อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 112 ตำนานหญิงสาวที่แกร่งที่สุด
เรื่องราวเกี่ยวกับเขามันได้กลับเข้ามาในความทรงจำของฉันเมื่อคืนวันนั้น
ช่วงมื้ออาหารเย็น
พ่อของฉันที่ทำงานในโรงพยาบาลกลับมาถึงบ้านแล้วพวกเราทั้ง 3 คนก็ทานข้าวขณะดูทีวีไปด้วย และแล้วก็มีภาพของเขาปรากฏขึ้นข้างในนั้น
「เอ๋? ตอนนี้เป็นช่างพยากรณ์อากาศไม่ใช่หรือไง….มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?」
ภายในทีวีตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่โปรแกรมตามปกติ
แม้พ่อของฉันจะหยิบรีโมทขึ้นมาเปลี่ยนช่องภาพของนักรบในชุดสีขาวที่พวกเราคุ้นเคยก็ไม่ได้หายไปไหน
「อัศวินขาว? จะช่องไหนก็มีแต่ภาพเขาเหรอ?」
「จะว่าไปที่ทำงานก็บอกเหมือกันว่ามีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้น หรือจะเป็นเรื่องนั้นนะ?」
โชคยังดีที่ว่าจุดที่พวกฉันอยู่ค่อนข้างไกลเลยไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไร
อย่างไรก็ตาม ภาพที่ฉายอยู่ในตอนนี้คือภาพของอัศวินขาวและจัสติสครูเซเดอร์ที่กำลังต่อสู้กับพวกเอเลี่ยนที่บุกโลกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่าน
ร่างที่เหมือนกับควันกำลังลอยอยู่ตรงหน้าของเขา
「……เอ๋」
แค่ได้เห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นหัวใจของฉันก็เต้นรัว
ชุดเกราะอัศวินขาวได้สลายไป เขาล้มลงกับพื้นและแสดงอาการทรมานออกมา
แล้วร่างของชายที่อยู่ข้างในซึ่งผู้คนต่างอยากรู้ก็ปรากฏขึ้น แม่ของฉันที่ดูอยู่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก แม้จะยังไม่เห็นหน้าของเขาชัดเพราะล้มลงกับพื้นแต่อายุของเขาน่าจะพอๆ กับฉันแน่นอน
「ยังเด็กอยู่เลยไม่ใช่หรือไง」
พ่อของฉันพูดออกมา
ทันใดนั้นเองเอเลี่ยนที่สวมเกราะสีทองก็แสบตาก็ส่งเสียงออกมาอย่างสนุกสนาน
『จงดูให้ดี! ตัวตนที่แท้จริงของชายคนนี้ที่พวกแกเรียกว่าฮีโร่!! ความลับที่ทุกคนกำลังสงสัย!!』
「ไม่นะ……」
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงพูดแบบนั้นออกมา
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันคิดว่าการเผยตัวจริงของเขาเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
ในวินาทีถัดมา ความจริงที่ปิดบังเอาไว้มาหลายปีก็ถูกเปิดเผย
『ชายคนนี้ มีชื่อว่า คัตสึมิ โฮมุระ หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อของ เด็กแห่งปาฏิหาริย์ในเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน!!!』
「———โฮมุระ……?」
สัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้แยกร่างของมาเป็น 2 ร่างก่อนจะล้มลงพื้นต่อหน้าเขา
แผละ เสียงอันชวนน่าขนลุกได้ดังมาจากทางทีวี กองเลือดนองเต็มพื้น จากนั้นทั้งสองร่างก็จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เกลียดชัง
「อะ อะ……」
ฉากแบบนี้・・・・ฉันจำมันได้
「เจ็บเหลือเกิน…ช่วยด้วย….」
「คัตสึมิ…อึก..นี่แก……」
「พ่อ……?แม่……? 」
「ที่พวกเราตายมันก็เป็นเพราะแก!!」
「เป็นเพราะแกพวกเราถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้!!」
「อย่างแกน่ะตายไปซะได้ก็ดี!!」
「ใช่แล้ว!! หากแกหายไปสักคนพวกเราคงจะรอดแล้วแท้ๆ!!」
อัศวินดำถูกพ่อแม่ของเขาต่อว่าเหมือนกับครั้งนั้น
「เป็นความผิดของฉันเอง」
「เป้าหมายของมันคือฉันตั้งแต่แรก คาโนฮานะ เธอน่ะถูกลากเข้ามาเพราะเกี่ยวข้องกับฉัน」
「ไม่ได้หรอก ฉันจะปล่อยให้เธอตกอยู่ในอันตรายเพราะฉันไม่ได้เด็ดขาด เธอยังมีครอบครัวรออยู่นะ ฉันไม่อยากให้พวกเขามาเกี่ยวข้องกับฉันด้วย」
เขาโทษตัวเอง
ทั้งที่ฉันโดนสัตว์ประหลาดโกสนั่นเล่นงานเองแท้ๆ
ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย
「งั้นเหรอ ก็ดี ช่วยลบความทรงจำของเธอเกี่ยวกับเรื่องสัตว์ประหลาดและเปลี่ยนเรื่องของฉันด้วยละกัน」
「ช่วยลบความทรงจำที่ฉันกับโคโนฮานะมีร่วมกันจนถึงวันนี้ออกให้หมด แน่นอนว่าคนรอบตัวเธอก็ด้วย」
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปกป้องฉันเอาไว้
「……จำได้หมดแล้ว」
ทำไมฉันถึงลืมไปได้กันนะ
ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าทำไมในคืนนั้นฉันถึงร้องไห้หนักมาก
เพราะได้รับการปกป้องจากเขาอยู่เสมอ
「โฮมุระคุง」
ฉันรู้จักเขาดี
คัตสึมิ โฮมุระ
ฮีโร่ที่อยู่โต๊ะข้างๆ ของฉัน
—–
ถึงจะได้ความทรงจำกลับมาแต่ก็ไม่มีทางที่ฉันจะทำอะไรเพื่อเขาได้เลย
ตอนนี้ทุกคนรู้ถึงเรื่องราวของเขาหมดแล้วว่าโฮมุระคุงคืออัศวินดำ
「ถึงจะผ่านไปสักพักแล้วแต่น่าปวดหัวจริงๆ」
ในบรรดาเรื่องที่น่าปวดหัวทั้งหมดก็คงจะเป็นพวกผู้ชายที่ใช้ชื่อของโฮมุระคุง ไม่สิชื่อของอัศวินดำในการเข้าไปจีบผู้หญิงหรือเรียกร้องความสนใจจากพวกเธอ ทว่าคนพวกนั้นก็ถูกจัดการไปด้วยพวกแฟนคลับเดนตายของอัศวินดำที่ดุร้ายสุดๆ
แล้วพวกแฟนคลับเดนตายที่ว่าก็เป็นนักเรียนโรงเรียนฉัน
แถมที่หนักสุดๆ เลยก็คือประธานของกลุ่มนั้นเป็นเพื่อนสนิทฉัน
มันคือเรื่องที่ฉันไม่ได้อยากรู้สุดๆ เลย แต่อย่างน้อยชีวิตประจำวันของฉันในตอนนี้ก็ยังดำเนินไปตามปกติ
「จะว่าไปพักนี้คิราระก็เอาแต่ถามฉันเกี่ยวกับโฮมุระคุงด้วยสิ….」
ฉันพูดกับตัวเองขณะเดินทางกลับบ้าน
ช่วงเที่ยงของวันนี้ก็เหมือนกัน ทำไมเธอถึงเอาแต่ถามกันนะ?
จนถึงตอนนี้ก็เคยคุยเรื่องพวกนี้มาเยอะแล้ว แต่ไม่เคยมีใครถามอะไรทำนองนี้มาก่อนเลย น่าสงสัยชะมัด
เป็นไปได้ไหมว่าอันที่จริงแล้วคิราระคือพวกแฟนคลับเดนตายเหมือนกับเพื่อนสนิทสุดน่าปวดหัวของฉัน?
ฉันได้ยินว่ากลุ่มของพวกนั้นได้แตกย่อยแบ่งออกไปเป็นหลายสาขา ทั้งทีมพี่สาว ทีมเพื่อนสมัยเด็ก หรือทีมน้องสาว ซึ่งเอาจริงๆ ฉันแยกไม่ออกหรอกว่าใครอยู่ทีมไหนยังไง
「คงไม่หรอก……」
ฉันรู้จักคิราระดี
เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอ่อนโยนแบบเธอจะก้าวไปสู่วิถีของมารร้าย
ทันทีที่ปฏิเสธเรื่องพวกนี้เสร็จ ฉันก็เดินกลับบ้านต่อ
「……จะเป็นไปได้ไหมนะ」
อยากจะเจอกับโฮมุระคุงอีกครั้ง
ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสุดๆ
ไม่เพียงแค่เขากลายเป็นที่รู้จักของเหล่าผู้คน แต่เขายังไม่สามารถมาโรงเรียนได้อีกแล้ว อพาร์ตเมนต์ที่เขาเคยอาศัยอยู่ก็ถูกปิดตายไว้อย่างกับเกิดเหตุฆาตกรรม
ที่สำคัญ คนธรรมดาแบบฉันไม่มีทางไปเจอเขาได้หรอก
「เขายังจะเห็นฉันเป็นเพื่อนหรือเปล่าน้อ……」
ถึงแม้จะอายที่ต้องพูดแบบนี้ออกมา
ฉันดีใจคงจะมากๆ หากเขาลบความทรงจำของฉันไปแล้ว แต่เขาก็ยังให้ความสำคัญกับฉันอยู่
อยากจะเจอเขาเหลือเกิน———
「เห้อ」
———ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ฉันก็หวังว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะเป็นแบบนี้ต่อไป แต่อยู่ดีๆ ก็มีความคิดแปลกๆ แทรกเข้ามาด้วย ไม่ได้ๆ ฉันรีบสลัดมันทิ้งแล้วเดินกลับบ้านต่อ———
「สวัสดี ไฮรุ โคโนฮานะจัง」
มีคนเรียกชื่อของฉัน
เมื่อฉันหันไปมองก็พบกับหญิงสาวผมสีดำที่สวยสุดๆ ยืนอยู่
เส้นผมของเธอยาวมาถึงเอว รูปร่างก็ดี หน้าตาก็สวย
สูงประมาณ 170 เหมือนพวกนางแบบ สวมชุดสีดำ เธอกำลังยิ้มให้กับฉันอยู่
「………คุณน้องสาวละมั้ง? 」
โฮมุระคุงนั้นอาศัยอยู่กับน้องสาว?ของเขา
แล้วผู้หญิงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของฉันก็คล้ายกับเธอในเวอร์ชั่นผู้ใหญ่สุดๆ ฉันก็เลยถามไปแบบนั้น เพราะนี่อาจจะเป็นพลังของเธอก็ได้
「หือ?รู้จักเด็กคนนั้นด้วยเหรอ น่าแปลกใจจริงๆ ….ท่าทางจะรู้เรื่องราวของเขาเยอะพอตัวเลยนี่นา」
ไม่ ไม่ใช่แน่นอน
คนคนนี้ไม่ใช่เด็กที่อยู่กับโฮมุระคุง!!
ถึงจะดูคล้ายกัน แต่คนคนนี้แผ่บรรยากาศอันตรายออกมาสุดๆ
ฉันต้องรีบหนีแล้ว
「……ฟุฟุ ทำแบบนั้นไม่ฉลาดเอาเสียเลยนะ」
หากคนคนนี้ไม่ใช่พวกของโฮมุระคุงก็แปลว่าฉันงานเข้าแล้ว
「เธอคิดจะจับฉันเป็นตัวประกันเหรอ!? 」
นี่ฉันคิดอะไรอยู่กันเนี้ย?!แต่ถึงจะพูดแบบนั้นในใจของฉันก็มองถึงความเป็นไปได้นั้นอยู่เหมือนกัน
หากฉันไม่ได้คิดไปเอง ตอนนี้โฮมุระคุงต้องคิดว่าฉันเป็นเพื่อนของเขาอยู่เหมือนเดิมแน่นอน
หากนั่นเป็นเรื่องจริง ฉันคงจะดีใจสุดๆ แต่นั่นมันก็หมายความว่าฉันมีค่าในฐานะตัวประกันสำหรับเขาด้วย
「กะ กลับมาแล้วค่ะ!」
ตอนนี้ฉันวิ่งหนีกลับมาถึงบ้านแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องรีบแจ้งตำรวจ
ฉันทำการล็อกประตูบ้านด้วยอาการหอบ ก่อนจะค่อยๆ พยายามสงบสติอารมณ์
ตัวฉันในตอนนี้ไม่มีทางจะขอความช่วยเหลือจากโฮมุระคุงได้เลย ไม่สิหากพยายามส่งสัญญาณอะไรสักอย่างออกไปก็อาจจะมีหวัง
「นะ นี่มันอะไรกัน!? 」
แม่รีบวิ่งออกมาจากข้างในบ้าน
ฉันต้องรีบบอกเรื่องนี้กับแม่ของฉันทันที
「มะ แม่คะ――」
「เธอเป็นใครกัน?!ทำไมถึงได้เข้ามาในบ้านของฉัน!」
「หา……? 」
หมายความว่ายังไง?นี่มันบ้านของฉันไม่ใช่เหรอ
เสียงของฉันเริ่มสั่นเทาเมื่อแม่ของฉันมองฉันด้วยสายตาที่สงสัยสุดๆ
「เธอเป็นเด็กของโรงเรียนละแวกนี้ใช่ไหม?เกิดอะไรขึ้นกัน?หรือเข้าผิดบ้าน?!」
「อ่ะ เอ๋……」
แม่จำฉันไม่ได้เหรอ?
ได้ยังไงกัน?
น่ากลัวเหลือเกิน
ความกลัวที่ตัวเองถูกลืมเลือน
「หน้าซีดไปหมดแล้วนี่นา รอเดี๋ยวนะ ฉันจะรีบแจ้งตำรวจ….อ๊ะ จะไปไหนน่ะ?!」
ฉันรีบวิ่งหนีออกจากบ้าน
ทนไม่ไหวแล้ว
จิตใจของฉันไม่สามารถแบกรับเรื่องที่คนในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันมาตลอด 18 ปีทำเหมือนฉันเป็นคนแปลกหน้าที่เคยเจอเป็นครั้งแรก
บางอย่างที่เลวร้ายสุดๆ กำลังเกิดขึ้น
ทุกคนมองฉันที่วิ่งออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียวอย่างสงสัย
ในหมู่คนพวกนั้นก็มีคนรู้จักของฉันอยู่ด้วย แต่พวกเขาก็มองฉันเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้าไม่ต่างกับแม่ฉัน
「จะ จริงด้วย」
ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาขณะพิงตัวอยู่ในตรอกแห่งหนึ่ง
เพื่อนของฉันน่าจะยังจำฉันได้แน่นอน
ฉันรีบส่งข้อความไปหาเพื่อนของฉันโดยหวังแบบนั้น
Line : คาโอริน
คาโอริ เธอจำฉันได้หรือเปล่า?
ข้อความถูกอ่านทันที
ในขณะที่ฉันกำลังลุ้นรอคำถาม เสียงข้อความตอบกลับก็ดังขึ้น
คาโอริ : ใครกัน?
ข้อความตอบกลับสั้นๆ
แต่มันก็บอกได้ถึงความสงสัยและความแปลกใจจากอีกฝั่ง
เพื่อนของฉันก็ลืมฉันไปแล้วเหมือนกัน
แบบนี้มันหมายความว่าทุกคนบนโลกใบนี้รวมถึงโฮมุระคุงลืมเรื่องราวของฉันไปหมดแล้วงั้นเหรอ?!
「อึก」
ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่การถูกลืมเลือนเป็นสิ่งที่น่ากลัวเหลือเกิน
ฉันไม่รู้ต้องทำยังไงต่อจนอยากจะร้องไห้ออกมา
「เจอสักที」
「หา!」
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงที่เดินเข้ามาในตรอก
ผู้หญิงผมสีดำคนเดิม เดินเข้ามาหาฉัน
「บางทีพวกเราอาจจะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน ฉันเลยอยากจะแนะนำตัวให้รู้จักสักหน่อย ฉันมีชื่อว่าอาสึ จะมองว่าเป็นหนึ่งในเอเลี่ยนที่บุกโลกอะไรทำนองนั้นก็ได้」
ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าอาสึพูดราวกับฉันเป็นเพื่อนของเธอ ฉันจึงถามเธอกลับไป
「เธอทำอะไรกับทุกคนกัน……」
「ก็ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลยนี่?ก็แค่ทำให้พวกเขาลืมเธอไง」
「ทำไปเพื่ออะไร」
เธอคนนี้มีพลังเหมือนกับคุณน้องสาวที่โฮมุระคุงขอให้ลบความทรงจำของฉันเหรอ?!
พอฉันถามไปแบบนั้น เธอก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วพูดออกมาอย่างน่ารัก
「เพื่อการเติบโตของคัตสึมิคุงละมั้ง? 」
「โฮมุระคุง……!? 」
「เขาคือคนที่จะสามารถทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงได้ และเธอก็คือชนวนในคราวนี้ ที่ฉันมาวันนี้ก็ตั้งใจจะจับเธอไปเป็นตัวประกันน่ะ」
หัวของฉันมันยุ่งเหยิงไปหมด
ทำไมต้องเป็นแบบนี้อีกแล้ว
ฉันไม่อยากจะให้เขาต้องมาลำบากเพราะฉันเลย
「เธอคือหญิงสาวที่คัตสึมิ โฮมุระพยายามปกป้องจนถึงที่สุด หากเขารู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตราย…ฟุฟุ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าาง」
「อึก」
「ฟุฟุฟุ」
เธอยื่นมือออกมาหาฉัน
ร่างกายของฉันขยับไปไหนไม่ได้เลย
จะหนีก็คงไม่พ้น
นี่มันจบแล้วเหรอ?!
「โฮมุระคุง……!」
「เปล่าประโยชน์ ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับเด็กผู้หญิงคนอื่นอยู่ ไม่มีทางจะมาที่นี่ได้หรอก」
แม้ว่าฉันจะเอ่ยชื่อของเขา แต่ก็ไม่มีความช่วยเหลือใดๆ มาถึง
ในขณะที่ฉันหลับตาลงราวกับจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น มือที่ยื่นออกมาของอาสึกลับหยุดลง
「———อย่ามารบกวนงานของฉันจะได้ไหม? 」
พอฉันลืมตาตื่นขึ้น ก็มีมือหนึ่งโผล่ออกมาจากข้างหลังของฉันและคว้ามือของอาสึเอาไว้
ฉันรีบหันไปมองด้วยความงุนงง ก่อนจะตกใจสุดๆ กับภาพที่เห็น
「รบกวน?พูดอะไรได้น่าสนใจดีนี่」
ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างยักษ์ที่สูงเกิน 190 เซน สวมเสื้อรัดรูปสีส้ม กางเกนยีนส์สีน้ำเงิน
มีหน้าตาจะดูสมบุกสมบัน แต่หนวมเคราก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ผมก็ตัดสั้นเรียบร้อย รอยยิ้มดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
「เป็นเธอต่างหากที่เข้ามาขัดขวางเส้นทางความรักของสาวน้อยไม่ใช่หรือไงอาสึ? 」
「ซันนี่……ชิ!!」
อาสึรีบสะบัดมือของชายที่เรียกตัวเองว่าซันนี่ออกไปด้วยสีหน้าที่โกรธสุดๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม
「เธอจะเข้ามาขัดขวางฉันทำไมกัน คราวนี้มีแผนอะไรอีก? 」
「นั่นมันคำพูดของทางฉันต่างหาก เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ตั้งใจจะใช้เด็กคนนี้ทำให้คัตสึมิจังโกรธอยู่หรือไง? 」
ชายหนุ่มทำน้ำเสียงเหมือนกับเหล่าเจ้ๆ ได้เดินเข้ามาปกป้องฉันเอาไว้
ไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็เป็นคนรู้จักของอาสึแน่ๆ แต่ทำไมถึงปกป้องฉันเอาไว้กันล่ะ
「อะ เอ่อ คุณคือ? 」
「อ้อ ฉันชื่อว่าซันนี่น่ะ ก็แค่สาวน้อยคนหนึ่งที่เดินผ่านมา」
「……」
……คนน่าสงสัยนี่หว่า?
ด้วยเหตุผลบางอย่างพอเขาพูดแบบนี้ฉันก็นึกถึงเรื่องที่ลือกันในโรงเรียนเมื่อไม่นานมานี้
เธอได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตำนานเมืองบทใหม่หรือเปล่า?ที่เขาลือกันว่ามีกะเทยร่างยักษ์วิ่งไปมารอบเมืองน่ะ?!
「อย่าบอกนะว่าคุณคือคนในข่าวลือที่กลายเป็นตำนานเมือง กะเทยร่างยักษ์ปริศนา?!」
「ฉันถูกเอาไปพูดแบบนั้นเหรอนี่?!สงสัยช่วงนี้จะกลายเป็นที่นิยมไปซะแล้วสิ」
『น่ารำคาญชิบ ไอ้กร๊วก!! เอ็งสนใจลำดับ 6 ตรงหน้าก่อนเถอะ!!』
「เอ๋!? 」
นกสีส้มพูดได้โผล่ออกมาจากกระเป๋าของซันนี่ซัง
ฉันตกใจสุดๆ ที่เสียงของมันน่ารักนี่แหละ
「รู้แล้วน่า…อาสึ ถึงพวกเราจะเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าเธอทำอะไรล้ำเส้นก็ต้องถูกลงโทษนะ」
ฉันเริ่มพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมาช่วยฉันเอาไว้
「แต่มีเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง」
「หืม?เรื่องอะไรกันนะที่ซันนี่ผู้ชาญฉลาดไม่เข้าใจ? 」
「หากเป็นความสามารถของเธอ เธอน่าจะควบคุมร่างของเด็กคนนี้ได้ตามใจชอบเลยแท้ๆ ทำไมถึงได้ทำอะไรผิดนิสัยเธอแบบนี้ล่ะ? 」
「เธอรู้ไหมว่าตัวประกันที่ดีต้องมีคุณสมบัติแบบไหน? 」
อาสึตอบคำถามของซันนี่ซังอย่างสบายๆ
….ตัวประกันมันต้องมีคุณสมบัติด้วยเหรอ?
「หากใช้พลังของฉันเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง เธอก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาไร้ชีวิตนี่นา มูลค่าของเธอจะอยู่สูงที่สุดก็ต่อเมื่อเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นฉันจึงต้องทำให้เธออยู่ในสภาพที่จะสามารถดึงดูดความสนใจของคัตสึมิ โฮมุระได้สุดๆ ยังไงล่ะ・・・・・・・มันก็ประมาณนี้แหละ」
「……ไม่ใช่แค่ชั่วร้าย แต่บุคลิกของเธอนี่บิดเบี้ยวสุดๆ จนฉันยังแหยงเลยน้า 」
……น่ากลัว
เธอคนนี้บิดเบี้ยวสุดๆ
เธอไม่ได้ลังเลที่จะลงมือกับฉันเพราะฉันคือสิ่งที่จำเป็นในแผนของเธอ
「นักรบของดาวโลกจำเป็นต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้」
เธอพูดออกมาแล้วหันมายิ้มให้กับฉัน
「อัศวินดำ จัสติสครูเซเดอร์ คอสโม่ โกลดี้ ทั้งหกคนนั้นแข็งแกร่ง…ทว่า ก็ยังแกร่งไม่พอจะต่อสู้กับยัยนั่น」
「……หกคน?เหมือนเธอจะลืมอัศวินขาวจังไปไหม? 」
「อัศวินขาวก็แค่หนึ่งในร่างที่คัตสึมิ โฮมุระใช้งานไม่ใช่หรือไง เธอพูดอะไรของเธอน่ะ? 」
「……งั้นเหรอ เข้าใจแล้วจ้า」
มีอัศวินขาวเวอร์ชันผู้หญิงอยู่จริง….
ฉันจำได้ว่าช่วงหนึ่งฉันคิดว่าโฮมุระคุงกลายเป็นผู้หญิงไปเพราะพลังของเอเลี่ยนจนอดเศร้าใจไม่ได้เลย
「ซื้อเวลาพอแล้วหรือยัง?เพราะหลังจากนี้ฉันจะไม่ให้ข้อมูลอะไรแล้วนะ」
「ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้ยินอะไรเพิ่มนอกจากนี้อีกแล้ว นับจากนี้ไป ฉันจะมอบช่วงเวลาที่แสนลำบากให้กับเธอเอง เป็นฝ่ายเธอต่างหากที่ต้องถามว่าพร้อมหรือยัง? 」
ซันนี่ซังกำหมัดเอาไว้แน่นและสูดหายใจเข้าออก
แก้มของอาสึกระตุกเล็กน้อยก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างช้าๆ
จังหวะนั้นเองมือปริศนาที่ไม่ใช่มือของซันนี่ซังหรืออาสึได้คว้าไหล่ของฉันและดึงเข้าไปหา
「หื้อ อันตรายแล้วสิ」
「เอ๋!? 」
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น จากนั้นพื้นคอนกรีตตรงหน้าที่ฉันเคยยืนอยู่ก็แตกออกก่อนปรากฏร่างของสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์ 3 ตัวที่ทำมาจากหินก็โผล่ออกมาล็อคร่างของซันนี่ซังเอาไว้
「กะจังหวะได้สวยจ้า ไอรีนจัง!」
「ที่ฉันต้องทำก็แค่คุ้มกันใช่ไหม? 」
แม้ร่างของเขาจะถูกสัตว์ประหลาดจับเอาไว้ แต่เขาก็ยังมีเวลาหันมาคุยกับหญิงสาวผมสีม่วงที่มีรอยสักคล้ายกับรูปดอกไม้แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าผู้ซึ่งคว้าไหล่ของฉันเอาไว้ตอนแรก
หากมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าปลายผมของเธอคนนี้เป็นสีแดง ว่าแต่สวยสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไงกัน
「คะ คราวนี้ใครอีก!? 」
「ฉันคืออัศวินดำ ถูกขอให้มาช่วย ก็เลยมาโผล่ตรงนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ」
「อ่อ มันใช่เวลาต้องมาพูดอะไรอย่างสุภาพไหมคะ?!」
นอกจากนี้ฉันก็อยากรู้ด้วยว่าทำไมเธอถึงเรียกตัวเองว่าอัศวินดำ!! ไม่สิ ตอนนี้ซันนี่ซังกำลังถูกจับตัวเอาไว้อยู่นี่นา?!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกสัตว์ประหลาดที่โผล่มาก็เหมือนพวกสัตว์ประหลาดของดาวโลกสุดๆ
ฉันมองด้วยความตื่นตระหนก ทางซันนี่ซังที่ถูกพวกมันจับตัวเอาไว้ก็หันไปคุยกับอาสึ
「พลังของฉันกำลังโดดดูดออกไปเหรอ ความสามารถของสัตว์ประหลาดดาวโลกสินะ? 」
「นี่คือสัตว์ประหลาดดาวโลกที่สร้างเพื่อต่อต้านลำดับที่ 3 น่ะ หรือก็คือเป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมาเพื่อสู้กับเธอยังไงล่ะ」
「พูดแบบนี้ฉันเสียใจแย่เลยนะ ทั้งที่เป็นเพื่อนกันแท้ๆ มาซ่อนอะไรแบบนี้ไว้ซะได้….พลังของสัตว์ประหลาดดาวโลกน่าสนใจจริงๆ แต่ว่านะ…..」
ซันนี่ซังหยุดพูดแล้วสูดหายใจเข้าออก
อากาศที่เขาสูดเข้าไปนั้นมันเยอะและรุนแรงมากเสียจนฉันนึกว่าฉันจะถูกดูดเข้าไปด้วย
「ฮ๊าาาา!!」
ซันนี่ซังใช้แรงจากภายในร่างของตัวเองในซัดพวกสัตว์ประหลาดทั้ง 3 ตัวที่จับเขาเอาไว้กระเด็นออกไป
จากนั้นซันนี่ซังก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะชี้นิ้วไปยังอาสึ
「ฉันคือแสงสว่างที่สาดส่องไปยังทุกชีวิต」
「……」
「อย่าได้มาดูถามสาวน้อยแห่งดวงอาทิตย์เชียว」
สถานการณ์พลิกกลับจนฉันเริ่มตามไม่ทัน
คนพวกนี้มันอะไรกัน?
ท่าทางพวกเขาจะรู้เรื่องของโฮมุระคุงมากแน่นอน แต่ก็ไม่น่าจะใช่พวกพ้องของโฮมุระคุง ฉันเริ่มไม่เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
「ไอรีนจัง ฉันจะต้องจัดการเด็กพวกนี้สักหน่อย ดังนั้นช่วยปกป้องเธอคนนั้นทีล่ะ」
「ฉันเคยดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี ถึงเธอจะตายไปแล้วก็เถอะ」
「ทำไมพอเธอพูดแล้วฉันรู้สึกกังวลขึ้นมาแทนล่ะ? 」
ซันนี่ซังถามอย่างติดตลกก่อนกลับไปเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด 3 ตัวที่ลุกขึ้นยืนเสร็จแล้ว
ในจังหวะนั้นเอง นกสีส้มก็บินไปมารอบซันนี่ซัง
「ไปกันเถอะ เวอร์โก้」
『เห้อ ข้าละไม่ชอบเลยจริงๆ พอเอ็งแปลงร่างทีไรก็ชอบส่งเสียงแปลกๆ ออกมา』
「หยุดบ่นแล้วรีบเข้าเถอะ หากไม่รีบเดี๋ยวมันจะแย่กว่าเดิมนะ!!」
『เออๆ ก็ได้วะ ไอ้สัตว์ประหลาดพูดมากนี่!!』
「แกว่าใครเป็นสัตว์ประหลาดกันยะ!? 」
นักสีส้มที่บินไปมารอบตัวซันนี่ซังได้กลายเป็นของคล้ายกล่องสี่เหลี่ยม
ซันนี่ซังได้ทำการกดปุ่มที่โผล่มาจากกล่องนั้น ไม่นานนักเสียงเพลงเอ็นกะก็ดังขึ้น แล้วกำแพงปริศนาก็ส่องแสงออกมาจากด้านหลังของเขา
『PASSION VIRGO』
『สาวน้อยในห้วงแห่งรัก』
『หญิงสาวที่แกร่งที่สุด』
「นะ นี่มัน!? 」
「แปลงร่าง———!!」
เขาพูดออกมาพร้อมกับเสียบกล่องนั้นเข้าไปในอาวุธที่คล้ายกับสว่านซึ่งปรากฏในมือขวาของเขา
ทำนองของเพลงเอ็นกะเริ่มบรรเลง มันคือเสียงของนกที่ถูกเรียกว่าเวอร์โก้
『ตำนานหญิงสาวสุดแกร่ง』
『ผู้มาจากอีกฟากของจักรวาลอันไกลโพ้น』
『จงมาเถิดหญิงสาวเอ๋ย บัดนี้ถึงเวลาแล้ว』
『รุ่งอรุณที่เฉิดฉาย』
『ตำนานแห่งหญิงสาวที่แกร่งที่สุด』
『อารัมภบท: รุ่งอรุณแห่งกาลเวลา』
『ดวงอาทิตย์ที่ปกคลุมผืนดาว ที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่ง』
『ผู้ที่ต่อต้านเส้นทางเบื้องหน้าจักต้องถูกสังหารสิ้น』
『หญิงสาวผู้ใช้ชีวิตเยี่ยงนักรบ』
『เธอผู้เบ่งบานบนเส้นทางแห่งความแข็งแกร่ง』
『พลังที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงดงาม』
『ลำดับแห่งดวงดาราที่ 3 』
『ดวงตะวันที่สาดสองเหนือท้องนภา』
ดะ เดี๋ยวนี้มันบ้าอะไรกันเนี้ย?กำแพงที่อยู่ด้านหลังของเขากางม้วนหนังสือโบราณออกมาแล้วมีเสียงอ่านซะด้วย แถมยังมีเพลงเอนกะคลอไปอีก?!
มันจำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?!
มีหลายอย่างปนเปกันจนวุ่นวายไปหมด
『PASSION VIRGO!!』
จากนั้นนักยักษ์ก็ปรากฏขึ้นทะลวงกำแพงโปร่งแสงที่อยู่ข้างหลังของซันนี่ซัง
ก่อนที่มันจะบืนขึ้นไปบนท้องฟ้าและถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง สุดท้ายมันก็บินกลับมาห่อหุ้มร่างของซันนี่ซังเอาไว้
ร่างของเขาถูกล้อมเอาไว้ด้วยแสงจ้ากับเปลวไฟขนาดมหึมา แต่ยังฉันก็ยังได้ยินเสียงที่เล็ดรอดออกมาจากภายในนั้น
『PROLOGUE!!』
『DAY BREAK FOAM!!』
เกราะที่รูปร่างคล้ายปีกนกปกคลุมใบหน้ากับร่างกายส่วนบนของซันนี่ซังเอาไว้
อาวุธที่คล้ายกับเครื่องตอกเสาเข็มและสว่านถูกติดตั้งไว้ตรงแขนขวา ผ้าคลุมปรากฏขึ้นพันรอบเอวของเขาเอาไว้
ร่างที่เปลี่ยนไปของเขานี้ช่างเหมือนกับร่างของอัศวินดำและอัศวินขาวเหลือเกิน แถมมันยังส่องสว่างจ้าออกมาภายในตรอกมืดแห่งนี้อีกด้วย
「หากเธอมาขวางเส้นทางรักของใครสักคน ตะวันดวงนี้จะลงโทษเธอแทนจันทราเอง」
ซันนี่ซังพูดออกมาราวกับต้องการประกาศให้ศัตรูตรงหน้าได้รับรู้ว่ารุ่งอรุณได้มาถึงแล้ว
****
Passion Virgo เป็นการแปลงร่างที่ได้รับมาจากอิทธิพลของดาวโลกที่มากเกินไป ส่วนกำแพงข้างหลังนั้นให้นึกถึงการแปลงร่างของพวกEx-Aid น่าจะเข้าใจได้ในทันที
–จบ–
แล้วก็เป็นซันนี่+ไอรีนที่ออกมาช่วยไฮรุเอาไว้ แปลงร่างอะไรมาเป็นกลอนร่ายยาวสุดๆ อาสึก็รอให้แปลงร่างเสร็จเนอะ ว่าแต่…..เอโกะ…..ประธานกลุ่มเลยเหรอ นอกจากนี้หากไฮรุรู้ว่าคิราระเป็นเยลโล่คนนั้นอีกจะบันเทิงแค่ไหนกัน
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code