อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 130 โลกคู่ขนาน 7
ฉันลำดับแห่งดวงดาราที่ 10 RED X ผู้เข้าต่อสู้กับอัศวินดำและพ่ายแพ้ในที่สุด
ฉันเป็นเพียงแค่ผู้ข้ามมิติ ไม่ใช่คนของจักรวาลนี้…แม้ฉันจะต้องตายลงก็คงไม่มีใครมาสนใจ
ฉันอยากจะจบชีวิตตัวเองที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเหลือเกิน
แม้จะไม่สามารถกลับไปพบหน้าอาโออิกับคิราระได้ แต่อย่างน้อยตัวฉันที่ฆ่าและทำลายล้างสิ่งมีชีวิตไปมากมายก็ควรได้รับจุดจบเสียที
ทว่าเขาก็ได้เพิกเฉยความปรารถนาของฉันและเดินเข้ามาหาฉัน
คัตสึมิ โฮมุระเด็กหนุ่มที่ไม่ปรากฏอยู่ในโลกของฉัน ทว่าเขาก็หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ฉันอย่างจริงใจ
จับมือฉันไว้สิ…..
การล่อลวงอันแสนหอมหวานที่เขาหยิบยื่นมาให้ ตัวฉันที่กำลังจะตอบรับก็ได้ถูกวังวนปริศนาดูดกลืนเข้าไปจนหมดสติ
พอได้สิอีกครั้งภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป ภาพที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เห็นอีก
เมืองที่ถูกทำลาย เศษซากของอารยธรรมที่ล่มสลาย
ไม่มีทางที่ฉันจะลืมเลือนมันไปจากหัวใจได้ ภาพของสถานที่ที่ถูกทำลายโดยพวกสัตว์ประหลาด
ต้องเป็นฝีมือของลำดับที่ 2 แน่นอน
เขาลากฉันมายังอีกจักรวาลหนึ่งเหมือนที่เคยทำเมื่อก่อน
พอตั้งสติได้ฉันก็เริ่มทำในสิ่งที่ควรทำอย่างรวดเร็ว
ขั้นแรก ซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ถูกอัศวินดำทำลายไปให้กลับมาอยู่ในสภาพพอจะใช้งานได้ในระดับต่ำสุด จากนั้นก็ค้นหาคัตสึมิ โฮมุระที่น่าจะมาโลกนี้พร้อมกับฉัน
ในขณะที่กำลังจะหมดสติ ฉันเห็นว่าอุปกรณ์แปลงร่างของเขาทั้งสองถูกปลดออกและทิ้งเอาไว้ในโลกก่อน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าจำเป็นต้องรวมกลุ่มกับเขาโดยเร็วที่สุด
ทว่าฉันกลับไม่ต้องพยายามอะไรมากมายเลย
อาณานิคมแรก
เขาได้ทำการบุกโจมตีฐานที่มั่นซึ่งมีสัตว์ประหลาดรอยยิ้มที่แสนน่าเกลียดนั่นอยู่
『……』
หนึ่งในฝันร้ายของฉัน
เขาเอาชนะมันได้สำเร็จ
ฝันร้ายที่ฉันไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตจำนวนมากได้ ฝันร้ายที่ฉันยังเสียใจมาจนถึงตอนนี้
『……งั้นฉันก็ต้องทำอะไรบ้างเหมือนกัน』
นอกเหนือจากอาณานิคมที่ 1 แล้ว เรื่องในครั้งนี้ยังมีกรณีของพวกสัตว์ประหลาดจากอาณานิคมที่ 2 ซึ่งตามมาสมทบด้วย
ฉันจะปล่อยให้พวกมันไปขวางเขาไม่ได้เด็ดขาด
ว่าแล้วฉันก็ใช้ดาบใหญ่ที่พาดเอาไว้บนไหล่ฆ่าพวกสัตว์ประหลาดที่บุกเข้ามาทั้งหมด
「———นั่นก็คือเรื่องราวก่อนที่ฉันจะมาเจอกับนาย」
「……ก็สงสัยอยู่ว่าเธอหายไปไหนมา」
คัตสึมิ โฮมุระ ตอนนี้พวกเราได้เดินทางไปยังฐานที่พักของเขาโดยมีฮิลด้าซึ่งหมดสติไปนอนบนโซฟา
เขาพยักหน้าให้กับเรื่องราวของฉันในขณะที่นั่งฟังอยู่บนเก้าอี้ โดยมีแสงไฟจากอุปกรณ์พิเศษของฮิลด้าส่องไปทั่วห้อง
「ตอนนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้าง?」
「สภาพตอนนี้คงไม่น่าจะหาแขนเทียมมาทดแทนได้ ดังนั้นคงต้องลุยแบบแขนข้างเดียวนี่แหละ」
ก่อนจะไปยังจักรวาลของเขา ฉันได้ยกแขนให้กับพวกสัตว์ประหลาดมันไปแล้ว
ตอนนี้ไม่มีทรัพยากรพอจะทำแขนเทียมใหม่ด้วย ดังนั้นก็เลยจำเป็นต้องลุยแบบแขนเดียวไปก่อน
「……ขอโทษนะ」
「ไม่จำเป็นหรอก มันเป็นสิ่งที่ฉันเริ่มเอง ไม่ใช่ความผิดของนายเลย」
เลยจะนิสัยดีไปไหนเนี้ย
ทั้งที่การต่อสู้ของเขาโหดร้ายและรุนแรง
แต่นิสัยจริงๆกลับสุภาพเรียบร้อยสุดๆ
「แล้วยัยนั่นล่ะ……」
「หือ?」
「เกิดอะไรขึ้นกับฮิลด้าเหรอ?」
「……」
ฉันหันไปดูสิ่งที่กำลังนอนหมดสภาพอยู่ตรงโซฟา คัตสึมิที่เห็นก็เกาแก้มแบบลำบากใจ
ร่างกายของฮิลด้าที่นอนอยู่ตรงโซฟากำลังส่องแสง 5 สีออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงเหมือนเป็นไข้
「เธอเป็นแบบนี้หลังฉันใช้เธอต่อสู้น่ะ…บางทีอาจจะเป็นความผิดของฉันเอง」
「นายไปทำอิท่าไหนกัน?」
「ฉันคงจะเล่นแรงไปหน่อยน่ะก็เลยทำให้ยัยนั่นหมดแรง」
「นายจะบอกว่าสูทเสริมพลังหมดสภาพไปเพราะตามการเคลื่อนไหวของนายไม่ได้เนี่ยนะ?」
ก่อนที่เขาจะมาที่นี่เขาใช้อุปกรณ์แปลงร่างของตัวเองเหมือนเป็นปกติ
ว่าแต่ทั้งสองคนไปทำยังไงให้มาสู้ด้วยกันได้ล่ะ
「ฟุฟุฟุ ไม่ใช่ความผิดของคัตสึมิคุงหรอก」
ระหว่างที่คุยกัน ฮิลด้าที่นอนอยู่ตรงโซฟาก็ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
「ทั้งหมดมันก็แค่ฉันตามพลังของนายไม่ทันเท่านั้นเอง แต่ไม่เป็นไรหรอก ครั้งหน้าฉันจะพยายามให้มากกว่า…อึก…!!」
「หือ? ฮิลด้า?」
อยู่ดีๆฮิลด้าก็เกิดอาการสั่นไปทั้งตัว ก่อนจะชักกระตุกไปมา
「———อึก หัวใจฉัน!!? อะไรกัน ความรู้สึกที่แทบจะขาดใจนี้!!」
「ยะ อยู่ดีๆก็เป็นอะไรของเธอน่ะ?」
「คัตสึมิคุง!!」
ใบหน้าของเธอแดงไปหมด แต่เธอก็ฝืนลุกขึ้นแล้วตรงไปคว้าไหล่ของคัตสึมิ
「ช่วยทำร้ายฉันที ตอนนี้เลย!!!」
「หา?」
ยัยนี่พูดบ้าอะไรกัน
คัตสึมิคุงที่ได้ยินก็อึ้งไม่ต่างกับฉัน
「ยัยสูทกระจอก ยัยของใช้การไม่ได้ ยัยคนงี่เง่า….ช่วยดูถูกฉันด้วยคำพูดที่แสนเจ็บปวดของนายซะ!!」
「พูดบ้าอะไรฟะ ไปนอนไป๊」
เขาผลักฮิลด้ากลับไปก่อนจะจับเธอนอนบนโซฟาแล้วห่มผ้าห่มให้
「ฉันจะไปด่าเธอทำไม ในเมื่อมันเป็นความผิดของฉันเอง」
「ตะ แต่ว่าเราเป็นศัตรูกันนะ」
「อย่างน้อยในโลกใบนี้ เราก็คือพวกพ้องน่า」
เขาทำการบิดผ้าชุบน้ำให้หมาดก่อนจะเอาไปวางบนหน้าผากของเธอ
ฮิลด้าที่ถูกผ้าโปะลงไปก็ส่งเสียงร้องออกมาว่า เย็นอ่ะ พอเขาได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา ก่อนจะลากเก้าอี้ไปนั่งอยู่ใกล้ๆเธอ
「ยังไงฉันก็ยังต้องพึ่งพาเธอน่า」
「…ไม่จำเป็นต้องมาถามหรอก ยังไงฉันก็เป็นแค่เครื่องมือ」
「——ฉันไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าโปรโต ชิโระ หรือแม้แต่เธอจะเป็นเพียงเครื่องมือในการแปลงร่างเฉยๆ」
「……」
「ฉันต้อการเธอนะ ฮิลด้า」
พอได้มาเป็นคนมองอยู่นอกฉากแล้ว ทำไมเหมือนฉันกำลังดูละครรักกันล่ะ
จะว่าไปก็ไม่ได้ดูละครมาเกือบร้อยปีแล้วสิ
「หากเธอมีเวลาว่างมาทำตัวคิดลบแบบนี้ก็นอนพักต่อเถอะ」
「……อื้อ」
ว่าแล้วฮิลด้าก็หลับตาลงหลังเขาไปห่มผ้าห่มให้
เมื่อลมหายใจของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนเป็นสัญญาณว่าหลับไปแล้ว คัตสึมิก็หันมาหาฉัน
เพียงแค่เห็นสายตาของเขาฉันก็เข้าใจทันทีว่าเขาต้องการจะถามเรื่องที่จริงจัง
「ก่อนอื่นของถามเรื่องของเธอหน่อยได้ไหม?」
「……อ้า」
พวกเราคงต้องได้คุยกันจริงๆจังๆเสียที
ยังไงก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบังอีกแล้ว
หากโลกใบนี้กำลังดำเนินไปตามที่ฉันรู้ ฉันก็จำเป็นต้องบอกเรื่องสำคัญหลายๆอย่างกับเขา
「ตัวฉันคืออากาเนะ อาราซากะที่มาจากอีกจักรวาลหนึ่ง」
ฉันเริ่มเล่าถึงจักรวาลที่ฉันเคยอยู่
ชะตากรรมของโลกหลังถูกพวกสัตว์ประหลาดรุกราน
ในจักรวาลนั้น คัตสึมิ โฮมุระไม่ใช่คนสวมสูทอัศวินดำ
หลังได้ฟังคำอธิบายคร่าวๆเสร็จ เขาก็กอดอกคิด
「……เธอคงผ่านอะไรมาเยอะเลยสินะ」
「ไม่ต้องคิดมากหรอก มันไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย」
ฉันไม่ได้พูดเพื่อต้องการความเห็นใจ แต่มันเป็นเรื่องราวที่จำเป็นสำหรับเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้
ดังนั้นไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอก
「นอกจากนี้ฉันก็อยากจะให้นายเรียกฉันว่าเร็กซ์(Red+X=Rex)ด้วย」
「?」
「ยังไงในโลกใบนี้ก็มีอากาเนะอยู่นะ…แถมฉันไม่ค่อยชินกับการถูกเรียกด้วยชื่อนั้นด้วยสิ」
「……เข้าใจแล้ว」
บอกตามตรงพอได้ยินคนเรียกฉันว่าอากาเนะ หัวใจของฉันมันสั่นไปหมดเลย
เนื่องจากมันไม่ค่อยดีต่อหัวใจ แถมฉันก็เป็นแค่คนชั่วที่ใช้ชีวิตด้วยโค้ดเนมอย่าง RED X มานานมาก
「เรื่องราวของโลกฉันคงไม่มีวันหวนคืนได้ แต่โลกใบนี้มันต่างออกไป」
「เป็นไปได้หรือเปล่าว่าที่จริงแล้วนี่คือโลกที่เธอเคยอยู่มาก่อนแต่เป็นคนละช่วงเวลา?」
「เรื่องนั้นฉันก็ตอบนายไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยแม้ชะตากรรมของโลกใบนี้จะเปลี่ยนไปก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรกับฉันตอนนี้หรอก」
「……ถ้าเธอว่าอย่างงั้นก็คงจริง」
แม้จะเป็นโลกในอดีตที่ฉันเคยอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่โลกในช่วงเวลาของฉันอีกแล้ว
ว่ากันตามตรงฉันก็ไม่ได้เข้าใจทฤษฎีห้วงมิติอะไรละเอียดหรอก ถ้าให้ฉันเดาก็คงจะเรียกว่าเป็นรูททางแยกละมั้ง
「สิ่งที่สำคัญซึ่งนายทำให้กับโลกนี้ก็คือการพิชิตอาณานิคมที่ 1 นี่แหละ」
「……ฉันคงไม่ได้พลาดอะไรไปใช่ไหม?」
「ไม่หรอก มันดีสุดๆ ดีจนเหลือเชื่อเลยด้วยซ้ำ」
ผลลัพธ์ของมันดีกว่าในช่วงเวลาของฉันมาก
「เดิมที พวกเราในโลกนี้ก็ตั้งใจจะโจมตีอาณานิคมที่ 1 ในวันนี้แหละ」
「……พวกอากาเนะน่ะเหรอ」
「อ้า ยัยพวกโง่เง่าที่ออกไปต่อสู้ทั้งที่สูทซึ่งตัวเองใช้งานอยู่ไม่สมบูรณ์ แม้สุดท้ายจะสามารถยึดอาณานิคมที่ 1 ได้สำเร็จ แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่ายค่อนข้างสูง」
「……」
เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินฉันพูดว่าค่อนข้างสูง
ก็เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้นั่นแหละ
ตัวประกันเกินครึ่งถูกฆ่าตายเพราะสัตว์ประหลาด ส่วนที่เหลือก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีก
และยิ่งไปกว่านั้น———
『พะ พี่ สาว ค ะ』
『ฮา…รุ…ทำไมมันต้องมาจบแบบนี้…..ทั้งที่ในที่สุดพวกเราก็ได้เจอกันแล้วแท้ๆ…』
『ฆ่า……หนู……เถอะ』
อาโออิทำการฆ่าน้องสาวของเธอที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดด้วยมือของเธอเอง
หลังจากนั้นเธอก็เสียสติและออกไปกวาดล้างพวกสัตว์ประหลาดด้วยความโกรธแค้นจนพวกกำลังเสริมจากอาณานิคมที่ 2 ถูกกำจัดจนหมด
ในแง่ของผลลัพธ์แล้ว พวกเราสามารถกำจัดผู้นำของอาณานิคมท่ 1 ได้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อของสไมล์ลี่ นอกจากนี้ก็ยังสามารถขับไล่พวกที่มาจากอาณานิคมที่ 2 ได้อีก
ทว่ามันก็มีราคาที่ต้องจ่ายสูงเหลือเกิน
「พวกเราไม่ควรจะให้ในโลกนี้ออกไปต่อสู้เลย」
「……ที่เธอพูดหมายความว่ายังไง?」
「อุปกรณ์ในการต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดที่ เรมะ คาเนะซากิสร้างขึ้นในโลกนี้ไม่ใช่ของที่สมบูณ์เมื่อเทียบกับของที่โลกนายใช้ ทว่าหากปลดลิมิตเตอร์มันออกก็อีกเรื่องหนึ่ง」
「ฟังดูไม่ใช่ของที่น่าใช้เลยนะ?」
「มันจะทำการมอบพลังมหาศาลให้ชั่วครู่หนึ่งโดยแลกกับพลังชีวิตของผู้ใช้」
ในโลกของคัตสึมิ จัสติสสูทที่เรมะ คาเนะซากิสร้างขึ้นคาปาฏิหาริย์ที่ผสมผสานพลังของมนุษย์และแกนพลังงานเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทว่าโลกใบนี้เขาไม่มีเวลามากพอจะทำแบบนั้นได้ แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์เขาก็จำเป็นต้องนำมันออกไปใช้งานแล้ว
ทั้งไม่เสถียร ความปลอดภัยก็ต่ำ
ไม่ว่าเรมะ คาเนะซากิจะพยายามแก้ไขในจุดนี้ยังไง หากผู้ใช้งานต้องการก็สามารถปลดลิมิตมันเองได้อยู่ดี
「ก็หมายความว่าพวกเราต้องฆ่าพวกสัตว์ประหลาดบนโลกนี้ทั้งหมดแทนพวกเธอ」
「…นายไม่ลังเลหน่อยเหรอ ทั้งที่ควรจะคิดเรื่องกลับโลกของตัวเองแท้ๆ……」
เขาพูดออกมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
แถมยังตั้งใจจะไม่ให้พวกฉันบนโลกนี้ออกไปต่อสู้จริงอีก…
「ฉันไม่รู้วิธีกลับไปโลกของตัวเองหรอก แต่การที่ฉันถูกลากมายังโลกใบนี้ด้วยก็หมายความว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะให้ฉันมาฆ่าพวกมันไม่ใช่หรือไง?」
「เรื่องนั้น…มันก็จริง」
「ดังนั้นฉันก็จะสู้ และนอกจากนี้―――」
เขามองลงไปยังฝ่ามือของตัวเองก่อนพูดต่อ
「แม้จะเป็นโลกใบอื่น แต่ฉันก็ไม่มีวันทิ้งพวกอากาเนะลงได้หรอก」
「……ขอบคุณนะ」
ฉันอยากจะให้นายมีตัวตนอยู่ในโลกของฉันจริงๆ
ฉันยิ้มอย่างขมขื่นออกมาขณะคิดเรื่องนี้
「ถ้างั้นเรามาคุยเรื่องที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้เลยดีไหม ?」
「อ้า เรื่องนั้นฉันก็อยากรู้เหมือนกัน」
จะเริ่มอธิบายตรงไหนดีนะ
เอาเป็นว่าต้องให้เขารู้เรื่องที่สำคัญสุดๆก่อนละกัน
「เอาเป็นว่าเข้าเรื่องสำคัญสุดก่อนเลยนะ」
「อ้า」
「โลกจะล่มสลายในอีก 10 วันข้างหน้า」
「……หา!?」
ฉันเข้าใจดีว่านายรู้สึกยังไง
แต่ฉันไม่ได้ล้อเล่น
เพราะหากนี่เป็นโลกที่ฉันรู้จักจริงๆมันจะเป็นแบบนั้น
「โอเมก้าได้สั่งให้จ้าวอสนีบาตที่ดูแลอาณานิคมที่ 3 ซึ่งเตรียมการทุกอย่างไว้สำหรับวันตัดสินเรียบร้อยแล้ว ยกเกาะญี่ปุ่นขึ้นไปจากผืนโลกและทำให้มันเป็นยานอวกาศของพวกมัน ด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้โลกล่มสลาย」
「…เดี๋ยวก่อนนะ ไอ้จ้าวอสนีบาตนี่มันตัวอะไรกัน ฉันไม่เห็นเคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลย …นอกจากนี้พวกมันจะใช้ญี่ปุ่นเป็นจรวดโดยมีฐานเป็นโลกเนี้ยนะ….」
ดูเหมือนเขาจะไม่เคยเจอมันมาก่อน
แต่หากเป็นไปตามที่ฉันคิด ตอนนี้เราจำเป็นต้องรีบป้องกันไม่ให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นและจัดลำดับความสำคัญในเรื่องที่ควรทำก่อน 10 วันข้างหน้า
「จ้าวอสนีบาตเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถกลืนกินพลังงานไฟฟ้าได้และมันก็ได้ทำการกลืนกันไฟฟ้าทั้งโลกเอาไว้ในตัวของมัน สามารถบอกได้เลยว่ามนุษยชาติขาดอารยธรรมที่เรียกว่ากระแสไฟฟ้าไปก็เพราะมันนี่แหละ」
「พอฟังไปฟังมาไอ้นี่มันสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้านี่หว่า……」
ทากเหรอ? ฉันว่ามันเหมือนปลิงทะเลมากกว่านะ….
ตัวของมันคงจะบวมเพราะเก็บพลังงานไฟฟ้าเอาไว้มากเกินไปมั้งก็เลยดูเหมือนปลิงทะเล แต่ถ้าเขาเป็นคนพูดเองมันก็คงเป็นทากแหละ
「และสิ่งที่รออยู่ในอวกาศนั้นคือกองกำลังลึกลับที่เข้าปะทะกับสัตว์ประหลาดของโอเมก้า….พวกมันได้ทำการเข่นฆ่ากันโดยมีโลกที่ล่มสลายเป็นฉากหลัง」
「นี่สินะเรื่องราวทั้งหมด….」
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของเขา
แม้จะเป็นการอธิบายคร่าวๆแต่เขาก็ตามได้ทัน
「ถึงจะบอกว่าโลกจะถูกทำลายในอีก 10 วัน แต่ในอีกมุมหนึ่งพวกเราก็มีเวลาเตรียมตัวตั้ง 10 วัน」
「งั้นพวกเราไปฆ่าโอเมก้ามันเสียตอนนี้เลยดีไหม」
「เรื่องนั้นมันก็ดีหรอก แต่มันมีขั้นตอนของมันอยู่」
ให้พูดตามตรงการเผชิญหน้ากับโอเมก้าตอนนี้อันตรายเกินไป
ฮิลด้าก็หมดสภาพไปแล้วหลังเขาใช้งานไปในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ส่วนทางฉันก็ไม่มีอุปกรณ์อะไรพอจะให้ใช้สู้ได้อย่างเต็มที่
「ก่อนอื่นเลยเราจำเป็นต้องจัดการกับสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่ปกครองอาณานิคมที่สองกับพวกตัวอื่นๆซะก่อน」
「ไอ้นี่อีกแล้วเหรอ……」
ดูเขาจะทำหน้าเซ็งแปลกๆ แต่สำหรับฉันแล้วมันคือสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวสุดๆ ขนาดในตอนนี้ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับมันก็ยังชัดเจน
การเสียสละเพื่อเอาชนะสิ่งนั้น
「ในการโจมตีอาณานิคมที่ 3 หากมีมันมาเข้าร่วมด้วยจะยุ่งยากเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องรีบจัดการมันก่อน นอกจากนี้เพื่อปกป้องอาณานิคมที่ 1 เอาไว้การกำจัดมันจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด」
「……」
「หือ? มีอะไรที่กวนใจนายอยู่เหรอ?」
「……。เธอเสียสละอะไรบ้างในรอบนี้?」
「อึก」
อาจจะเพราะเห็นสีหน้าของฉันก็ได้ เขาจึงถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาจนฉันพูดอะไรไม่ออก
「กลุ่มต่อต้านกว่า 80% เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ รวมถึงคิราระด้วย….」
「……」
「เพื่อที่จะเอาชนะมัน เธอได้เปิดการใช้งานสูทของเธอจนโอเวอร์โหลด…สุดท้ายมันก็ทำลายตัวเอง」
ภาพนั้นยังคงสลักอยู่ภายในใจของฉัน
ฉันกับคิราระอยู่ในสภาพย่ำแย่สุดๆเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดแมกม่าที่ฆ่าไม่ตายสักทีไม่ว่าจะโจมตีไปแค่ไหน
『อากาเนะ ฉันจะหยุดมันเอาไว้เอง ฝากที่เหลือด้วยนะ』
เธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้นก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับสัตว์ประหลาดแม็กม่า
แม้แต่ศพของเธอฉันก็หาไม่พบ ฉันไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือเธอได้เลย
「ถ้างั้นก็แปลว่าเราต้องฆ่ามันก่อนที่คิราระจะตัดสินใจแบบนั้น」
「……อะ อ้า ก็แบบนั้นแหละ」
ตอนนี้มันจะต้องต่างออกไป
ฉันจะเปลี่ยนผลลัพธ์นั้นด้วยมือของฉันเอง
「ว่าแต่นายมั่นใจไหมว่าจะเอาชนะสัตว์ประหลาดแม็กม่าได้?」
「ถ้าให้ว่ากันตามตรง ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอกว่าจะฆ่ามันได้」
「แม้จะเป็นนายเนี่ยนะ?」
「จะว่าไงดีล่ะ…ให้ชนะมันก็ชนะได้อยู่หรอก แต่สภาพของฮิลด้าในตอนนี้น่ะไม่สามารถทำอะไรได้มากหรอก หากฉันฝืนใช้งานเธอไปมากกว่านี้ฉันมั่นใจเลยว่าสภาพของเธอคงทรุดลงกว่านี้แหง」
「……แย่กว่านี้?」
หากเขาใช้ฮิลด้าไปมากกว่านี้ สุดท้ายเธอก็อาจจะพังลงได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาชนะไม่ได้สินะ
「ในโลกของนาย นายจัดการมันยังไงเหรอ?」
「ในครั้งแรกฉันได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังป้องกันตัวเองแล้วลากมันไปทิ้งในทะเลน่ะ ส่วนคราวต่อมาฉันทำลายแกนกลางของมันด้วยความร่วมมือจากทุกคน」
ฟังแล้วเหลือจะเชื่อสุดๆ….
「นี่เร็กซ์ ในโลกใบนี้มีโปรโตเซโร่อยู่หรือเปล่า?」
「….ถ้านายพูดถึงสูทที่เรมะ คาเนะซากิใช้ละก็มันก็มีอยู่แหละ」
ถ้าจำไม่ผิดมันถูกผนึกเอาไว้ที่ห้องใต้ดินของฐานทัพใหญ่
โปรโตเซโร่
สูทปีศาจที่ทำให้ผู้บัญชาการอยู่ในสภาพเหมือนศพ และยังเป็นสูทตัวแรกที่คัตสึมิเคยใช้งานอีกด้วย
「ถ้างั้นเราไปเอามันมากันก่อนดีกว่า」
「เรา……? ไม่สิ จะเป็นไปได้ยังไง」
「? ทำไมล่ะ? เรื่องอาณานิคมที่ 1 ก็น่าจะมากพอแล้วที่ทำให้เรมะยอมรับพวกเรานะ หากพวกเราไปบอกว่าอยู่ข้างเขา ก็ไม่น่ามีปัญหา……」
ที่เขาพูดมันก็ไม่ผิดหรอก
หากแสดงปาฏิหาริย์ขนาดนั้นให้ดู ถึงจะน่าสงสัยสักแค่ไหนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับ
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
「หากพวกเราเข้าไปเจรจากับเขาตอนนี้ กลุ่มต่อต้านได้ถูกสัตว์ประหลาดฆ่าตายแน่」
「………จะบอกว่าภายในกลุ่มของเธอมีพวกสัตว์ประหลาดแฝงตัวอยู่เหรอ?」
「อ้า」
พวกฉันมันโง่เองที่ไม่สังเกตเห็น
ตั้งแต่แรกแล้วสัตว์ประหลาดก็เห็นพวกเราเป็นเพียงของเล่นที่สามารถฆ่าได้ทุกเมื่อ
「มันได้แทรงซึมเข้ามาในกลุ่มต่อต้านอย่างชาญฉลาดและทำตัวเหมือนกับมนุษย์จนสร้างความเชื่อใจได้สำเร็จ ก่อนจะเปิดเผยตัวตนในสถานการณ์ที่สำคัญจนทำให้เรื่องราวมันเลวร้ายสุดๆ」
มันปลอมตัวเป็นหนึ่งในผู้ลี้ภัยและเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านก่อนจะสานสัมพันธ์กับพวกเรา
และพวกเราก็ติดกับมันเข้าจังๆ
「สัตว์ประหลาดตัวนั้นมันเริ่มเคลื่อนไหวในจังหวะที่สัตว์ประหลาดแม็กม่าออกมาโจมตีอาณานิคมที่ 1 การสังหารหมู่ได้เกิดขึ้นภายในฐานทัพเก่าของเราขณะเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ กว่าอาโออิจะตามไปช่วยได้ทัน ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว」
ซากศพและเลือดที่นองไปทั่วบริเวณ
ประตูที่ควรจะปิดผนึกโปรโตเซโร่เอาไว้ถูกทำลายเหลือเพียงความว่างเปล่า
บริเวณหน้าประตูก็มีศพ 5 ศพที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆกองอยู่
สิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าเป็นฝีมือของสัตว์ประหลาดแบบไหนก็คือกล้องวงจรปิดที่ยังเหลืออยู่ในฐาน มันคือสัตว์ประหลาดที่ปลอมเป็นพวกพ้องของเรา ชายที่พวกเราเคยคิดว่าเป็นพวกพ้องคนหนึ่ง
「หรือเราจะเข้าไปบอกแบบลับๆดีว่ามีสัตว์ประหลาดแฝงตัวอยู่….แต่พวกเขาจะเชื่อไหมนะ?」
「คงไม่หรอก แต่ถึงจะเชื่อจริง สัตว์ประหลาดนั่นคงอาละวาดทันทีแหง」
นั่นเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ฉันไม่ตัดสินใจเจอกับพวกเขาตอนอยู่อาณานิคมที่ 1
เป็นไปได้ว่าพวกเราอาจจะถูกแทงข้างหลังในช่วงที่ปลดการแปลงร่างออก
「….ดูเหมือนมันจะดูถูกมนุษย์สุดๆเลยนี่หว่า คิดแล้วโมโหชะมัด」
「……อ้า」
「แต่ครั้งนี้มันจะต่างออกไปสินะ?」
ฉันพยักหน้าให้กับเขา
ฉันจะไม่พลาดแบบเดิมซ้ำสอง
จะไม่ปล่อยให้ใครตายอีกแล้ว
ฉันไม่สนหรอกว่าจะเป็นโลกของฉันจริงหรือไม่
「ก่อนอื่นเราจะทำการจับตามองฐานทัพเก่าของกลุ่มต่อต้านก่อน โชคดีที่นายกางบาเรียไว้ตรงอาณานิคมที่ 1 เลยทำให้เบาใจลงไปได้หน่อย ที่เหลือก็แค่สังเกตแล้วรอให้มันโผล่หางออกมา」
เป้าหมายของมันน่าจะเป็นโปรโตเซโร่
การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นหลังมันทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว
จากนิสัยโดยธรรมชาติของผู้บัญชาการ เขาไม่มีทางทิ้งโปรโตเซโร่เอาไว้และตัดสินใจเคลื่อนย้ายมันไปยังอาณานิคมที่ 1
และจังหวะนั้นน่าจะเป็นจุดที่สัตว์ประหลาดเล็งเอาไว้
「ฉันจะออกไปก่อน หากฮิลด้าฟื้นแล้วนายค่อยตามมาแล้วกัน…นายเตรียมใจแล้วสินะ?」
「อ้า แน่นอนสิ นอกจากนี้ฉันก็มีวิธีในการหาข้อมูลส่วนตัวด้วย」
ฉันจะต้องเปลี่ยนตอนจบที่น่าสิ้นหวังนี้ให้ได้
หากตัวคนเดียวคงไม่ไหว แต่ตอนนี้ฉันมีเขาอยู่ด้วย
「……อ้า แล้วเจอกัน」
ในขณะที่ฉันตอบกลับไป ฉันก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวฉันในโลกเขาขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอโชคดีเสียจริงๆ
หากฉันมีคนแบบเขาคอยอยู่เคียงข้าง ความหวัง….ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครฉันก็มั่นใจว่าฉันจะฟันฝ่ามันไปได้
***
อธิบายท้ายตอน
・อาโออิที่หัวใจแตกสลายได้เผาผลาญพลังชีวิตของตัวเองจนหมดลงด้วยความบ้าตลั่ง
・คิราระระเบิดตัวตาย
・พวกพ้องทุกคนเสียชีวิต
ประวัติศาสตร์เดิมของจักรวาลนี้ไม่หลงเหลือความหวังใดๆ
สัตว์ประหลาดปลิงทะเลไฟฟ้านับได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในแผนของโอเมก้า ทว่าก็เป็นที่น่าเสียดายเพราะมันถูกคัตสึมิฆ่าทิ้งเร็วไปหน่อย
—จบ—
เส้นเวลาเดิมของโลกนี้มันไม่เหลือความหวังจริงๆวุ้ย เรมะไม่มีเวลามากพอแถมยังเกือบจะนอนเป็นผัก สูทก็สร้างไม่เสร็จ
ฮารุตายอาโออิใจสลายจนเป็นบ้า คิราระก็ระเบิดตัวตาย ถูกสัตว์ประหลาดแทงข้างซึ่งเรมะน่าจะตายตรงนี้ สภาพจิตใจของอากาเนะที่เหลือรอดเพียงคนเดียวจะหนักขนาดไหนน้อ
ส่วนปลิงทะเล…โลกนี้ได้บัพเยอะไปหน่อยจนชื่อเปลี่ยน แต่สุดท้ายก็ถูกจดจำในฐานะทากตัวหนึ่ง
คัตสึมิปักธงมาขนาดนี้แล้วโปรโตเซโร่ของโลกใบนี้จะหายไปไหนได้อีกล่ะ ยิ่งฮิลด้าหมดสภาพไปแล้วอีก
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code