อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 142 โลกคู่ขนาน 19
ฉันเชื่อมาโดยตลอดว่าฉันคือสิ่งที่เกิดมาเพื่อปกครองจักรวาลและทุกชีวิต
พลังในการควบคุมสสารมืดที่ไม่มีใครเทียบเคียง
จนถึงตอนนี้มันก็สามารถจัดการศัตรูและปกป้องร่างกายของฉันไม่ให้มีใครสามารถสร้างบาดแผลได้
ทว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความผยอง
จริงอยู่ว่าสสารมืดนั้นทรงพลัง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดที่อยู่เหนือเหตุและผลมันก็ไร้ค่า
「ฮะ、……แฮกๆ……!!」
ฉันยังมีชีวิตอยู่
แม้ว่าจะเกือบถูกหลุมดำที่เกิดจากการระเบิดของดวงดาวกลืนกิน แต่ฉันก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยการสร้างประตูมิติในหลุมดำ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากขนาดที่ฉันสร้างขึ้นมาได้มันเล็กมาก เพื่อจะเอาชีวิตรอดฉันจึงต้องสละทั้งแขนและขา ให้เหลือแค่ลำตัวลอดประตูมิตินั้นไป
「หะ หากไม่รีบหนีมา…คงได้ตายในนั้นแน่….」
ฉันหนีมายังดาวเคราะห์ที่ไม่รู้จัก
ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต รอเพียงการล่มสลาย ผืนดินที่แห้งแล้ง ท้องฟ้าที่ถูกย้อมด้วยสีสนิม…สภาพคงไม่ต่างอะไรกับฉันในตอนนี้
ร่างกายที่ถูกย่ำยีเสียจนยับเยินค่อยๆฟื้นฟูขึ้นเรื่อยๆ แต่ความสั่นกลัวนี้กลับไม่หายไปไหนเลย
「ไอ้เจ้าสิ่งนั้น…มันไม่ควรจะมีอยู่…」
ต่อหน้ามันสสารมืดก็ไร้ความหมาย
ชะตากรรมที่เหมือนถูกกำหนดมาแล้ว
ฉันคงไม่สามารถหลบหนีจากมนุษย์โลกนั่นได้
ฉันเข้าใจเป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะหนีไปไกลสักแค่ไหน มันก็จะตามล่าฉันจนถึงที่สุด
ความโกรธและความเกลียงชังที่มากล้น หากไม่ได้ฆ่าฉันคงไม่มีทางบรรเทา
「ไม่สิ แค่หนีไปในมิติที่มันไปไม่ถึง…จะที่ไหนก็ได้!! อิริสเตโอ้!! พาฉันออกไปจากที่นี่ซะ!! อิริสเตโอ้!!」
ฉันตะโกนเรียนชื่อของอิริสเตโอ้ ลำดับที่ 1 ผู้สามารถเดินทางข้ามจักรวาลได้
แต่ไม่ว่าฉันจะส่งเสียงเรียกสักแค่ไหน ลำดับที่ 1 ก็ตอบไม่กลับมา
การตะโกนพูดที่แสนไร้ค่า
「———อึก อย่ามาล้อกันเล่นนะเว้ยยยยย!! แกคิดว่าใครทำให้แกอยู่ในลำดับที่ 1 กัน!! ไอ้ระยำ หากไม่ใช่เพราะวาส….หากไม่ใช่เพราะไอ้แก่สวะนั่นมันทรยศฉันละก็ ฉันก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้หรอก โว้ยยยยยย!! บัดซบ บัดซบเอ้ย!!!」
ตะโกนด่าไปก็ยังไม่คิดจะตอบอะไรกลับมา
ในขณะที่ฉันกำลังจมอยู่ในความเป็นจริงที่แสนโหดร้าย สัญญาณแห่งความสิ้นหวังก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
「อะ อ้า……」
แสงสว่างที่พร้อมสาดส่องทั่วผืนนภา ร่างที่แสนคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงประตูมิติ
สัตว์ประหลาดร่างสีแดงทอง ที่มีดวงดาวโครจรอยู่เบื้องหลัง
แสงสว่างแห่งความสิ้นหวังชายตามองฉันที่หมอบคลานอยู่กับพื้น
『……』
จากนั้นแสงสว่างก็มารวมตัวกันที่มือของมัน แล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นธนูสีน้ำเงินขนาดใหญ่
พลังงานสีสดใสจากข้างหลังของมันรวมตัวกันให้กลายเป็นศร ก่อนจะถูกยิงขึ้นไปในอวกาศ
「……」
เสียงแตกตัวของแร่ธาตุปริศนาได้ดังก้องกังวาน
ศรแห่งแสงที่บรรจุพลังงานเกินกว่าจะเชื่อได้ มันแตกตัวจนกลายเป็นศรนับพันแล้วร่วงหล่นลงมายังผืนดินราวกับห่าฝน ที่พร้อมจะทำลายดวงดาวตรงหน้า
「มะ ม่ายยยยยยยยยยยย!!?」
ฉันรู้ได้ทันทีว่าแค่ดอกเดียวก็สามารถทะลวงดวงดาวได้แล้ว ฉันจึงพยายามจะหลบมันอย่างสุดชีวิต แต่จำนวนของมันที่ร่วงหล่นลงมามันเกินความสามารถของฉันไปไกลเหลือเกิน ขาทั้งสองข้างของฉันได้หายไปอีกครั้งขณะหนี
ชนะก็ไม่ได้…จะสร้างบาดแผลให้ก็ไม่ได้!!
สิ่งที่ทำได้มีเพียงการหนีตาย!!
「ตะ ต้องรอด———」
『อ๊ากกกกก!!』
「อุก!?」
ก่อนที่ขาของฉันจะงอกขึ้นมาใหม่เสร็จ ก็มีมือมาคว้าหัวของฉันกระแทกลงกับพื้นด้วยควาเร็วแสง
「อั๊ค……!?」
กะโหลกศรีษะส่งเสียงกรีดร้องออกมา ร่างกายของฉันถูกกดลงกับพื้น
จากนั้นมันก็กระชากคอของฉันขึ้นมาและส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธและเกลียดชัง โดยมีฉากห่าฝนแห่งการทำลายล้างอยู่เบื้องหลัง―――ตอนนี้มันได้ทำการรวบรวมพลังไว้ในมือขวาของมันแล้ว
「———」
พื้นที่รอบตัวของมันถูกห่อหุ้มไปด้วยสีสันที่หลากหลาย ดาบแห่งแสงก่อตัวขึ้นที่มือขวาของมัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแสงสีแดง
ดาบที่ไร้ซึ่งด้ามจับ・・・มันเหวี่ยงมันลงมาใส่ร่างของฉันอย่างไม่ลังเล
「อะ……อะ……」
ไม่มีเสียงของการฟันใดๆเกิดขึ้น
ทุกสิ่งที่อย่างพังทลายลง ทุกตารางนิ้วตรงหน้าของมันถูกกวาดล้างจนสิ้นไม่เหลือสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า ราวกับเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของมัน
「———」
ในวินาทีนั้นเองฉันก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าความตาย
ฉันเข้าใจอย่างสุดซึ้งแล้วว่ามันคืออะไร ความกลัวและความสิ้นหวังได้จางหายไปเหลือเพียงความโล่งใจที่ในที่จุดตัวเองก็สามารถตายได้แล้วเสียที
***
ดาวเคราะห์ได้ถูกทำลายล้างจนสิ้น
ฉันใช้พลังทั้งหมดเพื่อกำจัดซาอินไม่ให้เหลือซาก สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้มีเพียงจักรวาลที่ถูกย้อมด้วยสีแดงดำ ปลายทางของเส้นดาบที่วาดไปถูกแต่งเติมด้วยสีสันสดใส
มันคือรอยบาดแผลขนาดใหญ่ที่ฉันทิ้งเอาไว้ในจักรวาลแห่งนี้
มีเพียงตัวฉันคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจดีว่ามันคือร่องรอยแห่งความโกรธแค้นภายในใจของฉัน
「……」
ความโกรธที่มีตอนนี้มันได้จางหายไป
หลังจากฆ่าไอ้สารเลวซาอินลงเสร็จ ฉันก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที ด้วยความรู้สึกที่แสนโศกเศร้า ยิ่งที่กว่าโกรธที่เคยมี
「……ฉัน」
หัวเข็มขัดหลุดออกมา การแปลงร่างถูกปลด
จากนั้นมันก็สลายไปแล้วกลายเป็นโปรโตกับชิโระที่ฉันคุ้นเคย
『คัตสึมิ ไหวหรือเปล่า!?』
『โฮก!!』
「โปรโต……ชิโระ……」
พวกเธอส่งเสียงเรียกเพื่อให้ฉันได้สติ
แต่ฉันก็โกรธมากเสียจนไม่คิดจะหยุดจนกว่าจะฆ่าซาอินได้
ฉันบังคับให้พวกเธอต้องมาต่อสู้ทั้งที่ไม่ต้องการ
สุดท้ายก็จบลงที่ฝืนดึงพลังออกมาจากเข็มขัดจนถึงขีดสุด
ฉันทำกับโปรโตและชิโระเหมือนเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น
「ฉันขอโทษพวกเธอด้วยนะ….!!」
『ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก!! ว่าแต่มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของนายไหม?!』
『โฮก!!』
จะว่าไปแล้ว อาการบาดเจ็บที่ได้มาจากการสู้กับซาอินมันก็หายไปจนหมด
ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร อย่างอื่นก็ไม่ต่างอะไรกับก่อนแปลงร่างนัก
「ฉันสบายดี ร่างกายก็ไม่มีอะไรผิดปกติดังนั้นคงไม่เป็นไร」
『ทั้งที่นายใช้พลังไปขนาดนั้นแท้ๆ…แต่ถ้าไม่เป็นอะไรฉันก็โล่งใจ……』
หากมองดูให้ดีๆเหมือนรูปร่างของโปรโตกับชิโระจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยด้วย
บนร่างของพวกเธอมีเครื่องหมาย X สีน้ำเงินติดอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกคล้ายกับโปรโตจากโลกนี้อย่างน่าประหลาด
……。
แต่โปรโตโลกนี้ก็ได้จากไปแล้ว
เพราะการเสียสละของเธอ จึงทำให้ฉันรอดมาได้
『คัตสึมิ คนที่เรียกพวกเรามาที่นี่….』
「อ้า เป็นตัวเธอโลกนี้น่ะ」
『……』
คงจะเป็นความรู้สึกที่แปลกสำหรับโปรโตเหมือนกัน
ฉันเองก็ยังทำใจไม่ได้เลยที่โปรโตเสียสละตัวเองเพื่อเรียกตัวเธอจากโลกของฉันมา
ในขณะที่ฉันกำลังจะพูดกับโปรโตต่อ ก็มีแขนหนึ่งเข้ามาโอบรอบคอฉันเอาไว้จากข้างหลัง
「คัตสึมิ」
「……」
ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้ว่ายัยนี่เป็นใคร
ฉันถอนหายใจขณะที่รูอินโอบฉันเอาไว้
ยัยนี่ไม่ได้คิดจะบีบคอฉันให้ตายหรืออะไร สิ่งที่เธอทำมีเพียงการโอบกอดฉันเอาไว้ เป็นความรู้สึกที่น่ารังเกียจชะมัด
โปรโตกับชิโระที่อยู่ใกล้ๆก็ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
「…ฉันไม่คิดจะสู้กับแกตอนนี้หรอก」
「เรื่องนั้นแค่เห็นก็พอจะรู้แล้ว」
ฉันไม่มีแรงพอจะไปดึงมือยัยนี่ออกด้วย ก็เลยนั่งลงกับพื้นแล้วยอมแต่โดยดี
ยัยนั่นเองก็นั่งลงตามแล้วเกาะไม่ห่างไปไหน
หมดแรงจะต่อต้านหรือเถียงอะไรกลับไปจริงๆ
「จะว่าไป ทำไมฉันถึงยังหายใจได้กันล่ะ?」
ที่นี่ไม่ใช่โลกหรือดาวที่น่าจะมีออกซิเจน
มันคืออวกาศที่กว้างใหญ่
และตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในอวกาศที่ว่า
「เพราะมันคือของของแกยังไงล่ะ」
「หา?」
「ทำไมสถานที่ที่เป็นของแก จะต้องพยายามฆ่าแกด้วยล่ะ?」
「……มันมีของแบบนี้ได้ด้วยเหรอ」
จักรวาลที่เกิดรอยแผลจากการโจมตีของฉัน
มิติที่บิดเบี้ยว ซึ่งทำให้ฉันตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันเลวร้ายขนาดไหน
จากนั้นรูอินก็ได้ปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากคอของฉันแล้วเอื้อมมือไปทำอะไรสักอย่าง
「ภาพตรงนี้ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ เปลี่ยนหน่อยแล้วกัน・・・・・・・」
จากนั้นก็มีบางอย่างวิ่งไปรอบๆท้องฟ้า รูอินทำการสะบัดมือหนึ่งครั้งเหมือนกับการพัดเอาสิ่งแปลกปลอมให้หายไป
ไม่นานนักจักรวาลที่อยู่เบื้องหน้าของฉันก็ถูกทาสีเสียใหม่ไปตามมือของเธอ
สิ่งที่เข้ามาแทนคือท้องฟ้าสีดำ และดวงดาวที่ล่องลอยอยู่
ความเงียบสงบที่แตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้———ฉันรู้จักพลังนี้ดี
「พลังที่แกเคยใช้ในการต่อสู้ครั้งแรกกับฉัน」
「ก็ดีไม่ใช่หรือไง? พลังที่เคยเป็นเพียงของฉันแต่เพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้มันเป็นของแกกับฉันแล้ว」
「แกน่ะดีกว่าฉันเยอะ…สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียงแต่การทำลาย」
「……」
พลังในร่างของฉันก่อนหน้านี้ก็ทำเหมือนกับเธอได้
แต่มันก็เท่านั้นแหละ….
「ฉันเสียใจเรื่องอัลฟ่าด้วย」
「……นั่นความผิดของฉันเอง」
「อ้า มันเป็นความผิดของแก」
รูอินตอบกลับมาโดยไม่คิดจะแย้งคำพูดของฉัน
「แกนกลางของจักรวาลนี้เลือกความตายก็เป็นเพราะตัวแก」
ว่ากันตามตรงฉันรู้ดีกับคำพูดตอกย้ำของรูอินมากกว่าการปลอบใจอะไรเสียอีก
โปรโตโลกนี้ต้องมาตายเพราะฉัน
ฉันคือคนที่ทำให้เธอต้องเลือกเส้นทางนี้
นี่คือความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือลืมเลือนได้
「แกทำได้ดีมาก ฉันควรจะขอบคุณแกจริงๆ สำหรับทุกสิ่งที่แกทำลงไป」
「แกหมายถึง……」
「เพราะตอนนี้แกได้ทิ้งบาดแผลที่ไม่มีวันหายไปให้กับฉันได้สำเร็จแล้ว….บาดแผลของจิตใจจนที่มันบิดเบี้ยวไปไม่เหมือนเก่า」
ฉันไม่เข้าใจที่ยัยนี่พูดเลยสักนิด
รูอินในตอนนี้ต่างไปจากที่ฉันรู้จัก
แม้มันยากจะอธิบาย แต่ฉันสัมผัสไม่ได้ถึงแรงกดดันอันน่ากลัวของยัยนี่เลย
「คนที่แกเพิ่งฆ่าไปคือพ่อของฉัน」
「หา」
「ถึงจะเป็นอีกจักรวาลก็เถอะ」
「……。เดี๋ยวหมายความว่ายังไง คิดจะล้างแค้นให้มันงั้นเหรอ? ไม่สิ แกไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องอะไรแบบนี้แน่นอน」
อันที่จริงดูจากท่าทางของเธอแล้วก็เหมือนจะไม่ได้สนใจความเป็นตายของพ่อตัวเองเสียด้วย
「พ่อของฉันปฏิเสธตัวตนของฉัน และบอกว่าฉันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดมา」
「……」
「ถึงจะไม่ได้เจ็บปวดกับคำนั้น แต่ฉันรู้สึกผิดหวัง ฉันรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนกับฉันได้ แต่พ่อของฉันที่ถูกขนามนามว่าแข็งแกร่งที่สุดก็ยังสาปแช่งฉันว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิตเขา」
———ทำไมรู้สึกเหมือนฉันกับเธอคล้ายกันแปลกๆ
ถึงจะแตกต่างกันในเนื้อหา แต่สถานการณ์ก็ใกล้เคียงกันไม่น้อย
「และในตอนที่ฉันรู้สึกว่าคงไม่มีใครอยู่เคียงข้างฉันได้แล้วนั้นเอง―――」
แรงกอดบริเวณคอของฉันแรงขึ้นนิดหน่อย
「คัตสึมิ แกในตอนนี้ได้มาถึงจุดที่ฉันอยู่แล้ว」
「……รูอิน ฉันน่ะ———」
「ฉันรู้ว่ามันแปลก」
เธอขัดคำพูดของฉันแล้วพูดต่อ
「ฉันเฝ้ารอการตื่นขึ้นของแกอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งที่ตอนนี้ฉันควรจะมีความสุขแท้ๆ ทว่ามันกลับมีอารมณ์อื่นก่อตัวขึ้นในใจของฉันด้วย」
「……」
「ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร…แต่ฉันไม่สามารถทนดูแกต้องเจ็บปวดเพราะการจากไปของอัลฟ่าไม่ได้จริงๆ….ฉันสงจริงๆว่ามันหมายความว่ายังไง」
ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่ายัยนี่รู้สึกยังไง
เพราะเสียงที่เธอพูดออกมามันไม่ได้มีความสุขอะไรเลยสักนิด เป็นน้ำเสียงที่ดูสับสนเสียมากกว่า
แต่ฉันก็ไม่มีคำตอบสำหรับสิ่งที่เธอถาม
「———อุ」
อยู่ดีๆฉันก็ถูกความง่วงเข้าโจมตี
ไม่ใช่ว่ารูอินทำอะไรแปลกๆกับฉัน แต่นี่น่าจะถึงขีดจำกัดของร่างกายและจิตใจที่ฉันจะรับไหวแล้ว
เมื่อฉันไม่สามารถต้านทานมันได้ รูอินก็ทำการวางฝ่ามือเอาไว้ที่ดวงตาของฉันในขณะที่ฉันหลับตาลง
「เหมือนจะฝืนไปนะ」
「เหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ? พักผ่อนเถอะ」
「แล้วก็ไม่ต้องห่วง เพราะฉันจะยังไม่ส่งแกกลับไปตอนนี้」
「ไว้หลังจากที่แกได้กล่าวลาคนในจักรวาลนี้เสร็จ ฉันค่อยส่งแกกลับก็แล้วกัน」
สุดท้ายแล้วรูอินต้องการอะไรกันแน่นะ
แต่สิ่งที่ฉันมั่นใจได้เลยก็คือว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากพลังนี้ตื่นขึ้นมานอกจากตัวฉันที่ถูกความโกรธเข้าครอบงำแล้ว มันยังส่งผลต่อรูอินอีกด้วย
***
ทิ้งท้ายจากผู้แต่ง
ตอนแรกผมก็คิดว่าร่างไฟนอลฟอร์มของตัวเอกจะแข็งแกร่งเกินไปไหม แต่พอได้เห็น Ohma Zi-O แล้วผมก็คิดว่าประมาณนี้คงไม่แย่เท่าไหร่
—จบ—
สิ่งที่สร้างแผลใจให้กับรูอินนั้นคืออะไรกันแน่……สุดท้ายก็คงต้องรอต่อไป แต่เหมือนจะโอ๋คัตสึมิกว่าเดิมวุ้ย
ร่างgemini ต้องโดนเนิฟไปตามzioแล้วแหละทรงนี้ เอามาเฉยฉายพอเป็นพิธีแล้วหายไปตลอดกาล
ว่าแต่ซาอินนี่ วาสไม่คบเลยสินะ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code