อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 133 โลกคู่ขนาน 10
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงมาถึงยังฐานที่ฉันอยู่ เมื่อฉันรีบเข็นรถเข็นของตัวเองไปตรงหน้าต่างก็พบว่าสัตว์ประหลาดแม็กม่าได้ทำการขยายร่างเป็นที่เรียบร้อย
「โอ้วววววว!!」
พอเห็นแบบนี้ฉันก็เลยรีบเร่งความเร็วของรถเข็นพลังงานแบตเตอรี่ให้ถึงขีดสุดเพื่อไปยังห้องบัญชาการหลักที่มีโอโมริคุงดูแลอยู่ก่อนหน้านี้
「โอโมริคุงรายงานสถานการณ์!!」
「ตอนนี้สัตว์ประหลาดแม็กม่ากำลังดูดซับเอาสิ่งก่อสร้างรอบตัวของมันเพื่อมาขยายร่างให้กับตัวเองค่ะ!! พลังงานภายในตัวของมันกำลังเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ!!」
「นี่มันเหนือขอบเขตของสิ่งมีชีวิตไปแล้ว!!」
「ฮ่ะ ฮ่าๆๆ …ไอ้ของแบบนี้…ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด」
สัตว์ประหลาดแม็กม่าขยายร่างจนสูงเท่าตึกระฟ้าด้วยเศษซากที่มันกลืนกินเข้าไป
ยักษาลาวาปล่อยควันสีดำออกมาจากร่างที่แดงฉาน สายตาของมันจับจ้องไปยังอัศวินดำด้วยความโกรธแค้น
「โอ้ววววววว!!!」
เพียงแค่เสียงคำรามไอร้อนก็แผ่ไปทั่วบริเวณ
ฉันถึงกับพูดอะไรเมื่อออกเมื่อเห็นร่างของสัตว์ประหลาดแม็กม่าผ่านโดรนที่ส่งไป
「ของแบบนี้จะเอาชนะมันได้จริงเหรอ……」
นี่มันหายนะของแท้เลย
ความโหดร้ายของภัยธรรมชาติที่สามารถล้างบางมวลมนุษย์ได้
「โลกาสัตว์ประหลาดแห่งผืนโลก」
หญิงสาววัยเกือบ 20 ปีซึ่งอยู่กับอัศวินดำ เธอบอกแนะนำตัวว่าชื่อฮิลด้า เดินตามเข้ามาภายในห้องบัญชาการ
ถึงจะมีบลูตามหลังมาด้วยแต่เธอก็ไม่ได้สนใจแล้วไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่าง
「เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?」
「มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดแม็กม่า ชื่อจริงของมันคือโลกาสัตว์ประหลาดแห่งผืนโลก ความสามารถของมันคือการดูดซับพลังงานจากผืนโลก ตราบใดที่เท้าของมันยังติดอยู่กับผืนดินมันก็ไม่มีวันตาย ถ้าให้อธิบายง่ายๆ ก็ประมาณนั้นแหละ」
ความสามารถที่บ้าบอนั่นมันอะไรกัน!! ไม่สิ พวกมันคือสัตว์ประหลาดนี่หว่าจะไปหาความสมเหตุสมผลก็ไม่ได้!!
ว่าแต่พวกเขารู้ความสามารถของสัตว์ประหลาดหรือแม้กระทั่งชื่อได้ยังไงกันนะ เหมือนกับตอนที่ทำให้เทรุฮาชิคุงกลายเป็นโดนัท
ฉันก็อยากจะถามหรอกนะว่ารู้ได้ยังไง….แต่ตอนนี้ฉันกังวลมากกว่าว่าเขาจะเอาชนะมันได้ไหม ฉันจึงถามหญิงสาวลึกลับตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่แสดงสีหน้ากังวลใดๆ เลย
「เขาจะชนะมันได้เหรอ?」
「แน่นอนสิเพราะเขาน่ะเป็น———วู้ว?!」
(*ประโยคนี้ถ้าแปลตรงๆ ฮิลด้าจะสื่อว่าคัตสึมิเป็น…..ของเธอซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเพราะพูดไม่จบ)
ก่อนที่เธอจะได้พูดจบประโยคอยู่ดีๆ ฮิลด้าก็ตบแก้มตัวเองไปหนึ่งดอก
ในขณะที่ฉันสงสัยว่าเธอทำบ้าอะไรของเธอ เธอก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะสูดสมหายใจเข้าออกแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
「พะ เพราะว่าเขาเป็นศัตรูที่ฉันต้องโค่นลงยังไงล่ะ」
ยัยนี่สมองปกติหรือเปล่าเนี่ย การกระทำของเธอมันไม่มีเหตุและผลเลยสักนิด
ไม่นานนักผืนดินก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง จนดึงความสนใจให้ฉันกลับไปจ้องจอภาพ
ภายในภาพที่โดรนส่งมาคือภาพจากของเรดและอัศวินดำที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับยักษาลาวาที่ส่งเสียงคำรามออกมา
***
「———สุดท้ายก็มามุกนี้เหรอฟะ?」
เขาพูดออกมาเหมือนอยากจะเย้ย
ต่อหน้าสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่กลายเป็นร่างยักษ์ลาวาสีแดง เขาไม่ได้แสดงความหวาดกลัวเลยสักนิด
กลับกันเขารู้สึกมีไฟยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
「โอ้ววววว!!」
ไม่รู้เพราะมันได้ยินที่เขาพูดไหม สัตว์ประหลาดแม็กม่าเลยตะโกนออกมาด้วยความโมโห
ปากของมันแยกออกเป็นสี่ส่วนก่อนจะพ่นก้อนหินสีแดงออกมาจากปาก
「กะ ก้อนอุกกาาต?!」
「ก้อนลาวาต่างหาก」
「มันก็แย่ไม่ต่างกันไหมยะ?!」
「หนวกหูจริง」
ทำไมยัยนี่ถึงได้ใจเย็นขนาดนี้นะ?!ไม่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายเลยหรือไง
ใหญ่ขนาดนั้นถึงจะเป็นเขาก็ไม่น่าจะสามารถทำลายหรือหักล้างมันได้หมด―――
「ฮ๊า!!」
เขาชูกำปั้นขึ้นไปในอากาศ
เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น สายลมกระโชกแรงก็พัดโหมกระหน่ำไปตามแรงเหวี่ยงของมัน จนทำให้เกิดคลื่นกระแทกพัดเอากระสุนลาวาปลิวละลิ่วก่อนที่เปลวเพลิงภายในนั้นจะสลายไปตามแรงลม
สัตว์ประหลาดแม็กม่าที่ปล่อนลาวาออกมาก็แสดงใบหน้าที่บิดเบี้ยวราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
「……」
จากนั้นเขาก็ใช้เส้นด้ายในการหั่นเศษหินที่ตกลงมาให้เป็นเสี่ยงๆ ก่อนหันไปดูสัตว์ประหลาดแม็กม่า
「โปรโต ฉันอาจจะต้องเล่นใหญ่หน่อยนะ…เธอไหวใช่ไหม?」
『LA……♪』
「ก็ตามนั้น」
『โอ้ววววว!!!』
ผืนดินที่เขายืนอยู่เกิดการระเบิดขึ้น จากนั้นภาพก็ตัดไปที่ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของสัตว์ประหลาดแม็กม่ากำลังค่อยๆ เอนตัวล้มลง
มันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่ร่างกระแทกเข้ากับพื้น ฉันเข้าใจได้ในทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ฉันก็อยากจะเห็นให้มันชัดกว่านี้
「ผู้บัญชาการ!!」
『กำลังจะส่งภาพจากโดรนไปให้!!』
การตรวจสอบด้วยสายตามีข้อจำกัด ดังนั้นฉันจึงขอให้ผู้บัญชาการส่งภาพในมุมของโดรนมาแทน
ภาพที่ปรากฏคือภาพของอัศวินดำที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนโดรนไม่สามารถจับภาพได้ทัน และกำลังผ่าแขนยักษ์ของสัตว์ประหลาดแม็กม่าออกข้างหนึ่ง
「สุดยอด……」
ไม่สำคัญว่าศัตรูจะแกร่งแค่ไหน
เพราะเขาจะแกร่งกว่าพวกมันก็แค่นั้น
『โอ้วววววว!!』
『หนวกหูเว้ย』
กรามของสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่กำลังจะอ้าออกมาเพื่อปล่อยการโจมตีอย่างสิ้นหวังถูกเขาทุบทิ้งเป็นชิ้นๆ
พอมันพยายามจะแกว่งแขนอีกข้าง แขนนั้นก็ถูกตัดทิ้ง
ไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนแบบไหน ก็จะถูกขัดขวางทุกครั้งไป
「เขายังเร็วได้กว่านี้อีกเหรอ……?」
ในตอนแรก การโจมตีของเขาแต่ละครั้งจะมีเส้นสีเงินตามไปด้วย แต่ตอนนี้มันค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
ภายใต้ผืนฝ่าที่ปกคลุมด้วยควันดำ เส้นสีแดงได้ถูกวาดไปมาในอากาศก่อนจะก่อตัวคล้ายกับใยแมงมุม
『กุ อ๊ากกกก!!?』
กว่าจะรู้สึกตัว เส้นด้ายสีแดงฉานก็ห้อมล้อมร่างของสัตว์ประหลาดแม็กม่าเอาไว้แล้ว
จากนั้นมันก็เริ่มแผ่ขยายไปพัวพันกับอาคารและผืนดินรอบๆ ไม่ว่าสัตว์ประหลาดแม็กม่าจะพยายามดิ้นรนสักแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากใยนั้นได้
『……โย้ช』
เขาร่อนตัวไปเหยียบอยู่ตรงเส้นด้ายที่ลอยในอากาศ
เมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ร่างที่เคยเป็นสีเงินดำ ก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงฉานทั้งตัว มันแดงเสียยิ่งกว่าร่างของสัตว์ประหลาดลาวาซะอีก
『ย๊าก!!』
เขากระโดดลงจากเส้นด้ายที่ลอยอยู่ก่อนจะใช้หมัดของเขายัดไปตรงลำตัวของสัตว์ประหลาด
เพียงแค่หมัดนั้นหมัดเดียว ก็ทำให้ร่างยักษ์ส่วนบนของสัตว์ประหลาดลาวาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เศษซากร่างของสัตว์ประหลาดลาวากระจายไปทั่วท้องฟ้าราวกับภูเขาไฟที่ระเบิด ฉันกับคิราระที่เห็นก็ทำได้เพียงทึ่งกับภาพตรงหน้า
「ทำได้จริงด้วย?」
「ไม่อยากจะเชื่อ……」
「……ยังไม่จบหรอก」
เมื่อได้ยินเสียงของเร็กซ์ ฉันก็เบนสายตาจากสัตว์ประหลาดแม็กม่าใหม่ไปหาอัศวินดำ
แม้สัตว์ประหลาดแม็กม่าจะถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ไปแล้ว อัศวินดำก็เหมือนจะยังทำท่าเหมือนค้นหาอะไรสักอย่างอยู่
『ฉันรู้ถึงแผนสวะๆ ของแกดีน่า!』
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้นก่อนที่ผ้านพันคอของเขาก็กลายเป็นขาแมงมุมสีเงิน 4 ขา
『ฮ๊า!!』
ขานั้นพุ่งตรงไปยังผินดินจุดหนึ่ง ไม่นานนักร่างของสัตว์ประหลาดแม็กม่าของจริงก็ถูกขานั้นฟาดจนลอยขึ้นไปในอากาศ
ร่างที่เคยใหญ่โตของมันไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้ร่างจริงของมันที่ถูกอัดจนลอยได้ปรากฏวัตถุบางสิ่งที่คล้ายกับหัวใจกำลังเต้นอยู่บนร่างของมัน
『โอ้วววววว!!?』
『ไอ้ระยำแบบแกน่ะตายไปซะ!! ย๊ากกกก!!』
เมื่อเขาทำการงอนิ้ว เสียงโลหะอันแหลมคมก็ดังขึ้น โดยมีร่างของสัตว์ประหลาดลาวาที่ลอยอยู่ในอากาศกำลังถูกตรึงเอาไว้
อย่าบอกนะว่าอันที่จริงเจ้านี่มันหลบอยู่ใต้ดินแล้วควบคุมร่างยักษ์นั่นมาตั้งแต่แรก?
สัตว์ประหลาดบ้าอะไรกัน หากฉันต้องไปรับมือกับมันจริงๆ การต่อสู้คงไม่มีวันจบสิ้นแน่
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของมันก็ถูกปิดผนึกไว้แล้ว จากนั้นมันก็พูดกับอัศวินดำทิ้งท้ายด้วยความรู้สึกที่แสนรังเกียจและโกรธแค้น
『ข้าคือ โลกา…ตัวแทน..แห่งโลก…』
『แกมันก็แค่ปรสิตเว้ย』
เขาไม่ได้รู้สึกสงสารสัตว์ประหลากแม็กม่าที่ดิ้นรนเหมือนแมลงติดใย ไม่สิดูถูกมันด้วยซ้ำ
เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาดแม็กม่า
แต่ทางอัศวินดำก็ทำการหุบฝ่ามือตัวเอง และนั่นทำให้เส้นใยที่พันรอบตัวของสัตว์ประหลาดแน่นยิ่งกว่าเดิม
「อ๊ากกกกก!!?」
「ไอ้สารเลวแบบแกน่ะ มันเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากปรสิตที่คอยกัดกินโลก———」
ร่างกายของเขาที่ถูกย้อมไว้ด้วยสีแดงฉานกำลังกำหมัดเอาไว้แน่น
แถมร่างนั้นยังแดงยิ่งกว่าตอนที่ฉันเห็นครั้งแรกซะอีก พลังงานความร้อนที่แผ่ออกมาน่าจะสามารถแผดเผาทุกสิ่งตรงหน้าได้เลย
「一อย่าได้คิดมาทำตัวเป็นตัวแทนของโลกเชียวไอ้สวะ!!」
สิ่งที่ปล่อยออกมาจากหมัดของเขาคราวนี้ไม่ใช่คลื่นกระแทกเหมือนก่อนหน้า แต่เป็นลำแสงสีแดงฉาน
แสงนั้นมันได้พุ่งไปหาร่างของสัตว์ประหลาดแม็กม่าจนเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าและพายุหมุนจนกลืนร่างของมันไปทั้งตัวจนทะลุท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆสีดำไป
「ท้องฟ้ามัน……」
เมฆสีดำได้ถูกพัดหายไปด้วยลำแสงสีแดง แสงอาทิตย์ได้สาดส่องลงมาแทนความมืดมิด
และแสงนั่นก็ได้สาดส่องไปยังอัศวินดำที่ชูกำปั้นเหนือหัวของตัวเองเอาไว้
『ยืนยันการหายไปของโลกาอย่างสมบูรณ์……ฟู้ว』
『นันมันบ้าอะไรกัน……』
『ไม่สามารถวัดค่าพลังได้…ฮะ ฮ่าๆๆ นี่เขาสามารถสร้างปรากฏการณ์คล้ายกับการระเบิดของพลาสมาได้ด้วยหมัดเนี่ยนะ? ……』
เสียงวุ่นวายภายในห้องดังกึกก้องมาในหูของฉัน
ทั้งคิราระและฉันเองก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นถึงระดับพลังที่ต่างชั้นสุดๆ ของอัศวินดำ
ภาพที่โดรนส่งมาคือร่างของอัศวินดำที่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานและมีควันพ่นออกมาจากร่างว่ากันตามตรงหากฉันเป็นฝ่ายสัตว์ประหลาดคงจะกลัวเขาจนหัวหด
「ทั้งที่พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด…แต่มันจบแล้วจริงเหรอ?」
「ก็น่าจะแบบนั้นแหละ」
มันจบลงแล้วจริงๆ
แต่พอมาจบด้วยวิธีการแบบนี้ฉันก็แอบพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
「นี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?」
「ว้าย!?」
ฉันสะดุ้งโหยงจนกระโดดเหมือนแมวเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหูฉัน
ฉันตกใจจนต้องรีบเอามือมาปิดปากตัวเองไว้ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ไปทั่วใบหน้า
ร่างของอัศวินดำที่อยู่ไกลๆ ได้มายืนอยู่ข้างๆ ฉันเสียแล้ว
ชุดเกราะสีแดงของเขาได้กลับกลายเป็นสีเงินดำตามเดิมก่อนส่งเสียงถามฉันด้วยความเป็นห่วง ผิดกับท่าทีที่ทำกับสัตว์ประหลาด
「ส่งเสียงได้ขนาดนี้คงไม่เป็นไรสินะ」
「อะ อื้อ……」
ทางคิราระเองก็ตกใจไม่แพ้ฉันมันรู้ตัวว่าอัศวินดำได้เข้ามาหาก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ ราวกับตรวจสอบ
「…ดูเหมือนจะไม่มีศัตรูแล้วนะ」
「เอ่อ นี่นาย……」
ก่อนที่ฉันจะได้ถามว่าเขาเป็นใคร เขาก็วางมือไว้ตรงแขนซ้ายตัวเองก่อนที่แสงสว่างจะปกคลุมทั่วร่างของเขา
เมื่อแสงนั้นหายไปก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มผมสีดำดวงตาคมกริบแทนที่ร่างของอัศวินดำ
「「……」」
เป็นมนุษย์จริงๆ ……!?
ร่างของเขาที่ปรากฏทำให้ฉันกับคิราระพูดไม่ออกกว่าเดิม อัศวินดำที่มีพลังเหนือเกินกว่าที่มนุษย์จะมีได้ แต่ทำไมเขาถึงหน้าตาเหมือนกับมนุษย์โลกทั่วไปเลยล่ะ จากนั้นเร็กซ์ก็พูดขึ้น
「เรียบร้อยดีสินะ?」
「อ้า เพราะข้อมูลที่เธอให้มาเลยจัดการไปหมดแล้ว จากนี้คงรวมกลุ่มกันได้โดยไม่มีปัญหา」
「……เข้าใจแล้ว」
หลังจากนี้เขาจะเป็นพวกพ้องของเราจริงๆ หรือเป็นศัตรูกันแน่นะ ความคิดเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันไม่หายไปไหน
พอเร็กซ์ถามเสร็จเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดต่อ
「ถ้างั้นก็ถึงเวลาที่ฉันต้องทำมันบ้างแล้วสิ」
「…เธอไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองก็ได้นะ?」
「ไม่เป็นไรหรอก มันคือเรื่องที่ฉันตัดสินใจเอง」
หลังพูดกันจบ เร็กซ์ก็เอื้อมมือไปปลดหน้ากากที่ปิดทั้งหัวของเธอเอาไว้
ทันทีที่หน้ากากนั้นหลุดออกมา เส้นผมยาวสีแดงปนดำก็สยายออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
「……หา?」
『อะไรกัน!!?』
เหมือนกับฉันกำลังมองตัวเองในกระจก
อายุของเธอดูจะมากกว่าฉันนิดหน่อย ใต้ดวงตามีรอยคล้ำที่เห็นได้ชัด
ใบหน้าที่แท้จริงของเร็กซ์นี่มัน….
「ตัวฉันเหรอ?」
ใบหน้าเหมือนกับฉันเป๊ะเลย
ใบหน้าที่ฉันเห็นทุกเช้า
เร็กซ์ดูเหมือนจะเป็นตัวฉันที่โตกว่านี้อีกสักหน่อย หลังเผยใบหน้าเธอก็เริ่มพูดต่อ
「ฉันมีชื่อว่า อากาเนะ อาราซากะ หรือก็คือตัวเธอที่อาศัยอยู่ในจักรวาลมิติอื่นนั่นแหละ」
****
คำอธิบายท้ายตอน
หากโปรโตXไม่ได้อยู่ในสภาวะโอเวอร์ไดรฟ์จนร่างกายเป็นสีแดงก็จะไม่สามารถปล่อยบีมได้ ซึ่งแตกต่างจากโปรโต1ที่สามารถปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แม้จะในโหมดปกติ
—จบ—
ตอนหน้าได้เวลาทะเลาะกันเอง
ส่วนฮิลด้าก็เหมือนจะห้ามตัวเองไม่ให้รักเธอต่อไป
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code