อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 117
หลังตรวจสอบความปลอดภัยของโคโนฮานะเสร็จแล้ว ฉันก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้เธออยู่กับซันนี่
แม้จะเป็นศัตรูกัน แต่ฉันก็ขอบคุณจริงๆ ที่ปกป้องเธอแทนฉันจากเงื้อมมือของยัยสารเลวอาสึนั่น
ทว่าสถานการณ์ที่ควรจะสงบลงแล้วกลับมีปัญหาใหม่งอกขึ้นมาแทน
『คัตสึมิ พลังของฉัน มันหายไป…..』
อัลฟ่ามองดูฝ่ามือของตัวเองแล้วพูดออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะเอามือกุมหัวตัวเอง
บางทีน่าจะเป็นฝีมือของอาสึ
หากยังปล่อยไว้แบบนี้ความทรงจำของผู้คนเกี่ยวกับโคโนฮานะก็จะไม่สามารถเอากลับมาได้
【เห็นทีว่าจะต้องหาทางทำอะไรสักอย่างกับยัยอาสึซะแล้ว】
ตอนนี้ศึกที่เรากำลังจะต้องเผชิญน่าจะเป็นยัยนี่นี่แหละ
ตัวฉันรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอัลฟ่ามากขึ้นเพราะตัวเธอที่สูญเสียพลังในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ไปจะเป็นยังไงกัน———แต่ไม่นานนักฉันก็รู้ว่าตัวเองคิดมากไป
『รู้สึกโล่งแฮะที่ไม่เหลือพลังแล้วจริงๆ!!』
เธอไม่ได้แสดงอาการเศร้าอะไรออกมาแล้ว
เธอทำสีหน้าสดใสเสียจนฉันเป็นกังวลมากกว่าซะเอง ว่าเธอกำลังแกล้งปั้นหน้าไหม ทว่าพอถามไปก็รู้ว่าไม่ใช่
『ยังไงฉันก็ไม่ค่อยจะได้ใช้พลังของตัวเองเท่าไหร่อยู่แล้ว ในแง่คุณค่ามันก็ไม่ได้สูงนัก』
『นอกจากนี้พลังดังกล่าว คัตสึมิก็ไม่ชอบให้ฉันใช้อยู่แล้วนี่นา』
『ก็จริงว่าฉันคงไม่สามารถช่วยเรื่องของไฮรุได้อีก แต่อย่างน้อยเดี๋ยวพวกเราก็หาทางทำอะไรสักอย่างได้แหละน่า』
อัลฟ่าพูดออกมาจนทำให้ฉันเองที่เป็นฝ่ายตกใจ
พอเห็นแล้วก็แอบขำดี เพราะครั้งแรกที่เจอกัน ยัยนี่บุกมาถึงห้องฉันแล้วทำเหมือนเป็นเจ้าของห้องเลยซะงั้น
นอกจากนี้อีกเหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะไม่ใช่ว่าพลังของเธอหายไปซะหมด หากเป็นการเปลี่ยนการรับรู้เล็กๆ น้อยๆ เธอก็พอจะทำไหว….
「เติบโตขึ้นแล้วสินะ……」
「โฮ่ย โฮมุระ」
「หือ?」
ระหว่างที่กำลังที่กำลังทำงาน คอสโม่เอเลี่ยนผมสีเขียวก็จ้องหน้าฉันจากฝั่งเคาน์เตอร์ร้าน
โดยเธอสวมผ้ากันเปื้อนเซอร์ไซนัสเหมือนกับฉันกำลังช่วยงานร้านอยู่
「มีอะไรเหรอ?」
「มาทำงานซะเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แบบนี้จะดีเหรอ?」
「……จะดีเหรอนี่คือ?」
ฉันถามไปด้วยความสงสัย เธอหมายถึงอะไรฟะ?
「ก็ทั้งหมดนี่แหละ! ไหนจะคนรู้จักถูกลักพาตัว เพื่อนนายเสียพลังอีก ถามจริงนี่นายมีอารมณ์มาทำงานอะไรพวกนี้จริงดิ!!」
…ยัยนี่ก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน
ตอนเจอกันครั้งแรก กะจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลยนี่หว่า
ฉันยิ้มออกมา ก่อนจะเก็บจานใบสุดท้ายที่เช็ดเสร็จลงไปยังชั้นวาง
「โคโนฮานะก็มีซันนี่ดูแลอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องห่วงอะไรนี่?」
「ให้ตายสิ….เอาเถอะ ยังไงฉันก็ติดหนี้บุญคุณหมอนั่นอยู่ด้วยสิ」
「นอกจากนี้เธอก็รู้ดีนี่ว่าซันนี่ไม่ใช่พวกทำอะไรเลวร้ายอยู่แล้ว ดังนั้นหากโคโนฮานะอยู่กับเขาคงไม่เป็นไร」
———ถึงแม้จะไม่สามารถเจอกันได้ แต่แค่พวกเขาส่งวิดีโอมาบอกให้กับฉันรู้ว่าโคโนฮานะปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
นอกจากนี้ยังรู้สึกแปลกๆ กับการเคลื่อนไหวของทางนั้นด้วยสิว่ามีอะไรอยู่บ้างหลัง
หากจะให้พูดถึงสิ่งเดียวที่น่ากังวลก็คงจะเป็นพี่สาวไร้ประโยชน์ในวิดีโอนั่น สงสัยชะมัดว่าเป็นใคร แต่อย่างน้อยโคโนฮานะเหมือนจะเข้ากับเธอได้ดีคงไม่มีอะไรมั้ง
「เรื่องของอัลฟ่าไม่ต้องห่วงไปหรอก เธอไม่ได้กังวลเรื่องที่ใช้พลังไม่ได้แล้วด้วยสิ วันนี้ก็เห็นไปตรวจสุขภาพตามปกติ」
「งะ งั้นเหรอ……」
นอกจากนี้ก็วางแผนว่าพอทำงานนี่เสร็จจะไปเจอเธออีกรอบสักหน่อย
ส่วนสาเหตุที่ทำไมถึงมาทำงานที่นี่มันก็…..
「ส่วนเหตุผลที่มาทำงาน ก็คงเป็นเพราะมันทำให้สงบใจดีละมั้ง」
「หือ……」
「ก่อนที่ความทรงจำของฉันจะกลับมาฉันก็เคยทำงานที่นี่ ประมาณว่าเศษเสี้ยวความทรงจำช่วงนั้นมันชวนให้คิดถึงละมั้ง」
ถึงความทรงจำของฉันจะกลับมาหมดแล้ว แต่ชีวิตในช่วงที่เป็นคัตสึกิ ชิราคาวะก็ไม่ได้หายไป
พูดกันตามตรงได้มาทำงานมันก็สนุกดี
「มาสเตอร์เองก็อนุญาตแล้วด้วย」
「เอาเถอะ มีคนมาเพิ่มมันก็ดีแหละ」
ชินโดซังหรือที่เรียกกันติดปากว่ามาสเตอร์กำลังชงกาแฟ อยู่หลังเคาน์เตอร์
เพราะหมดช่วงเช้าเสิร์ฟเมนูมื้อเช้าไปแล้ว ลูกค้าก็เลยโล่งไปพอสมควร
ฉันก็เลยไม่กังวลที่จะเอาเรื่องพวกนี้มาพูดกับเธอ
「ว่าแต่เรื่องใบหน้าของนายล่ะ? จะดีเหรอ?」
「ถ้าสวมแว่นตากันแดด ผ้าปิดปากแล้วพันผ้าโพกหัวก็สบายๆ」
「……งั้นเหรอ」
ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อยที่จะสวมผ้าปิดปากในร้าน
แถมคงไม่มีใครคิดหรอกว่าฉันจะมาทำงานในร้านกาแฟธรรมดาๆ
「เห้อ ฉันคงคิดอะไรมากไปเองสินะ」
「เป็นห่วงฉันเหรอ?」
「หา!? นี่นายจะบ้าหรือเปล่า หาเรื่องกันใช่ไหม!?」
ใบหน้าคอสโม่เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันทีก่อนจะโวยวายออกมา มาสเตอร์ที่เห็นก็อดหัวเราะไม่ได้
「เป็นครั้งแรกเลยแฮะที่ฉันเห็นพวกซึนเดเระที่อ่านง่ายขนาดนี้」
「หุบปากไปเลยชินโด!!」
เขาเดินไปเปิดตู้เย็นพลางหัวเราะให้กับท่าทางของคอสโม่ต่อ
กำลังตรวจสอบวัตถุดิบในตู้เหรอ?
「เห้อ ว่าแล้วเชียววัตถุดิบขาดไปหน่อยแฮะ」
「ถามจริง? คนแบบนายเนี่ยนะ ไม่ตรวจสอบอะไรให้ดีก่อน」
「หนวกหูน่า เอายังไงดีน้อ…」
มาสเตอร์มองดูนาฬิกาแล้วคิด
….ถึงจะบอกว่าวัตถุดิบขาดแต่ก็ไม่น่าจะหนักหนาจนเปิดร้านต่อไม่ได้
「งั้นเดี๋ยวผมออกไปซื้อให้ไหม?」
「จะดีเหรอ?」
ยังไงฉันก็เป็นพนักงานร้าน
หากปลอมตัวสักหน่อยก็ไม่มีปัญหา
「แต่จะปล่อยให้นายไปคนเดียวก็ไม่ได้ด้วยสิ คอสโม่ เธอเองก็ไปด้วยกันซะ」
「ทำไมเล่า!?」
「อย่ามาบ่นให้มาก ยัยตัวเกาะคนอื่นกิน」
「ฉันก็ทำงานให้แล้วไหม!!」
「แต่ก็ไม่พ้นมาเกาะอยู่กินกับฉันอยู่ดี ออกไปซะ」
「โว้ยยยยย……」
อาหารที่มาสเตอร์ทำก็อร่อยจริงนั่นแหละ
ฉันยิ้มออกมาให้กับคอสโม่ที่โวยวายด้วยความหงุดหงิด ว่าแล้วก็ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วไปหยิบเสื้อคลุมกับผ้าพันคอออกมาเพื่อเตรียมตัว
「ชิโระ」
『โฮก!』
ฉันเรียนกชิโระที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์เหมือนตุ๊กตาขึ้นมา
เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปกันเลย….
「คอสโม่」
「อ้า เข้าใจแล้วน่า……」
อากาศเริ่มหนาวแล้วด้วยสิ ยังไงก็ต้องหาเสื้อผ้าหนาๆ ใส่เพื่อออกไปซื้อวัตถุดิบสักหน่อย
***
หลังจากซื้อวัตถุดิบที่ต้องการมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเสร็จ พวกเราก็เดินกลับร้านกัน
「เธอนี่นะ อย่าไปหยิบอะไรที่ไม่จำเป็นสิ….」
「ช่วยไม่ได้มันเตะตาฉันเองนี่นา」
「หล่อนเป็นเด็กหรือไงฟะ」
คอสโม่ที่มาด้วยกันดันโยนขนมใส่ตะกร้าไม่พักระหว่างซื้อของ แล้วก็ต้องมาลำบากฉันในการเอากลับไปไว้ที่เดิมอีก แต่สุดท้ายก็สรุปได้แหละว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนักสำหรับการซื้อของคราวนี้
ถึงจะแลกมากับการที่คอสโม่หน้าบูดบึ้งมาสักพักแล้วก็เหอะ
「ไอ้นี่มันอะไรน่ะ」
「สวนสาธารณะไง เธอไม่เคยมาเหรอ?」
「อ้า」
มันเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งใจกลางเมือง
คอสโม่พยายามมองไปรอบๆ ก็เห็นว่ามีผู้คนเดินไปมามากมายพร้อมกับเด็กที่เล่นกันในสนามเด็กเล่น
「…ว่าแต่ โฮมุระไอ้นั่นคือ」
「หือ?」
ฉันมองไปตามทิศที่คอสโม่ชี้ไป แล้วก็เห็นรถบรรทุกสีเหลืองชมพูจอดอยู่
มันคือรถบรรทุกที่ติดครัวไว้ข้างใน ส่วนของที่ขายอยู่ก็เป็นเครป
「เป็นรถขายพวกขนมอย่างเครปน่ะ」
「เอ๋ หมายความว่ายังไง」
「อันที่จริงฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอกเพราะไม่เคยซื้อกิน」
ถึงจะรู้จักว่าคือรถอะไร แต่ก็ไม่เคยเข้าไปใช้บริการ
แต่แถวค่อนข้างยาวเลยวุ้ยหรือจะเป็นร้านชื่อดังกัน?
ในขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ก็สังเกตเห็นว่าคอสโม่มองไปยังรถคันนั้นแบบไม่ละสายตาเลย
「……เธออยากลองกินเหรอ?」
「หา?ใครบอกว่าอยากกัน?」
「หน้าตาเธอมันฟ้องหมดแล้วเฟ้ย」
「ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ!?」
เธอเก็บอาการไม่ได้เลยสักนิด
ไม่รู้ทำไมพออยู่กับยัยนี่แล้วรู้สึกเหมือนกับว่าหากตัวเองมีน้อยชายหรือน้องสาวก็คงให้อารมณ์ประมาณนี้ละมั้ง
จากนั้นฉันก็ถอนหายใจแล้วหยิบแบงค์สองพันเยนยื่นให้คอสโม่
「ไปซื้อซะสิ」
「เอ่อ แต่ว่าชินโด…」
「ฉันจะเก็บเป็นความลับให้น่า」
「……。ชะ ช่วยไม่ได้สินะ」
คอสโม่เดินตรงไปยังรถขายเครปอย่างอารมณ์ดี
พอเห็นเธอเดินจากไป ฉันก็ตัดสินใจไปนั่งรอตรงม้านั่งแถวนั้นก่อนจะวางพวกวัตถุดิบที่ซื้อมาลง
「พอได้มาทำอะไรแบบนี้แล้วรู้สึกสงบใจจริงๆ」
『นั่นสิเนอะ』
โปรโตตอบกลับเสียงพูดของฉัน
ทิวทัศน์ของเมืองที่แสนสงบสุขเสียจนคิดไม่ถึงเลยว่าโลกใบนี้กำลังถูกเอเลี่ยนรุกราน
แน่นอนว่าผู้คนรู้ดีว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร แต่พวกเขาก็ยังสามารถรักษาชีวิตประจำวันของตัวเองเอาไว้ได้
『บางทีโลกใบนี้เองก็คงพยายามปรับตัวอยู่ก็ได้มั้ง ถึงจะไม่รู้ว่ามันจะดีหรือแย่ลงก็เถอะ』
「ก็ได้แต่หวังให้มันดีขึ้นละน้า」
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าโลกจะเปลี่ยนไปทางไหน
แต่ฉันมั่นใจว่ายังไงก็คงไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนก่อนพวกมันมารุกรานได้
『! คัตสึมิ มีคนกำลังมา』
「……หือ?」
ฉันเงยหน้ามองไปตรงหน้า ก็สังเกตเห็นว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาตรงม้านั่งที่ฉันอยู่
「ขอนั่งข้างๆ ได้ไหม?」
「ชะ เชิญเลยครับ」
เพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์นั่งคนเดียวอยู่แล้ว ฉันก็เลยเขยิบให้กับอีกฝ่าย
หญิงสาวที่มานั่งข้างฉันได้ทำการหยิบอะไรบางอย่างที่คล้ายกับซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าของเธอก่อนจะถอนหายใจอย่างอิดโรย
「เห้อ ไอ้นี่มันยังไงละเนี่ย…」
「……?」
ตั้งใจจะสูบบุหรี่เหรอ?ว่าแต่ไอ้ท่าทางพยายามเปิดซองนั่นมันอะไรกัน
ไม่สิ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะนะ จะดีเหรอ
「…เอ่อ…นี่ พ่อหนุ่ม」
「หือ?ผมเหรอครับ?」
ฉันถูกเรียกซะงั้น
ในที่สุดหลังหญิงสาวเปิดซองบุหรี่ขึ้นมาได้แล้วหยิบมันออกมาหนึ่งมวนเธอก็หันมาคุยกับฉัน
「เธอมีไฟแช็กไหม?」
….ถามบ้าอะไรของเธอกัน?นี่คิดว่าฉันโตถึงขั้นสูบบุหรี่ได้แล้วหรือไง?
ฉันสังเกตอีกฝ่ายก่อนจะพบว่าเธอน่าจะอายุประมาณช่วง 20 ปีต้นๆ
สวมชุดคลุมขนสัตว์ กางเกงยีนส์ รองเท้าบูท
ผมยาวสีแดง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาของเธอข้างหนึ่งถูกผมปิดเอาไว้จึงเห็นเพียงดวงตาสีทองแดงที่หม่นหมองข้างเดียว
บรรยากาศออกไปทางสาวหล่อเท่สุดๆ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเธอคล้ายกับแม่ของอากาเนะจังวุ้ย
「ไฟ……」
「เอ่อ ขอโทษทีนะครับแต่ผมยังเป็นผู้เยาว์」
จากนั้นเธอก็ประหลาดใจกับคำตอบของฉัน
「เอ๋ ไม่จริงน่า? ….ว่าแต่ วันนี้ไม่ไปโรงเรียนเหรอ?」
「พอดีไม่สามารถไปโรงเรียนได้เพราะเหตุส่วนตัวน่ะครับ….」
「อะ อ้า….รู้สึกเหมือนไม่ควรถามเลยแฮะ」
จากนั้นเธอก็เก็บบุหรี่กลับเข้าไปในซองแล้วใส่ไว้ในเสื้อโค้ตของเธอเหมือนเดิม
「เสียเงินซื้อมาฟรีแล้วสิ」
「กำลังเคยซื้อเหรอครับ?」
「พอดีเกิดอารมณ์อ่อนไหว เลยอยากจะลองสูบดูน่ะ」
หมายความว่ายังไงกัน……?
ทำไมเธอถึงพูดเหมือนอาโออิซะงั้นล่ะ
ฉันเริ่มรู้สึกแล้วว่าอีกฝ่ายก็เป็นคนแปลกๆ เหมือนกัน
「ว่าแต่ขอถามเหตุผลที่ไปโรงเรียนไม่ได้ได้หรือเปล่า?」
「เอ่อ เรื่องนั้น」
「ไม่ต้องตอบก็ได้ ฉันแค่อยากจะหาอะไรคุยกับนายเฉยๆ น่ะ」
สรุปแล้วพวกเราก็เลยได้มาคุยกันด้วยวิธีแปลกๆ ซะงั้น
ส่วนคอสโม่….ท่าทางยังเลือกเมนูไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คงอีกนานแหง
「ว่าแต่เรื่องอารมณ์อ่อนไหวนั่น?」
「……….พอดีฉันกำลังได้กลับมาหลังห่างหายไปนานน่ะ」
「ไปอยู่ต่างประเทศมาเหรอครับ?」
「ประมาณนั้น」
หากได้กลับมายังบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในช่วงหลายปี หลายๆ อย่างในความทรงจำมันก็คงจะเปลี่ยนไปแหละ
ดูจากการแต่งตัวของเธอฉันก็พอจะเดาได้ว่าเธอคงจะกลับมาที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกหลังจากไปสักพักแหง
「ว่าแต่ตอนนี้ปีอะไรแล้วเหรอ?」
「ฟังแล้วเหมือนเป็นประโยคคำถามจากหนังเลยนะครับ」
「……ช่วยตอบกันหน่อยสิ」
คงต้องเล่นไปตามน้ำสินะ
แต่ไหนๆ มาทางนี้แล้วก็ขอสักหน่อยละกัน
……。
「ตอนนี้ปี2322ครับ」
「อย่ามาโกหกกันเด้」
「เอ๋」
ฉันเกิดสับสนขึ้นมาเองซะงั้น เพราะอีกฝ่ายดันตอบกลับด้วยภาษาคันไซแทน
ฉันตกใจนิดหน่อยที่อยู่ดีๆ เธอก็พูดเหมือนคิราระ แต่ใบหน้าดันจริงจังซะงั้น
「เป็นไปไม่ได้หรอกที่ตอนนี้จะปี 2300」
「ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะครับ」
「ดูแล้ว นายไม่น่าจะเป็นพวกเล่นทางนี้รุ่งนะ」
บางทีอาจะเพราะมีคนรู้จักที่เป็นเหมือนนักแสดงตลกละมั้ง ก็เลยอยากจะลองเล่นดูบ้าง
กลับมาที่คำถามของเธอ ฉันได้ตอบเธอกลับไปว่าปีนี้คือปีอะไร ก่อนที่เธอจะเอนพิงม้านั่งด้วยอารมณ์ที่หลากหลายภายในใจ
「แตกต่างจริงๆ ด้วย」
「แตกต่างเหรอครับ?」
「ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ฉันรู้สึกว่ามันต่างไปจากที่ฉันเคยเห็นน่ะ」
เธอคงตกใจมากเลยสินะ
「ญี่ปุ่นหลังจากไปนานเป็นยังไงบ้างครับ?」
「……มันสงบสุขเหลือเกิน」
「มันแปลกเหรอครับ?」
ก็เหมือนที่ฉันสงสัยก่อนหน้า ฉันรู้สึกว่าเธอคนนี้มีอะไรแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
「โฮมุระ ฉันไม่รู้ว่านายชอบอะไรดังนั้นก็เลยเลือกมา…ว่าแต่ใครน่ะ?」
คอสโม่ที่ซื้อเครปเสร็จแล้วได้กลับมาหาฉัน
ไม่รู้ทำไมถึงได้ซื้อมาเผื่อฉันด้วย แต่ถ้าให้เดาก็คงเพราะยัยนี่เลือกไม่ได้ว่าจะเอาอันไหนดีจากสองอันนี้เลยเอามันทั้งคู่ซะเลย
หญิงสาวที่นั่งข้างๆ เอียงหัวสงสัยนิดหน่อยเมื่อเห็นคอสโม่วิ่งกลับมาหาฉัน ก่อนจะชี้นิ้วขึ้นราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง
「แฟนของนายเหรอ?」
「เอ๋ ไม่มีทา———」
「มะ ไม่มีทาง! อย่ามาพูดอะไรมั่วซั่วนะเดี๋ยวก็กระทืบให้ยับเลยนี่!!」
ยัยนี่มาพูดกับคนเจอเป็นครั้งแรกแบบนี้ได้ยังไงกัน
เมื่อเห็นว่าคอสโม่โวยวาย อีกฝ่ายก็เกาแก้มแล้วลุกขึ้นยืนก่อนหันมาหาฉัน
「ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนคุยนะ」
「ไม่หรอกครับ ทางผมเองก็ได้หาอะไรฆ่าเวลาด้วย」
จากนั้นเธอก็เดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
ในขณะที่เฝ้าดูอีกฝ่ายเพราะรู้สึกสงสัยในรูปร่างหน้าตาของเธอ คอสโม่ก็จ้องมาทางฉัน
「สรุปนั่นใคร?」
「ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเหรอ?」
「อื้มช่างเหอะ」
เธอยื่นเครปมาให้ฉันก่อนจะมองด้วยสายตาเหมือนเสียดาย
ท่าทางคอสโม่จะเสียดายสุดๆ ฉันก็เลยถอนหายใจออกมาก่อนจะยื่นเครปนั้นกลับไป
「………ฉันไม่กินหรอก ฝากเธอจัดการทั้งสองเองเลยละกัน」
「เอ๋……ดะ ได้จริงเหรอ? ช่วยไม่ได้สิน้า นายดันไม่กินจะทิ้งก็เสียดาย」
พูดแบบนั้นก็อย่ายิ้มเหมือนดีใจที่ฉันไม่เอาสิเห้ย
พอเห็นว่าคอสโม่มีความสุข ฉันก็ยิ้มออกมาแล้วหยิบพวกวัตถุดิบที่ซื้อมาเพื่อเดินกลับร้านอีกครั้ง
***
เขาเป็นเด็กที่แปลกจริงๆ
ในจักรวาลนี้ไม่ควรจะมีใครรู้จักฉันแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน
ฉันหยิบบุหรี่ออกมาแล้วโยนทิ้งลงถังขยะ ก่อนจะเดินไปภายในตรอกใกล้ๆ นั้น
「……ฉันไม่ควรจะกลับมาเลย」
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กลับมายังโลก
ที่อยู่อาศัย ผืนดิน ท้องทะเล ทุกอย่างยังไม่ถูกทำลาย
สีสันได้ถูกแต่งเติมทั่วโลกใบนี้ แตกต่างกับโลกที่ฉันจากมา
ความเหนื่อยล้าทางจิตใจที่หนักนาจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ ฉันพิงหลังตัวเองไว้กับกำแพงภายในตรอก ก่อนจะมีข้อความเข้ามา
เนื่องจากคนที่ติดต่อกับฉันได้มีเพียงคนเดียว ฉันก็เลยยิ่งรู้สึกไม่พอใจเมื่อมีข้อความส่งมา
「มีอะไร GRD」
『เป็นยังไงบ้าง หลังไม่ได้กลับมาโลกเสียนาน』
「นี่ไม่ใช้โลกที่ฉันรู้จัก」
หลังสิ้นเสียงฉัน เสียงหัวเราะจากอีกฟากของเทอร์มิทัลก็ดังขึ้น
ฉันรู้สึกหัวเสียกับไอ้ AI ห่วยแตกนี่เสียจริง
『เธอก็น่าจะรู้แต่แรกแล้วไหมว่ามันไม่ใช่?』
「……อ้า」
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะต่างได้ขนาดนี้
อย่างน้อยในจักรวาลที่ฉันอยู่….ก็ไม่มีอัศวินดำ
ทำไมมันถึงได้ต่างขนาดนี้กันนะ
ความจริงที่แสนเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบฉันได้
『เธอแทบจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้แล้วไม่ใช่หรือไง』
「ก็ไม่ค่อยได้จริงนั่นแหละ」
『หรือจะบอกว่ามันเจ็บปวดเสียจนไม่อยากจะจำดีนะ หญิงสาวที่ถูกอดีตกักขังเอาไว้』
「หนวกหูชะมัดไอ้ดาต้าน่ารำคาญนี่」
『ก็ฉันถูกสร้างโดยอ้างอิงบุคลิกมาจากต้นแบบนี่หว่า หากจะหงุดหงิดกับเสียงของฉันนั้นก็เป็นปัญหาของเธอแล้ว』
น่ารำคาญชะมัด
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันก็อยู่กับเจ้านี่มาหลายปี จึงได้แค่ถอนหายใจ
『ตอนนี้เธอเป็นศัตรูกับโลกนะ』
「……ฉันรู้น่า」
『ถ้ารู้แล้วก็ดี』
ตอนนี้มันไม่ได้สำคัญอีกแล้ว
ความรู้สึกผิดบาปหรืออะไรมันได้เลือนหายไปจนหมด การเสี่ยงชีวิตเพื่อต้องปกป้องอะไรมันเป็นเพียงความโง่เขลา
『ลำดับแห่งดวงดาราที่ 10 【Code RED “X”】』
ราวกับตอกย้ำตำแหน่งที่ฉันควรอยู่ GRD จึงได้พูดชื่อนั้นออกมา
แม้ว่าจะหงุดหงิดกับคำพูดและน้ำเสียงของมัน แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
『นักรบผู้หลงทางและตกลงสู่ความชั่วร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด นี่แหละคือตัวตนของเธอ』
จากนั้นมันก็ฉายข้อมูลภายในเทอร์มิทัลขึ้นไปในอากาศ
มันเป็นภาพของศัตรูที่ฉันจะต้องต่อสู้บนโลกใบนี้ หัวใจของฉันเริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที
「คิxxxx……อาxxxx……」
เสียงอันแผ่วเบาได้ล่องลอยหายไปตามสายลม
ตัวฉันที่ตกลงมาสู่ความชั่วร้ายเช่นนี้ช่างน่าขำเสียเหลือเกิน
「มาเตรียมตัวเพื่อโจมตีพวกจัสติสครูเซเดอร์กันเถอะ」
ที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกที่ฉันรู้จักอีกต่อไป
ดังนั้นฉันไม่สนหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนบนโลกใบนี้
สิ่งที่ฉันต้องทำมีเพียงใช้ชีวิตต่อไปและทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
–จบ—
อากาเนะจากอีกจักรวาลได้มาบุกโลกใบฐานะ ลำดับที่ 10 !?!?!? และจักรวาลนั้นไม่มีอัศวินดำ…..ส่วนคอสโม่ ดูจะมีความสุขดี