อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 155 เรื่องราวหลังการต่อสู้ ภัยคุกคามครั้งใหม่
- Home
- All Mangas
- อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต
- ตอนที่ 155 เรื่องราวหลังการต่อสู้ ภัยคุกคามครั้งใหม่
พลังอันตรายที่สามารถเขียนจักรวาลและทำลายทุกสิ่งอย่างได้ถือว่าเป็นอันตรายสำหรับการใช้งานสุดๆ
สิ่งที่แย่คือตอนที่ฉันพยายามแปลงร่างตามปกติ มันก็ยังพยายามเปลี่ยนให้ฉันเป็นร่างนั้นโดยอัตโนมัติ ทว่าก็ขอบคุณโปรโตที่จากไปซึ่งหยุดยั้งพลังดังกล่าวเอาไว้
ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ฉันสบายใจไปได้ตลอด
ทันทีที่ฉันกลับมาถึงโลกตัวเองฉันก็เอาเรื่องนี้ไปบอกกับเรมะแล้วขอคำปรึกษา
「คัตสึมิคุง ดาวดวงนี้มันเปราะบางเกินกว่านายจะใช้พลังนั้นได้」
「……ฉันก็ว่างั้น」
「ทว่าพลังดังกล่าวแทนที่จะมองว่าเป็นของอันตราย ฉันว่ามันเป็นความหวังเสียมากกว่า」
ความหวัง……?
ในห้องของประธาน เรมะได้สวมชุดคลุมสีขาวเหมือนปกติมานั่งฟังการอธิบายเกี่ยวกับพลังที่ฉันได้
「เพราะพลังนั้นมันคือพลังที่สามารถใช้ในการตอบโต้กับรูอินผู้มีพลังยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้เชียวนะ นายไม่คิดว่านั่นจะเป็นไพ่ตายในการต่อสู้หรอกเหรอ?」
「อ้า จะว่าไปก็จริง…หากเป็นร่างนั้นฉันคิดว่าน่าจะสู้กับยัยนั่นไหว」
ถึงแม้ท่าทางของยัยนั่นจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ความปรารถนาที่จะต่อสู้กับฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป
หากถึงเวลาตัดสินแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยน การต่อสู้ของพวกเราก็คงเลี่ยงไม่ได้
「แน่นอนว่าฉันไม่มีทางปล่อยให้นายลุยคนเดียวหรอก ส่วนตอนนี้….ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลี่ยงไม่ให้นายออกไปลุยเพราะความเสี่ยงที่ผนึกจะพังลงก็มีซะด้วยสิ」
การต่อสู้ของฉันถูกจำกัดเอาไว้
ฉันเดาว่าคงต้องรอให้เรมะวิเคราะห์ร่างพลูโตลูปัสของฉันให้เสร็จเสียก่อน
「……」
「กังวลเหรอ?」
「เอ่อ ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับพวกอากาเนะหรอก」
พวกเธอคือจัสติสครูเซเดอร์
เป็นไปไม่ได้เลยที่นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกที่ฉันรู้จักจะแพ้
ฉันรู้จักพวกเธอดีที่สุดเพราะเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน
「แค่มันรู้สึกแปลกๆ น่ะที่ต้องเป็นฝ่ายเฝ้าดูการต่อสู้แทน」
「นั่นก็จริง」
เรมะพยักหน้าหลังฉันพูด
ก็จริงว่าฉันไม่จำเป็นต้องต่อสู้อีก ในตอนที่ถูกพวกอากาเนะจับตัวมา แต่นั่นมันก็หลังจากจบเรื่องของโอเมก้าไปแล้วฉันก็เลยไม่คิดจะบ่นอะไร
ในเวลาต่อมามันก็เป็นตอนที่ฉันเสียความทรงจำไป ดังนั้นหากจะให้ห่างจากการต่อสู้สักหน่อยคงไม่แปลก
「นายเอาแต่ต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก มันก็คงจะเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่ถูกนายปกป้องจากเหล่าสัตว์ประหลาดอยู่หรอก แต่ยังไงนายก็เป็นแค่เด็กนักเรียนคนหนึ่งนะ การที่นายไม่สามารถใช้ชีวิตวัยรุ่นของนายได้ส่วนตัวฉันก็ไม่ได้ดีใจนักหรอก」
「เรมะ?」
เรมะยิ้มให้กับฉันที่เอียงหัวสงสัย
「โลกนี้ยังคงมีพวกผู้รุกรานโผล่มาอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะต้องระวังตัวกันจนหาความสุขใส่ตัวไม่ได้นะ ฉันก็ไม่ได้บอกหรอกว่าสามารถเอาชีวิตวัยรุ่นของนายกลับมาได้ แต่อย่างน้อยนายก็ควรจะหาความสุขหรือสิ่งที่อยากทำนอกจากการต่อสู้จะดีไหม?」
สิ่งที่ฉันอยากจะทำเหรอ หื้ม
ฉันพยักหน้าแล้วคิด
「คงต้องลองพยายามทำหลายๆ อย่างดูก่อนแหละ」
「อ้า ดังนั้นนายก็ใช้โอกาสนี้ในการลองทำอะไรหลายๆ อย่างดูเถอะ ฉันเองก็จะคอยช่วยเอง」
「ขอบคุณนะ เรมะ」
จะว่าไปมองอีกมุมมันก็เป็นโอกาสดีเหมือนกัน
ฉันในอดีตมักจะรู้สึกอายกับความไร้เดียงสาของตัวเองในหลายๆ เรื่อง ตอนนี้เป็ฯโอกาสดีที่จะแก้ไขเรื่องนั้น นอกจากนี้ก็ยังอยากจะหาเรื่องที่ฉันสามารถทำได้ดีนอกจากการต่อสู้ด้วย
「…หื้ม คัตสึมิคุง…นายอยากจะลองเป็นผู้บัญชาการสั่งการดูบ้างไหม?」
「เอ๋?!ฉันเนี่ยนะ?!ไม่ไหวๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอก!!」
นั่นมันเป็นหน้าที่ของเรมะที่ทำอยู่ประจำไม่ใช่หรือไง?!
คนอย่างฉันไม่มีทางทำได้หรอก!
「จากนี้ฉันจะออกลุยในฐานะจัสติสโกลด์น่ะ ก็เลยอยากจะหาใครสักคนที่แทนในจุดที่ฉันอยู่ หากเป็นนาย ฉันว่าฉันน่าจะฝากฝังไว้ได้」
「โอโมริซังก็ยังอยู่นี่」
「โอโมริคุงไม่ไหวหรอก ถึงเธอจะมีความสามารถและบทบาทสำคัญในงานของพวกเรา แต่ยังไงก็ไม่รอดแหง」
ก็ไม่ได้คิดว่าเธอไร่ความสามารถอะไรด้วย…
แต่ก็นั่นสินะ โอโมริซังต้องยุ่งอยู่กับการวิเคราะห์ และติดตามฝ่ายวิจัยนั่นนี่อีก
ขนาดว่ายืมมือกราทมาช่วยแล้วงานก็ยังวุ่นวายเหมือนเดิม
「แต่ยังไงฉันว่าตัวฉันก็ไม่สามารถแทนที่เรมะได้หรอก」
「นายคิดผิดแล้ว รู้ไหมว่าคุณสมบัติของผู้บัญชาการที่ดี คือความเข้าใจและความไว้วางใจ เช่นเดียวกับพวกเราที่เข้าใจในตัวนาย นายเองก็มีความเข้าใจในตัวของพวกเรดเป็นอย่างดี นายรู้ว่าพวกเธอทำอะไรได้หรือไม่ได้ มีจุดอ่อนจุดแข็งตรงไหน เพียงแค่นั้นฉันว่ามันก็มากพอที่นายจะคอยดูแลสั่งการพวกเธอแล้ว」
….ฉันก็พอจะเข้าใจที่เขาอยากบอกหรอก แต่ก็ไม่คิดว่าฉันจะทำไหว
เมื่อเห็นสีหน้าของฉัน เรมะก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วกอดอกพูด
「นอกจากนี้ ฉันได้สร้างคู่มือในวิธีการตอบสนองและรับมือกับการโจมตีของพวกสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนไว้แล้วด้วย ที่นายต้องทำก็แค่สนับสนุนการต่อสู้ของพวกเราผ่านคู่มือดังกล่าวและหาทางรับมือเหตุที่ไม่คาดฝันหน้างานอีกที」
「สนับสนุนเหรอ……」
「คัตสึมิคุง นายอาจจะไม่ได้ตระหนักถึงความสามารถของตัวเอง แต่บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถรับมือกับพวกสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนไปได้ดีกว่านายอีกแล้ว ไม่ว่าจะวิธีการรับมือ สัญชาตญาณ ความสามารถในการตัดสินใจ ทุกอย่างในตัวนายมันเพรียบพร้อมสุดๆ」
ก็คือเขาจะบอกให้ฉันใช้ความสามารถพวกนี้ในการวิเคราะห์รับมือกับสัตว์ประหลาดเหมือนตอนออกไปสู้ปกติสินะ
ถ้าคิดในมุมนี้ฉันว่าถึงเป็นฉันก็น่าจะไหว
「นอกจากนี้แค่ได้ยินเสียงของนาย พลังในการต่อสู้และขวัญกำลังใจของฝูงผีปีศาจพวกนั้นก็คงเพิ่มขึ้นสุดๆ แหง」
「เอ๋?」
「อ้า ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก!! เอาเป็นว่านี่ก็เป็นเพียงข้อเสนอของฉัน อย่างที่บอกไปสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาว่านายอยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง」
「……อ้า เข้าใจแล้ว จะลองกลับไปคิดดูละกัน」
ส่วนตัวฉันก็แอบสนใจเรื่องนี้นิดหน่อย แต่เอาเป็นว่าไปหาอย่างอื่นด้วยตัวเองก่อนละกัน
***
หลังออกจากห้องบัญชาการ ฉันก็ตรงไปที่โรงอาหารทันที
สำนักงานใหญ่จัสติสครูเซเดอร์แห่งใหม่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมยังเป็นสถานที่ที่นักวิจัยและเจ้าหน้าที่หลายคนซึ่งผ่านการคัดเลือกจากเรมะด้วยตัวเองกำลังทานอาหารกันอยู่ นอกจากนี้อาหารยังอร่อยสุดๆ
ฉันตั้งใจจะไปทานมื้อกลางวันที่นั่น แต่ก็ไม่ใช่เป้าหมายเดียวหรอก เป้าหมายอีกอย่างของฉันก็คือซื้ออาหารไปให้กับอัลฟ่าที่กำลังพยายามเรียนรู้งานฝ่ายปฏิบัติการโดยมีฮาคัวคอยช่วยอยู่
ในขณะที่กำลังเดินไปถามโถง แล้วคิดว่าจะเอาอะไรให้เธอดี ฉันก็พบเข้ากับหญิงสาวที่คุ้นหน้ากันจากมุมหนึ่งของทางเดิน
「เอ่อ คัตสึมิคุง」
「สวัสดี คาเสะอุระซัง ฮิลด้าด้วย」
『ทักฉันด้วยแฮะ!?』
คนที่เจอก็ไม่ใช่ใคร โมโมโกะ คาเสะอุระ หญิงสาวผมหยักศกที่ยาวประบ่า กับฮิลด้าที่เกาะไหล่ของเธออยู่ในสภาพนกฮูก
「จะไปทานข้าวเที่ยงเหรอ?」
「อะ อื้อ พอดีกำลังรับทดสอบเสร็จน่ะเลยรู้สึกหิวๆ ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกินสักหน่อย…แล้วคัตสึมิคุงล่ะ?」
「อ้า เหมือนกัน ถ้างั้นพวกเราไปด้วยกันเลยดีไหม?」
「อื้อ ได้สิ」
ดูเหมือนว่าพลังแห่งดวงดาราของเธอจะไม่รั่วไหลออกมาแล้ว
「ว่าแต่ฮิลด้าคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ อีกใช่ไหม?」
『ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย! ใช่ไหม โมโมโกะ?!』
「นอกจากแอะอะโวยวายก็ไม่มีอะไรนะ」
『โมโมโกะ!?』
ฮิลด้ากระพือปากโวยวายใส่อีกฝ่ายทันที
…ฮิลด้าเคยทำเรื่องเลวร้ายกับคาเสะอุระซังมาเยอะ แต่ดูจากการพูดคุยของพวกเธอแล้ว เหมือนว่าจะเริ่มปรับตัวอยู่ด้วยกันได้ดีกว่าเก่า
พอมาถึงโรงอาหารในขณะที่คุยกับพวกเธอ ฉันก็เห็นร่างที่แสนคุ้นเคยอีกหนึ่ง
「อากาเนะก็มาด้วยเหรอ?」
「อื้อ ก็ประมาณนั้น」
บางทีเธออาจจะกำลังเดินหาฉันอยู่ก็ได้ พอเธอเห็นฉันจึงรีบวิ่งเข้ามาหาทันที
「เมื่อกี้ติดต่อไปหาประธานแล้วเขาบอกว่านายกำลังตรงไปที่โรงอาหารน่ะ ฉันก็เลยมารอ!!」
「แล้วไหงไปถามเรมะล่ะ……?」
「ฉันก็ติดต่อนายไปแล้วนะ แต่ไม่เห็นนายจะตอบเลย หรือว่าเผลอไปเปิดโหมดเงียบเอาไว้?」
…อ๊ะ แย่แล้วสิ หรือฉันจะไปเปิดทิ้งไว้จริงๆ
แอบรู้สึกผิดเลยแฮะ พอฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามันเปิดโหมดเงียบเอาไว้จริงๆ!!
สงสัยต้องเพิ่มคลาสเรียนวิธีการใช้โทรศัพท์เข้าไปในสิ่งที่ฉันอยากทำด้วยแล้วสิ
「เอ่อ ขอโทษด้วยนะ」
「ไม่เป็นไรๆๆ แล้วก็ สวัสดีนะ คาเสะอุระซัง!!」
「อ้า สวัสดีค่ะ อาราซากะซัง」
『ฉันก็อยู่ตรงนี้นะ?เมินฉันเลยเหรอ?』
จากนั้นอากาเนะก็มาร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเรา
ในขณะที่นั่งลงฮิลด้าก็กลับมาเป็นร่างของมนุษย์แล้วไปนั่งอยู้ข้างๆ คาเสะอุระซัง
ยัยนี่สะดวกสบายจริงๆ เลยแฮะเรื่องการเปลี่ยนรูปร่าง จากนั้นฉันก็เรียกพนักงานของโรงอาหารมาเพื่อสั่งเมนู ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายคือพี่สาวของอากาเนะ อย่างจิเสะซัง
「คัตสึมิคุงอยากจะกินอะไรเอ่ย?」
「พี่ไอ้เสียงสองนี่มันอะไรกัน」
「น้องสาวโง่เง่ารับเป็นข้าวแช่น้ำเนอะ?」
「แล้วฉันได้ไปสั่งไอ้นั่นตอนไหนกัน!?」
ฉันยิ้มให้กับการพูดคุยกันของสองพี่น้องพลางดูเมนูไปด้วย
「ผมขอเป็นชุดแกงกะหรี่แฮมเบิร์ก แล้วก็ขอแบบเดียวกันอีก 2 ชุดใส่กล่องปริมาณพิเศษกว่าที่ผมกินสัก 3 เท่าครับ」
「ที่สั่งนี่ตั้งใจจะเตรียมไปให้ฮาคัวจังกับอัลฟ่าจังสินะ?」
เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นมีชื่อเสียงในด้านความตะกละ
ก็นะเด็กวัยกำลังโต กินประมาณนั้นก็ปกติมั้ง
「ฉันขอเป็นแซนด์วิชกับกาแฟค่ะ」
「ฉันเอาเป็นโนโปลิตัน ว่าแต่ โมโมโกะ ก่อนหน้าที่จะมาเธอบอกว่าอยากกินคัตสึด้งไม่ใช่เหรอ….อย่าบอกนะว่าพอมาอยู่ต่อหน้าคัตสึมิคุงแล้ว อารมณ์สาวน้อยมันเลยพรั่งพรูออกมาจนไม่กล้ากินของหนักๆ?!」
「เอายัยนี่ไปเป็นส่วนผสมแซนด์วิชได้ไหมคะ?」
แอบประหลาดใจที่เห็นคาเสะอุระซังเอามือบีบหน้าของฮิลด้าที่ยิ้มร่าอยู่เหมือนกันวุ้ย
จะสั่งของที่อยากกินก็ไม่เห็นเป็นไรเลยแท้ๆ เพราะเธอไม่เหมือนกับอัลฟ่าและฮาคัวที่ยัดทุกอย่างลงท้องได้หมดอย่างกับรถสูบ
「เห้อ เพราะฝึกซ้อมช่วงเช้ากินแรงซะเยอะ ขอเป็นคัตสึด้งชามใหญ่ๆ ละกัน」
「ไม่รู้สึกอะไรกับการพูดคุยของพวกเราเมื่อกี้ลยเหรอ?」
「คัตสึมิคุงเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว กลับกันเขากังวลด้วยซ้ำหากพวกเราไม่หาอะไรกินให้เหมาะสม เนอะ?」
「อ้า ฉันคิดแบบนั้นแหละ」
ในฐานะคนที่เคยทำอาหารให้ฮาคัวกินประจำ ฉันจะมีความสุขมากกว่าหากพวกเธอกินกันอิ่มท้อง
หลังจากสั่งเมนูกันเสร็จพี่ของอากาเนะก็กลับไปในครัวแล้วนำน้ำดื่มมาเสิร์ฟ
「อากาเนะไปซ้อมช่วงเช้าเหรอ?」
「อื้อ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือฉันไปโรงเรียนไม่ได้แล้วน่ะ สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือฝึกฝน」
ตัวตนของอากาเนะถูกเผยออกมาแล้ว เธอจึงไม่สามารถออกไปไหนได้สบายๆ เหมือนเก่า
โชคดีที่คิราระกับอาโออิยังปลอดภัยดี แต่สำหรับอากาเนะแล้วคงเป็นเรื่องลำบากใจน่าดู
「คาเสะอุระซัง แล้วเรื่องเรียนมหาลัย….」
「คงไม่ได้ไปเรียนต่อแล้วแหละ เพราะพลังแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในตัวฉัน เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องจับตายัยนี่ด้วยสิ」
「อึก」
คาเสะอุระซังวางมือไว้บนหัวของฮิลด้าอย่างไม่ลังเล จนฮิลด้าตกใจ
ฉันกับอากาเนะที่รู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอก็แอบรู้สึกผิดไม่ได้จนเงียบไป
คาเสะอุระซังที่เห็นแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นอย่างตระหนก
「อะ เอ่อ อันที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่มีแผนจะทำอะไรเป็นพิเศษในอนาคตด้วย เหตุผลที่ไปเรียนต่อมหาลัยก็แค่อยากใช้เป็นพื้นฐานในการเปิดโอกาสหางานอย่างพวกราชการน่ะ!! แถมการที่อยู่ดีๆ ก็กระโดดมาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้ได้ถือว่าเป็นโชคดีของฉันไม่น้อยเลยไหนจะเรื่องการรักษาตัวอีก แบบนี้ดีแล้วแหละ」
「โมโมโกะถึงจะคิดแบบนั้นจริง แต่บางส่วนก็ไม่ควรพูดออกมานะ」
「แล้วคิดว่าเป็นเพราะใครกันล่ะยะ~!」
「ง้าาาาาาา!?」
ฮิลด้าถูกคาเสะอุระซังบีบแก้มไปมาอีกรอบก่อนจะส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา
พอเห็นแบบนี้ฉันกับอากาเนะก็เลยกระซิบคุยกัน
「ท่าทางคาเสะอุระซังจะสดใสกว่าเก่าสุดๆ」
「ฉันก็ว่างั้น」
อย่างน้อยเท่าที่เห็น อาการของเธอก็ดีกว่าเมื่อก่อนสุดๆ
「ทั้งหมดต้องขอบคุณ คิโนโกะเลยแหละ」
「ไหงมีชื่อคิโนโกะขึ้นมาได้ล่ะ?」
「ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นสุนัขบำบัดที่คอยชั่วเหลืองานฮาคัวไปแล้วน่ะ」
「ทำไมสุนัขบ้านฉันมันถึงพัฒนาไปขนาดนั้นโดยที่ฉันไม่รู้ได้กันนะ」
อันที่จริงนอกจากดูแลคาเสะอุระซังแล้ว พวกพนักงานที่เหนื่อยล้าทางจิตใจก็มาบำบัดกับคิโนโกะบ่อยๆ
หลังได้ยินความสำเร็จของมัน เรมะก็เหมือนวางแผนว่าจะสร้างห้องสัตว์บำบัดภายในสำนักงานใหญ่
「คัตสึมิคุง อากาเนะซัง?」
คาเสะอุระซังที่เห็นพวกเรากระซิบคุยกัน ก็ถามด้วยความสงสัย
ฉันกับอากาเนะก็เลยมองหน้ากันแล้วตอบกลับไปว่าไม่มีอะไร
「จริงสิ ช่วงบ่ายได้ยินว่าคาเสะอุระซังจะทดสอบสูทตัวใหม่สินะ ฉันได้ยินประธานบอกมาน่ะ」
「อื้อ….จะทดสอบว่าสูทของฮิลด้ามันทำอะไรได้บ้างน่ะ….」
สีหน้าของคาเสะอุระซังดูเคร่งขรึมกว่าเดิมนิดหน่อย
ฉันแน่ใจว่าเธอคงจะกลัวและกังวล
หากไม่นับว่าอากาเนะกับฉันที่เป็นกรณีพิเศษ เธอคนนี้ก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
「อากาเนะ พวกเราไปร่วมการทดสอบนี้ด้วยดีไหม?」
「หือ」
「จะพูดให้ถูกคือ คาเสะอุระซังน่าจะสบายใจกว่าหากมีพวกเราไปด้วยน่ะ」
「จะ จะดีเหรอ?」
คงต้องไปคุยกับเรมะก่อน
แต่ในเมื่อเป็นเรื่องของคาเสะอุระซังการมีพวกเราอยู่ด้วยอาจจะดีกว่า
ใช่ว่าเธอจะชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เสียทันทีด้วยสิ
***
การจัดลำดับของเหล่าลำดับแห่งดวงดารานั้นจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งในด้านที่ตัวเองถนัด
ทำให้เห็นว่าแม้แต่คนอย่างโกลดี้เองก็เคยอยู่ลำดับสองหลัก แม้จะด้อยเรื่องพลังในการต่อสู้
การจัดอันดับของพวกหลักเดียวก็ไม่ต่างกัน
ตัวอย่างก็มีให้เห็นอย่างลำดับที่ 2
พลังในการต่อสู้ของลำดับที่ 2 นั้นไม่ได้สูงส่งอะไรเลย
แต่การที่เขาสามารถมาเป็นลำดับที่ 2 ได้เพราะความสามารถในการเดินทางข้ามมิติอย่างง่ายดายของเขา
และคนที่ฉันกำลังจะมาติดต่อด้วยในครั้งนี้ก็คือลำดับที่ 9 ซึ่งก็อยู่ในการจัดลำดับแบบพิเศษไม่ต่างอะไรกับลำดับที่ 2
「….คนพวกนี้ติดเล่นกันมากไปหน่อยไหมนะ?」
ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่สนามบิน
สถานที่ที่ผู้คนมากมายได้มารวมตัวกัน ฉันกำลังอยู่ในมุมรอคนออกมาจากเกต หรือก็คือลำดับที่ 9 นั่นแหละ น่าจะใกล้ได้เวลาแล้วนะ
「ทั้งที่มาบนโลกแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเมินคำสั่งของรูอินจังแล้วไปเที่ยวเล่นตามปกติ」
อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่คราวนี้ หลายครั้งด้วยกันที่พวกเขาให้ความสำคัญกับการเที่ยวเล่น โดยมีคำสั่งของรูอินจังเป็นของแถม
สุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งปวดหัวกับการคอยดูแลตามล้างตามเช็ด
「มาแล้วสินะ……」
คู่ชายหญิงสวมเสื้อฮาวายกับแว่นตาขอบทองโผล่ออกมาจากเกตในสนามบิน สภาพการแต่งตัวไม่ต่างจากนักท่องเที่ยว
ฝ่ายชายคือชายผมบลอนด์ร่างใหญ่ ส่วนฝ่ายหญิงคือสาวผมบลอนด์ร่างรูปสูง หุ่นดี
โฉมงามกับเจ้าชายอสูรน่าจะเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนสุดๆ สำหรับคู่นี้ แต่ที่ตกใจกว่านั้นคือเหมือนทั้งสองจะเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมของดาวโลกสุดๆ
ไม่จัดเต็มกันไปหน่อยเหรอ?!
「โอ้ ซันนี่จัง!」
「ว่าไง ซันนี่!!」
เมื่อทั้งสองเห็นฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เกินเบอร์จนคนรอบข้างหันมามอง
ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยและเป็นมิตรสุดๆ บรรยากาศของพวกเขาไม่ใช่คนที่เข้าหาได้ยากเลย แต่ก็แปลกที่ไม่มีใครกล้าเข้าใจพวกเขาสักคน
「ตั้งใจมารับกันเลยสินะ!」
「อะ อ้า ก็ประมาณนั้นจ้า」
「งั้นก็ต้องเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย!!」
「เอ้า ชีสสสสส!!」
「「เย้ーーー!!」」
เหตุผลที่ต้องปวดหัวอีกอย่างหนึ่งก็คือความหวานของสองคนนี้แหละ
ฉันอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นลำดับที่ 9 ทั้งสองโอบไหล่กันแล้วถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ในโหมดเซลฟี่
เป็นคู่รักที่รักกันเหมือนเคย
「มาได้สักทันะ ฟิกเกอร์ ไอช่า」
「ก็น้า!! โลกใบนี้มันมีอะไรน่าสนใจเต็มไปหมดเลยนี่นา!! ลาสเวกัส อียิปต์ อเมซอน เวนิส ฮาวาย แล้วก็อีกมากมาย!! ทำไมวัฒนธรรมที่แตกต่างกันสุดๆ ถึงมารวมกันในดาวดวงเล็กๆ แบบนี้กันนะ….แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรสวยเท่าฮันนี่ของฉัน!!」
「นั่นสินะ ดาร์ลิ้ง!! ฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้มาอยู่บนโลกนี้กับดาร์ลิ้ง!」
หลังพูดจบฟิงเกอร์ชายร่างใหญ่ก็วางมือเอาไว้บนคางของสาวงามไอช่าแล้วสบตากัน
ทำไมฉันถึงมองเห็นหัวใจโผล่ออกมาจากดวงตาของพวกเธอกันนะ
「ฉันจริงจังนะไอช่า ตัวเธอน่ะสวยจริงๆ สวยยิ่งกว่าสิ่งใด」
「ดาร์ลิ้ง……」
สายตาอันแสนอบอุ่นได้ส่งไปมาให้กัน
หากปล่อยไว้คงไม่จบแหง ฉันจึงตัดสินใจตัดบทพวกเธอ
「เอาล่ะ เลิกหวานใส่กันได้แล้ว」
「ไม่ได้หวานสักหน่อย」
「ใช่แล้ว แค่นี้มันไม่สามารถเทียบได้กับความหวานในชีวิตที่พวกเรามีให้กันโดยปกติเลยสักนิด」
「ถามจริง……!?」
เอ๋?!
หา?!
ฉันถึงกับเหวอไปสองจังหวะ
ไม่ไหวๆ ได้สำลักน้ำตาลตายแหง รีบออกจากที่นี่ดีกว่า
「อะแฮ่ม ที่พวกเธอมากันคราวนี้เพราะคำสั่งของรูอินจัง คงไม่ได้ลืมกันสินะ?」
「ก็ใช่อยู่หรอก จากนี้คงอาจจะต้องโดนดุแน่นอน แต่ขอไปเที่ยวสถานที่ที่น่าสนใจในญี่ปุ่นก่อนละกัน」
「นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงในการกลับมาญี่ปุ่นใช่ไหม……?」
อันที่จริงฉันว่ารูอินจังก็คงไม่โกรธพวกเขาหรอก แต่ฉันก็ไม่คิดจะพูดให้ฟังแน่
นอกจากนี้พวกเขาก็เป็นเพื่อนฉันด้วยสิ อย่างน้อยก็ควรให้คำแนะนำดีๆ หน่อยแล้วกัน
….ถึงพวกเขาก็เป็นถึงลำดับที่ 9 ไม่ใช่พวกที่จะแพ้ใครง่ายๆ ก็เถอะ
「นักรบของดาวโลกแข็งแกร่งนะ」
「อ้า เรื่องนั้นฉันรู้ ก็เป็นคนที่ท่านรูอินสนใจนี่นา」
「เพราะแบบนั้นแหละ….」
「「แต่ช้าก่อน」」
พวกเขาทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว
「พวกเราทั้งคู่คือลำดับที่ 9」
「โอเมก้าและอัลฟ่าที่ผูกสายสัมพันธ์ซึ่งไม่มีวันสั่นคลอน」
———เกือบจะทุกดาว ชะตากรรมของโอเมก้าและอัลฟ่ามักจะจบไม่สวยเสมอ
โอเมก้ากลายเป็นสัตว์ร้าย อัลฟ่าก็กลายเป็นแกนพลังงาน
ทว่าทั้งสองกลับต่างออกไป
「อัศวินดำ?จัสติสครูเซเดอร์?จะอะไรก็ไม่สำคัญหรอก」
คู่รักที่จับมือกันขึ้นมาอยู่ในลำดับหลักเดียว
ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในลำดับเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย ความสามารถของพวกเขาก็สร้างปัญหาให้กับศัตรูสุดๆ
แต่ปัญหาจริงๆ ก็คือเรื่องของสภาพความคิดความอ่านนี่แหละ
「ไม่ว่าศัตรูจะเป็นแบบไหนพวกเราก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้」
ลำดับแห่งดวงดาราที่ 9 ฟิกเกอร์แห่งความลุ่มหลงและไอช่าแห่งโชค
“พลังแห่งความรัก”
อาจจะฟังดูตลก แต่พลังดังกล่าวมันสามารถพลิกชะตากรรมที่เลวร้ายของอัลฟ่าและโอเมก้าลงได้จริงๆ และตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นตัวอันตรายที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
「เอาละ งั้นไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนดีกว่า!! ซันนี่ ช่วยแนะนำร้านดีๆ หน่อย!!!!」
「นั่นสินะ ช่วยแนะนำหน่อยสิ ขอร้านเด็ดๆ เลย!!」
「เห้อ นี่ฉันจะต้องมาคอยดูแล คู่รักคู่นี้ไปอีกสักพักจริงเหรอเนี้ย?!」
นี่ฉันกำลังถูกเกมลงทัณฑ์อยู่หรือไงกันนะ?!
จะต้องมาทนดูคู่รักหวานกันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนน้อ?!
–จบ–
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code