อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 139 โลกคู่ขนาน 16
พลังใหม่ของพวกเรา จัสติสอาร์เมอร์
สูทรุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่าสูทขับเคลื่อนตัวเก่า และก็ตามชื่อของมัน ร่างของพวกเราตอนนี้ถูกประดับไปด้วยเกราะหนา
ศึกตัดสินคือสนามรบแรกที่มันจะได้ออกมาเฉิดฉาย แต่ฉันกลับไม่รู้สึกกังวลที่จะใช้งานมันเลย
「โอ้วววว!」
「จัดการซะ!!」
「ฆ่าพวกมัน!!」
สัตว์ประหลาดจำนวนมากโผล่ออกมาจากข้างในอาณานิคมที่สาม
สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับแมลงเต่าทองได้กระพือปีกของมันแล้วพุ่งตรงมาหาฉันโดยหมายจะใช้แขนที่แหลมคมของมันฟันร่างฉันทิ้ง
「ถ้าเป็นตัวฉันตอนนี้ละก็!!」
「หวี่ๆๆๆๆ!!」
ฉันจับดาบเล่มใหม่ภายในมืออย่างมั่นคง แล้วก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งจังหวะเพื่อปลดปล่อยการฟันจนทำให้กรามของมันฉีกออกจากปาก เมื่อมันเสียการทรงตัวฉันก็ผ่าลำตัวของมันจนขาดออกเป็นสองท่อน
ฉันมุ่งหน้าไปฟาดฟันศัตรูต่อโดยไม่คิดจะเหลียวไปมองพวกมันที่ตายลง เลือดสีน้ำเงินและเศษอวัยวะปลิวไปทั่วบริเวณที่ฉันผ่าน
「สุดยอด……!!」
สูทขับเคลื่อนตัวเก่านั้นเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้า และไม่ว่าฉันจะพยายามสักแค่ไหนก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของพวกสัตว์ประหลาดได้หมด
ทว่าจัสติสอาร์เมอร์ต่างออกไป ทั้งการหมุนตัว การขยับทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ฉันคิดในหัวทุกอย่าง
「มองเห็นแล้ว…พลังของฉันที่ใช้ในการฆ่าพวกมัน…!」
「หากมีจัสติสอาร์เมอร์นี้ละก็!」
อาโออิกับคิราระเองก็ตามฉันมาติดๆ พร้อมกับฆ่าพวกสัตว์ประหลาดด้วยพลังใหม่ที่ได้รับมา
ฟันด้วยดาบ บดขยี้ด้วยขวาน ยิงทิ้งด้วยปืน
จำนวนของสัตว์ประหลาดที่หลั่งไหลกันออกมาจากภายในนั้นมีเยอะอย่างกับปลวกออกมาจากรัง———แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
นั่นเป็นเพราะ———
『เร็กซ์ พลังงานชาร์จถึงขีดสุดแล้ว ทำการปลดปล่อยได้』
「ไม่ต้องบอกฉันก็รู้น่า!!」
เร็กซ์นักรบในชุดเกราะสีแดงดำทำการสังหารพวกสัตว์ประหลาดด้วยดาบใหญ่ในมือเธอ พร้อมกับยิงบีมออกมาจากแขนซ้ายของเธอจนกวาดพวกสัตว์ประหลาดตรงหน้าให้หายไปจนหมด
ตัวเธอคือฉันที่มาจากอีกโลกหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตในสนามรบมานานกว่า 100 ปี พลังและความสามารถของเธอจึงต้องเหนือกว่าพวกเราอยู่แล้ว ดังนั้นพวกสัตว์ประหลาดที่เราจัดการได้ ไม่มีทางที่เธอจะเอาไม่อยู่
ส่วนอีกคนหนึ่งก็…
【ENERGY】
【BARRIER】
【GRAVITY】
【SLASH LEAD!!】
คัตสึมิซัง ไรเดอร์ในสูทสีชมพูดำ ซึ่งกำลังฟาดฟันดาบของเขาที่มีพลังงานสีน้ำเงิน เหลือง และแดงผสมกันไปมาใส่ศัตรู
พลังงานที่ปลดปล่อยออกมานั้นมันพวยพุ่งยาวไปถึงบนท้องฟ้าเหมือนพร้อมทำการประหารเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหมดในระยะสายตา
「โอ้ว!!」
【That’s right!!】
【สามพลังผสาน! ออร่าสแลช!!】
พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาทำให้พวกสัตว์ประหลาดทั้งหมดถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงโน้มถ่วงและไม่สามารถหลบหนีออกจากบาเรียได้ ก่อนที่พลังสีน้ำเงินจะเพิ่มพูนพลังทำลายล้างจนเกิดระเบิดอย่างรุนแรงตรงหน้าอาณานิคมที่สาม
ถึงสูทที่เขาใช้จะไม่ต่างกับพวกเรานัก แต่พลังของเขาเหนือกว่าพวกเราหลายชั้นมาก
ยิ่งไปกว่านั้นฉันรู้มาอีกว่ามันไม่ใช่ของที่เขาใช้ประจำ พลังที่สามารถดึงออกมาใช้ได้ก็ยังเทียบไม่ได้กับเต็มที่ของเขาเลย
「สมกับเป็นพี่ชายของฉัน….」
「ศึกครั้งนี้พวกเราเสียเพื่อนไปแล้วคนหนึ่ง…น่าเศร้า」
「เอาเถอะน่ายังไงอากาเนะก็เป็นได้แค่น้องสาว หวังว่าคงไม่คิดจะโลภกว่านี้นะ?」
ยัยพวกพี่สาวคนโตของบ้านจอมขี้อิจฉาเอ้ย
น่าแปลกจริงๆ ที่พวกเราสามารถพูดคุยไร้สาระกันได้แม้จะอยู่ในสนามรบ
ทว่าความสามารถในการต่อสู้มันกลับดีขึ้นกว่าเก่าเป็นไหนๆ
「ทางเปิดแล้ว เข้าไปกันเลย!!」
「อะ อ้า!!」
ตอนนี้เส้นทางเข้าไปภายในอาณานิคมที่สามถูกเปิดขึ้นแล้ว โดยฝีมือของคัตสึมิซัง
เมื่อเร็กซ์เห็นแบบนั้นก็ส่งเสียงเรียกพวกเราให้ตามเขาเข้าไปทันที
「ลุยกันไปต่อทั้งแบบนี้แหละ!!」
「ว่าแค่คัตสึมิซังคะ หากพวกเราลุยเข้าไปแบบนี้จะไม่โดนล้อมเอาเหรอคะ?」
ถึงจะเก่งสักแค่ไหนแต่ก็มีกันแค่ 5 คน
นอกจากนี้ยังมีคนที่จำเป็นต้องทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้พวกสัตว์ประหลาดหลุดออกจากอาณานิคมไปอีก
「ใครบอกว่าพวกเราจะมีกันแค่นี้ล่ะ?!มาทั้งทีก็ต้องเล่นใหญ่กันหน่อยสิ!!」
『AVATAR SKILL!!』
『VENOM MIRAGE』
คัตสึมิซังได้ใส่การ์ดเข้าไปในเข็มขัด จากนั้นร่างแยกของเขาก็โผล่ขึ้นมาอีก 5 ร่าง
และร่างแยกทั้ง 5 นั้นก็หยิบการ์ดออกมาคนละใบและใส่เข้าไปในเข็มขัดเหมือนกับเขา
『เซไค!! CHANGE!!』
เสียงการทำงานของอุปกรณ์ดังขึ้นไปทั่วสนามรบ ร่างกายของพวกร่างแยกได้เปลี่ยนไป
「ดาวหางสีแดงผู้เชื่อมโยงหมู่ดาว!! รีไลฟ์ เรด!!」
「เนบิวล่าแห่งการเยียวยา!! รีไลฟ์บลู!!」
「ดาราประกายแสงจรัส!! รีไลฟ์เยลโล่!!」
「พลังสีชมพูแห่งความบริสุทธิ์!! รีไลฟ์พิงค์!!」
「ปราชญ์แห่งความเขียวขจี!! ความอุดมสมบูรณ์จงปกปักษ์!! รีไลฟ์กรีน」
พวกเขาพูดประโยคที่แม้แต่ฉันเห็นก็อยากจะหันหน้าหนีออกมา
ไม่ใช่แค่พวกเรา ทางคัตสึมิซังเองก็ไม่ต่างกันดูจากท่าทางแล้วเขาคงปวดใจสุดๆ
หลังพวกร่างแยกแปลงร่างพร้อมกับพูดประโยคและโพสต์ท่าสุดหน้าอายเสร็จ พวกเขาก็เริ่มบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง
『มู้วววววว!?』
สัตว์ประหลาดพุ่งเข้ามาใส่พวกร่างแยกทันที แต่พวกเขาก็ทำการรับมือกับมันด้วยอาวุธภายในมือ
ได้ยินมาว่าคนพวกนี้ถูกเรียกว่าเซไคเซ็นไต ซึ่งเป็นพลังที่มาจากเข็มขัดของฮิลด้าซัง เห็นแบบนี้แล้วก็ชวนให้นึกถึงพวกขบวนการเซ็นไต 5 สีจริงๆ นั่นแหละ
「คะ คัตสึมิซัง?คือ…」
「อย่าพูดอะไรเลย….แค่นี้ฉันก็ปวดใจมากพอแล้ว」
คัตสึมิซังเหมือนจะรู้ว่าฉันจะพูดอะไรก็เลยรีบห้ามไว้ก่อน
ตอนนี้พวกร่างแยกของคัตสึมิซังได้ทำการรับมือกับพวกสัตว์ประหลาดแทนแล้ว จึงทำให้พวกเราค่อนข้างสบายใจที่จะบุกเข้าไปข้างในต่อ
「โห เหมือนยานอวกาศของเอเลี่ยนเลยวุ้ย」
「นี่จะต้องเป็นรังหลักของมันแน่นอน」
ภายในอาณานิคมที่ถูกระเบิดจนกลายเป็นรู ได้ปรากฏอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ มากมายที่ชวนให้รู้สึกขนลุก
「คัตสึมิ จะทำยังไงกันต่อ?」
「ดูเหมือนจะเป็นเขาวงกตเลย ถ้าค่อยๆ สำรวจตามปกติได้ใช้เวลานานแหง」
「อ้า」
เร็กซ์กับคิราระพูดออกมาแบบนั้น เมื่อคัตสึมิซังได้ยินเขาก็หันไปที่อุปกรณ์แปลงร่างสีเงินตรงข้อมือ
「โปรโต ช่วยหน่อยได้ไหม?」
「LA♪」
ด้ายสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาตามคำพูดขอเขา
มันได้พุ่งไปยังทุกทิศทาง ไม่นานนักมันก็กลับมาหาเขาเหมือนเดิม
「LA……♪」
「ขอบใจมาก….เร็กซ์ ช่วยเปิดรูตรงทางที่ฉันชี้ไปหน่อย」
「เข้าใจแล้ว」
คัตสึมิซังได้ชี้ไปที่พื้นตรงหน้าของพวกเรา
เร็กซ์ที่เห็นแบบนี้ก็ได้ชี้แขนเทียมของตัวเองไปที่นั่น จากนั้นกลไกภายในแขนก็ทำอะไรบางอย่างก่อนจะมีแสงสีแดงส่องจ้าออกมา ลำแสงดังกล่าวมันได้ปลดปล่อยความร้อนสูงจนทำให้พื้นที่ตรงนั้นละลายไม่เหลือชิ้นดี
บริเวณที่คัตสึมิซังชี้ได้สลายหายไป เหลือเพียงร่องรอยความร้อนและลมที่พัดผ่าน
จากนั้นเร็กซ์ก็นำดาบใหญ่มาไว้บนไหล่ของตัวเอง พร้อมกับปล่อยให้ควันสีขาวไหลออกมาจากแขนเทียม
「ไอ้เจ้านั่นมัน?」
「สัตว์ประหลาดทากมาแล้ว———」
『มู้วววววว!!!』
สายฟ้าได้พุ่งผ่านออกมาจากช่องว่างที่เร็กซ์เป่าทิ้งไป
คัตสึมิซังทำการปัดสายฟ้าด้วยดาบของเขา ก่อนจะพุ่งเข้าไปหามันด้วยเจตนาฆ่าทันที
「ก็จัดมาสิ พวกเธอพร้อมจะลุยกันหรือยัง?ถ้าพร้อมแล้วก็ลงไปกระทืบมันกันเลย!!」
「คะ คัตสึมิซัง?!」
「ฉันไปก่อนละกัน!!」
เขากระโดดลงไปในหลุมที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้านั้นซึ่งมีสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้ารออยู่ข้างล่าง
「ได้เวลาตัดสินสักที」
จากนั้นเร็กซ์ก็กระโดดลงตามไป
เหลือพวกเรา 3 คนยืนมองหน้ากัน
「ผู้บัญชาการทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะ?」
『ไม่มีปัญหา ก็อย่างที่เขาบอกศึกสุดท้ายรอพวกเราอยู่ข้างล่าง ถ้าพร้อมแล้วพวกเธอก็ลงไปได้เลย』
「รับทราบ」
…พวกเราเองก็พร้อมแล้ว
หลังตรวจสอบสถานการณ์กับผู้บัญชาการพวกเราก็เตรียมตัวจะกระโดดลงไปตาม
「……ไปกันเถอะ」
「อื้อ ไปปกป้องโลกกัน」
「ถึงจะต้องเผชิญกับอะไร สิ่งที่พวกเราทำก็ยังเหมือนเดิม」
พวกเรากระโดดลงไปข้างล่างพร้อมกัน
ในระหว่างที่ลงไปพวกเราก็ได้ใช้อาวุธของตัวเองแทงไปกับกำแพงข้างๆ เพื่อลดโมเมนตัมของการร่วงลงไปข้างล่าง
เมื่อมองลงไปก็จะเห็นว่ามีกระแสไฟฟ้าและเสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะ
「อึก」
เบื้องล่างนั้นคือพื้นที่สุดกว้างใหญ่
แม้จะเป็นใต้ดินแต่ก็มีแสงสว่างที่เกิดจากสายฟ้าเต็มไปหมด โดยใจกลางตรงนั้นคือสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้าที่บวมเพราะเก็บพลังงานไว้มาก
ผิวหนังที่ดูเหมือนยางยืด หนามแหลมที่งอกมาจากข้างหลัง ส่วนที่เคยเป็นแขนของมันกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าเพราะร่างกายที่ขยายใหญ่ นี่มันใหญ่กว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนที่ฉันเคยเจอมาทั้งชีวิต
จทำให้ฉันสงสัยว่าเจ้านี่มันเรียกว่าทากจริงหรือเปล่า แต่สุดท้ายฉันก็ต้องปล่อยเรื่องนั้นทิ้งไปเมื่อเห็นเท้าของคัตสึมิซังเตะยัดหน้าของมันไปเต็มๆ
「ถึงจะตัวใหญ่แต่แกยังช้าไม่เปลี่ยนเลยนะเห้ย เจ้าทาก!!」
『อู้วววว!! ทากบ้านแกสิ!!!』
「ชิ!!」
พวกเราถึงพื้นได้อย่างปลอดภัยและเตรียมไปสมทบกับคัตสึมิซัง
ก่อนหน้านี้เหมือนได้ยินมันพูดอะไรสักอย่างหลังส่งเสียงร้องออกมาด้วย แต่มันก็ไม่ได้สำคัญหรอก สิ่งที่พวกเราต้องทำมีเพียงฆ่ามันให้ตาย
『อู้วววววว!!』
「แย่แล้วสิ……」
ไม่รู้ทำไมสัตว์ประหลาดทากถึงได้ทำท่าเหมือนโกรธกว่าเดิมและปลดปล่อยกระแสไฟฟ้ารุนแรงยิ่งขึ้น
ชั้นใต้ดินเต็มไปด้วยแสงจ้าที่ส่องมาจากตัวของมัน
ฉันที่เห็นแบบนั้นก็เตรียมรับมือกับกระแสไฟฟ้าที่จะเข้ามาโจมตี———
『AVATAR SKILL!!』
『VENOM JAMMING』
『อู้ว!?』
「คิดว่าฉันจะไม่เตรียมของรับมือหรือไง?」
ืทะ ทำให้พลังของมันใช้ไม่ได้?!
กระแสไฟฟ้าได้หยุดลงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของมัน
「มาจัดให้จอดกันเลย ฮิลด้า!!」
『ขอมาฉันก็พร้อมจัดให้!』
『AVATAR FINISH!!』
หลังสิ้นเสียงนั้นพวกเราก็เตรียมใช้อาวุธโจมตีเหมือนกัน
ไม่ปล่อยให้มันมีเวลาตั้งตัวหรอก!!
ต้องรีบฆ่ามันโดยที่ยังเหลือแรงไว้ไปลุยกับศัตรูตัวสุดท้าย!!
『VENOM SMASH!!』
การโจมตีของทุกคนได้พุ่งเข้าหาทากไฟฟ้าพร้อมกันจนเกิดแรงระเบิดขึ้น
ในขณะที่พวกเราเฝ้าดูกระแสไฟฟ้าที่กระจายออกไปจนเกิดเป็นแรงระเบิด คัตสึมิซังที่ทำการเตะปิดท้ายใส่มันก็กลับมาหาพวกเรา
「คัตสึมิซัง!」
「ถ้าผนึกความสามารถมันได้ก็หมูตู้」
「แปลว่าสัตว์ประหลาดทากถูกจัดการไปแล้วสินะ?!」
「……เร็กซ์」
「อ้า มันแปลกๆ」
ทั้งที่เอาชนะสัตว์ประหลาดทากมาได้ แต่คัตสึมิซังกับเร็กซ์เหมือนจะยังคาใจอะไรบางอย่าง
「มันกระจอกเกินไป เหมือนกับมันใช้พลังทั้งหมดไปก่อนที่ฉันจะปิดผนึกความสามารถของมันซะอีก」
「แถมท่าทางของมันเหมือนพยายามเค้นพลังที่เหลืออยู่มาโจมตีพวกเราด้วย」
…จะว่าไปก็จริง
ทั้งที่มันเคยได้ชื่อว่าเป็นจ้าวอสนีบาตที่กลืนกินพลังไฟฟ้าทั่วโลกมาได้แท้ๆ
แต่การโจมตีของมันด้วยไฟฟ้าเมื่อกี้จะว่ายังไงดีล่ะ…มันดูไม่รุนแรงสมกับที่สะสมพลังมาเลย
「หมายความว่าโอเมก้าดูดซับเอาพลังของมันไปหมดแล้วเหรอ?」
「ไม่น่านะ เพราะหากเป็นงั้นจริง โอเมก้าก็ควรปรากฏตัวบนผืนโลกไปแล้ว ไหนจะเรื่องที่พวกเราเอาชนะสัตว์ประหลาดทากลงได้แต่ไม่ยักกะเห็นเงาของโอเมก้าอีก….มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ฉันเคยเจอมาก่อนเลย」
แม้แต่เร็กซ์ก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุ
อย่างไรก็ตามการที่เห็นพวกสัตว์ประหลาดอยู่เต็มอาณานิคมภายนอกก็แปลว่าโอเมก้าจะต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่
「ชิบ」
「คัตสึมิ?เป็นอะไรไปน่ะ?」
เมื่อฉันได้ยินเรียกเร็กซ์พูดขึ้นก็รีบหันไปดูทางคัตสึมิซัง ท่าทางเขาดูระแวงแปลกๆ
พอลองมองตามสายตาของเขาไปก็พบว่าเขากำลังจ้องมองไปยังเพดานที่เป็นรูโหว่ซึ่งเร็กซ์ทำขึ้น———
「ทุกคนเตรียมตัว!!」
「หา」
「มีบางอย่างกำลังตรงมาหา!!」
หลังเขาพูดจบ ประตูมิติสีขาวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นใกล้กับเพดานนั้น
แล้วก้อนเนื้อขนาดใหญ่ก็ตกลงมาจากประตูมิติดังกล่าวโดยมีฉากหลังภายในนั้นเป็นอวกาศ พวกเราที่เห็นก็รีบกระโดดหลบทันที
「อะ อะไรกัน……?」
「สิ่งมีชีวิตเหรอ?แต่เละขนาดนั้น ยังจะรอดอยู่ไหมนะ?」
สัตว์ประหลาดที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าทากไฟฟ้า
ร่างของมันตอนนี้ได้ผิดแปลกไปเสียจนเรียกว่าก้อนเนื้อขนาดยักษ์น่าจะเหมาะสมกว่า บาดแผลเกิดขึ้นเต็มที่ร่างของมัน….เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะตายแล้ว
「ไอ้นั่น…โอเมก้า?」
「หา โอเมก้า?!」
เร็กซ์พูดขึ้นด้วยความตกตะลึง พวกเราที่ได้ยินก็ตกใจไม่แพ้กัน เจ้าก้อนเนื้อนั่นนะเหรอ โอเมก้า
จริงอยู่ว่ามันตัวใหญ่สุดๆ แต่ทำไมสภาพของมันถึงได้ปางตายแบบนี้ล่ะ
เป็นฝีมือของใครบางคนเหรอ?!
『———มหัศจรรย์』
「「「อึก!?」」」
จากนั้นก็มีอีกร่างหนึ่งโผล่มาจากประตูมิติสีขาวนั้น
ร่างกายนั่น….ไม่ใช่มนุษย์
ชายหนุุ่มผมสีทอง ผิวสีฟ้า ดวงตาสีเหลืองอำพัน รูปลักษณ์ที่ดูแตกต่างไปจากมนุษย์ซึ่งปล่อยออร่าที่อันตรายสุดๆ ออกมา
ร่างที่ลอยอยู่ในอากาศของเขาสวมชุดคลุมสีดำเอาไว้ซึ่งในมือขวามีหญิงสาวผมสีขาวถูกจับคอเอาไว้อยู่
「โอเมก้ากับอัลฟ่าของดาวโลกช่างเป็นศัตรูที่น่ามหัศจรรย์ แต่ก็น่าเสียดาย หากมาเข้าร่วมลำดับแห่งดวงดาราของฉันก็ว่าจะไว้ชีวิตแท้ๆ …..」
「———อุ」
「แต่วางใจเถอะ ราชินีแห่งโลกเอ๋ย」
หญิงสาวผมสีขาวที่ถูกเรียกว่าอัลฟ่าถูกปล่อยลงมาจนร่วงไปอยู่ใกล้ๆ กับจุดที่โอเมก้าอยู่
「ฮาคัว…ไม่ใช่…แต่นั่นมัน….」
ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสแถมยังมีเลือดไหลออกมาจากอกเธออีก ดูจากสภาพเธอคงไม่สามารถต่อต้านอะไรอีกฝ่ายได้อีก
「ฉันจะฝังแกไปพร้อมกับโอเมก้าเอง」
「ดะ เดี๋ยว!」
ทันทีที่คัตสึมิซังเห็นหญิงสาวผมสีขาวคนนั้น เขาก็พยายามเข้าไปหยุดการกระทำของอีกฝ่ายทันที แต่ก็มีบางสิ่งที่มองไม่เห็นพุ่งตรงเข้ามาเสียแล้ว จากนั้นคลื่นกระแทกก็กระจายไปทั่วบริเวณ
「บัดซบ ฮิลด้า!!」
『อ้า แบบนี้มันเลวร้ายสุดๆ!!』
คัตสึมิซังสร้างบาเรียขึ้นมาสกัดเอาไว้ได้ทันก็จริง แต่บาเรียนั้นก็แตกสลายไปทันทีหลังรับการโจมตีจนทำให้พวกเรากระเด็นออกมาจากจุดที่อยู่เล็กน้อย
ทุกสิ่งที่อย่างพลิกกลับไปหมดจากการโจมตีนั้นราวกับโลกกำลังหมุนสลับข้าง
「ทะ ทั้งที่อยู่ลึกขนาดนั้น แต่ตอนนี้เหมือนกับอยู่บนผืนดินปกติ!?」
「พลังบ้าอะไรกัน……!!」
「ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครกัน……」
ทุกสิ่งภายในอาณานิคมที่ 3 พังทลายไม่เหลือชิ้นดี
ผืนดินสิ่งกีดขวางต่างๆ ถูกคว้านออกจนหมดจากคลื่นกระแทกเมื่อครู่
ต้องขอบคุณคัตสึมิซังจริงๆ ที่ทำให้พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ไม่รู้ทางผู้บัญชาการจะเป็นอะไรไหม
「ผู้บัญชาการปลอดภัยไหมคะ?!」
『อะ อ้า ยังไหว แต่ไม่น่าเชื่อ…เขาคนนั้น….』
ถึงเขาจะปลอดภัยดี แต่น้ำเสียงที่เขาส่งออกมานั้นมันดูสับสนสุดๆ
ในขณะที่ฉันกำลังสงสัยว่าผู้บัญชาการพูดอะไร ฉันก็มองไปยังคัตสึมิซังที่ปกป้องพวกเราเอาไว้ เขาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาระหว่างที่คุยกับเร็กซ์
「คัตสึมิ!! เจ้านั่นมันมาถึงโลกแล้ว….」
「…อ้า ถึงจะไม่ใช่รูอิน แต่เจ้านี่มัน….」
『โห้ พวกแกยังรอดกันอยู่อีกเหรอ』
「「「!」」」
เสียงส่งมาภายในหัวของพวกเรา……!!
เมื่อพวกเรามองไปก็พบกับร่างของชายคนนั้นที่กำลังลอยอยู่เหนือเศษซากของอาณานิคมที่สาม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
「แกเป็น———」
「ฉันมีชื่อว่าซาอิน ผู้นำสูงสุดของลำดับแห่งดวงดารา และเป็นผู้พิชิต」
ก่อนที่คัตสึมิซังจะได้ถามจบ เอเลี่ยนมันก็แนะนำตัวเองก่อนว่าชื่อซาอิน
ใบหน้าของคัตสึมิซังดูจะตะลึงไม่น้อยกับคำตอบนั้น
อีกฝ่ายที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริงก่อนเอามือวางไว้บนอกเหมือนโล่งใจ
「ค่อยยังชั่ว ภาษาโลกที่ฉันพยายามเรียนมาไม่ศูนย์เปล่าสินะ เพราะต้องไปเจอกับโอเมก้าและอัลฟ่าที่ไม่ค่อยมีสติปัญญาก็เลยเสียดายอยู่ว่าจะได้พูดอะไรกับเขาบ้างไหม」
———มันพูดบ้าอะไรของมันออกมา?
แต่สิ่งที่ฉันสัมผัสได้จากมันก็คือมันไม่ได้มีเจตนาจะคุยอะไรกับพวกเราจริงจังเลยสักนิด———、
「งั้นตอนนี้พวกแกก็หายไปซะเลยดีไหม?」
ึความหนาวเย็นที่ไหลมาจนถึงกระดูกสันหลัง
เมื่อซาอินหันฝ่ามือมาทางพวกเรา คัตสึมิซังที่เคลื่อนไหวได้เร็วสุดก็กระโดดตรงไปข้างหน้าและใช้มือต่อยบางสิ่งที่พวกเรามองไม่เห็น
「โฮ่ ตอบสนองได้ทันเหรอ?」
「คึก!!」
「คัตสึมิ!?」
「คัตสึมิซัง!?」
ร่างของเขาถูกซัดกระเด็น?!
ทั้งที่ตอนสู้กับสัตว์ประหลาดแม็กม่ายังไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้เลย แต่นี่แค่ปะทะเข้ากับบางอย่างที่มองไม่เห็น การแปลงร่างของเขาก็ถูกปลดทันที
「หา!?」
「เร็กซ์ ฝากฮิลด้าด้วย!!」
ฮิลด้าที่คัตสึมิซังใช้แปลงร่างได้กลับมาเป็นร่างมนุษย์และล้มลงกับพื้น ทางคัตสึมิซังที่ได้สติก็ไม่รอช้าแปลงร่างกายเป็นTYPE X แล้วเข้าปะทะกันซาอินทันที
「โฮ่ แกเองเหรอผู้ถือครองอัลฟ่าแห่งโชคชะตา น่าสนใจดีนี่ จะเล่นด้วยสักหน่อยก็ได้」
「ชิ!!」
คัตสึมิซังกับซาอินปะทะกันจนเกิดคลื่นกระแทกเป็นระลอกไปทั่วบริเวณ
「เร็กซ์พวกเรา….」
「หากยังอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะเกาะกะเขาเปล่าๆ!! รีบออกไปกันเถอะ!!」
「อึก」
แน่นอนว่าเร็กซ์พูดถูก
สิ่งนั้นสามารถฆ่าโอเมก้าลงได้ย่อมไม่ใช่ตัวตนที่เราจะเอาชนะได้
เมื่อเข้าใจแบบนี้ฉันก็พยายามระดับความคับข้องใจแล้วรีบออกจากที่นี่เพื่อไม่ให้รบกวนเขา
—จบ—
ปลิงทะเลผู้ตายไปพร้อมกับความแค้น…..
สรุปแล้วจักรวาลนี้อัลฟ่าของโลกไม่ได้ถูกอาสึฆ่าซะด้วย แถมยังเหมือนฮาคัวอีก คงมีประเด็นให้ได้เล่นต่อในอนาคต
โอเมก้าก็อดโชวพลังเหมือนเคย…..ศัตรูที่ต้องเผชิญคราวนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น ซาอิน พ่อของรูอิน
นอกจากนี้ก็ได้รู้ชื่ออัลฟ่าของโปรโตสักที
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code