด แปลว่าคนคนนี้คือผู้รุกรานเหมือนกันสินะ?
「……ฮ่าๆๆ ไม่ต้องระวังถึงขนาดนั้น ทางนี้ไม่คิดจะสู้ด้วยหรอก」
「หมายความว่ายังไงกัน? 」
แม้จะอยู่ในสภาพที่เหนื่อยสุดๆ แต่ฉันก็จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มให้ฉันและปล่อยมือออกจากฉัน
บรรยากาศและการเคลื่อนไหวของเขาบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา
「การต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั่น น่าประทับใจมาก เอาละยื่นมือมาสิ」
เขาเอาบางอย่างยื่นมาให้ฉัน
มันเป็นเหมือนถุงที่มีขนมอยู่ข้างใน
ทำไมเอเลี่ยนถึงเอาขนมมาให้ฉันล่ะ?
「อ่ะ เอ่อ ขอบคุณครับ? 」
「อื้มๆ มารยาทก็ดีไม่น้อย ไม่ต้องห่วง รสชาติของมันน่าจะถูกปากมนุษย์โลก」
「อะ เอ๋? 」
จากนั้นเอาก็เอามือวางไว้บนหน้ากากของฉัน
หัวของฉันสั่นอย่างรุนแรงจนอดไม่ได้ที่จะสับสนกับการกระทำ
เขาเป็นใครกันแน่นะ
แม้ว่าจะแสดงบรรยากาศเป็นกันเองออกมา แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเขาอันตรายกว่าเซกิร่าหลายเท่า
「ก็ว่าอยู่ทำไมท่านหญิงถึงได้สนใจเจ้ากัน อย่าบอกนะว่าตอนนี้นางก็แอบจับตาดูอยู่」
「พูดอะไร……」
「ไม่ไหวๆ นิสัยที่เป็นตั้งแต่เด็กนี่มันแก้ไม่หายสินะ? 」
―ให้ตายเถอะ (จะมารับบทเป็นอาจารย์สอนอีกหรือไง)
― (อย่ามารวบกวนการเฝ้ามองของฉัน ไสหัวไป)
「ฮ่าๆๆ!! ออกจะหยาบคายเกินไปนะครับ!」
เขาหัวเราะออกมา โดยที่ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด
หลังกำจัดสัตว์ประหลาดยักษ์ได้เรดกับคนอื่นก็วิ่งมาหาฉัน
「ย้า!」
เรดเหวี่ยงดาบของเธอใส่อีกฝ่ายทันที
ทว่าการโจมตีของเธอก็ถูกหยุดอย่างง่ายดาย ด้วยการเหวี่ยงมือเบาๆ ของชายในชุดเกราะนั่น
「แม้จะยังมีจุดให้แก้ไข แต่ก็เป็นการฟันที่ดี」
「……เยลโล่! บลู! หมอนี่แข็งแกร่งมาก พวกก่อนหน้านี้เทียบไม่ติดเลย!」
「ประสาทสัมผัสเองเฉียบคม ดูเหมือนว่าจะเจอเพชรชั้นยอดเข้าให้แล้วสินะ โกลดี้」
เขาแสดงท่าทีมีความสุขออกมาขณะที่พวกเรดกำลังเตรียมโจมตีเขา
ไม่ได้มีเจตนาร้ายแผ่ออกมาเลย
แต่นั่นมันก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงน่ากลัว
ความรู้สึกที่แตกต่างจากคู่ต่อสู้ในอดีต แค่การมีอยู่ของเขาก็ทำให้ฉันเสียวสันหลังแล้ว มองไม่ออกเลยว่าพลังของเขาอยู่ตรงจุดไหนกันแน่
「จงพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเจ้าให้ได้มากกว่านี้ เหล่าผู้พิทักษ์แห่งโลก ดวงดาวที่ยังไม่ส่องประกาย」
「หะ หือ? 」
ฉันมองไปยังใบหน้าของเขา
ดวงตาที่ส่องประกายราวกับแสงแห่งดวงดาวซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนั้นกำลังจ้องมองมาที่พวกเราไม่ผิดแน่
เขามองมาที่ฉันก่อนจะดึงดาบกลออกมาจากฝักและหัวเราะอย่างมีความสุข
「ขอประกาศในนามของข้าอย่างเคารพและเกลียดชังต่อพวกเจ้า เหล่าผู้พิทักษ์ของโลกเอ๋ย พวกเจ้าคือศัตรูที่คู่ควร」
คมดาบที่ออกมาจากฝักนั้นมีลวดลายแบบดั้งเดิมและสวยงามเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกอันเงียบสงบจนชวนให้ขนลุกก่อตัวขึ้น ทันทีที่เขาจับดาบ
「นามของข้าคือ วาส ผู้อยู่ลำดับที่ 1 แห่งลำดับดวงดารา」
หา ลำดับที่ 1 อย่างงั้นเหรอ!?
ก็หมายความว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกมันทั้งหมด
อีกฝ่ายหัวเราะออกมาหลังแนะนำตัวเสร็จ
「แย่จริง การแนะนำตัวเช่นนี้คงจะหนักหนาเกินไปสำหรับคนแก่เช่นข้าแล้วสินะ」
วินาทีต่อมา แขนของวาสที่ถือดาบอยู่ก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเกิดร่องรอยมิติบาางอย่างขึ้นข้างหลังของเขา ภาพที่อยู่ข้างในนั้นคือพื้นที่ที่ต่างไปจากโลก
ฉันสัมผัสได้ถึงดวงตานับไม่ถ้วนจากอีกฟากซึ่งกำลังจับจ้องฉันอยู่
บรรยากาศที่พวกมันแผ่ออกมาทำให้รู้ได้เลยว่าพวกมันคือศัตรูที่ฉันต้องสู้ในอนาคต และมันไม่ง่ายเลยสักนิด
「จงลุกขึ้นต่อต้าน เอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง พลังคือความยุติธรรมในหมู่เรา หากต้องการใช้เหตุผลหยุดยั้งพวกข้า ก็จงมีพลังเพียงพอจะยืนอยู่เหนือทุกคน รวมถึงข้าด้วย」
「ดะ เดี๋ยวสิ!」
「นั่นเป็นวิธีเดียวที่เจ้าจะสามารถแสดงความยุติธรรมที่เจ้ามีออกมาได้…แล้วข้าจะตั้งตารอ」
เขาได้ก้าวเข้าไปในรอยแยกนั้น โดยทิ้งคำพูดเอาไว้
แล้วภาพของศัตรูที่อยู่อีกฟากก็ค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับรอยแยกของมิติที่ปิดลง เหลือเพียงร่อยรอยการต่อสู้ก่อนหน้านี้ของพวกเรา
————-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code