อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 129 โลกคู่ขนาน 6
การพิชิตอาณานิคมที่ 1 ประสบความสำเร็จ
นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่ามนุษย์สามารถหลุดพ้นจากขอบเขวแล้วก้าวข้ามพวกสัตว์ประหลาดได้
ทว่าผู้ที่ทำมันให้สำเร็จกลับไม่ใช่เรดหรือพวกของฉัน แต่เป็นไรเดอร์ลึกลับ
สัตว์ประหลาดที่พวกฉันเตรียมใจจะเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อกรกับพวกมันถูกพลังลึกลับกวาดล้างไปจนสิ้น
「……เห็นแล้วก็ยังไม่อยากจะเชื่อ」
ฉันเดินทางมายังอาณานิคมที่ 1 เพื่อตรวจสอบสถานที่นี้ในการสร้างเป็นฐานทัพแห่งใหม่ก่อนจะรู้สึกทึ่งสุดๆ กับสิ่งที่เห็น
พวกคนของฉันที่ตามมาตรวจสอบด้วยก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันดูได้จากสีหน้าของพวกเขา
「ไม่พบการปนเปื้อนของพวกสัตว์ประหลาด กลับกันสถานที่แห่งนี้มันสะอาดหมดจดจนน่าเหลือเชื่อ เหมือนกับมันถูกสร้างขึ้นมาไหม」
「พืชที่โตในที่แห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับมะเขือเทศที่พวกเรากินกัน แต่คุณค่าทางโภชนาการนั้นสูงกว่าปกติเป็นอย่างมาก แถมพอเด็ดผลเก่าออก ผลใหม่ก็งอกออกมาแทนอีก……」
「พื้นที่ที่เหนือจิตนการ ไม่ว่าจะมองในมุมของวิทยาศาสตร์ยังไงมันก็ไม่สามารถหาคำอธิบายได้เลย」
ทุกอย่างมันดีจนผิดปกติไปหมด
อาณานิคมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรังของพวกสัตว์ประหลาดกลับกลายมาเป็นฐานใหม่ของพวกเราที่มีทั้งอาหาร น้ำ และที่พักอาศัยที่ยอดเยี่ยม
หากบอกว่าเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นคงจะเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนที่สุด
ผู้คนที่ถูกสัตว์ประหลาดจับเอาได้รับการปลดปล่อยและกำลังเพลิดเพลินกับอิสรภาพที่ห่างหายไปแสนนาน อันที่จริงเรื่องแปลกอีกอย่างก็คือพวกเขานี่แหละ
「…สภาพของคนที่ถูกจับไว้เป็นยังไงบ้าง?」
「สภาพร่างกายพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปนเปื้อนของสัตว์ประหลาดเลยค่ะ ต้องเรียกว่าสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ด้วยซ้ำ」
「แล้วการเยียวยาจิตใจคนที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสัตว์ประหลาดล่ะ?」
「เรื่องนั้นดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีความทรงจำในตอนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดเลยค่ะ ทว่าคนที่ถูกเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดนานเกินไปเหมือนจะสลายกลายเป็นควันไปหมดแล้ว」
…แปลว่าคนพวกนั้นคงจะสายเกินไปสินะ
อันที่จริงต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ยังมีผู้รอดชีวิตทั้งที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว ไหนจะเรื่องความกังวลของฉันที่คิดว่าพวกเขาจะกลับมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ได้ไหมหลังถูกเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาด แต่เหมือนฉันจะคิดมากเกินไปเอง
「ผู้บัญชาการ พลังขนาดนี้มาจากแกนพลังงานหรือเปล่าคะ?」
「…ฉันคิดว่าใกล้เคียงเป็นอย่างมากเลยแหละ ถึงจะยังไม่แน่ใจนักก็เถอะ」
อัศวินดำ ฉันเรียกเขาด้วยชื่อที่เรดพูดออกมา เขาคนนั้นได้ปลดปล่อยพลังงานคล้ายกับลักษณะการปลดปล่อยพลังงานของแกนพลังงานที่ฉันสร้างขึ้น
ทว่ามันก็ไม่ได้มีแค่พลังนั้นอย่างเดียว มันยังมีอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดปนออกมาด้วย
「พลังพวกนี้มันมาจากไหนกันนะ……?」
ทำให้สภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนจากสัตว์ประหลาดบริสุทธิ์
รักษาคนที่ถูกจับตัวไปทั้งหมด
สร้างผลผลิตที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ
บาเรียที่ป้องกันเฉพาะสัตว์ประหลาด
…แค่ความสามารถอย่างเดียวมันก็น่าเหลือเชื่อสุดๆ แล้ว
「……」
ตามที่พวกคนเห็นเหตุการณ์บอกเอาไว้คือเขาเป็นศัตรูกับสัตว์ประหลาด
เขาแสดงความโกรธออกมาเมื่อเห็นมนุษย์ถูกข่มเหงก่อนจะเปลี่ยนร่างไปมาและใช้พลังอันล้นหลามในการฆ่าพวกมัน
เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาสร้างสภาพแวมล้อมที่ดีเยี่ยมให้กับคนที่นี่
「นอกจากนี้ก็….」
นอกจากเรื่องที่เขากวาดล้างสัตว์ประหลาดในอาณานิคมแรกได้สำเร็จ ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่ไปกำจัดพวกสัตว์ประหลาดซึ่งมาจากอาณานิคมที่ 2
หญิงสาวในชุดสูทสีแดงดำ
แม้จะไม่มีแขนซ้ายแต่เธอก็สามารถผ่าร่างของพวกสัตว์ประหลาดได้เหมือนก้อนเนย ทักษะที่แสดงออกมามันทำให้เห็นว่าเธอขัดเกลาพลังมาเพื่อฆ่าล้างพวกสัตว์ประหลาดโดยเฉพาะ
「ฉันสามารถเชื่อพวกเขาได้ใช่ไหม?」
ก็จริงอยู่ว่าคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นศัตรูกับสัตว์ประหลาด
แต่ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกส่งมาโดยผู้ปกครองจักรวาลแห่งนี้ก็ไม่ใช่ศูนย์
บางทีการกวาดล้างของพวกเขาคราวนี้อาจจะมีเป้าหมายที่อัลฟ่าของโลกใบนี้ไม่ก็อยากจะตรวจสอบลักษณะของมนุษย์โลกเพื่อนำไปทดลอง
「หากเป็นแบบนั้นจริงพวกเราคง……」
พวกเราคงไม่มีทางต่อต้านได้เลย
ร่างที่ไม่ต่างอะไรกับศพมีชีวิต สภาพของฉันในตอนนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยหากปราศจากรถเข็น
「….หากจะย้ายมาที่นี่ก็คงต้องเตรียมไปขนย้ายของจากฐานเก่า」
ซึ่งนั่นรวมไปถึงสิ่งที่ฉันปิดผนึกมันเอาไว้อีกด้วย
สิ่งที่เดิมทีควรจะเป็นความหวังให้กับพวกเรา แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นยมทูตที่นำความตายมาสู่ผู้ใช้งาน ทว่าจะให้ฉันทิ้งมันไปแล้วสุดท้ายไปตกอยู่ในมือของพวกสัตว์ประหลาดก็ทำไม่ได้อีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันปิดผนึกมันเอาไว้ในจุดที่สายตาของฉันสอดส่องถึง
「ผู้บัญชาการจะไปไหนเหรอคะ?」
「ฉันว่าจะไปดูพวกสาวๆ สักหน่อยน่ะ สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน」
「งั้นฉันจะพาไปเองค่ะ」
ฉันที่กำลังพยายามเคลื่อนรถเข็นไปข้างหน้า ก็มีเสียงของคนคนหนึ่งดังขึ้นขณะจับรถเข็นของฉันเอาไว้
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเธอเป็นหนึ่งในลูกน้องของฉันก่อนที่พวกสัตว์ประหลาดจะปรากฏตัวขึ้น
「ลำบากเธอตลอดเลยนะ โอโมริคุง」
「สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าจะไม่พูดอะไรแบบนี้ ยังไงทุกคนก็ต้องพึ่งพาสมองของคุณนะคะ ถึงคุณจะอยู่ในสภาพที่เหมือนผ้าขี้ริ้วใช้แล้วทิ้งก็เถอะ ดังนั้นได้โปรดหัดพึ่งพาคนรอบข้างบ้างเถอะค่ะ」
「ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าที่เธอพูดมันชมหรืออะไร……?」
ถึงจะเป็นเรื่องจริงมันก็โหดร้ายเกินไปหน่อยไหมโอโมริคุง
『สวัสดีครับ จากฐานทัพของกำลังต่อต้าน ฮิคาริครับ』
「หือ เกิดอะไรขึ้นเหรอ หรือที่นั่นมีอะไรผิดปกติ?」
ฮิคาริ เทรุฮาชิ หนึ่งในสมาชิกของกองกำลังต่อต้าน
เขาเป็นผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติเหมือนกันกับคนอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันเขาทำหน้าที่ในส่วนการประสานงานลอจิสติกส์เพื่อช่วยเหลือพวกเรดและคนอื่นๆ
『ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ผมอยากจะมายืนยันเรื่องที่พวกเราจะย้ายฐานทัพใหญ่ไปยังที่นั่น พวกเราจำเป็นต้องขนย้ายของและอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีเลยใช่ไหมครับ?』
「………ตอนนี้ก็ยังตอบได้ไม่ชัดนะ แต่อย่างน้อยพวกอาหารกับของใช้ทั่วไปคงไม่จำเป็นต้องขนมาด้วยจากที่ดูหน้างาน」
เพราะที่นี่มีอาหารซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
สารอาหารที่ได้จากมันหนึ่งผล มีคุณค่ามากกว่าอาหารกระป๋องหรือขนมปังเสียอีก แถมรสชาติยังอร่อยสุดๆ
ดังนั้นคงต้องไปเรียงลำดับความสำคัญของของที่จำเป็นต้องย้ายเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกสัตว์ประหลาดโจมตีระหว่างขนย้าย
「ไว้เดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลที่จำเป็นให้อีกที ระหว่างนี้ก็ช่วยจัดการเก็บกวาดฐานของพวกเราไปก่อนนะ」
『เข้าใจแล้วครับ..เอ่อ..ว่าแต่…』
「หือ? มีอะไรอีกเหรอ?」
『เอ่อ พวกเราจะทำยังไงกับของที่ซ่อนอยู่ข้างหลังประตูนั่นเหรอครับ?เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรซะด้วยสิ』
「……」
สิ่งนั้นสินะ….
ประตูที่ไม่สามารถเปิดออกได้ มันคือที่ซ่อนลับภายในที่ซ่อนลับของกองกำลังต่อต้านอีกที
ภายในนั้นคือแกนพลังงานที่ทำให้ร่างกายของฉันอยู่ในสภาพนี้ถูกผนึกเอาไว้
ฉันไม่สามารถใช้งานมันในการต่อสู้ได้และก็ไม่สามารถปล่อยให้มันถูกพวกสัตว์ประหลาดเอาไปได้ ฉันจึงตัดสินใจผนึกมันเอาไว้…..แต่จะให้ฝังกลบไว้ที่นั่นฉันก็ทำใจไม่ได้อีก
「เดี๋ยวฉันจะย้ายสิ่งนั้นออกมาเหมือนกัน」
『……。สิ่งนั้นมันคืออะไรเหรอครับ?』
「ความลับสุดยอด ดังนั้นนายอย่ารู้จะดีกว่าเพราะเบื้องหลังประตูนั้นมันคือของที่อันตรายสุดๆ」
แม้จะอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ ฉันก็ไม่คิดจะบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก
เพราะมันคือเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้สิ่งนั้นหลุดออกไปภายนอกได้
แกนพลังงานที่ปฏิเสธทุกสิ่ง เกลียดชังทุกอย่าง….
「ฉันจะเป็นคนไปจัดการมันด้วยตัวเอง ระหว่างการขนย้ายคงจะอยู่ในลำดับสำคัญสูงสุด เมื่อถึงเวลานั้นก็ฝากนายดูแลด้วยล่ะ」
『……ครับ เข้าใจแล้วครับ!!』
ฉันพยักหน้าตอบกลับเขาไปก่อนจะยุติการสื่อสาร
「ผู้บัญชาการ…เราทำลายสิ่งนั้นทิ้งไปไม่ดีกว่าเหรอคะ?」
「โปรโตเซโร่・・・・・ยังเป็นสิ่งจำเป็น」
สูทตัวแรกที่ฉันสร้างขึ้น
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องโลก แต่มันกลับปฏิเสธทุกสิ่งและนำพาผู้ใช้ไปสู่ความตาย
นั่นแหละคือโปรโตเซโร่
「แต่มันคือสิ่งที่ทำให้คุณตกอยู่ในสภาพนี้นะคะ?」
「ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด ในการฝืนใช้งานมัน」
แต่ฉันไม่เสียใจเลยกับสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป
….แกนพลังงานเหล่านี้มีความนึกคิดเป็นของตัวเอง
ในตอนที่ฉันสวมโปรโตเซโร่ สิ่งที่ฉันสัมผัสได้จากมันคือความโกรธ ความเกลียดชัง และความโศกเศร้าอย่างหาที่สุดไม่ได้
「….หลังการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแมงมุม โปรโตเซโร่ก็ได้สร้างสสารที่คล้ายกับรังไหมขึ้นมาและปิดผนึกตัวเองเอาไว้ในนั้น ฉันเดาว่ามันคงจะผิดหวังในตัวฉันสุดๆ เลยแหละ」
「แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทำร้ายกันไหมคะ」
โอโมริคุงถอนหายใจออกมาก่อนจะเข็นรถของฉันต่อ พอเห็นแบบนั้นเธอก็แสดงบางอย่างในเครื่องเทอร์มินัลให้ฉันดูด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
ภาพที่ฉายภายในนั้นคือเหตุการณ์หลังจัดการสัตว์ประหลาดแมงมุมลงได้ แกนพลังงานภายในโปรโตสูทได้ถูกของคล้ายกับรังไหมห่อหุ้ม ก่อนที่มันจะแยกชิ้นส่วนโปรโตสูทเป็นชิ้นๆ
จิตอาฆาตได้แผ่ออกมากจากสูทตัวนั้นและส่งเสียงร้องออกมาขณะที่ฉันพยายามเข้าใกล้―――、
『————ไม่เอาแล้ว!!』
มันทำการปิดผนึกตัวเอง
เสียงกรีดร้องนั้นชวนให้นึกถึงเสียงของเด็กผู้หญิง เส้นด้านสีน้ำเงินพวยพุ่งออกมาจากรังไหมนั้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบมีดจำนวนมากแล้วพุ่งตรงเข้าไปทำลายทุกสิ่งตรงหน้า
ความเร็วของมันเกินกว่าที่ฉันจะสามารถรับมือมันได้
「ค่าภัยคุกคามระดับที่ไม่สามารถวัดได้・・・・เรายังจำเป็นต้องเก็บสิ่งที่มีความอันตรายเสียยิ่งกว่าพวกสัตว์ประหลาดเอาไว้ด้วยเหรอคะ」
「……เรื่องนั้นฉันรู้ดี แต่ถึงจะรู้ดีอยู่แล้วมันก็……」
การเก็บมันไว้ย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามฉันก็เลือกที่จะไม่ทิ้งโปรโตเซโร่
ไม่มีเหตุผลใดๆ มารองรับการกระทำ
ทว่าภายในใจของฉันมันบอกกับฉันว่าไม่ควรทำแบบนั้น
「……ถึงแล้วค่ะ」
「ขอบใจมาก」
หลังพูดคุยกันสักพัก พวกเราก็มาถึงห้องของพวกเรดกับคนอื่นๆ ที่ใช้พักผ่อน
ฉันสามารถได้ยินเสียงที่ดูสดใสมาจากอีกฟากของประตูได้ชัดเจน
พอได้ยินเสียงแบบนั้นฉันก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย หลังขอให้โอโมริคุงเคาะประตูห้องให้ ฉันก็เริ่มตรงไปข้างในนั้น
「ฉันเอง」
เรด บลู เยลโล่…น้องสาวของบลู หรือก็คือน้องสาวอาโออิ
เด็กสาวที่เป็นพยานในเหตุการณ์คราวนี้ระดับใกล้ชิดสุดๆ กำลังถูกบลูเกาะเอาไว้เหมือนกับโคอาล่า
…ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของเธอหรอกนะ แต่ยัยนี่จะทำเกินไปไหม
เรดกับเยลโล่ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ก็ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ ให้กับเธอ
「หากพวกเธอเจอคนในครอบครัวที่คิดว่าตายไปแล้วก็ต้องทำเหมือนฉัน」
「เห้อ ช่วยไม่ได้สินะ」
「แต่แบบนั้นมันก็……」
สภาพที่เหมือนกับสไลม์นุ่มนิ่มไร้พิษภัยนี่มันอะไรกันฟะ
ไม่เข้าใจเลยสักนิด
การที่ได้กลับมาพบน้องสาวซึ่งเคยคิดว่าตายไปแล้วคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสุดๆ สำหรับบลูจริงๆ นั่นแหละ
「ฮารุ ฮินาตะ ฉันขอเรียกเธอว่าฮินาตะคุงได้ใช่ไหม?」
「ดะ ได้สิคะ…แล้วก็พี่ออกไปได้แล้วมันอึดอัด」
「ม่ายอาวววว」
บลูถูกฮินาตะคุงผลักออกไป
ราวกับว่าทนดูไม่ไหวแล้ว เรดก็เยลโล่ก็เลยไปลากเธอออกมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเองแล้วหันมาหาฉัน
ว่าแต่เธอจะรู้สึกกลัวฉันไหมนะ?
ตัวฉันในตอนนี้มันมีผ้าพันแผลอยู่เต็มตัวอย่างกับมัมมีด้วยสิ
「เธอไม่กลัวสภาพของฉันเลยเหรอ?」
「ฉันอาศัยอยู่ในดงของพวกสัตว์ประหลาดมานานก็เลย……」
「ขอโทษที ฉันคงจะพูดอะไรไม่คิดไปหน่อย」
ฉันได้อ่านรายงานของเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเจอระหว่างถูกพวกมันจับเอาไว้แล้ว
การกระทำที่ระยำสุดๆ จนทำให้ฉันที่อ่านยังโมโห
และสิ่งที่ทำให้ฉันโกรธสุดๆ ก็คงจะเป็นการกระทำของเจ้าสไมล์ลี่
เป้าหมายเดิมของพวกมันคือการเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นสัตว์ประหลาด แต่ทั้งหมดที่มันทำตลอดหลายเดือนนี้ก็เพียงแค่ตอบสนองความปรารถนาอันบิดเบี้ยวของมันเพียงเท่านั้น
หากทำตามเป้าหมายหลักจริงๆ มันไม่จำเป็นต้องค่อยๆ ทำอะไรที่มันอ้อมค้อมแบบนี้เลย เพียงแค่ปลูกถ่ายเซลล์ของสัตว์ประหลาดซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโอเมก้าเข้าไปในร่างก็จบแล้วแท้ๆ
「………แต่ว่ามันก็ช่วยทำให้ที่มีผู้รอดชีวิตเยอะถึงขนาดนี้…」
เพราะการกระทำของมัน การเพิ่มจำนวนของสัตว์ประหลาดจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่ควร
ฉันพูดกับตัวเองก่อนจะหันไปหาฮินาตะคุง
「เพราะเธอคือคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด ก็เข้าใจดีว่าเธออาจจะคุยกับคนของฉันไปแล้วหลายครั้ง แต่ช่วยตอบคำถามฉันทีได้ไหม?」
เธอเคยบอกข้อมูลทั้งหมดไปกับพวกคนของฉันแล้วทำมาเป็นรายงานเรียบร้อยแล้ว
ทว่าฉันก็อยากจะฟังเรื่องจากปากของเธอจริงๆ อยู่ดี
「เข้าใจแล้วค่ะ」
「ขอบคุณ」
ฉันพูดขอบคุณเธอก่อนจะเริ่มถามคำถาม
「ก่อนอื่นเลย…เพราะใช้คำว่าเขากันมาซะเยอะ แต่เพศจริงๆ ของเขาเธอมั่นใจไหม?」
「จากน้ำเสียงเป็นผู้ชายค่ะ แถมอายุน่าจะใกล้เคียงกับพวกพี่ด้วย」
「อื้ม」
ความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเสียงด้วยอุปกรณ์อะไรสักอย่างก็ใช่จะไม่มี แต่หากพิจารณาถึงรูปร่างทางกายภาพแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ชายมากกว่า
「ฮารุจัง ฉันขอถามบ้างได้ไหม?」
「โฮ่ย เรดฉันยังถาม……」
「ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา ฉันเองก็อยากจะถามเหมือนกัน」
「……เห้อเอาเถอะ」
เรดกับเยลโล่คือคนที่ลุยแนวหน้า บางทีเธออาจจะมีคำถามในมุมมองที่แตกต่างไปจากฉันก็ได้ ดังนั้นจึงปล่อยให้เธอทำตามใจอยาก
「อัศวินดำ…เอ่อ…นั่นคือชื่อที่ฉันเรียกตามความรู้สึกแรกที่เห็นน่ะ จากที่เธอเห็นลักษณะการต่อสู้ของเขาเป็นยังไงบ้างเหรอ?」
「อันที่จริงฉันก็มองตามไม่ทันหรอกค่ะ แต่เท่าที่รู้ก็คือเขาใช้ดาบเป็นอาวุธและมีการ์ดหลายใบที่มีความสามารถแตกต่างกันออกไป แถมยังดูเท่สุดๆ เหมือนกับหลุดออกมาจากหนังฮีโร่เลยค่ะ」
ฉันยืนยันข้อมูลนี้ว่าเป็นความจริงได้จากโดรนที่ส่งไปตรวจสอบ ความสามารถของเขาจัดอยู่ในประเภทที่ใช้การ์ดในการเปิดการทำงานพลัง
แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความน่ากลัวแฝงอยู่พลังนั้น———
「เขาคือคนที่แข็งแกร่งพอโดยที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้พลังของการ์ดก็สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดได้」
「แข็งแกร่ง?」
「สำหรับพวกสัตว์ประหลาดแล้วเขาก็คงไม่ต่างจากฝันร้ายของพวกมันหรอก」
———เขาสามารถฆ่าพวกมันได้โดยไม่ต้องพึ่งพลังพิเศษอะไร เพียงแค่หมัดเพียวๆ พวกมันก็ตายกันไปหลายศพแล้ว
จากการวิเคราะห์ของฉันเขาเชี่ยวชาญการใช้หมัดมากกว่าดาบนั่นซะอีก
ก็เหมือนกับที่ฮินาตะคุงพูด ความแข็งแกร่งของอัศวินดำมันเพียงพอที่จะล้างบางพวกสัตว์ประหลาดได้เพียงฝ่ายเดียว
「แต่สูทที่เขาสวมอยู่มันก็อยู่ในสภาพยับเยินเลยนี่นา」
「ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดมาจากฝีมือของพวกสัตว์ประหลาดนะคะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในช่วงที่ฉันเฝ้าดูอยู่แน่นอน」
「ละ แล้วทำไมมันถึงได้……」
「ฉันคิดว่าสูทตัวนั้นอาจจะอยู่ในสภาพโอเวอร์ไดรฟ์และทำลายตัวเองน่ะ」
เดิมทีร่างของเขาไม่ใส่ตัวตนอย่างอัศวินดำ แต่เป็นไรเดอร์เกราะสีชมพู
ความสามารถของผู้ใช้ที่สูงกว่าสูท
ดูครั้งแรกมันอาจะเหมือนกับสูทที่ฉันสร้างขึ้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่สามารถทนพลังของผู้ใช้ได้และพังลง
หมัดที่เหวี่ยงออกไปต้องสร้างความร้อนขนาดไหนให้กับสูทกันนะ
「……เขายังเป็นมนุษย์อยู่ไหมนะ?」
「มนุษย์แน่นอนค่ะ」
ฮินาตะคุงตอบกลับเรดที่ยังสงสัยไปด้วยความมั่นใจ
「และถึงแม้เขาจะไม่ใช่มนุษย์ ฉันก็มั่นใจว่าเขาอยู่ข้างพวกเราค่ะ」
「ฮารุ……」
…เธอพูดมั่นใจขนาดนั้นหลังพบเขาได้เพียงครั้งเดียวเหรอ
คงไม่ใช่ถูกล้างสมองไปแล้วหรอกนะ
เห้อ ทำไมสมองของฉันมันมีแต่ความคิดลบๆ นะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาช่วยเหลือพวกเราจากวิกฤติ…
จากนี้ค่อยตามสืบไปเรื่อยๆ แล้วกัน
「จะบอกว่าสัญชาตญาณของเธอมันบอกเหรอว่าเขามีความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์เหมือนกับคนปกติ?」
「ใช่แล้วค่ะ ฉันสัมผัสได้」
เธอตอบกลับในทันที พร้อมกับพยักหน้า
「เขาคนนั้นโกรธสุดๆ เลยค่ะ」
「โกรธพวกสัตว์ประหลาดน่ะเหรอ?」
「ค่ะ พวกสัตว์ประหลาดที่เห็นแบบนั้นก็สั่นกลัวกันหมดเลย จะว่ายังไงดีล่ะ…แค่เขาปรากฏตัวขึ้นมา ความกลัวภายในใจของฉันมันก็หายไปหมดเลยค่ะ」
เธอเริ่มพูดต่อโดยมือไปยังมือของตัวเองแล้วนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
「ความรู้สึกที่สามารถไว้วางใจได้ ความกลัวที่เคยมีมาหายไปจนหมด….การปรากฏตัวของเขาเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมลากคอของสัตว์ประหลาดที่ตายแล้วมาด้วย….เอาจริงๆ ฉันว่านั่นมันน่าสยองกว่าที่เคยเห็นในหนังสยองขวัญเสียอีกค่ะ…」
คงจะเป็นภาพติดตาน่าดู……。
ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะไม่รู้สึกกลัวคนที่ทำอะไรแบบนั้น
เอาเป็นว่าตอนนี้ก็มีคนที่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดพวกนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
「นอกจากนี้เขายังรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดบางคนได้ด้วยค่ะ แม้จะอยู่ระหว่างการต่อสู้ก็ตาม….」
「……」
「ไม่มีทางที่คนแบบนั้นจะเป็นคนไม่ดีไปได้หรอกค่ะ」
ฉันเองก็อยากจะให้เขาเป็นคนดี
ฉันเองก็อยากจะเชื่อแบบนั้น
เรดและคนอื่นๆ ก็ดูสับสนจนไม่รู้จะตอบกลับอะไรเธอไปดี
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะจนถึงตอนนี้นอกจากพวกเธอแล้วไม่เคยมีใครต่อต้านพวกมันได้มาก่อน พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมันก็ต้องสับสนเป็นธรรมดา
「นอกจากนี้……」
ฮินาตะคุงเหมือนกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่เธอก็หยุดไปซะดื้อๆ
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเธอลังเลที่จะเล่า บลูก็เลยถาม
「ฮารุ?」
「…ไม่มีอะไรแล้วค่ะ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้」
「มีอะไรที่ยังกวนใจอยู่เหรอ?」
เธอส่ายหัวให้กับคำถามของฉัน
….เอาเป็นว่าอย่าไปฝืนถามต่อละกัน ไว้เธออยากเล่าค่อยมาฟังกันอีกที
「โอเค มาเรื่องถัดไปกันเลย」
「ภารกิจต่อจากนี้เหรอคะ?」
「อ้า ฉันว่ามันได้จังหวะแล้วน่ะ แถมคราวนี้เป็นภารกิจคุ้มกันไม่ใช่ต่อสู้ด้วย」
เพื่อจะย้ายฐานทัพ พวกเราจำเป็นต้องขนของจากฐานเก่ามาที่นี่
ด้วยเหตุนี้เองฉันจึงอยากจะให้พวกเรดเป็นบอดี้การ์ดระหว่างการเคลื่อนย้าย
「เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่สัตว์ประหลาดจะบุกเข้ามายังฐานใหม่ของพวกเรา ฉันจะให้พวกเธอสองคนอยู่ที่นี่ ส่วนอีกหนึ่งไปคุ้มกันระหว่างทาง」
「ฉันจะไปเอง」
「หือ อาโออิเหรอ?」
「ตอนนี้รู้สึกมีไฟสุดๆ」
บลูพูดอย่างกระตือรือร้น เธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตลอดช่วงสองสามวันมานี้
ไม่หลงเหลือร่องรอยความโศกเศร้าราวกับค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อ
「แน่นอนว่างานขนส่งฉันก็จะไปได้นะ」
「……เอ๋ ทำไมล่ะผู้บัญชาการ?」
「มีบางอย่างที่ฉันต้องกลับไปจัดการด้วยตัวเองน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่คิดจะสร้างภาระอะไรให้เพิ่มหรอก」
มันอันตรายเกินไปหากจะปล่อยให้คนอื่นดูแลโปรโตเซโร่แทนฉัน
แม้จะเป็นการขนส่งย้ายฐานทั่วไป แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
….สุดท้ายก็ได้แต่หวังว่าพวกสัตว์ประหลาดมันจะไม่เข้ามาวุ่นวายนะ
—จบ—
ฮารุในโลกนี้ก็โดนอัศวินดำล้างสมองไปเรียบร้อยแล้วพลังติ่งมันน่ากลัว แถมบลูก็กลายเป็นสาวน้อยร่าเริงคนหนึ่ง (ละมั้ง)
แต่ที่แน่ๆ โลกใบนี้ก็มีโปรโตเซโร่เช่นเดียวกัน ไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าสุดท้ายใครจะได้เป็นคนใช้งาน ว่าแต่ฮิคาริคุง….รู้สึกว่านายจะแปลกๆ นะ ชื่อไม่คุ้นซะด้วย
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code