อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 141 โลกคู่ขนาน 18
ร่างใหม่ของคัตสึมิจังได้เกิดขึ้นในตอนที่สู้อยู่อีกโลกหนึ่ง
แม้แต่ฉันผู้อยู่ลำดับที่ 3 ก็ยังอดขนลุกไม่ได้เมื่อเห็นร่างใหม่ของเขา ความโกรธ ความเกลียดชังได้ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่แสนน่ากลัว
「สิ่งนั้นมันอะไรกัน」
รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบง่าย
ไม่ได้รู้สึกถึงพละกำลังที่ท่วมท้นเหมือนโปรโต 1 ไม่ได้รู้สึกเหมือนมีความสามารถหลากหลายที่แข็งแกร่งเหมือนทรูธฟอร์ม
ชุดเกราะสีขาวดำสุดเรียบง่าย….ราวกับกลับไปยังต้นกำเนิดของพลังทั้งสอง
「ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะสามารถผสานแกนกลางทั้งสองเข้าด้วยกัน」
ตอนนี้คัตสึมิจังได้เข้ามาสู่เวทีเดียวกันกับรูอินจังแล้ว
ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็นลำดับสองที่หมอบคลานอยู่ตรงหน้าพวกเราโดยที่แขนขวาของเขาขาดหายไปและทรมานสุดๆ
「อะ ขะ ขะ…แขนของฉัน…อึก!!」
แต่ทั้งหมดมันก็เป็นความผิดของเขาเองที่อยากจะไปเข้ายุ่งกับสิ่งที่ไม่ควรเพื่อความสนุกนสนามของตัวเอง
ในจังหวะที่แขนของลำดับที่ 2 ในอีกโลกถูกกระชากออก แขนของเขาในมิติอื่นๆ ที่มีจิตร่วมกันก็หายไปพร้อมกัน
การโจมตีที่สามารถทำลายทุกตัวตนในพหุมิติได้
ทั้งหมดนี้มันหมายความว่าคัตสึมิจังสามารถทำแบบที่รูอินจังทำได้แล้ว
「……แต่ว่า」
สิ่งที่เขาแลกมานั้นคือความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียโปรโตซึ่งเป็นแกนพลังงานในโลกนั้นไป
ความสามารถของร่างXนั้นมีจำกัดอยู่มากในสถานการณ์ตอนนี้
คัตสึมิจังเองก็คงรู้ดีว่าถึงจะเอาตัวเข้าแลกก็ไม่แน่ว่าจะสามารถชนะซาอินได้
นั่นคงเป็นหนทางเดียวที่โปรโตเห็นว่าคัตสึมิจังจะรอด
เมื่อผสานโปรโต 1 และ ทรูธฟอร์มเข้าด้วยกันความสามารถที่เขาดึงออกมาได้ตอนนี้น่าจะเหนือกว่าซาอิน พ่อของรูอินจังไปแล้ว
「การตื่นขึ้นของคัตสึมิจังที่เหลือเพียงความโกรธและความเกลียดชังมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด」
บาดแผลที่แสนเจ็บปวด
เขาไม่สามารถยกโทษให้กับซาอินที่เหยียบย่ำการเสียสละของโปรโตXไปได้อย่างเด็ดขาด
「รูอินจัง……」
นั่นคือสิ่งที่เธอคาดหวังเหรอ?
การตื่นขึ้นอย่างน่าเศร้านี้ใช่สิ่งที่เธอต้องการเหรอ?
เพื่อสิ่งที่เธอต้องการ แม้เขาจะต้องเจ็บปวดเธอก็ไม่เสียใจเลยเหรอ?
เมื่อฉันเห็นเขาต้องพัฒนาด้วยความเจ็บปวดแบบนี้ ฉันก็รู้สึกสงสารไม่ได้
รูอินจังคงจะยิ้มอยู่แน่ๆ
เธอคงไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มที่แสนสุขเมื่อเห็นเขากลายมาเป็นตัวตนระดับเดียวกับเธอได้
เมื่อคิดแบบนั้นฉันจึงได้หันไปมองยังรูอินจัง ที่จับจ้องการต่อสู้อยู่
「———อึก?」
เมื่อฉันมองดูใบหน้าของเธอ ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยวาดฝันเอาไว้มันได้พังทลายลง
ไม่ใช่ความยินดีหรือความโกรธใดๆ
สีหน้าของเธอที่แสดงออกมาขณะดูคัตสึมิจังที่สะท้อนภายในห้วงมิติ ไม่ใช่ความรู้สึกสนุกหรือตื่นเต้น ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ….เธอกำลังตกใจและน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอีกด้วย….
「ท่านรูอิน?」
แม้แต่วาสที่อยู่ข้างๆ เธอก็ยังคาดไม่ถึงกับสิ่งที่เห็นและเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ถึงจะเป็นแบบนั้นรูอินจังก็ไม่ได้สนใจทั้งฉันและวาส สิ่งที่เธอทำมีเพียงจับจ้องการต่อสู้นี้ต่อโดยปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ
***
เสียงร้องแห่งความโกรธแค้นและเกลียดชังได้ทั่วจักรวาลที่ตายไปแล้ว
เจ้าของเสียงนัน้ก็คือสัตว์ประหลาดที่สวมหน้ากากสีขาวดำ
สิ่งมีชีวิตตัวนี้มันกำลังฉีกปากหันมาหาฉันด้วยความเกลียดชังถึงขีดสุด
「คึ」
ทันทีที่ฉันเตรียมตัวรับมือ ภาพที่ฉันเห็นก็ดูมืดมิดไปในทันที
เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาฉันก็ได้รู้ว่าฉันถูกมือของมันคว้าหัวเอาไว้ สสารมืดที่ป้องกันร่างของฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย จากนั้นร่างของฉันก็ถูกลากไปอัดเข้ากับดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง
「อ๊ากกกกกก……」
「———คุ」
พลังบ้าอะไรกันวะ……!!
ฉันที่ตั้งสติได้ก็ทำการใช้สสารมืดปกคลุมร่างเอาไว้เพื่อป้องกันการโจมตีของมัน
หมัดที่กะจะซ้ำฉันได้ทะลุร่างของฉันไปแล้วกระแทกเข้ากับพื้นดาวเคราะห์จนเกิดการระเบิดขึ้นถึงขั้นทำให้ดาวเกือบแตก
นั่นมันทำให้ฉันรู้ได้ในทันทีว่าความแข็งแกร่งของมันตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
「ฮะ ฮ่าๆๆ น่าตกใจเสียจริง!!」
น่าตกใจจริงๆ ที่มันพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาชนะฉัน!!
แต่การโจมตีของมันไม่มีทางถึงตัวฉันที่กลายเป็นสสารมืดไปได้หรอก
เมื่อตระหนักถึงความเป็นอมตะของตัวเอง ฉันก็รวบรวมสสารมืดเอาไว้ในมือแล้วโจมตีมันไปอีกรอบ
「รับไปซะ!! หากมากกว่าเดิม 10 เท่าแกจะทำอะไรได้!!」
ถึงจะพยายามป้องกันแค่ไหนก็ไม่มีทางหยุดได้หรอก!!
ฉันโจมตีโดยเล็งไปที่ลำตัวของมัน ซึ่งมันไม่มีทางหลบพ้นแน่นอน
สสารมืดที่สามารถทำลายได้แม้กระทั่งดวงดาว แค่ร่างกายของมนุษย์น่ะของง่ายๆ
「ฮ่าๆๆ!! ……หา? 」
「……」
ทำไมมันถึงยังยืนอยู่ได้ล่ะ?!
ไม่สิ มันไม่ได้สะดุ้งเลยด้วยซ้ำหลังรับการโจมตีของฉันไป
จะบอกว่าพลังของฉันใช้ไม่ได้ผลเหรอ?
「หึ ฮ่าๆๆ พลังป้องกันของแกคงเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยสินะ…แต่อย่าได้เหลิงให้มันมากนักมนุษย์!!」
ไม่เคยมีใครสามารถเผชิญหน้ากับพลังของฉันได้สักคน
ความคงกระพันที่ไม่มีใครเทียบ
ไม่มีทางที่พวกสวะจากดาวเคราะห์ดวงเล็กๆ จะทำอะไรได้หรอก
「Dark Matter」
ฉันยกมือขึ้นไปในห้วงอวกาศและเปิดการใช้งานพลัง
มวลสสารมืดจำนวนมากภายในจักรวาลเริ่มมารวมกันที่ตัวฉันและยังเป็นการดึงเอาพวกดาวรอบๆ เข้ามาใกล้อีกด้วย
「ดาวหางวินาศ!」
สสารมืดที่รวบรวมมาได้กลายเป็นเหมือนกับอุกกาบาตที่มองไม่เห็นก่อนจะพุ่งเข้าหาร่างของศัตรู
ลองเอาไปชิมดูซะ พลังที่สามารถทำลายดวงดาวได้ในคราวเดียว
「———」
ขวานสีเหลืองที่ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาปรากฏขึ้นในมือของเขา
มันถูกเหวี่ยงไปตรงหน้าโดยมีเป้าหมายคืออุกกาบาตล่องหน และสิ่งนั้นมันก็ถูกผ่าครึ่งทันที ก่อนที่กระแสไฟฟ้าจะทำการระเบิดอุกกาบาตลูกนั้นจนสิ้น
「เพียงแค่ครั้งเดียว…ได้ยังไงกันวะ?!」
ขวานดังกล่าวก็บิดตัวไปมาเหมือนกับของเหลว ด้ามจับของมันเริ่มยาวขึ้น ก่อนจะปรากฏคมขวานที่ยาวกว่าตัวของผู้ใช้หลายเท่าขึ้น
「นี่มัน?ควบคุมโมเลกุล?อัลฟ่าแห่งวิวัฒนาการ!!」
การเปลี่ยนรูปร่างของสสารโดยไม่สนใจมวลตั้งต้น
มันบิดตัวไปมาเหมือนกับสิ่งมีชีวิต เมื่อทำลายการโจมตีของฉันเสร็จแล้วมันก็มีเป้าหมายต่อไปคือร่างของฉัน
「แต่มันก็เหมือนเดิม!!」
ถึงจะเกิดคาดเรื่องนี้ไปบ้าง แต่มนุษย์โลกมันก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก!!
ขวานซึ่งทำลายการป้องกันด้วยสสารมืดของฉันมาได้มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกลัวเลยสักนิด
เพราะการโจมตีทั้งหมดมันไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน
「เหมือนว่าแกจะไม่ได้เข้าใจอะไรเลยสักนิด!! ไม่ว่าภัยคุกคามใดๆ ก็ไม่มีความหมายเมื่ออยู่ตอหน้าสสารมืดนี้!!」
ฉันทำการเปลี่ยนร่างกายให้เป็นสสารมืดเพื่อป้องกันการโจมตีทุกรูปแบ
ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหนหากมันไม่โดนก็ไร้ความหมาย
ไม่ว่าแกจะพยายามสักเท่าไหร่ มันก็ไร้ค่า ตั้งแรกแล้วแกน่ะ———
「อุ!? 」
———ความหนาวเย็นที่บอกไม่ถูกนี่มัน…
เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกไปเกี่ยวกับขวานตรงหน้า ฉันก็รีบสร้างประตูมิติแล้วพุ่งเข้าไปเพื่อทำการหลบ
เมื่อหลบออกมาได้ฉันก็เริ่มแปลกใจกับสัญชาตญาณตัวเองที่กำลังกรีดร้องออกมา
「คนอย่างฉันเนี่ยนะ ต้องหนี……? 」
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการหนีแบบเปิดประตูมิติหลบออกมาอีก
การโจมตีของมัน….ทั้งที่เป็นแค่การโจมตีด้วยขวานเฉยๆ
วิธีการรับมือก็แสนง่ายดาย แค่ใช้สสารมืดปกคลุมร่างแล้วปล่อยให้มันผ่านไป
แต่ความรู้สึกในเสี้ยวสุดท้ายของฉันบอกว่าให้หนีไป ก่อนที่ฉันจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไหลอาบแก้มอยู่ จึงได้เอามือไปแตะ
「……เลือด? 」
ทำไมถึงมีเลือดไหลอยู่บนแก้มฉันล่ะ?จะบอกว่าโดนขวานนั่นเฉียดหน้าไปก่อนเข้าประตูมิติเหรอ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้
เพราะร่างกายของฉันปกคลุมด้วยสสารมืดเอาไว้แล้วนี่นา
ดังนั้นนี่จะต้องเป็นบาดแผลที่ได้มาจากตอนถูกคว้าใบหน้าเอาไว้แน่ๆ
「ถึงตัวฉันจะเป็นอมตะ ไร้ผู้ใดเทียบได้ก็จริง แต่ว่า!!」
ฉันจะทุ่มสุดตัวแล้ว!!
ฉันทำการดึงเอาสสารมืดรอบๆ ตัวมาควบแน่นจนกลายเป็นชุดเกราะ
ความมืดมิดแห่งห้วงอวกาศได้มาหลอมรวมกันที่ร่างของฉันเรียบร้อยแล้ว
「นี่แหละคือไพ่ตายของฉันที่ฉันไม่เคยคิดจะใช้กับใครมาก่อน แต่เมื่อมันปรากฏขึ้นความเป็นไปได้ที่แกจะสร้างบาดแผลให้ฉันมันก็ไม่เหลืออีกแล้ว」
「……」
เกราะหัวได้ถูกสวมเรียบร้อย ดาบที่ทำมาจากสสารมืดปรากฏที่แขนของฉัน ฉันทำการเย้ยหยันอีกฝ่ายที่หมดหนทางในการเอาชนะฉัน
ถึงมันจะโชคดีพอโจมตีโดนฉัน แต่ก็ไม่มีทางผ่านการป้องกันนี้ได้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากความแข็งแกร่งของเกราะนี้ ฉันยังสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสสารมืดได้เพื่อเพิกเฉยต่อการโจมตีของมัน
「เอาไปกินซะ!!」
ฉันทำการบิดเบือดมิติแรงโน้มถ่วงตรงหน้าของมันกับฉัน
แน่นอนว่ามันไม่ใช่การเทเลพอร์ต มิติได้เกิดการพลิกผันขึ้นจนทำให้ระยะห่างของมันกับฉันเหลือศูนย์ แม้ฉันจะไม่ขยับตัวใดๆ เลยก็ตาม
จากนั้นฉันก็ใช้ดาบที่อยู่ตรงแขนแทงเข้าไปที่ร่างของมันทันที ทว่ามันกลับใช้มือซ้ายของมันคว้าแขนของฉันเอาไว้ได้
「……」
「ดะ ได้ยังไงกัน ทำไมแกถึงจับได้ล่ะ….แถมพลังนี่…อึก」
……หา
ทำไมมันถึงจับร่างของฉันที่อยู่ในสถานะเป็นสสารมืดได้ล่ะ
ฉันยังไม่ได้ยกเลิกพลังด้วยซ้ำ
ในขณะที่ฉันกำลังถามกับตัวเอง หมัดขวาของมันก็ซัดทะลวงร่างของฉันไป
「อั๊ค!? 」
เกราะสสารมืดที่ฉันสร้างขึ้นมาถูกทำลายด้วยหมัดของมันเพียงครั้งเดียวราวกับแผ่นน้ำแข็งบางๆ เมื่อหมัดของมันทะลวงร่างของฉันไป มันก็ทำการคว้านเอาเครื่องในของฉันออกมาด้วย
สติของฉันแทบจะหลุดเมื่อสัมผัสได้ถึงการโจมตีที่ฉันไม่อาจเข้าใจได้
「อ้ากกกกกก……」
「อึก!? 」
แขนซ้ายที่ว่างอยู่ของมันกำลังเหวี่ยงเข้ามาหมายจะทำลายหัวของฉัน ฉันที่เห็นก็รีบใช้แขนทั้งสองข้างยกขึ้นมาป้องกัน
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วจักรวาล แขนที่เคลือบไว้ด้วยเกราะสสารมืดปลิวหายไปทันทีและหมัดของมันที่ทะลวงผ่านการป้องกันมาได้ก็ทำลายกรามช่วงล่างของฉันแตกเป็นชิ้นๆ
「อั๊ค!!? 」
แขนขวาของมันว่าคว้าเครื่องในของฉันเอาไว้ได้ทำการใช้เป็นตัวเหวี่ยงฉันปลิวไปในอวกาศ
「ทะ ทำไม กันล่ะ……!? 」
สสารมืดทำงานอยู่อย่างแน่นอน
แต่มันกลับโจมตีฉันได้
ฉันรีบตั้งสติใหม่ กรามช่วงล่างกำลังค่อยๆ ฟื้นฟู ลำตัวที่เป็นรูก็กลับมาเหมือนเดิม แต่มันก็ไม่ให้ฉันได้มีเวลาเพิ่ม มันพุ่งเข้ามาเตะเอาช่วงล่างของฉันจนปลิวหายไปเหลือแค่ครึ่งบน
「บ้าน่า!?แกได้ยังไง!? 」
และลูกเตะนั้นก็ทำให้ฉันปลิวไปชนเข้ากับดาวเคราะห์อีกดวง
จากนั้นมันเตะร่างของฉันที่ร่วงลงกับพื้นให้ลอยขึ้นไปในอวกาศอีกครั้ง
ฉันจึงพยายามจะคว้าเอาพวกเศษซากในอวกาศมาเป็นตัวพยุงร่าง แต่มือของฉันก็ทะลุผ่านมันไปซะอย่างงั้น
「อ๊ากกกกกก!!」
เพราะยังเป็นสสารมืดก็เลยไม่สามารถสัมผัสสิ่งอื่นได้ แต่ศัตรูมันก็ตามมาโจมตีฉันต่อโดยไม่ให้ฉันได้คิดอะไรทัน
กรามที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เกิดรอยร้าว ชุดเกราะที่ไม่น่าจะมีผู้ใดทะลวงได้ถูกทำลาย แขนทั้งสองข้างหักไม่เหลือชิ้นดี ลำตัวส่วนล่างก็หายไป
「แกทำได้ยังไงกันวะ!!」
ความสามารถของฉันก็ไม่ได้ถูกผนึก
แต่มันกลับทำเหมือนสสารมืดของฉันไม่มีความหมายใดๆ เลย
มันจับฉันได้เหมือนกับที่สัมผัสสิ่งของทั่วไป นี่มันผิดปกติสุดๆ
「มะ ไม่มีทาง……」
มันเหมือนกับตอนที่มันสร้างเข็มขัดนั่นขึ้นมา
เมื่อมันต้องการจะโจมตีฉัน ฉันก็สัมผัสได้เหมือนกับว่าโชคชะตากำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ผิดแปลก
นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ฉันนึกออก———、
「ทำลายกฏของเหตุและผล……」
『อ๊ากกกกกกก!!!』
ในขณะที่ฉันดูมันกระโดดตามมา ฉันก็รีบสร้างเกราะสสารมืดขึ้นมาใหม่และเปิดใช้งานพลังของฉัน
「อย่าเข้ามา!! หายไปซะ!!」
แม้จะพยายามปล่อยอุกกาบาตที่มองไม่เห็นใส่หรือขังมันไว้ด้วยกรง มันก็สามารถทำลายทิ้งได้อย่างง่ายดาย
———การโจมตีของฉันที่ปลดปล่อยออกมาช่างแสนไร้ค่า
จากนั้นมันก็ใช้หมัดของมันที่เดิมทีไม่ควรจะทำอะไรร่างกายของฉันได้เลยแท้ๆ มาใส่ร่างของฉัน
「อุกกกกก……!!」
พลังของสสารมืดนั้นคือจุดสูงสุดแห่งพลัง
ฉันสามารถปกครองทั้งจักรวาลได้ด้วยพลังนี้ พลังที่ไม่มีใครต้าน
แต่ว่า!!
ไอ้หมอนี่!! ไอ้มนุษย์ เผ่าพันธุ์ที่แสนต่ำต้อยซึ่งมาจากดาวเคราะห์สวะๆ ที่เรียกว่าดาวโลก!!
มันแก้ไขกฎของเหตุและผล ทำให้ฉันตกไปอยู่ในปรากฏการณ์ที่ตัวของฉันสามารถถูกมันโจมตีได้แม้จะมีสสารมืดปกคลุมอยู่ มันโจมตีสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้!!
「ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้เลยสักนิด・・・・・・มันสมเหตุสมผลหรือไงที่มันจะมีพลังแบบนี้ขึ้นมาได้ ทำไม―――อั๊ค?!」
การโจมตีของมันทำลายร่างกายของฉันได้อีกครั้ง
———ไม่เหลือที่ว่างให้สงสัยอะไรอีก
มันเพิกเฉยสสารมืดของฉันและโจมตีฉันได้จริงๆ
ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกตัดสินเอาไว้แล้ว
แต่ไม่ว่ามันจะบิดเบือนสักแค่ไหน มันก็ไม่ควรจะบิดเบือนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้มากขนาดนี้สิ
มันไม่ต่างอะไรกับการสร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้เกิดขึ้นเลย….
「มันกำลังสร้างความเป็นไปได้….เหรอ…? 」
จะบอกว่ามันกำลังใช้ความสามารถของอัลฟ่าแห่งโชคชะตาในการบิดเบือนกฎของเหตุและผลเหรอ?
「จะไร้สาระเกิดไปแล้วเว้ย!!」
นี่มันเป็นเรื่องเกินกว่าที่แกนพลังงานจะทำได้ด้วยซ้ำ!!
ฉันโกรธแค้นกับข้อสรุปของตัวเองที่คิดขึ้นมาได้และไม่อยากจะยอมรับมันเลย
ฉันจึงได้เรียกเอาสสารมืดที่ล้อมตัวมันไว้ให้ได้มากที่สุดโดยตั้งใจจะบดขยี้ร่างของมันจากทุกทิศทาง
แน่นอนว่ามันคงไม่พอจะฆ่ามันได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นการซื้อเวลาสักพัก!!
「ย้ากกกกกก!!」
ฉันทำการสร้างประตูมิติให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ก่อนจะปกคลุมมันไว้ด้วยสสารมืดจำนวนมหาศาล
จากนั้นก็ใช้มันในการดึงเอาดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันจะหาได้ในจักรวาลนี้ออกมา!!
「ยังไงมันก็เป็นจักรวาลที่ตายไปแล้ว!! จะอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอกเว้ย!!」
「……」
「ด้วยมวลของดาวที่เทียบเท่าดาวพฤหัสของจักรวาลแก ไม่มีทางที่แกจะรอดไปได้!!」
ถึงจะเปลืองแรงของฉันสุดๆ แต่นี่ก็น่าจะเกิดพอสำหรับการฆ่ามัน!! ส่วนฉันก็แค่กลายเป็นสสารมืด แรงปะทะของดวงดาวก็ไม่ส่งผลอะไรกับฉันแล้ว
ฉันดึงเอาดาวเคราะห์ออกมาจากประตูมิติแล้วทุ่มใส่มันที่ถูกหยุดเอาไว้ด้วยสสารมืด
「ไอ้สวะ!! ตายไปซะ!! มนุษย์โลก!!」
ดาวเคราะห์ร่วงลงมาจากประตูมิติแล้วปะทะเข้ากับร่างของมันเต็มๆ―――
「……หา? 」
———ดาวเคราะห์ที่ควรจะชนร่างของมันได้หายไป・・・。
ฉันถึงกับไม่สามารถยอมรับภาพที่เห็นตรงหน้าได้ มวลขนาดนั้นหายไปในพริบตาได้ยังไงกัน
「เดี๋ยวสิ แกทำอะไร…?ดาวเคราะห์ที่ฉันเรียกมามันหายไปไหนวะ? 」
มันเปิดประตูมิติขึ้นมาแล้วส่งกลับไปเหรอ?ไม่สิเป็นไปไม่ได้หรอก
ฉันที่รู้สึกงุนงงกับการหายไปอย่างกะทันหันของดาวเคราะห์ ก็เริ่มสังเกตว่ามีบางอย่างอยู่ในมือของมัน
วัตถุทรงกลมขนาดเล็ก
ดาวเคราะห์ถูกบีบอัดให้เหลือเพียงแค่ฝ่ามือ———
「….ฮะ ฮ่าๆๆๆ ไอ้นี่มันบ้าไปแล้ว….」
มันเพิกเฉยได้แม้กระทั่งกฏของจักรวาลและทำให้ดาวเคราะห์เหลือเพียงขนาดเท่าฝ่ามือ
「อ้ากกกกกกก……!!」
ในขณะที่ฉันตะลึงอยู่นั้นเอง ชุดเกราะที่มันสวมก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
สีของมันได้เปลี่ยนไป
จากสีดำกลายเป็นแดง
จากสีขาวกลายเป็นทอง
วัตถุปริศนาที่คล้ายกับดวงอาทิตย์ได้ถูกสร้างขึ้นข้างหลังของมันและส่องแสงออกมาไปทั่วจักรวาลโดยมีมันอยู่ศูนย์กลาง
「จะบอกว่าแกร่งได้กว่านี้เหรอ….? 」
มันคิดจะทำบ้าอะไรของมันอีก ทั้งที่ฉีกกฏของเหตุและผลไปขนาดนี้แล้วแท้ๆ?
ไร้สาระที่สุด
เป็นเรื่องจริงเหรอที่จะมีของแบบนี้อยู่ในจักรวาลฉันได้?
「ห่วยแตกสุดๆ」
เพียงแค่เห็นฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า สิ่งแรกที่เข้ามาภายในใจของฉัน ความรู้สึกที่เคยมีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ฉันรับรู้แล้วว่าการต้องอยู่ในฐานะเหยื่อมันเป็นเช่นไร
ทั้งที่เคยคิดว่าสสารมืดคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแท้ๆ แต่ว่า———
「อะ……」
———มันกลับทำอะไรไม่ได้เลย
สิ่งมีชีวิตที่เกินกว่าเหตุและผล ตัวตนที่แสนไร้สาระ
ฉันกระโดดเข้าไปหามันด้วยความโกรธแค้นและหวาดกลัว
「ไอ้สัตว์ประหลาดดดดดดดดดดดดดดด!!」
ดาบที่อยู่ตรงแขนฉันพุ่งเข้าใส่มันที่ไม่ขยับเขยือนไปไหน
มันยังไม่ขยับ
หรือว่าขยับไม่ได้?!
เพราะพลังของมันเลยทำให้ขยับไม่ได้หรือเปล่านะ?!
แต่ไม่ว่าจะแบบไหนหากออกมาหน้านี้ฉันฆ่ามันได้แน่!!!
รอยยิ้มอันบ้าคลั่งได้เผยอยู่บนใบหน้าของฉัน ฉันแทงดาบเข้าไปที่ร่างของมัน———พอฉันรู้สึกตัวอีกที ดาบของฉันก็ทะลุร่างของฉันไปและกลับกันดาบในมือของมันได้แทงเข้ามาที่ร่างของฉันแทน・・・・
「หา……」
ความสามารถของฉัน….ได้ไง?
สิ่งที่มันใช้คือสสารมืด———สิ่งที่ควรจะมีเพียงฉันที่ใช้ได้
จะบอกว่ามันเรียนรู้วิธีใช้ได้ในเวลาอันสั้นเหรอ?
ฉันหันไปมองใบหน้าของมัน น้ำเสียงที่สั่น หัวใจที่แทบจะแตกสลายนี้มัน….
「———」
ความสิ้นหวัง
ร่างสีแดงทองของมันซึ่งส่องแสงสว่างออกมากำลังจับจ้องมายังฉัน
「มะ ไม่นะ ไม่ๆๆๆ ……」
มันค่อยๆ หันฝ่ามือมาตรงร่างของฉัน
วินาทีนั้นเองแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็กดทับร่างของฉันเอาไว้จนไม่สามารถทำอะไรได้
มันต้องมีอะไรผิดพลาดไปแน่ๆ
ฉันไม่สามารถทำอะไรกับแรงกดดันนี้ได้เลยสักนิด พลังสสารมืดที่ฉันควรจะควบคุมมันได้….ทำไม ทำไม
「อ๊าคคคคค!? 」
พลังที่ควรจะเป็นเพียงของฉันคนเดียว!! พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล!!
ทว่ากลับถูกมันยึดการควบคุมไปและทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!!
มันมองมาที่ร่างของฉันซึ่งขยับไปไหนไม่ได้เพราะสสารมืดที่เป็นพลังของตัวเอง จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอวกาศ วัตถุทรงกลมที่อยู่ด้านหลังของมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม
และ———
「นะ นี่แกคิดจะทำอะไรกัน!!? 」
———ดาวเคราะห์ที่มันเคยถืออยู่ในฝ่ามือ
มันได้ปล่อยลงมาทางฉัน ขนาดของมันยังคงเท่าฝ่ามือเหมือนเดิม แต่ทันทีที่มันตกลงมาที่ร่างของฉันมันก็เกิดรอยแตกร้าวและเริ่มทำลายตัวเอง
「หยุดดดดดดดดด!!」
ดาวเคราะห์ที่ถูกบีบอัดมวลจนถึงขีดสุดจนไม่สามารถทนต่อไปได้เกิดการระเบิดขึ้นก่อนจะกลายเป็นวังวนแห่งความมืดมิดที่พร้อมดูดกลืนทุกสิ่ง
แรงโน้มถ่วงที่สร้างขึ้นโดยหลุมดำขนาดเล็กที่กลืนกินได้แม้กระทั่งสสารมืดค่อยๆ ดูดร่างของฉันเข้าไปภายในโดยที่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย
***
อธิบายท้ายตอน
ความสามารถที่คัตสึมิใช้ในตอนนี้หลักๆ
・บิดเบือนกฎของเหตุและผล
・สร้างความเป็นไปได้แบบใหม่ขึ้น
・ควบคุม (?) โมเลกุล
・ลอกเลียนแบบพลัง(ที่สามารถเข้ากันได้)
—จบ—
กลายเป็นตอนที่มีไว้เพื่อกระทืบซาอินล้วนๆ ร่างgeminiกลายเป็นตัวตนที่เหนือเหตุและผลไปแล้ว หลังจบเรื่องไม่น่าจะเอาออกมาใช้ได้บ่อยๆ แหง
ส่วนน้ำตาที่ไหลออกมาของรูอินนั้นคืออะไร คงต้องรอติดตามต่อในภายหลัง
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code