อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 128 โลกคู่ขนาน 5
อิสรภาพของฉันได้ถูกพรากไปตั้งแต่วันที่ฉันถูกสัตว์ประหลาดจับตัว
สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวได้เข้ามารุกรานมนุษย์และยึดครองเมืองที่พวกเราเคยอาศัย
ไม่ใช่แค่ประเทศญี่ปุ่น แต่ทั่วโลกใบนี้ได้ถูกมันยึดครองเอาไว้แล้ว จากนี้ก็คงเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นที่โลกจะล่มสลาย
พวกเราไม่สามารถต่อต้านพลังของมันได้เลยแม้แต่น้อย เหล่าคนมากมายได้ตายต่อหน้าของฉัน
แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกว่านั่นอาจจะดีก็ได้
เพราะจะได้ไม่ต้องมามีชีวิตที่แสนสิ้นหวังเหมือนฉัน
***
『กระผมคือรอยยิ้ม!! พวกคุณทั้งหลายนี่โชคดีเสียจริงเลยนะที่ถูกผมจับตัวเอาไว้!!』
สัตว์ประหลาดที่จับตัวฉันเอาไว้เป็นสัตว์ประหลาดที่สวมชุดตัวตลก
รอยยิ้มของมันขณะพูดกับพวกเราทำให้รู้สึกขนหัวลุก
บ้างก็พยายามจะหนี
บ้างก็สับสนทำอะไรไม่ถูก
แต่สุดท้ายทุกคนก็เริ่มหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่งก็จะสิ้นใจตาย
ภาพเหล่านี้ปรากฏตรงหน้าของฉันนับครั้งไม่ถ้วนจนหัวใจของฉันยอมพ่ายแพ้ให้กับมัน
『เอ้าทุกคนยิ้มเอาไว้สิครับ!!』
สถานที่ที่ฉันถูกพามาเหมือนจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเหมือนกับรวงผึ้ง
ฉันได้รับคำสั่งให้ไปอาศัยอยู่ภายในห้องขังแห่งหนึ่ง ถ้าให้บอกถึงความแปลกก็คือมันค่อนข้างเรียบร้อยเป็นระเบียบเกินกว่าจะเชื่อว่าถูกสัตว์ประหลาดจับตัวมา
ภายในนั้นถูกตกแต่งด้วยกำแพงสีขาวซึ่งมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์จำเป็นอย่างเตียงนอน โต๊ะนั่งทำงาน ห้องน้ำก็มีฝักบัวและโถส้วมให้ใช้งาน
ทั้งที่มันควรจะเป็นคุกแท้ๆ แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็ดูน่าขนลุกสุดๆเช่นเดียวกันที่มีของแบบนี้ได้ในโลกที่ล่มสลาย
พวกฉันได้รับอาหารและน้ำตามเวลาที่พวกมันกำหนด ตลอดจนเสื้อผ้าและกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงในชีวิตประจำวัน
พวกเราสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการตราบใดที่อยู่ภายในห้องขังนั้น
แต่ก็ต้องแลกมากับอิสรภาพที่หายไป
ตลอดช่วงหนึ่งเดือนแรกที่ฉันถูกจับมาฉันรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากว่ามันจะทำอะไร
ทว่าพอผ่านไปสักพักพวกคนที่ถูกขังในห้องอื่นก็ต่างพูดกันว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้นิสัยดีเอย อยู่ในนี้ปลอดภัยกว่าข้างนอกอีกเอย
แต่ตัวฉันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ความรู้สึกที่น่าขนลุกเกินกว่าจะอธิบายได้มันกำลังตามหลอกหลอนฉันอยู่
ครอบครัวของฉัน คุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่แล้วก็พี่สาวของฉันถูกพวกสัตว์ประหลาดฆ่าตายไปแล้ว ถามจริงเถอะ ใครมันจะไปมองพวกมันเป็นคนดีได้กัน
พวกเราไม่ต่างอะไรกับปศุสัตว์ที่รออาหารเลย
เพียงแค่เดือนกว่าๆฉันก็สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตที่ไร้ความหมาย
『นะ นี่มันอะไรกัน!! ปะ ปล่อยนะ!! คิดจะพาฉันไปไหน!!』
และแล้วกลางดึกคืนหนึ่ง
ก็มีคนถูกลากออกมาจากห้องขัง
ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังกล่าวก่อนจะมองออกไปข้างนอกผ่านช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆตรงประตู ก่อนจะพบว่าเป็นชายคนหนึ่งกำลังถูกสัตว์ประหลาดลากไปตามพื้นบริเวณโซนห้องขัง
『ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับ ในที่สุดก็พามาได้สักที』
『สัตว์ประหลาดตัวตลก!!?』
『เรียกผมว่าสไมล์ลี่ก็ได้ครับ รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับชีวิตแสนสบายที่ผมมอบให้?』
สไมล์ลี่มองไปยังชายที่นอนอยู่ตรงหน้ามัน
『ได้สิ่งที่ต้องการหมดแล้วสินะครับ? คงไม่รู้สึกหิวโหยอีกแล้วสินะครับ? คืนนี้ได้พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ———หากมีความสุขมากพอแล้วก็คงไม่ต้องการสิ่งใดแล้วสินะครับ?』
『ทะ ทำไมถึง..อึก ฮ่ะ…ฮ่ะ…ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!!!』
ชายคนนั้นเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
มันเผยรอยยิ้มที่แสนยินดีออกมาทันทีหลังเห็นชายคนนั้นหัวเราะ แต่ในมุมของฉันมันบิดเบี้ยวเสียเหลือเกิน
『อ้าาา ยอดเยี่ยม รอยยิ้มแห่งความหวังที่แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง รสชาตินี้ดีจริงๆ ช่างดีเหลือเกิน!! ดูรอยยิ้มที่แสนมหัศจรรย์นี้สิ!! คุ้มค่าเหลือเกินที่เลี้ยงพวกมันมา!!』
『แฮกๆ ฮ่าๆๆๆๆ!!』
『ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วสิว่าทำไมพวกมนุษย์ถึงชอบเลี้ยงพวกปศุสัตว์กันนัก หุบยิ้มไม่ได้เลยครับ!!』
ด้วยความพูดของสไมล์ลี่ ในที่สุดพวกเราก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่มันทำมาทั้งหมดมันต้องการอะไร
ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการที่มันต้องการเฝ้ามองพวกเราก่อนจะผลักลงไปสู่ความสิ้นหวัง
『เอาล่ะ มาทำให้มันจบกันดีกว่าครับ』
วัตถุสีแดงโผล่ขึ้นมาในมือของสไมล์ลี่
จากนั้นมันก็ทำการยัดสิ่งนั้นเข้าไปในร่างของชายคนนั้นที่ถูกสัตว์ประหลาดตัวอื่นจับเอาไว้
『หยาดแห่งพระเจ้าของกระผมผู้นี้ จงน้อมรับและยินดีเสีย』
『ฮ่าๆๆๆ อั๊ก ม่ายยยย ฮ่าๆๆๆๆ!!?』
เสียงหัวเราะและกรีดร้องออกมาจากปากของชายคนนั้นพร้อมกัน
วัตถุดังกล่าวจมเข้าไปในร่างของเขา ก่อนจะปล่อยควันออกมาทั่วบริเวณ ไม่นานนักหลังควันหายไป ก็ปรากฏเป็นร่างขอสัตว์ประหลาดที่ดูน่าเกลียด เหมือนกับการผสมกันไปมาของแมลงและสัตว์สี่ขาหลายชนิด
『เอ้า ยิ้ม สิ ทุก คน』
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกวันก็เหมือนกับอยู่ในนรก
มันค่อยๆเลือกคนที่ถูกขังจับไปเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาด
ฉันไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานอีกแค่ไหนกว่าจะถูกเรียกออกไป
ชีวิตที่ตัวคนเดียวภายในห้องขังเริ่มทำพิษ
บางคนอาจจะอยู่ไหว
แต่บางคนที่สภาวะจิตใจตึงเครียดถึงขีดสุดก็ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองภายในห้องขัง
และตอนนี้ฉันก็มาถึงขีดจำกัดนั้นแล้วเหมือนกัน
คนที่ฉันเคยด้วยอีกฟากของห้องขังได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วเมื่อฉันลืมตาตื่นขึ้น
ใบหน้าของสไมล์ลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจในผลงานที่มันสร้าง
นรกที่ไม่มีใครสามารถมาช่วยฉันได้ ฉันควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปจริงหรือ
「……」
และแล้ว วันนี้คิวของฉันก็มาถึง
ประตูห้องขังถูกเปิดออก เผยให้เห็นภาพของสัตว์ประหลาดที่เดินเข้ามาลากฉันออกจากห้องขัง
บัดนี้ตรงนี้ของฉันคือเจ้าสไมล์ลี่
「โอ้ คราวนี้คือคุณนี่เอง ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ」
「……」
「มนุษย์คนแรกที่กระผมจับมาได้ ช่างน่ายินดีๆ」
สไมล์ลี่หัวเราะและบังคับให้ฉันมองตาของมัน
ฉันพยามจะเลี่ยงการสบตากับมันถึงที่สุด แต่มันก็ทำการตบแก้มของฉันและบีบหน้าฉันให้จ้องไปยังใบหน้าของมัน
ความเจ็บปวดที่แผ่อยู่ตรงแก้ม รสชาติของเลือดที่ปนอยู่ในปาก เมื่อถูกดวงตากลมโตทั้งสองของมันจ้องมอง เสียงประหลาดก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากลำคอของฉัน
「อึก……」
「หื้ม เป็นความกลัวที่รสชาติใช้ได้เลยครับ ผมละชอบรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวไปด้วยความกลัวจริงๆ อันที่จริงใบหน้าที่ดูมีความหวังแล้วถูกพังทลายลงก็ไม่แย่นะครับ หุหุหุ!!」
「ฮะ、ฮะ……ฮะ」
ไม่ไหวแล้ว
ฉันทนไม่ได้อีกแล้ว
จากนี้ไปตัวฉันคงจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
「เอาละครับ แสดงรอยยิ้มของคุณออกมาเสีย―――」
ในขณะที่สไมล์ลี่กำลังจะนำฝ่ามือมากดใบหน้าของฉัน ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านหลังของมัน
「เวลาแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันอีกนะ」
เสียงคำรามได้ดังตามมาหลังเสียงระเบิด
เสียงของบางสิ่งที่ถูกกระแทก บดขยี้ดังก้องไปทั่วบริเวณ
สัตว์ประหลาดที่อยู่รอบๆก็เริ่มสับสนกับเสียงอันแปลกประหลาดนี้ มันคือเสียงที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยสักครั้งตั้งแต่ถูกขังในนี้
「หรือจะเป็นพวกมนุษย์เข้ามาโจมตี? ถึงจะเหลือกระผมคนเดียวก็อย่าได้―――」
กำแพงตรงหน้าของฉันได้ถูกทำลายลงซึ่งสิ่งที่พุ่งทะลุออกมาจากกำแพงนั้นคือร่างของบางสิ่ง
「……หือ?」
ซากศพของสัตว์ประหลาด
ทุกคนที่เห็นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ร่างของมันบิดเบี้ยวจนผิดแปลก ลำตัวไส้ทะลักออกมาก่อนจะปลิวไปติดอยู่กับผนังอีกฟาก
「นะ นี่มันอะไรกัน?!」
และภายในกำแพงที่ถูกพังทลายลงนั้นก็มีเงาสีดำทมิฬดุจสัญลักษณ์แห่งความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์โผล่ขึ้นมา
ในมือของเขามีดาบยาวอยู่ที่มือซ้ายและมือขวาก็มีร่างของสัตว์ประหลาดที่ตายไปแล้วลากมากับพื้นด้วย สายตาของเขาจ้องมองไปยังสัตว์ประหลาดตรงหน้าด้วยความโกรธแค้น
เหมือนไรเดอร์ที่พี่ชอบดูเลย
แถมรูปร่างแบบนั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาด…..ผู้ชายเหรอ?
「ว่ายังไงล่ะไอ้ตัวยิ้ม ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงแกชิบหายเลยว่ะ」
น้ำเสียงที่แสนเยือกเย็น
สัตว์ประหลาดภายในห้อง รวมถึงสไมล์ลี่ต่างถอยออกมาจากจุดที่กำแพงระเบิดราวกับถูกกดดันจากอีกฝ่าย
「……หึ…หึหึ..ฮ่าๆๆ จนถึงตอนนี้ยังมีคนงี่เง่าที่กล้าเผชิญหน้ากับกระผมอีกงั้นหรือ」
「……」
「ถึงจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่จงจมไปกับความรู้สึกอันแสนสุขเสีย」
พลังของสไมล์ลี่คือทำให้คนยิ้มหัวเราะ
ในขณะที่ทรมานกับการหัวเราะอยู่ไม่มีทางที่เราจะต่อต้านมันได้เลย
ฉันพยายามจะบอกเรื่องนี้กับเขา แต่เสียงภายในลำคอของฉันมันก็แห้งเหือดเหลือเกิน
「ในจังหวะที่คุณกำลังหัวเราะ กระผมจะฉีกคุณให้เป็นชิ้นๆเอง!!」
『AVATAR SKILL!!』
『VENOM JAMMING』
……เอ๋? ไม่หัวเราะ?
สิ่งที่เขาทำมีเพียงดึงการ์ดออกมาจากข้างเข็มขัดแล้วเสียวเข้าไปตรงหัวเข็มขัด
「มะ หมายความว่ายังไงกัน? ความสามารถของกระผมใช้ไม่ได้?!」
เขาเดินไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ได้สนใจท่าทางที่ตระหนกของมันเลยสักนิด
「พะ พวกแก!! ฆ่ามันซะ เข้าไปรุมฆ่ามันเดี๋ยวนี้!!」
มันแสดงความโมโหออกมาก่อนจะสั่งให้สัตว์ประหลาดกว่า 30 ตัวที่อยู่ภายในห้องนี้รุมโจมตี
โดยสัตว์ประหลาดบางส่วนก็คือมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสัตว์ประหลาด ชายคนนั้นจะทำยังไงกับพวกเขากันนะ
『ฮว๊ากกก!!?』
『กว๊ากกกก!?』
「อึก」
เสียงที่ฉันได้ยินมาจากพวกสัตว์ประหลาดมีเพียงแค่น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของฉันคือเขาคนนั้นได้ทำการกระทืบสัตว์ประหลาดที่กรูเข้าไปหาเขาอย่างไม่มีทางเลือกด้วยพลังอันท่วมท้น
『มะ มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!!!!』
『ยะ หยุดนะ』
『อ๊ากกก!?!?』
ดาบในมือซ้ายของเขาฟันร่างของพวกสัตว์ประหลาดได้ง่ายดายราวกับปาดเนย มือขวาของเขากระซวกทะลุลำตัวและบดขยี้หัวสัตว์ประหลาดได้ง่ายดายราวกับกรงเล็บของพญาอินทรีย์
เหมือนกับกดสูตรโกงเลย
แม้เขาจะไม่ได้ถูกพวกสัตว์ประหลาดโจมตีเลยสักนิด แต่เกราะของเขาก็เริ่มแตกร้าว ทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจแล้วจัดการพวกสัตว์ประหลาดไปเรื่อยๆ
「สุดยอด……」
มันคือภาพที่น่าเหลือเชื่อสุดๆ
สำหรับพวกเรา สัตว์ประหลาดคือตัวตนอันเด็ดขาด
ไม่มีวันจะเอาชนะมันได้ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน หากเผชิญหน้ากับมันมีเพียงความตายอยู่ตรงปลายทาง
ทว่าเขาคนนี้กลับสามารถทำลายล้างตัวตนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
「ฮิลด้า ลุยกันต่อเลย」
เขาหยิบการ์ด 2 ใบขึ้นมาจากข้างเข็มขัดขึ้นมาตรงหน้าของเขา
ระหว่างนี้เขาก็ใช้มืออีกข้างในการฟาดฟันร่างของสัตว์ประหลาดที่บุกเข้ามา แล้วใช้มือที่ถือการ์ดเสียบเข้าไปตรงหัวเข็มขัด
【CLEAN】
【GRAVITY】
【SLASH LEAD!!】
ทำนองเพลงที่ฟันแล้วรู้สึกผ่อนคลายซึ่งไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ดังขึ้น ก่อนที่เขาจะกระโดดถอยไปจากจุดที่อยู่แล้วยกดาบขึ้นมา
จากนั้นพลังงานสีแดงกับชมพูก็เอ่อล้นออกมาจากอาวุธของเขา
【That’s right!!】
【ผสานพลัง! สองรวมเป็นหนึ่งเพื่อฟันฝ่า!!】
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พวกสัตว์ประหลาดโถมเข้ามาต่อ
「ย๊า!!」
ทันทีที่เขาเหวี่ยงดาบเป็นคลื่นใส่พวกมัน ลำตัวของสัตว์ประหลาดที่กรูเข้าไปหาเขาก็ขาดครึ่งเป็นทางยาว
ฉันไม่สามารถหาคำพูดไหนมาบรรยายความรู้สึกตอนนี้ได้เลย สัตว์ประหลาดจำนวนมากพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์เพียงคนเดียว
「……โกหกน่า」
นอกจากนี้สัตว์ประหลาดที่แต่เดิมเคยเป็นมนุษย์ หลังจากร่างของพวกเขาถูกออร่าดาบสีชมพูอาบร่าง พวกเขาก็กลับไปเป็นมนุษย์เหมือนเดิมพร้อมกับควันสีดำที่จางหายไป
แน่นอนว่าก็มีบางคนที่กลายเป็นควันสีดำไปเลย แต่ก็มีบางคนที่กลับมาเป็นร่างมนุษย์ได้เหมือนเดิม
「…พวกที่กลายร่างไปนานแล้วไม่รอดเหรอ…บัดซบ」
เขาพึมพำบางอย่างออกมาก่อนจะเดาะลิ้นด้วยความหงุดหงิด
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีสัตว์ประหลาดจำนวนมากก็หายไปจนเกือบหมด
เขาได้จ้องมองไปยังสไมล์ลี่และสัตว์ประหลาดจำนวนน้อยนิดที่อยู่ข้างๆมัน
「พวกแกเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้ว」
สไมล์ลี่จ้องมองกลับไปก่อนตะโกนให้พวกสัตว์ประหลาดที่เหลือทำตามคำสั่ง
「พะ พวกแกรออะไรอยู่!! รีบเข้าไปฆ่ามันสิวะ!!」
「ตะ แต่ว่า」
「มองดูให้ดีๆสิ สภาพของมันตอนนี้โทรมสุดๆ ฆ่าได้สบายน่า!!」
จากนั้นพวกสัตว์ประหลาดก็โถมเข้าไปโจมตีเขาอีกรอบ
อย่างไรก็ตามเพียงแค่ฉันกระพริบตาทีเดียว หัวของสัตว์ประหลาดที่เหลือก็หายไปจนหมดสิ้น
「อั๊ค!?」
「กุ!?」
ในจังหวะที่หัวของพวกมันตกลงสู่พื้น ร่างของสัตว์ประหลาดก็กลับกลายมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ตอนนี้สัตว์ประหลาดที่เหลืออยู่ภายในห้องแห่งนี้มีเพียงสไมล์ลี่
ความแตกต่างในด้านของพลังเป็นที่รู้กันแล้ว
「ฮี๊!?」
เขาค่อยๆควงหมัดในมือที่กำลังส่องแสงอยู่แล้วเดินไปหาสไมล์ลี่
ทว่าอยู่ดีๆเขาก็หยุดลงตรงที่ฉันอยู่ ก่อนจะแสดงท่าทีตกใจออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของฉัน
「……ฮารุ?」
「คะ?」
เขารู้ชื่อฉันได้ยังไงกัน?
หลังจากจ้องมองฉันไม่กี่วิ เขาก็หันกลับไปหาสไมล์ลี่
「ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ ที่ผ่านมาเธอพยายามได้ดีมาก」
「……อึก」
น้ำเสียงของเขาช่างแสนอ่อนโยน มันอ่อนโยนเสียจนจิตใจของฉันที่คิดว่าแหลกสลายไปแล้วสัมผัสถึงมันได้
น้ำตาของฉันเริ่มไหลออกมาขณะจ้องมองแผ่นหลังของเขา
「……」
「กะ แกเป็นตัวอะไรกันแน่ กระผมไม่เคยเห็นจะได้ยินมาก่อนเลย!!」
สไมล์ลี่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนจะพยายามใช้ความสามารถของมันอีกครั้ง
ทว่าความสามารถของมันกลับไม่เกิดผลใดๆกับเขา ไม่สิพวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้
『ฮิ๊ อ๊ากกกกกกกก!!?』
สไมล์ลี่หันหลังแล้ววิ่งหนีไป
ด้วยรูปร่างของมันพออยู่ในสภาพนี้แล้วมันน่าขำชะมัด ตัวแบบนี้นะเหรอที่ทำให้พวกเราหวาดกลัวมาโดยตลอด
สภาพดูไม่จืดเลยสักนิด และในวินาทีถัดมา หมัดของเขาคนนั้นก็ได้แทงทะลุร่างของสไมล์ลี่พร้อมกับกระแสลมที่โพยพัดไปมาอย่างรุนแรง
「กะ กะ ผม ยัง…กระผมยัง..ไม่อยากตาย…..」
จากนั้นความเงียบงันก็เกิดขึ้น
ในวินาทีสุดท้ายของชีวิตมัน มันได้ทำการพูดร้องขอชีวิต
หากนึกถึงการกระทำของมันแล้ว ไม่มีทางที่ฉันจะให้อภัยได้หรอก และเขาที่ได้ยินคำพูดของมันก็แสดงความโกรธออกมามากกว่าเดิมแล้วต่อยอัดใบหน้าของสไมล์ลี่
「แกเล่นตลกเสร็จแล้วสินะ?」
「ฮี้」
สีหน้าของมันสิ้นหวังสุดๆ จากนั้นร่างของมันก็ระเบิดออกโดยมีจุดศูนย์กลางการระเบิดอยู่ที่ลำตัว
ชุดเกราะสีชมพูที่บัดนี้ได้แตกออกจนเหลือแค่ส่วนสีดำ ยืนดูจุดจบของสไมล์ลี่ที่ไม่เหลือแม้กระทั่งซากตรงหน้าของเขา
「…ฮิลด้า เอ่อ ฉันเล่นหนักไปเหรอ โฮ่ย อย่าร้องไห้สิเห้ย….ชิบแล้ว…จะทำยังไงดีฟะ…เอ่อ…เอ่อ เอางี้ไหม เดี๋ยวฉันจะพาไปกินไอศกรีมหลังจบเรื่อง….ไม่สิ จะไปหาจากไหนฟะ…เอาเป็นว่าเข้าใจแล้วน่า เข้าใจแล้ว หยุดร้องที่เถอะขอร้อง!!」
เขาเอามือกุมหัวตัวเองก่อนจะพึมพำอะไรสักอย่างออกมา เหมือนกำลังติดต่อกับใครบางคน
「ปลอดภัยดีสินะ?」
「คะ ค่ะ……」
นอกจากฉันแล้วยังเหลืออีกหลายคนที่ถูกจับเอาไว้…ถึงจะไม่รู้ว่าคนที่ถูกเปลี่ยนกลับให้เป็นมนุษย์อาการเป็นยังไงบ้างแล้วก็เถอะ
หลังจากมองไปรอบๆเขาก็ถอนหายใจออกมา
「……..เอาเป็นว่าก็ทำเท่าที่ไหวก่อนละกัน」
『AVATAR SKILL!!』
『VENOM MIRAGE』
เขาหยิงการ์ดออกมาจากด้านข้างเข็มขัดอีกครั้งก่อนจะเสียบมันลงไปในหัวเข็ฒขัด
จากนั้นภาพโมเสก 4 ภาพที่ปรากฏขึ้นข้างๆเขา ก่อนที่มันจะเริ่มชัดเจนจนกลายเป็นร่างของมนุษย์
「ระ ร่างแยก……?」
「ไม่ต้องห้วงจะคนไหนก็ฉันนี่แหละ」
「หมายความว่ายังไงกันคะ……」
ไม่เข้าใจเลยสักนิด!!
ในจังหวะแบบนี้จะให้พูดตบมุกมันก็ยังไงอยู่ แต่ร่างอีก 4 ร่างที่ปรากฏขึ้นก็ได้ทำการหยิบการ์ดออกมาแล้วเริ่มใช้งานมันอีกครั้ง
『ไซไค!! CHANGE!!』
『RELIEF BLUE!!』
『RELIEF YELLOW!!』
『RELIEF PINK!!』
『RELIEF GREEN!!』
คราวนี้มาเป็นขบวนการเซ็นไตเลยเหรอ?!
พวกเขาได้กลายเป็นร่างสีน้ำเงิน เหลือง ชมพู และเขียว แถมไม่รู้เพราะอะไรร่างทั้ง 4 ถึงได้เริ่มโพสต์ท่าแปลกๆแล้วพูดขึ้น
「เนบิวล่าแห่งการเยียวยา!! รีไลฟ์บลู!!」
「ดาราประกายแสงจรัส!! รีไลฟ์เยลโล่!!」
「พลังสีชมพูแห่งความบริสุทธิ์!! รีไลฟ์พิงค์!!」
「ปราชญ์แห่งความเขียวขจี!! ความอุดมสมบูรณ์จงปกปักษ์ !! รีไลฟ์กรีน」
「…นี่พวกเอ็งทำบ้าอะไรกันฟะ?」
ร่างหลักของเขาได้ถามถึงพฤติกรรมแปลกๆที่พวกร่างโคลนของเขากระทำ
จากนั้นพวกร่างโคลนก็ตอบกลับไปเหมือนกับโกรธไม่ต่างกับเขา
「「「「ก็ร่างโคลนมันต้านไม่ไหวน่ะสิเห้ย!!」」」」
「อะ อ้า……」
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันเนี้ย?
แต่อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าเขาเป็นคนดีแน่นอน
แม้จะมีพลังลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่เขาก็ปกป้องพวกเราเอาไว้ มันคือความจริงไม่ใช่แค่ภาพลวงตาเหมือนที่ผ่านมา
「ฉันฝากพวกนายด้วยล่ะ」
「ตัวฉันบลูจะรักษาทุกคนเอง」
「ตัวฉันเยลโล่จะสร้างบาเรีย」
「ตัวฉันพิงค์จะชำระล้างพวกสัตว์ประหลาด」
「ส่วนตัวฉันกรีน…ทำอาหารสินะ」
ทันทีที่พวกเขาเปิดใช้งานความสามารถ แสงทั้ง 4 สี่ก็กระจายออกไปทั่วบริเวณ วันนี้ฉันจะต้องตกใจอีกสักกี่ครั้งกันนะ
สิ่งแรกที่เห็นเลยก็คือพวกซากศพของสัตว์ประหลาดมันได้สลายไปเป็นอนุภาค
ไม่เพียงแค่เลือดที่เปื้อนอยู่ตามพื้น แม้กระทั่งสถานที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้ก็สะอาดเหมือนกับสร้างใหม่
「มีบางอย่างกำลังปกคลุมท้องฟ้า」
บาเรียสีเหลืองค่อยๆกระจอยออกจากศูนย์กลาง
มันเหมือนกับบาเรียที่เคยเห็นในหนังหรืออนิเมะเลย จากนั้นฉันก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย
พอหันไปรอบๆก็พบว่ามีต้นไม้หลากหลายชนิดกำลังเติบโตออกมาจากพื้นคอนกรีต และไม่นานนักมันก็ออกผลอันเขียวชอุ่ม
「……รอยแผลของฉันหายไป…」
พอรู้สึกตัวอีกที รอยแผลตรงแก้มที่มาจากฝีมือของสไมล์ลี่ก็หายไป
ไม่มีรสสัมผัสของเลือดภายในปากฉันแล้ว นอกจากนี้ผิวพรรณของฉันยังกลับมาเต่งตึงอีกต่างหาก
「ประมาณนี้คงจะพอ」
ร่างโคลนของเขาได้หายไป ก่อนที่เขาจะตรวจสอบรอบๆราวกับยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น
มันจะน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว
「ขะ ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้นะคะ」
「ไม่หรอก เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว หือ…!」
「เดี๋ยว จะทำอะไรคะ? กรี๊ด?!」
อยู่ดีๆฉันก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะกระโดดออกจากจุนที่เคยอยู่
ทันใดนั้นเองก็มีบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้า
หรือจะเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหม่กัน….
「นี่เธอ……」
「ว่าแล้วเชียว ฝีมือนายจริงด้วย」
สิ่งที่ตกลงมาจากฟ้าก็คือร่างของคนสวมชุดเกราะสีดำปนแดง เสียงผู้หญิงเหรอ
สภาพของเขาดูเหมือนจะยับเยินสุดๆ แขนซ้ายก็หายไปด้วยสิแถมดาบที่เธอถืออยู่ก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีน้ำเงินของสัตว์ประหลาด
「คิดจะสู้กับฉันอีกเหรอ?」
「ไม่หรอก ตอนนี้ฉันไม่มีเหตุผลต้องสู้กับนายอีกแล้ว」
「ถ้างั้นก็ดีไป เอ้า」
เขาวางฉันลงกับพื้นก่อนจะผ่อนคลายลง
คนรู้จักกันนี่เอง
「ฉันทำการฆ่าพวกสัตว์ประหลาดที่เข้ามาเป็นกำลังเสริมจากอาณานิคมที่สองหมดแล้ว คงจะไม่มีการโจมตีมาอีกสักระยะหนึ่ง…แต่จากที่เห็นบาเรียนี่…ฉันทำเรื่องที่ไม่จำเป็นไปแล้วสินะ?」
「ไม่หรอก ต้องขอบคุณเธอจริงๆ」
「……ไม่ต้องคิดมากน่า」
สัตว์ประหลาดจะไม่มาแล้ว
ฉันรู้สึกโล่งใจสุดๆเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นหญิงสาวในชุดสูทสีดำแดงก็จ้องมองมาทางฉัน
ฉันที่รู้สึกหวาดกลัวนิดหน่อย ได้ทำการใช้เขาเป็นโล่กำบังเอาไว้
「เด็กคนนี้……」
「……อ้า」
「ยังมีชีวิตรอดอยู่สินะ」
ด้วยเหตุผลบางอย่างน้ำเสียงของเธอดูจะมีความอาลัยแฝงมาด้วย
อย่างไรก็ตามเธอก็รีบปรับอารมณ์แล้วกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงแบบผู้ใหญ่
「เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ」
「หือ? ทำไมล่ะ?」
「ตัวฉันกำลังจะมาถึงแล้ว เจอกันตอนนี้คงไม่ดีนัก」
「ตัวเธอเหรอ? คิดไม่ถึงเลยแฮะ…แต่ก็….อ้า..เข้าใจแล้ว」
จากนั้นเขาก็กลับมามองที่ฉัน
ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่ที่มั่นใจเลยก็คือเขากำลังจะจากฉันไป
「จากนี้จะมีคนที่ทำหน้าที่ดูแลเธอโผล่มา ด้วยสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นก็น่าจะพอเป็นเสบียงให้อยู่กันไปได้อีกสักพักนะ」
「แต่พวกสัตว์ประหลาด……」
「บาเรียนี้จะกันพวกสัตว์ประหลาดไม่ให้เข้ามาได้ ตราบใดที่เธอยังอยู่ในนี้เธอจะปลอดภัย」
「……」
แต่ฉันอยากให้คุณอยู่ที่นี่
อยากให้คุณช่วยฉันต่อ
ฉันรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก แม้จะได้รับการช่วยเหลือจากเขามากขนาดนี้
นั่นสินะ เขาเองก็คงมีเรื่องต้องทำ ฉันไม่ควรจะไปขวางภารกิจของเขา
「ฮารุ」
เขาวางมือไว้บนไหล่ของฉันเบาๆก่อนจะเรียกชื่อของฉัน
「ฉันจะหาทางทำอะไรกับพวกสัตว์ประหลาดเอง เธอเองก็อย่ายอมแพ้ล่ะ」
「ค่ะ……!!」
ไม่รู้ทำไมแต่ฉันพยักหน้ารับคำพูดของเขากลับไปอย่างเข้มแข็ง จากั้นเขาก็กระโดดหายไปพร้อมกับหญิงสาวเกราะดำแดง
พวกเราทุกคนที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังก็ทำได้เพียงเฝ้ามองภาพของเขาจากไป รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่เลย
「ว่าแต่เขารู้ชื่อฉันได้ยังไงกันนะ」
หรือเขาจะเป็นคนที่ฉันรู้จักก่อนสัตว์ประหลาดจะปรากฏตัวขึ้น
ทั้งที่ฉันสามารถามเขาได้แท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมข้างในของฉันมันบอกว่าอย่า
『พบผู้รอดชีวิตแล้ว!!』
「หือ」
ทันทีที่ทั้งสองคนจากไป ก็ปรากฏร่างใหม่ขึ้นตรงหน้าพวกฉัน
พวกเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด แต่เป็นหุ่นยนต์ขนาดยักษ์ที่สูงเกือบ 3 เมตร
『ยังเหลือผู้รอดชีวิตอยู่เยอะเลย……』
『เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ยังไงกัน……』
ฉันตกใจสุดๆที่เห็นหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น แต่พอได้ยินเสียงของมนุษย์ดังมาจากสิ่งนั้นพวกเราก็เริ่มคลายกังวลลงนิดหน่อย
หรือจะเป็นหุ่นพวกนี้กันนะที่เขาบอกเอาไว้ก่อนจากไป?
จากนั้นหุ่นตัวหนึ่งที่มีเลขสีน้ำเงินสลักเอาไว้ตรงไหล่ก็เปิดส่วนอกออกมา ก่อนที่จะมีร่างของคนกระโดดออกมาจากภายในหุ่นนั้น
「ฮารุ」
「……พี่สาว?」
เมื่อฉันเห็นใบหน้าของพี่สาวที่สวมชุดประหลาดโผล่ออกมาจากหุ่นฉันก็ถึงกับหมดคำพูดแล้วน้ำตาไหลก็ออกมา
พี่สาวของฉันเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเพราะทันทีที่เธอกระโดดเข้ามากอดฉันจนล้มลงกับพื้นเธอก็ร้องไห้ออกมา
「ดึจริงๆ…อึก…คิดว่าเธอจะตายไปแล้วซะอีก….」
「นะ หนูเองก็เหมือนกัน……」
ทั้งที่คิดว่าพี่ตายไปแล้วแท้ๆ
ทั้งที่หมดหวังจะได้เจอกับทุกคน
แต่เพราะเขาคนนั้นจึงทำให้ฉันได้พบกับพี่อีกครั้ง
จากนี้ไปฉันจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความหวังเอง
เหมือนกับคำพูดที่เขาได้บอกกับฉันเอาไว้ แม้โลกใบนี้มันจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังก็ตาม
***
เสริมท้ายตอน
แม้พลังในร่างนี้ของคัตสึมิจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่เรื่องความหลากหลายแล้วถือว่าโดดเด่นสุดๆ
ในเส้นเวลาเดิมบลูได้ทำการสังหารฮารุที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว
ส่วนเรดกับเยลโล่ก็รวมพลังกันฆ่าสไมล์ลี่ลงได้สำเร็จแม้จะหัวเราะเจียนตาย
—จบ—
แยกร่างมาใช้ซะสะดวกเลย เหมือนพวกเวล 99 ข้ามโซนมาตบมอนเวล 10 ร่างแยกที่ไม่สามารถต้านทานท่าโพสต์เบียวๆได้ช่างน่าสงสาร
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code