อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 126 โลกคู่ขนาน 3
เมืองที่มีสัตว์ประหลาดเดินกันไปมาอย่างสบายใจเฉิบ
พอถูกส่งมายังโลกที่เป็นแบบนี้ฉันกับฮิลด้าก็ตัดสินใจรีบหาที่ปลอดภัยชั่วคราวเพื่อพักผ่อน
「ถึงจะใช้เวลานานไปหน่อย แต่คิดว่าที่นี่คงไม่มีตัวอะไรหาเจอในทันทีแน่」
「ดูสภาพที่พังยับขนาดนี้ก็ต้องงั้นแหละ」
สถานที่แห่งนี้คือซากปรักหักพังที่ถูกรายล้อมไปด้วยอิฐและเศษหินจำนวนมาก
ความเสียหายค่อนข้างอยู่ในระดับที่รับได้ แต่เดิมน่าจะเป็นอพาร์ตเมนต์พื้นที่ก็เลยสามารถใช้สอยและพักผ่อนได้ระดับหนึ่ง
ข้างนอกก็มืดแล้วด้วย ดีใจจริงๆ ที่หาเจอก่อน
「หน้าต่างเหมือนจะถูกปิดเอาไว้เพื่อไม่ให้แสงเข้ามาซะด้วย ท่าทางจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนหน้าพวกเราแหง แต่แคบชะมัด」
ฮิลด้าบ่นออกมาขณะนั่งบนโซฟาที่เต็มไปด้วยฝุ่น
โชคดีที่ภายในห้องพักไม่มีปัญหาเรื่องแสงเพราะได้โคมไฟอวกาศที่ฮิลด้ามีติดตัว
ทว่านอกจากสิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกแล้ว ก็แปลว่าของที่เหลือต้องหาเอาตามพื้นที่
「อย่าบ่นไปเลยน่าอย่างน้อยมันก็ใหญ่กว่าอพาร์ตเมนต์ที่ฉันอยู่」
「เห นี่นายต้องอาศัยอยู่ในที่แคบขนาดไหนกันเนี่ย….」
ถึงจะเล็กไปสักหน่อยแต่ก็พออยู่ได้
แม้ช่วงหน้าร้อนอากาศภายในห้องมันจะแทบฆ่าฉันให้ตายได้เลยก็ตาม
「ชักหิวแล้วสิ」
「……」
ฉันขมวดคิ้วเมื่อเห็นฮิลด้าบ่นเรื่องของกินออกมา
ยัยนี่เหมือนอยากจะบอกให้ฉันออกไปหาของกินให้เลยนี่หว่า
「แถมคอก็แห้งด้วยสิ」
「งั้นก็ดื่มน้ำนี่ซะสิ」
「เดี๋ยวเถอะ จะมาให้ฉันดื่มน้ำโคลนได้ยังไง!! ว่าแต่เอามันมาทำไมก่อน!!」
การตบมุกของฮิลด้าก็ใช้ได้วุ้ย
ที่ฉันไปเอาน้ำโคลนมาก็เพราะจำเป็นต้องใช้ต่างหาก
「หากเธอต้องการน้ำกับอาหารจริงก็คงต้องช่วยฉันสักหน่อยแล้วแหละ」
「อ่ะ เอ๋? มะ หมายความว่ายังไง?」
「ฉันจะแปลงร่าง」
ฉันบอกให้ฮิลด้าที่กำลังสับสนกลายเป็นหัวเข็มขัดเพื่อใช้ในการแปลงร่าง
ว่าแล้วฉันก็เอาเธอไปเสียบที่หัวเข็มขัดเพื่อแปลงร่างเป็น Anti Venom Scorpio
จากั้นก็ทำการหยิบเอาการ์ดใบหนึ่งออกมาจากข้ามเข็มขัด…แล้วเสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้น พร้อมกับเสียงของฮิลด้าที่ดังในหัวฉัน
『ว่าแต่นายจะมาแปลงร่างในนี้ทำไมกันเนี้ย?!』
「เห็นเดี๋ยวเธอก็รู้เองน่า」
ดูเหมือนว่านอกจากเรื่องสู้ ยัยนี่จะไม่มีความคิดอะไรดีๆ ในหัวเลยวุ้ย
ฉันนำการ์ดที่ดึงออกมาเสียบเข้าไปที่หัวเข็มขัด
『เซไค!!CHANGE!!』
『RELIEF PINK!!』
『ดาวดวง!』
『การฟื้นคืน!!』
『ที่แห่งนี้คืออาณาจักรแห่งดวงดาว!!!』
「อึก โอ้ย…พลังสีชมพูแห่งความบริสุทธิ์…โว้ยยยยย!!」
『ขัดขืนสุดใจเชียว……』
ฉันหยุดตัวเองไม่ให้พูดประโยคน่าอายออกมา ก่อนจะสูดหายใจเข้าออก
นี่คือร่างที่แท้จริงของมอทัลพิงค์
พลังของเธอที่ยังไม่ถูกกลืนกินไปนั้นก็มีความสามารถเฉพาะตัวไม่ต่างอะไรกับมอทัลเรดที่ใช้แรงโน้มถ่วง
「ส่วนเหตุผลที่ใช้ร่างนี้ก็คือ….」
พอฉันยกมือขึ้นไปเหนือถังน้ำโคลนแล้วปล่อยพลังงานสีชมพูออกมา
พลังงานดังกล่าวก็ได้ทำการชำระล้างน้ำที่อยู่ข้างในให้สะอาด
เมื่อฮิลด้าเห็นว่านอกจากน้ำในถังแล้ว ตัวถังยังสะอาดหมดจดเหมือนใหม่ก็พูดขึ้นด้วยความสนใจ
『พลังที่แท้จริงของมอทัลพิงค์คือการชำระล้างนี่เอง』
「ในเมื่อมีน้ำสะอาดดื่มแล้ว ที่เหลือก็」
เขาหยิบการ์ดอีกใบออกมาแล้วทำการเปลี่ยนร่าง
『เซไค!!CHANGE!!』
『RELIEF GREEN!!』
『ดาวดวง!』
『การฟื้นคืน!!』
『ที่แห่งนี้คืออาณาจักรแห่งดวงดาว!!!』
「ปราชญ์แห่งความเขียวขจี ขอให้ความ…อึก โอ้ย…..」
『แค่พูดออกมามันไม่ตายหรอกน่า……』
หล่อนจะบ้าหรือไงให้ฉันมาพูดประโยคบ้าบอนี่!!
ร่างของฉันได้เปลี่ยนเป็นร่างของมอทัลกรีน จากนั้นฉันก็ทำการรวบรวมพลังงานขึ้นภายในมือเพื่อสร้างเมล็ดพืช
「…ถ้าจำไม่ผิดที่นี่เหมือนจะปลูกพืชด้วยนะ」
『สภาพของมันเหี่ยวจนไม่น่าจะมีชีวิตแล้วแหละ』
ฉันเดินตรงไปยังกระถางต้นไม้ที่แห้งเหี่ยว ก่อนจะดึงต้นมันออกมาแล้วโยนเมล็ดพืชอันใหม่ลงไปแทน
จากนั้นก็ทำการหยิบเอาขวานซึ่งเป็นอาวุธหลักของรีไลฟ์กรีนออกมาก่อนจะปลายแหลมส่วนบนของมันจิ้มไปยังกระถางที่หว่านเมล็ดลงไปเบาๆ
『หากมอทัลกรีนมีพลังในการย่อยสลาย งั้นรีไลฟ์กรีนก็….』
ทันทีที่พลังงานถูกปล่อยออกมาจากขวานลงไปในกระถาง เมล็ดพืชก็เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ———ไม่ถึง 10 วินาทีฉันก็ได้มะเขือเทศไว้ทานแล้ว
ฉันปลดการแปลงร่างออกก่อนจะเดินไปเด็ดมะเขือเทศมาให้ฮิลด้า
「ทานซะสิ」
「อะ อื้อ ขอบคุณ」
ฉันเองก็หยิบส่วนของตัวเองมาทานด้วยเหมือนกัน
….นอกจากนี้คุณค่าทางโภชนาการของมันยังสูงสุดๆ
แค่ลูกเดียวก็ทำให้ฉันอิ่มได้แล้ว
「พลังของเซไคเซ็นไตที่แท้จริงคือการปกป้องดวงดาวสินะ」
เรดคือแรงโน้มถ่วง พิงค์คือการชำระล้าง กรีนคือความอุดมสมบูรณ์ บลูคือการรักษา เยลโล่คือการป้องกัน
ช่างเป็นพลังที่เหมาะสมในการฟื้นฟูดวงดาวที่ตกอยู่ในวิกฤติจริงๆ
นี่แหละคือสิ่งที่เซไคเซ็นไตควรจะเป็นตั้งแต่แรก
「เพราะพ่ายแพ้ลำดับที่ 8 เลยกลายเป็นแบบนี้เหรอ….ไม่สมเหตุสมผลเลย」
สุดท้ายฉันก็ยังสงสัยเรื่องตัวตนลึกลับที่ชักใยพวกเขาอยู่เบื้องหลังซึ่งคอสโม่เคยบอกไว้จริงๆ
หากสักวันหนึ่งต้องได้สู้กัน ก็ควรจะมีข้อมูลมากกว่านี้
ถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่เชื่อได้เลยว่าสิ่งนั้นคือภัยร้ายของจริง
「คัตสึมิคุง ถามอะไรหน่อยสิ」
「……เรื่องอะไรล่ะ」
ยัยนี่เติมคำว่าคุงท้ายชื่อฉันเวลาเรียกตั้งแต่ตอนไหนฟะ เอาเถอะ ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกพักใหญ่แหง ช่างมันละกัน
ฮิลด้าเอนตัวพิงบนโซฟาก่อนจะมองขึ้นไปบนเพดานก่อนจะพูดขึ้น
「เรื่องที่นายบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับโมโมโกะน่ะ」
「อ้อ」
「มันหมายความว่ายังไงกัน?」
ถามเรื่องคาเสะอุระซังเฉย
นั่นคือชื่อของหญิงสาวที่ชาวโลกที่ฮิลด้าสิงอยู่
ตอนนี้เธอได้รับการคุ้มครองจากพวกเราก็จริง แต่สถานการณ์ภายในของเธอเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย
「จากที่ฉันตรวจสอบมาร่างกายของเธอก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะ ก็จริงอยู่ว่าฉันสิงร่างเธอเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เคยใช้ร่างนั้นแบบฝืนๆ เลยสักครั้ง หรือว่าจะเป็นเรื่องของสภาพจิตใจเหรอ?หากเป็นเรื่องนั้นจริงฉันก็คง———」
「ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก」
「แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ?」
……ฉันควรจะบอกเธอดีไหมนะ
สถานการณ์ตอนนี้สิ่งที่พวกเรารู้มีเพียงว่าคาเสะอุระซังสามารถปลดปล่อยพลังงานแห่งดวงดาราออกมาได้
「พอคาเสะอุระซังตื่นขึ้นมา พลังงานแห่งดวงดาวก็หลั่งไหลออกมาจากตัวของเธอน่ะ」
「หา?เดี๋ยว เป็นไปได้ยังไงกัน?」
「ตอนที่เธอรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอยู่ดีๆ เธอก็ทำให้พื้นที่ภายในห้องอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก หลังการตรวจสอบพวกเราก็พบว่าพลังงานแห่งดวงดารากำลังถูกสร้างขึ้นภายในร่างของเธอ」
ทันทีที่ฮิลด้าได้ยินคำพูดของฉันใบหน้าของเธอก็เริ่มซีดลงก่อนจะเอามือกุมหัวตัวเอง
ทั้งที่คิดว่าจะไม่สนใจใยดีอะไรแท้ๆ แต่ปฏิกิริยาของเธอกลับทำให้ฉันตกใจสุดๆ
「แย่แล้วสิ….หากเป็นแบบที่ฉันคิดจริง ฉันคงไปทำเรื่องแย่ใส่โมโมโกะโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว」
「เรื่องอะไรกัน บอกฉันที」
「ถ้าให้พูดกันตรงๆ ก็เป็นความผิดของฉันเอง」
จากท่าทางของเธอแล้วทำให้เห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้และไม่ใช่เรื่องที่เธอคาดฝันมาก่อน
「ฉันได้แกนพลังงานทั้งหมดของเซไคเซ็นไตมา…เรื่องนี้นายคงรู้อยู่แล้วสินะ?」
「อ้า ตอนนี้มันก็ยังอยู่กับเธอใช่ไหมล่ะ?」
เพราะภายในร่างของคาเสะอุระซังไม่ได้มีของแปลกปลอมอย่างแกนพลังงานอยู่ซะด้วย
พลังงานแห่งดวงดาราถูกสร้างขึ้นจากภายในร่างของเธอเอง
「จริงๆ แล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ แต่ในตอนที่เธอหลอมรวมเข้ากับฉัน บางทีแกนพลังงานดังกล่าวคงจะปรับสภาพให้เข้ากันกับร่างของโมโมโกะ…และนั่นทำให้เธอกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถไม่ต่างอะไรกับแกนพลังงานแหง」
「……แบบนั้นก็แย่แล้วน่ะสิ?」
「ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่นะ」
ฮิลด้าพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
「พลังงานแห่งดวงดาราไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ มันคือพลังงานพิเศษที่ออกมาจากมิติอื่น」
「แต่คาเสะอุระซัง……」
「อื้อ มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสักนิดที่ร่างกายของเธอจะผลิตพลังงานพวกนั้นขึ้นมาได้เอง แบบนี้ความเป็นไปได้ที่สิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นอาจจะมุ่งเป้าไปยังเธอก็ได้…เดี๋ยวนะ」
ฮิลด้าที่พูดจบก็เหมือนจะนึกอะไรออก
ราวกับเห็นถึงจุดที่ผิดแปลกไป เธอกุมหัวอีกครั้งก่อนจะถามกับฉัน
「นี่ คัตสึมิคุง ตอนที่สัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้น พวกมันไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ กับนายใช่ไหม?」
「พูดแปลกๆ เหรอ?อื้ม ก็ไม่ได้…ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ในตอนที่โรงเรียนของอากาเนะถูกโจมตี เหมือนเธอจะเล่าว่าพวกมันกำลังมาตามหาอะไรบางอย่างด้วย」
「ถ้าให้ฉันเอาก็คงจะเป็นโมโมโกะนี่แหละ」
คาเสะอุระซังคือคนที่พวกสัตว์ประหลาดหมายหัวเหรอ?!
นอกจากนี้ทำไมพวกสัตว์ประหลาดมันถึงไปเกี่ยวข้องกับพลังงานแห่งดวงดาราได้ล่ะ?
「ฉันก็ว่ามันแปลกๆ เพราะพวกสัตว์ประหลาดดาวโลกเหมือนจะได้รับการเสริมแกร่งด้วยพลังงานแห่งดวงดาราแน่นอน แปลว่าตอนนี้กำลังมีกองกำลังอีกฝ่ายที่เคลื่อนไหวบนโลกสินะ」
「เธอกำลังจะบอกว่าพวกสัตว์ประหลาดที่มันเก่งขึ้นก็เพราะพลังงานแห่งดวงดาราเหรอ?」
「อ้า」
หมายความว่านับจากนี้พวกมันจะหมายหัวพวกฉันและก็ฝั่งเซไคเซ็นไตด้วยสินะ
…ก็เอาสิฟะ จะกระทืบให้หมดนั่นแหละ
『ฮูก ฮูก!』
「หือ? เสียงอะไรน่ะ? นกเหรอ?」
「……โอ้ แกกลับมาแล้วสินะ」
ฉันหยิบมะเขือเทศอีกอันมายัดเข้าปากก่อนจะเปิดประตูห้อง
จากนั้นนกฮูกจักรกลก็บินเข้ามาข้างในห้อง
「ได้เรื่องอะไรไหม?」
『ฮูก ฮูก』
ฉันคุยกับมันที่กำลังกระพือปีกไปมา
「……ไอ้นั่นมันอะไรน่ะ?」
「นกฮูกจักรกลที่มาจากเข็มขัดเธอไง」
「นกฮูก!!? ละ แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะ!!」
ยัยนี่จะไหวไหมเนี้ย….
—จบ—
พวกเซ็นไตอวกาศก่อนจะเข้าด้านมืดนี่พลังใช้ได้เหมือนกันแต่ก็ต้องแลกมากับการมีประโยคหลังแปลงร่าง
ฮิลด้าในตอนนี้เหมือนจะรู้จักตัวเองน้อยกว่าที่คัตสึมิรู้อีกวุ้ย
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code