อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 143 โลกคู่ขนาน 20
เมื่อฉันเข้าสู่ร่างนั้น จิตใจของฉันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ฉันรู้ตัวดีว่าฉันกำลังทำอะไร แต่ฉันก็ไม่คิดจะสนใจสิ่งในนอกจากซาอิน
ฉันปลดปล่อยพลังออกมาเท่าที่ตัวเองจะทำได้เพื่อฆ่ามัน
และเพราะฉันยังมีสตินั่นแหละ จึงทำให้รู้ว่าความแข็งแกร่งที่ตัวเองมีมันมากพอที่จะทำลายล้างจักรวาล แต่สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถนำโปรโตในจักรวาลนี้กลับมาได้
ไม่ว่าจะอ้อนวอนร้องขอ หรือพยายามสักแค่ไหน ชะตากรรมของเธอก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ฉันไม่สามารถฟื้นคืนชีพเธอได้อีก
「———อึก」
สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือแสงไฟจากบนเพดานหาใช่แสงที่สาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง
อะไรกัน? ฉันสลบไปนานแค่ไหนแล้วเนี้ย?
『คัตสึมิ! คัตสึมิตื่นแล้ว!』
『โฮก!!』
พอฉันหันกลับไปทางต้นเสียงพร้อมกับเอามือจับหน้าผาก ก็พบว่าโปรโตกับชิโระวางไว้อยู่ข้างๆเตียงฉัน
ดีใจจริงๆที่พวกเธอปลอดภัย…ว่าแต่ทำไมร่างกายของฉันมันหนักแปลกๆ
「….ทั้งที่ไม่ได้เจ็บตรงไหนแต่ทำไมร่างมันหนักๆจังฟะ….」
พอลุกขึ้นไปมองบนเตียงก็พบว่าฮิลด้ากำลังนอนพิงฉันอยู่ที่ข้างเตียง
「ฮิลด้า นี่เธอ….」
「หะ หือ……」
ฮิลด้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับขยี้ตาหลังฉันเรียกชื่อของเธอ
สภาพของเธอดูงัวเงียสุดๆ แต่พอเห็นฉันได้สติดวงตาของเธอก็ค่อยๆมีน้ำตาซึมออกมา
「คะ คัตสึมิคุง……!」
「ฮะ โฮ้ย อย่าร้องไห้สิฟะ」
「ทำไมจะร้องไห้ไม่ได้กันเล่า!! นายไม่รู้เลยหรือไงว่ามันผ่านมากี่ปีแล้ว?!」
「ปี!?」
ดะ เดี๋ยวนะ?! นี่ฉันอยู่ในสภาพโคม่าไปนานหลายปีเลยเหรอ?!
ถ้างั้นเกิดอะไรขึ้นกับพวกคนบนโลกนี้กัน?! จะปลอดภัยกันไหมนะ?!
『เธอโกหก』
「เอ๋」
ฉันได้สติกลับมาเพราะโปรโตที่วางอยู่ข้างๆเตือนสติ
ยะ..ยัยนี่โกหกหรอกเหรอ แล้วฉันหลับไปนานแค่ไหนกันแน่ล่ะ?
『ตั้งแต่ตอนที่พวกเรามาถึงคัตสึมิก็หมดสติไปได้ 3 วัน』
「……โฮ่ย ฮิลด้า?」
เมื่อฮิลด้าเห็นว่าฉันเริ่มโมโห เธอก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจก่อนจะเช็ดน้ำตา
「หุหุ ก็โกหกจริงแหละจ้า!!」
「ยัยนิสัยเสียนี่อย่ามาโกหกกันสิเห้ย ฮิลด้า!!」
「ว้าย」
「โฮ่ย เดี๋ยวสิฟะ อย่าวิ่งนี้สิ!!」
ฮิลด้าวิ่งหนีออกจากห้องพักไปในทันที ฉันที่เห็นก็ทำได้เพียงถอนหายใจ
…ทั้งที่ตื่นมาไม่นานแท้ๆ ต้องมาเสียพลังงานกับเรื่องไร้สาระจริงๆ
「โปรโต คือ….」
『นี่คือโลกคู่ขนานที่คัตสึมิถูกดูดมา….ฉันได้ยินเรื่องราวทั้งหมดมาจากไอ้โรคจิตของโลกนี้แล้วเลยพอจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของคัตสึมิ』
『โฮก』
「อะ อ้า」
หากเรมะอธิบายสถานการณ์ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่น่ามีอะไรต้องพูดอีก
「แล้วฉันจากโลกของพวกเรามานานแค่ไหนแล้ว?」
『ประมาณหนึ่งสัปดาห์』
แม้ช่วงเวลาจะคลาดเคลื่อนไปหน่อยแต่ไม่ได้ต่างกันมากสินะ?
『มันวุ่ยวายไปหมดพอคัตสึมิหายไป』
「แอบขนลุกเลยวุ้ย ว่าแต่ใครบ้างเหรอที่วุ่น?」
『ทุกคน』
「….คงต้องรีบกลับไปแล้วสิ」
ถึงจะไม่ใช่ความผิดของฉันแต่คงต้องรีบกลับ
「แล้วเรื่องพลังนั่น….」
『ฉันยังไม่ได้บอกใคร』
「ขอบใจมาก….ช่วยเหยียบเรื่องนี้ไม่ให้คนของโลกเรารู้ด้วยล่ะ ฉันต้องไปคุยเรื่องนี้กับเรมะก่อน」
ฉันเข้าใจดีว่าพลังที่ฉันได้รับมามันผิดปกติสุดๆ
ซาอินเป็นไอ้สารเลวก็จริงแต่ความสามารถของมันไม่ใช่เรื่องโกหก
ทว่าตัวฉันที่ได้รับพลังซึ่งสามารถโค่นมันได้ชักรู้สึกกังวลแล้วสิ
『คัตสึมิ แน่ใจเหรอว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับนาย?』
「….ถึงมันยากที่จะเชื่อ แต่ฉันสบายดี」
『ช่วยสวมฉันเอาไว้ที จะลองสแกนร่างกายนายอีกรอบ』
ว่าแล้วฉันก็หยิบเอาโปรโตมาสวม
จากนั้นแสงสีฟ้าก็ปล่อยออกมาจากข้อมือก่อนจะปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า
「ปะ เป็นไงบ้าง?」
『ร่างกายของนายไม่มีอะไรผิดปกติไปจนถึงระดับเซลล์เลย อาการบาดเจ็บก็หายดีจนหมด….แปลก』
ทั้งที่เล่นใหญ่จัดเต็มขนาดนั้นแต่ดันไม่มีผลเสียอะไรเลยสักนิด
กลับกันฉันรู้สึกฟิตสุดๆ…สภาพไม่ต่างกับก่อนหน้าเลย
『เอาเถอะ ถ้านายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว….』
『โฮก……』
ฉันเข้าใจถึงความกังวลของโปรโตกับชิโระดี
ไม่ใช่ว่าฉันพยายามจะปิดบังอะไรด้วย แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ
「นอกจากอาการปวดที่ฮิลด้าทับก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้วแหละ」
「ในที่สุดก็ตื่นสักที!! คัตสึมิซัง!!」
「หือ?」
เด็กสาวทั้งสาม อากาเนะ คิราระ อาโออิได้บุกเข้ามาในห้องฉันพร้อมกับเสียงที่ดังลั่น
ฉันยิ้มออกมาก่อนจะโล่งใจที่เห็นพวกเธอสบายกันดี
「ขอโทษทีะ คงทำให้พวกเธอเป็นห่วงมากเลยสินะ!?」
「ไม่หรอกค่ะ ฉันต่างหากที่ทำอะไรไม่ได้เลย!!」
「นึกว่าจะไม่ตื่นแล้วซะอีก」
「ไหลตามน้ำ」
ดะ เดี๋ยวก่อนสิพวกเธอ!! จะขึ้นมาบนเตียงฉันพร้อมกันเลย 3 คนทำไมฟะ?!
อากาเนะกับคิราระร้องไห้ออกมาเหมือนเป็นกังวลเรื่องของฉันสุดๆ ส่วนอาโออิเหมือนจะแค่มาเนียนกอดเฉยๆ
「เฮ้ พวกเธอ 3 คนน่ะพอได้แล้ว」
「ดะ เดี๋ยวเถอะพี่ ทำอะไรของพี่น่ะ!!」
จากนั้นเร็กซ์กับฮารุก็ตามเข้ามาในห้องและแยกพวกอากาเนะออกจากฉัน
「เร็กซ์…ฮารุ……」
「คัตสึมิ ดีใจจริงๆที่นายกลับมาอย่างปลอดภัย」
「ดีใจจริงๆที่คุณปลอดภัย……เพราะไม่งั้นฉันคง……」
ตอนนี้เร็กซ์ถอดแขนเทียมออกและอยู่ในชุดปกติแทนที่จะสวมสูท
แปลว่าการต่อสู้สิ้นสุดแล้วสินะ?
พอพวกอากาเนะเริ่มสงบสติอารมณ์กันได้ฉันก็ถามเรื่องราวหลังถูกซาอินส่งไปดวงจันทร์
「หลังคัตสึมิซังกับหมอนั่นหายไป…พวกเราก็ต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดที่เหลือค่ะ」
「อ้า ถึงโอเมก้าจะตายไปแล้ว แต่สัตว์ประหลาดก็ใช่จะตายตาม….」
ในโลกของฉันเจ้าโลกาเองก็ยังนอนเล่นอยู่ที่ก้นมหาสมุทรหลังโอเมก้าตาย
แปลว่าตอนนี้ก็ยังเหลือสัตว์ประหลาดอยู่บนโลกสินะ
「คัตสึมิซังเอาชนะซาอินได้หรือเปล่าคะ?」
「……。อ้า ฉันจัดการมันไปเรียบร้อยแล้วก็จริง แต่ว่า….」
ฉันควรจะพูดดีไหมนะ
ว่าโปรโตของโลกนี้ตายเพราะการต่อสู้กับซาอิน
ไม่สิ ฉันควรจะพูดมันออกไป
ฉันไม่ควรจะแบกรับทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพังอีกแล้ว
นอกจากนี้ฉันก็ไม่อยากเก็บเธอไว้ในความทรงจำของฉันเพียงคนเดียวด้วย
「โปรโตได้เสียสละชีวิตเพื่อฉันน่ะ」
「เอ๋ แต่โปรโตจังก็อยู่ที่นี่….」
『ฉันคือโปรโตที่มาจากโลกของคัตสึมิ ส่วนเจ้าหมานี่คือชิโระน้องสาวฉัน』
『โฮก!!』
โปรโตพูดออกมาพร้อมกับอุปกรณ์แปลงร่างที่กะพริบจอไปมา
แถมเห็นได้ชัดว่าชิโระไม่พอใจกับการแนะนำตัวจากโปรโต ก็เลยใช้อุ้งเท้าฟาดโปรโตไปหนึ่งดอก
『มาทำกันได้นะ!?』
「อย่าทะเลาะกันสิพวกเธอ」
ระหว่างที่แยกมวยฉันก็หันไปหาพวกสาวๆ
「โปรโตโลกนี้ได้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อนำโปรโตและชิโระจากโลกของฉันมา นั่นจึงทำให้ฉันสามารถเอาชนะซาอินได้น่ะ」
「แบบนี้นี่เอง ก็ว่าอุปกรณ์แปลงร่างของนายมันแปลกๆไป….ถ้าเป็นพลังดั้งเดิมของนายก็คงไม่แปลกที่จะเอาชนะซาอินได้」
เร็กซ์ที่เคยต่อสู้กับฉันในโลกเดิมมาก่อนคงเข้าใจถึงพลังที่ฉันมีระดับหนึ่ง
「ที่สำคัญคัตสึมิซัง ไหวไหมคะ?」
「ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะฉันคิดว่าโปรโตเองก็คงไม่อยากจะให้ฉันเอาแต่โทษตัวเองด้วย」
「อุ อดฮีลใจ」
「ก็บอกไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วไอ้ที่กางแขนใส่ฉันนี่มันอะไรฟะ?」
อาโออิได้ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นราวกับจะโอบกอดอะไรสักอย่าง ฉันที่เห็นก็สับสนไม่น้อย
ชักสงสัยแล้วสิว่าเพราะอะไรอาโออิโลกนี้มันถึงได้เริ่มเหมือนโลกของฉันเข้าไปทุกที
「เอาเถอะๆ ในเมื่อคัตสึมิซังก็ตื่นแล้ว พวกเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่าค่ะ」
「นั่นสินะ จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยุ่งกันสุดๆ ดังนั้นก็มาจัดปาร์ตี้เพื่อฉลองชัยชนะของมนุษยชาติกันเถอะ」
「หิวเนื้อ」
「โลกเราตอนนี้ดีสุดก็มีแค่เนื้ออัดกระป๋องนะพี่」
———ค่อยโล่ง
อากาเนะกับคนอื่นๆหัวเราะกันอย่างมีความสุข
แม้จะเป็นในโลกที่แสนสิ้นหวังแต่พวกเธอก็แสดงรอยยิ้มกันออกมาได้แล้ว
ถึงสัตว์ประหลาดจะยังหลงเหลืออยู่
แต่อย่างน้อยฉันก็หยุดยั้งชะตากรรมที่ต้องล่มสลายของพวกเธอได้สำเร็จ
「คัตสึมิซัง….เอ่อ..ไม่สิ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะพี่ชาย?」
「พี่ชาย? ……。……อ่า เอ่อคือ…เอาอะไรก็ได้แหละฉันไม่ติด」
อยู่ดีๆถูกเรียกว่าพี่ชายฉันก็ไปไม่เป็นนะเห้ย
ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆดวงตาของชิโระก็กลายเป็นสีแดง ส่วนทางโปรโตเองก็แสดงแถบสีแดงที่เขีนว่า REC ขึ้นบนจอ
「อากาเนะหยุดเถอะ เดี๋ยวคัตสึมิซังก็ลำบากใจแย่」
「ตะ แต่ว่าคัตสึมิซังก็ยอมรับเป็นพี่ชายฉันแล้วนะ?」
「ดูเหมือนความทรงจำของเธอจะมีปัญหานะ รับการตบเตือนสติไปสักดอกดีไหม」
「อย่าพูดมั่วซั่วสิ อากาเนะ———ฉันต่างหากน้องสาวที่แท้จริงของเขา」
「พี่เองก็วางถุงกาวลงก่อนเถอะ」
ฉันเองก็เป็นลูกคนเดียวเลยไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนที่มีพี่น้องเท่าไหร่ด้วยสิ
「ไม่หลงเหลือความละอายใจบ้างเลยหรือไง」
「เธอไม่สามารถใช้คำว่าน้องสาวได้หรอก คิดดูสิถึงจะอ่อนกว่าเขาแต่เธอก็มีน้องสาวที่เด็กกว่านะ ส่วนตัวฉันคือน้องเล็กสุดของบ้าน ดังนั้นสารตั้งต้นของคำว่าน้องสาวจริงๆต้องเป็นฉันต่างหาก มีแค่ฉันมีสามารถเรียกเขาว่าพี่ชายได้อย่างเต็มปาก ใช่ไหมคะพี่?」
「อะ อ้า」
ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกเขินแปลกๆพออากาเนะเรียกฉันว่าพี่ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอกลับไปโลกเดิมคงมองหน้าอากาเนะไม่ค่อยติดแหง
***
หลังจากเลี้ยงฉลองชัยชนะกันไปช่วงเย็น ฉันก็เข้าไปพบกับเรมะที่อยู่ภายในห้องบัญชาการ
「ค่อยโล่งหน่อยที่คัตสึมิคุงฟื้นสักที」
「อ้า ฉันเองก็ดีใจเหมือนกันที่ทุกคนปลอดภัยดี」
เขากำลังนั่งตรวจสอบศพของพวกสัตว์ประหลาดที่เก็บมาได้เหมือนตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง
「ฉันขอบคุณนายจริงๆ ไม่ว่าจะพูดเท่าไหร่ก็ไม่พอ แต่ขอบคุณนะที่ช่วยเหลือโลกของพวกเราเอาไว้」
「พวกสัตว์ประหลาดยังไม่หมดเสียหน่อย」
「อ้า เรื่องนั้นฉันก็อยากจะพูดอยู่เหมือนกัน…ก่อนอื่นคงต้องคุยเรื่องที่นายกลับมายังโลกนี้เมื่อวันก่อน」
จากนั้นเรมะก็ฉายภาพขึ้นบนจอซึ่งถ่ายมาจากโดรน
「นี่คือภาพภายในตัวเมืองเมื่อ 2 วันก่อนหลังจบเรื่องในอาณานิคมที่ 3」
มันคือภาพแถวๆอาณานิคมที่ 2
ประตูมิติสีขาวได้ก่อตัวขึ้นตรงกลางลานกว้าง จากนั้นก็มีร่างของฉันที่หมดสติออกมาจากภายใน
「คัตสึมิคุง นายกลับมาจากดวงจันทร์ด้วยสิ่งนี้ได้ยังไง?」
「……อันที่จริง」
ไม่จำเป็นต้องซ่อนเรื่องของรูอินไว้ด้วยสิ
นอกจากนี้ในจักรวาลของเรมะก็ไม่มีรูอินอยู่ด้วย
———เพราะเธอคือตัวตนเพียงหนึ่งเดียว
ไม่ว่าจะจักรวาลหรือเส้นเวลาไหนก็มีเธอเพียงคนเดียว
「เข้าใจแล้ว นายเองก็มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้รออยู่สินะ」
「จะให้พูดก็แค่เป็นตัวปัญหาที่ชอบจับตาดูฉันตลอดเวลาน่ะ….」
「จะให้สรุปก็คือรูอินเป็นตัวตนสูงสุดในจักรวาลนายเหมือนกับซาอินที่เป็นตัวตนสูงสุดในจักรวาลฉัน….」
เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่ถึงพลังจะคนละระดับเลยก็เถอะ
ไม่สิต้องบอกว่ารูอินนั่นแหละที่ผิดปกติเกินกว่าเพื่อน
「———เอาเถอะ กังวลไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เปลี่ยนเรื่องดีกว่า」
「อะ อ้า」
เรมะเปลี่ยนภาพที่แสดงอยู่บนจอ
「สิ่งที่ฉันจะพูดจากนี้คืออนาคตของพวกฉัน」
「ของพวกฉันงั้นเหรอ?」
「อ้า ฉันไม่สามารถพึ่งพานายได้ตลอดหรอก หากไม่คิดจะทำอะไรเลยคงกลายเป็นพวกงอมืองอเท้าแหง」
———เรมะเองก็คงรู้ตัวดี ว่าฉันไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ไปได้ตลอด
สุดท้ายฉันก็ต้องกลับไปยังที่ที่ฉันจากมา
「ดังนั้นจากนี้ไปจะเป็นเรื่องของการจำกัดสัตว์ประหลาดและค้นหาผู้รอดชีวิต」
สัตว์ประหลาดที่โอเมก้าสร้างขึ้นยังไม่ตายหมดโลก
หลักการทำงานของมันไม่ใช่การฆ่าหัวแล้วตัวจะตายตาม
「มนุษยชาติยังไม่หลุดพ้นจากการล่มสลาย นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้」
「ถึงแม้โอเมก้าจะตายไปแล้วเหรอ?」
「ปัญหามันอยู่ตรงที่พวกสัตว์ประหลาดซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลกยังคงล่ามนุษย์ ก็จริงว่าพวกฉันมีสูทที่ใช้ต่อสู้กับพวกมันได้ แต่สำหรับกลุ่มคนที่กระจายไปทั่วโลกใช่ว่าจะมีแบบพวกเราเสียหน่อยนั่นแหละคือปัญหาจริงๆ」
「……」
หากปล่อยไว้พวกเรมะก็จะกลายเป็นมนุษ์กลุ่มเดียวที่เหลืออยู่บนโลกนี้
แถมสัตว์ประหลาดบางตัวที่ข้ามน้ำข้ามทะเลได้อีก
แค่ตัวเดียวก็สามารถทำลายเมืองได้ทั้งเมืองแล้ว สิ่งมีชีวิตสุดอันตรายที่กระจายไปทั่วโลก…โอกาสในการรอดชีวิตของมนุษยชาติช่างน้อยเหลือเกิน
「ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่สักแค่ไหน แต่ฉันก็เชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนที่สามารถหลุดพ้นจากสายตาของพวกมันได้แน่ นั่นแหละคือเป้าหมายของฉัน ฉันจะต้องหาพวกเขาให้เจอให้ได้」
「แล้วหลังจากนั้นล่ะ?」
「……เรื่องนั้นฉันเองก็ยังคิดหนักอยู่เหมือนกัน」
เรมะกำหมัดด้วยสีหน้าที่ขมขื่น
บางทีเขาคงพยายามคิดอย่างหนักจริง แต่หนทางข้างหน้าก็ยังยากลำบาก
「อันที่จริง ฉันกำลังคิดอยู่ว่าหากเป็นไปได้ฉันจะรวบรวมนุษย์โลกให้ได้มากที่สุดแล้ว ขอความช่วยเหลือจากโลกของนายน่ะ」
「! หมายความว่า……」
「อ้า ฉันจะย้ายคนของโลกใบนี้ไปยังโลกของนาย…ถึงนั่นอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควรเลยก็เถอะ」
ย้ายมาอยู่โลกของฉัน?!
ฉันรู้สึกประหลาดใจสุดๆกับความคิดของเขา
「โลกของฉันกับโลกของนายมันแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์ อดีตปัจจุบันอนาคตก็ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆต่อกัน ดังนั้นการข้ามโลกไปก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับคนทั้งสองโลกแน่นอน….อย่างน้อยก็ในทางเทคนิค」
「………แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ? ถึงฉันจะถูกส่งมาที่นี่แบบง่ายๆเลยก็เถอะ แต่นั่นก็เป็นเพราะพลังของลำดับที่ 2」
「อ้า ฉันเข้าใจที่นายจะพูด แต่ฉันได้ความเป็นไปได้นั้นมาแล้ว」
「ความเป็นไปได้?」
เขาไปได้วิธีมาจากไหนกันนะ?
เรมะที่เห็นว่าฉันสงสัยก็เริ่มพูดต่อ
「เพื่อนของนาย ฮิลด้าน่ะได้มองแกนพลังงานพิเศษที่ถูกเรียกว่าแกนพลังงานแห่งดวงดาราให้กับพวกเรา」
แกนพลังงานของพวกเซไคเซ็นไต
พลังที่ฮิลด้าครอบครองเอาไว้….ซึ่งมันสำคัญกับเธอมากแน่นอน
ฉันละรู้สึกแปลกใจสุดๆที่เธอยอมมอบมันให้คนอื่นง่ายๆ
***
ดาดฟ้าที่ฉันกับคิราระเคยพูดคุยกันก่อนออกไปสู้
ฮิลด้าได้ยืนชมวิวอยู่ข้างบนนั้น
ในขณะที่เธอกำลังเฝ้ามองดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น ฉันก็เรียกเธอ
「..คิราระกับคนอื่นๆกำลังเตรียมอาหารกันอยู่」
「จะชวนฉันไปกินด้วยเหรอ? ฉันเป็นศัตรูของนายนะ」
「……」
พูดอะไรของยัยนี่กัน
ชอบทำตัวดื้อไม่รู้เวลา เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันตอนกลับโลกเดิมดีกว่าไหม?
แต่นั่นสิ….หากกลับไปแล้วพวกเราต้องเป็นศัตรูกันจริงๆเหรอ
เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เลยหรือไง
『คัตสึมิ ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะแต่…..』
「โลกนี้ฉันถูกยัยนี่ช่วยเอาไว้เยอะ ก็เข้าใจว่าเธอเป็นห่วงนะ แต่เอาไว้ก่อนเถอะ」
「ฉันไม่คิดจะแย่งเขาไปหรอกจ้า」
『จะแสดงให้เห็นถึงความต่างในลำดับชั้นเองคอยดูเถอะ』
โปรโตเหมือนจะไม่เล่นด้วยกับฮิลด้า
ฉันเข้าไปหยุดโปรโตเอาไว้ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องหลัก
「ฮิลด้า เธอคิดอะไรของเธออยู่กัน」
「ได้ยินจากโกลดี้แล้วเหรอ」
「อ้า」
แกนพลังงานแห่งดวงดารา
ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงมอบมันให้กับเรมะอย่างง่ายดายทั้งที่มันเป็นพลังสำคัญสำหรับต่อกรกับฉัน
「ทำไมเธอถึงยอมสละพลังที่ต้องทนลำบากกว่าจะได้มันมาเพื่อสู้กับฉันให้คนอื่นล่ะ」
「พอพูดแบบนี้มันก็เจ็บปวดน้า……」
ก็ฉันพูดเรื่องจริงนี่หว่า
พลังที่เธอได้มาคือพลังของพวกเซไคเซ็นไต
ถึงมันจะสร้างความเดือดร้อนให้ฉันมากมาย แต่มันก็คือแผนของเธอในการหาพลังมาต่อสู้กับฉัน
ฮิลด้ายิ้มออกมาก่อนจะเอนตัวพิงราวกั้น
「ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแกนพลังงานมันต้องการน่ะ」
「……จะบอกว่ามีความนึกคิดเหรอ?」
「แทนที่จะเรียกว่ามีความนึกคิด คงต้องเรียกว่าเป็นจุดหมายของมันแต่แรกแล้วมากกว่า สารตั้งต้นของมันคือพลังงานที่มีไว้เพื่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล พลังที่ใช้ต่อสู้กับความชั่วร้าย พอมาเห็นโลกแบบนี้มันก็เลยเรียกร้องละมั้ง?」
เนื่องจากแก่นแท้ของมันคือความสามารถในการฟื้นฟูและปกป้องดวงดาว การที่มันแสดงความต้องการแบบนี้ออกมาก็คงไม่แปลก
แต่ว่าฮิลด้าเองก็สามารถเลือกได้นี่นาว่าจะมอบมันให้พวกเขาไหม
「ถึงจะมาถามฉันว่าเพราะอะไรก็เถอะ แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไปทำไม」
「……」
「ความผิดปกตินี้ 70% ก็เกิดขึ้นเพราะนายนี่แหละ….ความรู้สึกสดชื่นเมื่อได้ทำเรื่องดีๆ!! ความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนทำเรื่องชั่วๆ!!」
「เธอเป็นพวกเวลาได้ทำชั่วจะรู้สึกดีไม่ใช่เหรอฟะ」
「……ไอ้ก่อนหน้านี้มันก็ใช่อยู่หรอก」
แล้วจะบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เหรอ?
ก่อนที่จะข้ามโลกมาพอนึกถึงวีรกรรมของเธอแล้วก็หัวจะปวด….เธอจะบอกว่าพอมาโลกใบนี้นิสัยเปลี่ยนไป?
แต่หากนับอายุจิตใจของเธอตั้งแต่กำเนิดมาในฐานะอัลฟ่าแล้ว…ก็อาจะเรียกว่าเป็นพัฒนาการละมั้ง
「เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็อย่าได้ลืมเชียวในอดีตเธอทำอะไรแย่ๆเอาไว้บ้าง กลับไปคงต้องไปตามล้างตามเช็ดกันอีกยาว」
「……คัตสึมิคุงนี่ไม่เข้าใจจิตใจของสาวน้อยเลยน้า」
「ฉันก็เคยบอกเธอไปแล้วไงว่าหากไม่พูดออกมาก็ไม่มีใครเข้าใจเธอหรอก……」
ความรู้สึกของฉันในตอนนี้กับเธอมันต่างไปจากอดีตพอสมควร
ฉันเดินเกาหัวก่อนจะไปอยู่ข้างๆฮิลด้า
「แต่อย่างน้อยฉันก็คิดว่าได้รู้จังเธอมากขึ้นหลังมาที่โลกใบนี้นะ」
「……อึก เดี๋ยวสิ!! อย่ามาทำอะไรแบบนี้สิเดี๋ยวฉันก็!!!! อุ๊ก———!!」
「อยู่ๆเป็นอะไรของเธอน่ะ」
ฮิลด้าพยายามใช้มือทั้งสองของเธอมาปิดปากตัวเองเอาไว้แล้วส่งเสียงอู้อี้ออกมาราวกับกำลังสู้กับตัวเอง
หลังผ่านไปหลายสิบวินาทีเธอก็เริ่มสงบลงแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้า
「……….ในตอนแรกฉันคือคนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว」
「……」
「แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ชาย น้องสาว….ฉันก็ฆ่าพวกเขาไปจนหมด」
「ถามได้ไหมว่าเพราะอะไร?」
「เพราะพวกเขาพยายามจะสังเวยฉันที่ตื่นขึ้นมาในฐานะอัลฟ่าน่ะ พวกเขาทำร้ายฉันทั้งทางกายและใจ———เพียงเพราะว่าฉันกลายเป็นอัลฟ่า」
ถึงฉันจะอ่านใจเธอไม่ได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังพูดดูถูกและสมเพชตัวเองอยู่
「พวกเขาทรยศและพยายามจะฆ่าฉัน….แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นความทรงจำในตอนที่พวกเรายังเป็นครอบครัวคนสำคัญของกันและกันก็ยังอยู่ ความทรงจำที่เคยหัวเราะร่วมกันเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆ…..ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับฉันมากสักแค่ไหน มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ฉันรักพวกเขาได้เลย」
พอพูดจบฮิลด้าก็หันมาหาฉันพร้อมกับหัวเราะ
แม้เธอจะยิ้มอยู่ แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าและสิ้นหวังจนใจแทบจะขาดจากเธอ รวมไปถึงความโกรธที่พวยพุ่งออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ
「นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ ไม่ว่าจะผูกพันกันสักแค่ไหน ไม่ว่าจะนายจะมอบความรู้สึกดีๆมาให้ฉันมากเท่าไหร่…ฉันก็ไม่สามารถให้อภัยคนชั่วที่ชื่อฮิลด้าได้ 」
「ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่」
「———เอ๋?」
ยัยนี่เหมือนกับฉันไม่มีผิด
ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ฉันก็ไม่สามารถลืมเรื่องราวในวันนั้นได้เลย จนต้องลุกมาอ้วกทุกครั้งที่ฝันถึงมัน
ทว่าความต่างอาจจะเป็นเธอไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่สำคัญ
เธอคงจะเอาแต่โทษตัวเอง———จนทำเรื่องแย่ๆที่ไม่มีทางหวนคืน
พอได้ยินความรู้สึกจริงๆของเธอแล้วฉันก็พอจะรู้แล้วว่าต้องทำอะไร
「ฉันจะเป็นคนจัดการเธอเอง」
ต้องขอบคุณพวกอากาเนะที่จับตัวฉันไปและทำให้ฉันได้กลับมาเป็นคนปกติอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นฉันก็แค่ต้องทำแบบเดียวกัน
ก่อนอื่นก็ต้องจัดการยัยนี่แล้วจับกลับมาที่ฐาน
ฮิลด้าที่ได้ยินก็กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก
「โดนจีบซะแล้วสิ」
「หา? อย่ามาพูดอะไรแปลกๆสิฟะ ฉันรู้นะเฟ้ยว่าเธอกำลังจะเล่นอะไร…อย่าได้คิดเชียว」
「โถ่ คัตสึมิคุงนี่ละก็ ฉันว่านายควรจะไปฝึกอ่านบรรยากาศมาให้ดีกว่านี้หน่อยน้า」
คนบ้าที่ไหนเขาจะมาจีบกันด้วยวิธีการนี้ฟะ
ตีหัวลากเข้าบ้านเนี้ยมันเป็นการใช้ความรุนแรงชัดๆ ไม่ได้มีความโรแมนติกอะไรอยู่เลยนะเออ
—จบ—
ในอนาคตคงได้เห็นการตีกับตัวเองในต่างโลก ส่วนพวกที่จะเข้าขากันสุดคงเป็นเรมะที่บ้าคูณสอง โปรโตกับชิโระก็อัดวิดีโอเอาไว้เชือดอากาเนะเรียบร้อย
หากสงสัยว่าตีหัวลากเข้าบ้านเป็นยังไงถามบ้านอาราซากะได้
ฮิลด้าจากทรงแล้วคงไม่พ้นได้กลายเป็นจัสติสพิงค์แหง
บทต่างโลกตอนหน้าตอนสุดท้ายครับ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code