อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 162 และผู้มาเยือนคนใหม่
ฮารุ ฮินาตะ เป็นแค่เด็กม.4 เองนี่หว่า?
นาโอะ?! คุสะ
เปิดเผยซื่อๆ เลยวุ้ย
5555 เอาเรื่องว่ะ
นาโอะ :ในฐานะนาโอะ อาโอฮานะ ฉันเองก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไม่ต่างอะไรกับอัศวินดำซังและพี่สาว
นาโอะ :แต่ว่าฉันก็ไม่คิดจะเลิกไลฟ์เพียงเพราะตัวจริงของฉันถูกเผยหรอก
นาโอะ :แน่นอนก็ไม่คิดจะไปต่อว่าพวกนายหรอกในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว
นาโอะ :ถ้าหากมีปัญหาอะไรก็ไปบ่นกับประธานเอาเองละกัน
คนบ้าที่ไหนจะไปทะเลาะกับประธานบริษัทใหญ่ฟะ
นาโอะ : ประธานได้คุยเรื่องนี้กับฉันมาสักพักแล้วว่ามันอาจจะเกิดขึ้นดังนั้นฉันจึงไม่ได้กังวลอะไรนัก
เหมือนนางจะโกรธสัตว์ประหลาดสุดๆ เลยวุ้ย เรื่องพี่สาวล่ะหายไปไหนซะล่ะ
ว่าแต่คิดยังไงเกี่ยวกับการออกเดทของบลูกับอัศวินดำคุงเหรอ?
นาโอะ : คิดยังไงเกี่ยวกับการเดทของพี่สาวกับอัศวินดำซังเหรอ?
มาละเหวยยยย
มาละหวาาาา
นาโอะ : ………..
5555 เอาละว่ะ
เงียบไปแล้ว
บรรยากาศชักไม่ค่อยจะดีแล้วพี่ชาย
นาโอะ : ฉันไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้
อ้าว ดริฟซะงั้นเห้ย
ปกติมันต้องโวยวายไม่ใช่เหรอฟะ 5555
โดนบลูปิดปากหรือเปล่าหว่า 5555
นาโอะ : สิ่งที่ฉันโกรธจริงๆ ก็คือการที่เรดซังกับเยลโล่ซังมาอวดรูปเซลฟี่กับอัศวินดำซังต่างหาก
ถึงตัวจริงจะโดนเปิดเผย แต่ก็ยังเอาจัดเลยวุ้ย ว่าแต่ได้เซลฟี่กันด้วยเหรอ
บลูโดเนท 500 เยนเพื่อปิดปากเรื่องก่อนหน้าแหง
รู้ไหมอันที่จริงนาโอะเองก็ไปเดทกับอัศวินดำคุงด้วยเหรอ ฟุฟุ
เชี้ย บลูมาว่ะ?!อันนี้มาคือกะมาแหย่ใช่ไหม?!
บลูมาโว้ยยยยยย
นาโอะหน้าเปลี่ยนสีไปแล้วเห้ย
ใจเย็นๆ ก่อนสาวน้อย
ทุกคน อย่าไปหยอกเธอล่ะ
นาโอะ : ก็เออสิยะ แล้วทำไมฉันถึงหายไปเหมือนฝุ่นเลยล่ะเห้ย
พายุลงแล้วจ้า
พี่น้องทะเลาะกันได้ เอ้า เริ่ม 5555
นาโอะ : ทั้งที่ฉันก็อยู่ที่นั่นด้วยแท้ๆ แล้วทำไมล่ะ
เอ๋?ไม่ใช่ว่าหยอกเฉยๆ เหรอ
อยู่ด้วยกันจริงดิ?!
นาโอะ : เพราะงั้นทำไมถึงมีแค่ฉันที่ไม่โดนแอบถ่ายล่ะ
ตูว่าละทำไมถึงไม่บ่นเรื่องพี่ตัวเองไปออกเดต
เอางี้จริงดิ
นาโอะ : นี่ฉันมันไม่สำคัญขนาดนั้นเลยใช่ไหมยะ ไอ้พวกสัตว์ประหลาดบ้า!!
55555
นาโอะ?!ที่เธอก็ทรยศพวกเรา
นาโอะ : ฉันก็อยู่ตรงนั้นนะ?!?
หัวจะปวด
จะเอาฮาไปถึงไหนนนนนน!!
นาโอะ : ฉันเองก็อยากจะมีส่วนร่วมกับพวกเขาแท้ๆ ทำไมกันเล่า!!!?!?!
เด็กคนนี้สมองไปแล้ว 55555
ใจเย็นนะหนู ลูกอมไหม?
55555
ไม่ไหว ใครก็ได้ช่วยที 55555
นาโอะ : เอาเป็นว่าเรื่องนี้ก็ตั้งใจจะพูดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ช่างมันเถอะ
สรุปคือชงมาเพื่อแบบนี้เลยว่างั้น
เด็กคนนี้แข็งแกร่งวุ้ย
นาโอะ : เอาเป็นว่าจากนี้คงต้องขอตัวไปคุยกับพี่สาวเป็นการส่วนตัวสักหน่อย กิจกรรมของฉันจะยังดำเนินต่อไป ตั้งตารอกันได้เลย
【ช็อตบันเทิง】ไฮไลท์สำคัญของไลฟ์นาโอะ
****
「…ฮารุจังก็เป็นน้องสาวของอาโออินี่เนอะ」
ในขณะที่นั่งดูไลฟ์ของฮารุจังเมื่อวาน ฮาคัวก็พูดเรื่องนี้ออกมาขณะจิบกาแฟ
「เพราะเป็นพี่น้องกันก็เลยคล้ายๆ กันสินะ?」
อัลฟ่าเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ดูไลฟ์
วันนี้ฉันได้มาช่วยงานที่ร้านกาแฟ ซึ่งช่วงบ่ายไม่ค่อยมีลูกค้าก็เลยพอมีเวลาว่างมานั่งพูดคุยกับพวกอัลฟ่า ระหวางเช็ดโต๊ะไปด้วย
「นั่นสิ จากมุมของฉันพวกเธอก็มีความเหมือนกันจริงๆ ด้วย」
「「ไม่เห็นจะเหมือนสักนิด」」
ดูสิขนาดเถียงกลับยังพร้อมกันเชียว
「ฉันไม่ได้น่ารักเท่าพี่สักหน่อย」
「ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันเองก็ไม่ได้ฉลาดเหมือนฮาคัวด้วย」
「หากพี่ได้เรียนมากเท่าฉัน เดี๋ยวก็ตามทันเองแหละ」
ถึงจะบ่นว่าไม่เหมือนกันแต่อย่างน้อยพวกเธอก็ไม่ได้คิดจะต่อว่าอีกฝ่าย ไม่สิด้อยค่าฝั่งตัวเองแล้วชมอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แม้หน้าตาจะไม่ได้คล้ายกันก็เถอะแต่ยัยพวกนี้ดูยังไงก็พี่น้องกันแหละน้อ
เอาเถอะความสัมพันธ์แบบพี่น้องมันก็ดูยุ่งยากด้วยสิ
「ไม่ต้องเถียงกันหรอกน่าพวกเธอเป็นพี่น้องกันจริงๆ นั่นแหละ」
「「ไหงงั้น?!」」
「อย่าให้ต้องพูดเลย」
ถ้าให้บ่นออกมาก็มียาวเป็นหางว่าว ไหนจะเรื่องงานบ้านห่วยแตก กินเหมือนกับรถดูด ลากฉันให้ไปเป็นน้องชายของพวกเธอ
ทั้งสองคนเหมือนจะเข้าใจที่ฉันพูดก็เลยยิ้มแบบแห้งๆ ให้แทน เห็นแบบนั้นฉันจึงตะโกนเรียกมาสเตอร์ในครัว
「มาสเตอร์ ผมเช็ดโต๊ะเสร็จแล้วนะ」
「โอ้ ในเมื่องานเสร็จแล้วทำไมนายไม่ไปพักสักหน่อยล่ะ?」
「งั้นก็ขอสักหน่อยแล้วกัน」
จากนั้นคอสโม่ก็ตะโกนบอกกับมาสเตอร์เหมือนฉัน
「ชินโด ทางฉันเองก็เสร็จแล้ว」
「หือ? อ้า งั้นฝากเช็ดหน้าต่างต่อด้วยละกัน」
「ฉันว่ามันแปลกๆ นะ!?」
「แปลกตรงไหน」
เธอยังคงได้รับการปฏิบัติเหมือนเคย
แต่คอสโม่เองก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่านั่นเป็นมุกตลกเฉยๆ เธอเลยไปนั่งพักตรงเคาน์เตอร์
「แปลกนะ ที่เห็นล้อคนอื่นเล่น」
「ก็ยัยนี่มันคุ้มที่จะหยอกนี่นา」
「นั่นสินะ พักนี้ก็เห็นเอาแต่สวมชุดน่ารักๆ ด้วย」
「หนวกหู……」
หลังได้ยินคำพูดของฮาคัวกับอัลฟ่า คอสโม่ก็หันไปมองชุดเมดที่ตัวเองใส่แล้วถอนหายใจ
ทั้งที่มาสเตอร์กับฉันก็บอกว่าหากไม่อยากขนาดนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใส่ แต่ดูเหมือนยัยนี่แค่อยากจะบ่นเฉยๆ แถมยังใส่มาทำงานทุกวันอีก
「จะว่าไปบลูเป็นอะไรหรือเปล่าหลังตัวจริงโดนเปิดเผยไป?」
「หืม?เท่าที่ฉันเห็นก็ไม่มีอะไรน่ากังวลนะ」
「ประธานเองก็ช่วยดูแลครอบครัวของเธอทันทีหลังข้อมูลถูกปล่อยด้วย」
อันที่จริงประธานคิดเอาไว้แล้ว
ตอนที่อากาเนะถูกเผยตัวจริง ประธานก็คิดเอาไว้แล้วว่าพวกสัตว์ประหลาดมันรู้ข้อมูลนี้แต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเพียงแค่เวลาเท่านั้นที่ตัวจริงของอาโออิและคิราระจะถูกเปิดเผย
ดังนั้นเรมะจึงวางแผนรับมือเอาไว้สำหรับครอบครัวของเธอเรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงด้วยซ้ำหลังเกิดเรื่อง
「แล้วทางคิราระล่ะ……」
「เอ่อ เรื่องนั้น……」
「ขอโทษนะที่ถาม」
ฮาคัวกับอัลฟ่ามองหน้ากันเหมือนรู้สึกผิด
หลังตัวตนของอากาเนะและอาโออิถูกเปิดเผย ตัวตนของคิราระก็ถูกเผยตามทันทีว่าเธอคือจัสติสเยลโล่ โดยอ้างอิงจากความสัมพันธ์ของพวกเธอตอนอยู่มอปลายหรืออะไรทำนองนั้น
『ถึงจะโดนเผยตัวจริงก็เถอะ….!! แต่ไอ้แบบนี้มันแปลกเกินไปไหม….หรือเพราะฉันมันธรรมดาเกินไปจนไม่น่าสนใจเหรอ?!』
เยลโล่บ่นออกมาทันทีหลังจากตัวตนที่แท้จริงของเธอถูกเปิดเผย แต่ไม่รู้ทำไมคนถึงไม่ค่อยสนใจกันเท่าอากาเนะกับอาโออิ
แน่นอนว่าครอบครัวของคิราระเองก็ได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว
『โห นี่คือสำนักงานใหญ่ของจัสติสครูเซเดอร์เหรอ มีครัวหรือเปล่านะ?』
『เรมะซัง…อันที่จริงผมอยากจะคุยกับคุณมานานแล้วครับ โอ้ คัตสึมิคุงนี่ อยากจะมานั่งคุยเล่นกันหน่อยไหม?』
『พี่คัตสึมิ!』
『ถ้าอยู่ที่นี่ก็เล่นได้ตลอด!!』
ทัศนคติความคิดของครอบครัวอามัตสึกะนี่สุดยอดชะมัด พวกเขาไม่ได้รู้สึกกังวลว่าตัวเองต้องมาหลบอยู่ในสำนักงานใหญ่เลย
ส่วนพ่อแม่ของอาโออิกับฮารุก็———
『เป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาเสียจริง』
『……เครื่องจักรเต็มไปหมด』
『คุณคะ หยุดมองไปรอบๆ แล้วเก๊กหน้าเข้มได้แล้ว เอ้พูดกับเขาดีๆ หน่อยสิ』
『……ขอฝากตัวด้วยครับ』
『สีหน้าน่ะทำให้มันดีๆ หน่อย』
『……ขอโทษครับ』
ไม่ว่าจะเห็นอีกกี่ครั้งก็ชวนให้คิดว่าครอบครัวของอากาเนะนี่ดูจะปกติกว่าใครเพื่อน
ในขณะที่คิดถึงสิ่งที่เห็นในครอบครัวฮินาตะกับอามัตสึกะ ประตูของร้านกาแฟก็เปิดขึ้นพร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ดัง เป็นสัญญาณว่ามีแขกเข้าร้าน
พอได้ยินเสียงนั้น คอสโม่ที่ทำหน้าบึ้งมาโดยตลอดก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มร่า
「ร้านกาแฟเซอไซนัสยินดีต้อนรับค่ะ!」
「อื้อ……」
คนที่เข้ามาในร้านคือผู้หญิงวัยประมาณ 20 สวมกระโปรงยาวกับเสื้อสีขาวทั้งตัว
「? มาคนเดียวเหรอคะ?」
「คนเดียวค่ะ……」
เส้นผมสีเงินที่ปลายเป็นเขียวกับน้ำเงิน หน้าม้าบางส่วนลงมาปิดตาของเธอเอาไว้
ภายในมือของเธอมีถุงผ้าสีขาวขนาดใหญ่อยู่ และเธอได้นำมันไปวางไว้ข้างตัวหลังนั่งตรงโต๊ะริมหน้าต่างร้าน
「เป็นลูกค้าที่แปลกจัง」
「ฉันรู้นะ ฮาคัว สไตล์แบบนี้เขาเรียกว่าสาวโมริแหละ」
「หือ」
ฉันว่ามันไม่น่าใช่ชุดเหมาะสำหรับเที่ยวป่านะ….
(森 โมริ มันแปลว่า ป่า ตัวเอกไม่เข้าใจแฟชั่นเลยคิดว่าตรงๆ เลยว่ามันเป็นชุดเดินป่า)
ในขณะที่ฉันกำลังฟังบทสนทนาของอัลฟ่ากับฮาคัว ฉันก็หยิบเอาพวกแก้วอะไรออกมาเช็ดไปพลางๆ ทางคอสโม่เองก็กลับมาแล้วตะโกนบอกเมนูให้มาสเตอร์
「ชินโด ของกาแฟหนึ่งที่ ช็อตเค้ก 1 ชิ้น แล้วก็ช็อคโกแลตเค้กกับชีสอีก 1」
「อ้า」
คนเดียวกิน 3 ชิ้นเลยเหรอ
แต่ฮาคัวก็ยัด 5 ชิ้นได้สบายเลยนี่หว่า คงปกติแหละ
ในขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องนี้ คอสโม่ก็แสดงสีหน้าปั้นยากออกมาแล้วพูดกับฉัน
「……โฮมุระ」
「ว่า?」
「เธอเป็นเอเลี่ยนเหมือนฉัน」
「ถามจริง?」
「อ้า แต่อาจจะมองยากหน่อยเพราะอีกฝ่ายไม่มีเจตน่าร้ายเลยอ่านะ」
ฉันหันกลับไปมองผู้หญิงที่เข้ามาในร้านอีกครั้ง
สีหน้าของเธอดูกระสับกระส่าย ทำตัวน่าสงสัยแปลกๆ ก็จริง….แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างที่คอสโม่บอก
「นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะดูจากตรงนี้・・・」
คอสโม่นำเลโอที่กลายเป็นหัวเข็มขัดเสียบตรงที่เข็มขัดรอบเอว ตาขวาของเธอเปล่งประกายสีทองออกมา โดยยังไม่ได้แปลงร่าง
ดูเหมือนว่าจะเป็นการใช้งานพลังในการมองเห็นอนาคตหรือความเป็นไปได้โดยไม่จำเป็นต้องแปลงร่างละมั้ง
「ฮาคัว อัลฟ่า ติดต่อเรมะเผื่อไว้หน่อย」
「เข้าใจแล้ว」
ฉันก็ไม่อยากจะกังวลหรอก แต่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนที่พวกเราจะมาเจอกันในร้านนี้
ในขณะที่ฉันเดินเข้าหาอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เธอก็เหมือจะสัมผัสได้แล้วหน้าซีดทันที
「เธอรู้เรื่องของฉันแล้วสินะ?」
「……ค่ะ」
「ขอนั่งตรงนี้ได้ไหม?」
「เชิญค่ะ……」
เสียงของเธอเบามากเสียจนแทบไม่ได้ยิน
ว่าแล้วฉันก็ไปนั่งตรงข้ามกับเธอเพื่อให้พูดคุยกันได้ง่าย ก่อนจะเห็นดวงตาสีทองผ่านช่องหน้าม้าของเธอ
「ทำไมเธอถึงมาที่นี่?」
「……อ่ะ เอ่อ เรื่องนั้น……」
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสับสนพอสมควร
….หรือฉันจะกดดันเธอมากไปกันนะ
เอาเป็นว่าถามแบบเบาๆ ลองหน่อยดีกว่า
「ขอเปลี่ยนคำถามแล้วกัน….ทำไมถึงมาที่ร้านนี้ได้เหรอ?」
「……ซันนี่ บอกฉันว่า ให้มาที่นี่……」
ซันนี่เป็นคนบอกที่อยู่ร้านงั้นเหรอ
แต่ก็นะ ด้วยนิสัยของหมอนั่นแล้วคงไม่คิดจะบอกที่อยู่ของร้านให้กับคนที่จะมาทำอันตรายมาสเตอร์แน่นอน
เอาเป็นว่าก็ลองถามต่อละกัน
「แล้วมาที่โลกนี้ทำไมเหรอ?」
「……」
พอฉันถามเธอ เธอก็ดึงเอาบางอย่างจากภายในถุงสีขาวออกมาให้ฉันดู
โปรโตกับชิโระตั้งท่าระวังสุดๆ ในจังหวะที่เธอเอามือล้วงเข้าไป แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เธอนำออกมา เพราะมันคือสมุดสเก็ตช์ภาพ
「สมุดสเก็ตช์ภาพ?」
ฉันถึงกับไปไม่เป็น
เดี๋ยวนะดูจากปกเหมือนจะไม่ใช่ภาพวาดปกติด้วย หรือว่าจะ———
「……มังงะ?」
「ค่ะ……」
「มาที่โลกนี้เพื่อวาดมังงะ?」
「ค่ะ……」
「แล้วมันเกี่ยวอะไรกับร้านนี้ล่ะ?」
「เอ่อ…คือ…มาหาเรฟค่ะ」
หา?!ไอ้แบบนี้มันใช่เหรอ
คือฉันคงช็อคกว่านี้หากไม่ได้พูดคุยแบบหลุดโลกกับลำดับที่ 9 มาก่อน
ฉันจึงรีบตั้งสติแล้วชี้ไปยังสมุดสเก็ตช์
「……ขอดูได้ไหม?」
「ชะ เชิญเลยค่ะ……」
หลังได้รับอนุญาตฉันก็เปิดสมุดดู
ว่ากันตามตรงฉันเองก็กำลังมาลองอ่านมังงะแบบจริงๆ จังๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง แต่จากสิ่งที่เห็นบอกเลยว่าลายเส้นของเธอดีมาก
ส่วนเนื้อหา…เรื่องราวของเด็กสาวที่ชีวิตตกต่ำแล้วได้รับพลังพิเศษมาจนกลาย
「ปะปะปะปะ เป็นยังไงบ้างคะ?」
「……หื้ม」
「ถะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะได้ความเห็นที่ตรงไปตรงมาค่ะ…..」
พอรู้สึกตัวอีกที บรรยากาศตอนนี้ทำไมมันเหมือนการเจอกันระหว่างนักวาดมังงะกับบรรณาธิการเลยล่ะ
เอาเป็นว่าในเมื่ออีกฝ่ายขอความเห็นตรงไปตรงมา ฉันก็ต้องตอบรับแบบจริงใจ
「ก่อนอื่นเลย การร่ายถึงเบื้องหลังของตัวร้ายที่คอยกดขี่ตัวเอกเนี่ยมันจำเป็นต้องยาวขนาดนี้เลยเหรอ?」
「อึก」
「เพราะแบบนั้น การสร้างความโดดเด่นให้กับตัวละครหลักซึ่งควรจะแสดงออกมาได้ชัดตั้งแต่ตอนแรกมันเลยจางไป ว่ากันตามตรงช่วงแนะนำตัวร้ายที่คอยกดขี่ตัวเอกเนี่ยมันน่าเบื่อสุดๆ」
「อุ」
「แล้วทำไมถึงได้ตั้งชื่อตัวละครที่กดขี่ตัวเอกให้ชื่อคล้ายกับตัวเอกขนาดนี้กัน?หรือคิดจะวางโครงเรื่องอะไรให้มีปมต่อ?」
「เอ่อ」
「นอกจากนี้ การสนทนาของตัวละครในช่วงที่อยู่กันหลายคน องค์ประกอบของภาพและคำพูดมันชวนให้รู้สึกเหมือนทุกคนกำลังคุยกับแค่ตัวเอกคนเดียว」
「เอื้อ」
「แล้วการสนทนามันก็อธิบายอะไรเยอะเกินไปหน่อย เข้าใจว่าอยากจะเก็บรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้นะ แต่สุดท้ายมันจะทำให้เนื้อหายืดแทน」
「อั๊ค」
「ฉันเข้าใจนะว่ามันสำคัญ แต่การทำแบบนั้นมันจะเป็นการฝืนเหมือนให้ตัวละครทุกตัวจำเป็นต้องอธิบายการกระทำหรือความคิดของตัวเองมากเกินไปหน่อย ทางที่ดีฉันว่าเธอควรจะให้ผู้อ่านเก็บไปคิดหรือคาดเดากันเอาเองจะสนุกกว่า」
「โอ้」
「แล้วก็เรื่องของมุขตลกที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ด้วย คือมันทำให้คนอ่านไม่รู้ว่าควรจะจริงจังหรือเอาตลกดี」
「ค่ะ」
『อึก แค่ฟังก็สงสารแทนแล้วอ่ะ….คัตซึนน่ากลัวเกินไปแล้ว』
『คัตสึมิเริ่มอ่านไม่นานมานี้เองไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ดูโปรจัง….』
『โฮมุระ นายมันปีศาจ』
เนื้อหาค่อนข้างจะเข้มข้น แต่การเอาอารมณ์ขันมาตัดบางทีก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำนัก
แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด จุดแข็งของเรื่องที่เธอวาดเองก็มีอยู่ ที่เหลือก็แค่ต้องมาตบให้มันเข้ารูปอีกสักหน่อยเท่านั้นเอง
「ส่วนเรื่องที่น่าชมก็คือตัวละครในเรื่องค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว」
「เอ๋?」
「เนื้อเรื่องโดยรวมก็ดูผูกมาดี ฉากต่อสู้ดูมีพลังคุ้มค่าแก่การอ่าน เรียกได้ว่าลื่นไหลและเพลินสุดๆ」
「วะวะวะ หวาาาา……」
「แต่ยังไงชื่อเรื่องก็ต้องเปลี่ยนจริงๆ นั่นแหละ」
「หวาย」
ฉันให้ความเห็นแบบจริงจังจนตัวเองยังตกใจ
แม้จะมีจุดต้องแก้ไข แต่รวมๆ ก็น่าสนใจ
「ฉันพูดไปเยอะแล้ว สรุปก็น่าสนใจดีนะ น่าทึ่งจริงๆ ที่เธอสามารถเขียนเรื่องแบบนี้ออกมาได้」
「……หมะ มะมะมะมะมะมะมะ」
อยู่ดีๆ เธอก็พูดคำว่า มะ รัวๆ เหมือนกับเครื่องรวน
「ปะ เป็นอะไรไปน่ะ?」
「มะ….ถ้าไม่รังเกียจหลังจากนี้ก็ช่วยมาอ่านใหม่ได้ไหมคะ?」
「อ้า ถ้าแค่นี้ละก็สบายมาก」
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสักนิด
ดูเหมือนยัยนี่จะมาแบบไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ด้วยสิ นอกจากนี้การให้เธออยู่ในสายตาก็อาจจะจับตาดูได้ง่ายกว่าด้วย
ิยิ่งไปกว่านั้นเธอคือคนที่ซันนี่แนะนำมา ฉันเลยพอไว้ใจระดับหนึ่ง
「ขอโทษที่ให้รอค่ะ นี่กาแฟกับเค้ก 3 ชิ้น….โฮมุระ」
คอสโม่มาพร้อมกับกาแฟและเค้กในถาดพูดชื่อของฉัน
พอได้ยินฉันก็รีบลุกขึ้นทันที
「ขอโทษที่มารบกวนนะ…เอ่อ…ขอถามชื่อเธอหน่อยได้ไหม?」
พอฉันถามชื่อของเธอ อยู่ดีๆ เธอก็ตัวสั่น ก่อนจะค่อยๆ เปิดปากพูด
「อิริสเต……อ่ะ..เอ่อ…สเตล่า…จัง….」
ฉันรอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเอง แม้ท่าทางของเธอจะดูลังเลสุดๆ เลยก็เถอะ
「อิ อิริสค่ะ….……」
ดูยังไงก็เป็นชื่อปลอม แต่ช่างมันเถอะ
ในเมื่อเธอรวบรวมความกล้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีขนาดนี้ แม้จะเป็นชื่อปลอมฉันจะยอมปล่อยๆ ไปละกัน
แค่ฉันได้เห็นสมุดสเก็ตช์ภาพของเธอฉันก็พอเข้าใจแล้วว่าเธอให้ความสำคัญและจริงจังกับมันขนาดไหน
—จบ—
อิริสเตร่ามาแบบเงียบๆ เช่นเดียวกับเรื่องราวของเยลโล่ที่ถูกเปิดเผยออกมาแบบเงียบๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ……น่าสงสาร ดูทรงอิริสเตร่าเป็นสายพูดเก่งแค่หน้าคีย์บอร์ดแหงหรือเพราะหลอนอัศวินดำร่างgeminiไม่หายก็ไม่อาจทราบ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code