อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 107.1 ก้าวแรกของเหล่าเซ็นไต
อัศวินดำได้ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้
แม้จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคิดอยู่เลยว่านั่นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตฉัน
ุถูกสัตว์ประหลาดเข้ามาโจมตีและเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
ทว่าในจังหวะนั้นเองก็มีไรเดอร์สีดำปรากฏตัว
เขาวิ่งไปตามเมืองทุกค่ำคืน ต่อสู้กับเหล่าร้ายในเงามืดด้วยหมัดอันทรงพลัง
ภาพของอัศวินดำในวันนั้นไม่เคยเลือนหายไปจากใจของฉัน
ถึงเขาจะเป็นคนช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ แต่ฉันก็อยากจะถามกับเขาเหลือเกินว่าเขารู้สึกยังไงเมื่อต้องต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาด
แต่เด็กสาวธรรมดาแบบฉันจะคิดมากไปก็คงหาทำตอบอะไรไม่ได้ ทีเหลือก็แค่กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ผลการตรวจสุขภาพ ปกติ
มีการตรวจสุขภาพของผู้คนทั่วประเทศในช่วงต้นปี
เหมือนโครงการนี้รัฐบาลจะให้ชายหญิงทุกเพศทุกวัยเข้าเครื่องจักรที่มีรูปทรงประหลาดเพื่อตรวจสุขภาพ
ซึ่งพวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องตรวจสอบไวรัสปริศนาที่ปรากฏขึ้น ซึ่งคาดเดาว่าน่าจะมาจากพวกสัตว์ประหลาด แถมยังใช้เวลาตรวจไม่ถึง 1 นาที
สำหรับโลกที่เปลี่ยนไปแบบนี้ฉันเลยไม่ได้สงสัยอะไรนัก
ทว่าจากนั้นไม่นาน ฉันก็ได้รับจดหมายแจ้งว่าให้เข้ารับการตรวจสุขภาพอีกครั้ง โดยปลายทางที่ต้องไปนั้นก็คือบริษัทยักษ์ระดับโลกอย่างบริษัทKANEZAKI
ตอนแรกก็คิดว่าเป็นจดหมายหลอกลวงอะไรหรือเปล่า แต่พ่อของฉันที่เป็นพนักงานบริษัทเหมือนจะยืนยันว่านี่คือของจริง ฉันก็เลยเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับพ่อและแม่ของฉัน ก่อนจะได้พบเจอกับเรื่องราวที่น่าทึ่งสุดๆ
『มาเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน อากาเนะ อาราซากะ ผลตรวจที่ได้คือเธอมีความเข้ากันได้กับสูทที่ใช้ต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาด』
ชายที่เรียกตัวเองว่า เรมะ คาเนะซากิได้เชิญฉันไปที่ห้องของประธานแล้วพูดขึ้นมา
เมื่อพิจารณาว่ามันมาจากปากของประธานเอง ฉันเลยไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น
แต่เพราะมันเกินคาดไปมากจริงๆ พ่อแม่แล้วก็ฉันจึงพูดอะไรไม่ออกกันสักคน
『ญี่ปุ่น…ไม่สิ หลังจากที่ฉันได้ทำการทดสอบความเข้ากันได้ทั่วโลกก็พบว่ามีเพียงสามคนรวมถึงตัวเธอเท่านั้นที่เข้ากันได้』
『จริงอยู่ว่าการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดนั้นมีความอันตราย ชีวิตของเธอคงจะต้องเสี่ยง』
『ฉันจะไม่บังคับเธอหรอก แล้วก็อยากให้พวกเธอคุยกันให้ดีก่อนตัดสินใจด้วย』
ฉันจะได้ต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาด
ฉันต้องไปเสี่ยงชีวิตเช่นเดียวกับเขา
แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังไม่ลืม ความหวาดกลัวที่เกือบถูกพวกมันฆ่า
ฉันไม่อยากจะเจอประสบการณ์แบบนั้นอีกแล้ว
ทว่า หากมีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นในอนาคตอีก หลายคนคงต้องเผชิญเรื่องเดียวกับที่ฉันเคย
แล้วตัวฉันที่มีพลังในการต่อสู้กับพวกมันได้คงไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วเมินเฉยได้หรอก
ไม่ได้เป็นความผยองในการได้รับพลังมา
ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะคิดยังไง จะบอกว่าเพราะคลั่งในความยุติธรรมอะไรก็ตามใจ
แต่ฉันเลือกที่จะต่อสู้กับพวกมันด้วยตัวของฉันเอง
นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด
***
ตอนนี้ฉันกำลังจะได้เจอกับเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คนที่รออยู่ในชั้นใต้ดินของบริษัท
สิ่งอำนวยความสะดวกนี่มันล้ำยุคสุดๆ
แน่นอนว่าฉันก็กังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ในเมื่อจะได้เจอกับผู้ร่วมชะตากรรมความรู้สึกตึงเครียดเลยลดลงบ้างเพราะไม่ได้ตัวคนเดียว
「คิดไม่ถึงเลยแฮะว่าจะเป็นอากานะ」
「คิราระเองก็ถูกเลือกเหรอ」
ตอนแรกก็คิดว่าจะได้เจอใครกันนะ แต่พอเจอเข้าจริงๆฉันละประหลาดใจสุดๆ
เพราะหนึ่งในนั้นคือคิราระ อามัตสึกะ เพื่อนของฉันที่เรียนอยู่ปีเดียวกัน
สาวผมสีน้ำตาลรูปร่างอวบอิ่ม พอเห็นแบบนี้ก็โล่งใจอย่างบอกกไม่ถูก
「แบบนี้คิราระก็จะได้แปลงร่างแล้วเหมือนกันน่ะสิ?」
「ประธานบอกว่างั้นนะ ถึงจะไม่รู้ว่าได้ยังไงก็เถอะ」
「……ว่าแต่ทำไมเธอถึงตอบรับเรื่องนี้กันล่ะ? ไม่กลัวที่จะต้องสู้กับพวกสัตว์ประหลาดเหรอ?」
ถึงฉันจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับเธอ แต่มันก็อดถามไม่ได้
คิราระที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา
「เพราะพวกสัตว์ประหลาดมันอันตรายก็เลยต้องจัดการนี่นา?」
「……เอ๋ แค่นี้เองเหรอ?」
「ส่วนตัวฉันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอก หากตัวฉันที่มีพลังในการช่วยเหลือคนที่ตกอยู่ในอันตรายเพราะพวกมันได้ ฉันก็แค่คิดว่าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลุยสิน้า อะไรทำนองนั้นน่ะ」
แบบนี้นี่เอง
เธอคิดแบบนี้เองสินะ
อันที่จริงน่าประหลาดใจเหมือนกันที่มันแทบไม่ต่างกับฉันเลย
「……….นอกจากนี้ ฉันก็อยากจะเปลี่ยนตัวเองน่ะรู้สึกเหมือนตัวเองธรรมดาจนเกินไป….แล้วก็อยากจะหลุดพ้นจากชีวิตประจำวันที่น่าปวดหัวด้วยสิ!」
「คนเรามันก็ต้องเคยคิดอะไรทำนองนี้สักครั้งแหละ」
「อื้อ」
คิราระเองก็คงจะมีเรื่องกังวลในแบบตัวเองแหละนะ
ในขณะที่ฉันยิ้มให้เธอ ก็มีอีกคนเดินเข้ามาในห้อง
「……อุ?」
คนที่เข้ามาเป็นหญิงสาวผมสีน้ำเงินอมดำ อายุน่าจะพอๆกับพวกเราหรือน้อยกว่านิดหน่อย
ผมยาวประบ่า ดวงตาที่มองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ทำไมเธอถึงเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงกระดาษในมือและน้ำผลไม้ที่มักจะเห็นขายตามร้านฟาสฟูส
「โอ้ส」
「「……」」
เธอทักทายด้วยคำที่ไม่น่าจะใช้ทักทายคนที่เคยเจอกันครั้งแรก
อะไรของเธอกัน
ฉันมั่นใจว่าคิราระก็คงคิดแบบเดียวกับฉัน
แถมท่าทางของเธอเหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยสักนิด ถึงขนาดมีอารมณ์ไปเดินหาซื้อของกินในร้านฟาสฟูส
「ฉัน อาโออิ ฮินาตะ อายุ 14 ปี เรียนอยู่ มอต้นปี 3 นี่ รับสิ่งนี้ไปด้วยเพื่อมิตรภาพ」
พอพูดจบ เธอก็หยิบเอาแฮมเบอร์เกอร์ออกมาจากถุงกระดาษแล้วยื่นให้ฉันกับคิราระ
ก็จริงว่ามันเกือบจะเที่ยงแล้วก็คงมีหิวกันบ้างแต่ในเวลาแบบนี้กินลงด้วยเหรอ?
ว่าแต่ เธออายุน้อยกว่าฉันไม่ใช่หรือไง ความเคารพรุ่นพี่มันหายไปไหนหมดนะ?
「อะ อ้า ขอบใจนะ ฉันคิราระ อามัตสึกะ เรียนอยู่มอปลายปี 1」
「เอ่อ ฉันอากาเนะ อาราซากะ เรียนมอปลายปี 1 เหมือนกัน」
「……。สงสัยว่าฉันจะสร้างความประทับใจแรกพลาดไปสินะ?」
นี่หล่อนใช้สมองส่วนไหนคิดล่ะว่ามันจะทำให้พวกฉันประทับใจด้วยการกระทำแบบนี้?!
เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรา 3 คนก็มีกันครบแล้ว แถมนิสัยและบุคลิกจะต่างกันสุดๆเลย ทางคิราระคงรับมือได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ฮินาตะซังนี่จะไหวไหมนะ
รู้สึกเหมือนไม่ใช่สิ่งมีชีวิตปกติที่ฉันจะได้เจอในชีวิตประจำวันทั่วไปเลย
「ฉันย้ายมาจากบ้านนอกเพื่อร่วมทีม」
「อื้อ」
「แล้วก็อยากกินแฮมเบอร์เกอร์」
「แต่ตอนนี้มันใช่เวลาเหรอ?」
ยัยนี่แปลกสุดๆ
เพราะงั้นก็เลยออกไปหาซื้อแล้วเอาเข้ามากินในนี้เนี่ยนะ
ว่าแล้วฮินาตะซังก็นั่งลงใกล้ๆกับฉัน จากนั้นประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
「ยินดีที่ได้พบนะพวกเธอ!!」
ชายผมบลอนด์เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงอันดังลั่น ก่อนจะกางไวท์บอร์ดออกมา
「ฉัน เรมะ คาเนะซากิ เป็นประธานของบริษัทKANEZAKI!!」
「「「……」」」
「……อ่ะแฮ่ม……เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จัก」
ประธานที่แนะนำตัวแบบเสียงดังเล่นใหญ่สุดๆ พอเห็นพวกเราไม่เล่นด้วยก็กระแอมหนึ่งที ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ
「ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆที่พวกเธอมารวมตัวกัน ฉันละซาบซึ้งในความกล้าหาญของพวกเธอ」
ถึงคำพูดจะดูแปลกๆไปบ้างแต่เขาก็ก้มหัวให้กับพวกเราเพื่อแสดงความเคารพกับการตัดสินใจคราวนี้อย่างจริงใจ
「พวกเธอคงได้รู้กันมาบ้างแล้ว แต่วันนี้ฉันอยากจะให้พวกเธอทดสอบสูทตัวใหม่ที่ฉันพัฒนาขึ้น」
「คงไม่ได้อันตรายใช่ไหม?」
「แน่นอนสิ ฉันได้คำนวณและจำลองการทดสอบผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงมากแล้ว นอกจากนี้การทดลองคราวนี้เป็นเพียงการจำลองเพื่อเก็บข้อมูลทางชีวภาพของพวกเธอกับสูทด้วย」
「จำลองเหรอคะ?」
「ใช่แล้ว สูทที่พวกเธอจะได้ลองสวมกันจะเป็นของปลอมที่สร้างโดยโฮโลแกรมก่อนน่ะ」
ว่าแต่โฮโลแกรมเฉยๆมันทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ บริษัทนี้สุดยอดเลยแฮะ
เนื่องจากเป็นบริษัทระดับโลก เทคโนโลยีที่พวกเขามีชาวบ้านอย่างฉันคงคาดไม่ถึงแน่
หลังจัดการอะไรบางอย่างในมือ ก็มีภาพฉายเกิดขึ้นที่ไวท์บอร์ดซึ่งประธานเอาออกมา
มันคือสูทที่เรียงตัวกัน 3 สูท แดง เหลือง น้ำเงิน
「นี่คือสูทที่พัฒนาในโปรเจ็ค แผน J ชื่อของมันก็คือจัสติสสูท 」
ถึงจะไม่เข้าใจว่าตั้งชื่อจากอะไร แต่ลักษณะรูปลักษณ์มันเด่นสุดๆ
ทั้งเกราะไหล่ แขน แถมชุดยังดูรัดรูปสุดๆจนแอบกังวลใจหากต้องได้สวมมันจริงๆ
「มีคำถาม?」
「โอ้ ฮินาตะคุง…. ว่าแต่ทำไมเธอมีแฮมเบอร์เกอร์ในมือได้ล่ะ?」
「อัศวินดำ ไม่ใช่ไรเดอร์ขององค์กรนี้เหรอ?」
「เอ๋……?」
ประธานเหมือนจะตกนิดหน่อยเมื่อฮินาตะซังถามด้วยใบหน้าอันเรียบเฉย
ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน
「เฮ้อ ช่วยไม่ได้สินะ ก็คิดเอาไว้อยู่หรอกว่ายังไงก็ต้องโดนถาม สำหรับตอบก็คือใช่ครึ่งไม่ใช่ครึ่ง」
「……หมายความว่ายังไงกันคะ?」
ข้อมูลที่พวกฉันรู้ในตอนนี้มีเพียงแค่สูทของอัศวินดำถูกขโมยไปจากบริษัทแห่งนี้
มีการรายงานออกข่าวกันใหญ่โตเลยด้วย แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าทางบริษัทเหมือนตั้งใจจะถอนการแจ้งความในเรื่องนี้
ทว่าก็มีบางส่วนเชื่อว่านี่เป็นเพียงฉากบังหน้า ความจริงแล้วอัศวินดำคือคนที่เคลื่อนไหวให้กับบริษัทแห่งนี้ตั้งแต่แรก
และแล้วประธานก็ให้คำตอบที่ฉันคาดไม่ถึงแทนหลังอธิบายไปได้สักพัก
「อันที่จริงแม้แต่ทางเราก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร」
「แม้แต่ประธานก็ไม่รู้เหรอ……」
「ข้อมูลที่พวกเรามีเกี่ยวกับเขามีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็จริงว่าเป็นความลับสุดยอด แต่ในเมื่อพวกเธอเข้ามาในโลกนี้แล้วฉันจะเอาให้ดู」
ภาพที่ฉายอยู่เปลี่ยนไปเป็นวิดีโอ
มันคือวิดีโอการต่อสู้ของอัศวินดำที่ผ่านมาทั้งหมด
มันมีทั้งที่เผยออกไปให้คนปกติเห็นและอันที่ไม่เคยเผยออกไป
「ก็อย่างที่เธอคิด……」
「ไม่แม้แต่จะได้ใช้พลังเลยเหรอ……?」
「อ้า สัตว์ประหลาดจำนวนมากถูกอัศวินดำฝังไปก่อนที่จะได้ปรากฏตัวเสียอีก บางตัวถึงขั้นยังไม่ได้ใช้ความสามารถเลยด้วยซ้ำ…..ถึงจะเป็นแบบนั้นจากการวิเคราะห์ทุกตัวที่โผล่มาก็แข็งแกร่งขนาดที่คนบนโลกไม่มีทางรับมือได้แน่นอน」
นี่เขาจัดการพวกมันไปมากขนาดไหนกัน แถมตัวคนเดียวอีก
「สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือคนที่สวมสูทอัศวินดำเอาไว้อยู่เป็นนักเรียนเหมือนกับพวกเธอ ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ」
「นักเรียน……」
「ไม่ต่างอะไรกับพวกเรา แต่สามารถจัดการกับพวกมันได้…..…」
「ตามนั้น ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ไม่รู้เพราะอะไรฉันกลับไม่สามารถตามหาตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เลย มันเหมือนมีพลังลึกลับมาปิดกั้นเอาไว้อยู่เสมอ…แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนละกัน กลับมาที่เรื่องของพวกเราดีกว่า」
ประธานพูดกับตัวเองแล้วชี้ไปยังภาพนิ่งของอัศวินดำ
「อัศวินดำไม่ได้สังกัดอยู่กับองค์กรไหน เขาทรงพลังมากแถมยังมีคุณธรรมพอจะไม่ใช้มันในทางที่ผิดอีกด้วย」
「…ว่าแต่หากเขาแกร่งขนาดนี้ พลังของพวกเรายังจำเป็นเหรอคะ?」
「ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิ ก็จริงว่าหากมีเขาอยู่กับฝั่งเราอาจจะอุ่นใจขึ้น แต่แค่พลังอย่างเดียวมันไม่พอหรอก นอกจากนี้เขาก็แกร่งเกินไปจนไม่มีใครรับมือได้อีกด้วยซึ่งนั่นอาจจะเป็นปัญหาในอนาคต」
……นั่นสินะ หากมีพลังมากขนาดนั้นเขาอาจจะเอาไปใช้ในทางที่ผิดก็ได้ ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้ก็เถอะ
「นอกจากนี้ฉันต้องการคนที่สามารถเคลื่อนไหวในจุดที่เขาไปไม่ถึง」
「คนที่เคลื่อนไหวได้….」
「ไม่ว่าเขาจะแกร่งขนาดไหน แต่เขาก็ตัวคนเดียว ถ้าเกิดว่าสัตว์ประหลาดมันโผล่มาสองที่พร้อมกันล่ะ ถึงเขาจะแกร่งแค่ไหนแต่มันก็ไม่เพียงพอหรอก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ฉันต้องการพวกเธอ」
มันคือความเป็นจริง
แม้อัศวินดำจะแกร่งขนาดไหน เขาก็แยกร่างไม่ได้
ถึงเขาจะเอาชนะอีกตัวก่อนจะไปจัดการอีกตัวได้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงมากเกินไป
「ก็แปลว่าพวกเราในตอนนี้มีศักยภาพพอที่จะยืนอยู่เหนือเขาสินะคะ….」
「เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก」
ฉันประหลาดใจกับคำพูดของประธาน
ทำไมกันล่ะ ในเมื่อเขาเป็นคนขโมยสูทตัวเก่าออกไป แล้วสูทตัวใหม่ที่ประธานสร้างขึ้นมันก็ควรจะเหนือกว่าสูทของอัศวินดำไม่ใช่เหรอ?
「หากให้พูดถึงประสิทธิภาพแล้วสูทของพวกเธอย่อมเหนือกว่า ทว่าอัศวินดำ…ตัวเขาแตกต่างออกไป ไม่เหมือนกับข้อมูลจำลองที่ฉันเก็บได้จากโปรโตเซโร่ วินาทีที่เขาได้สวมโปรโตเซโร่ออกไป โปรโตเซโร่ตัวนั้นก็ไม่ใช่ของที่ฉันรู้จักอีกต่อไป」
「ถึงจะเป็นสูทตัวใหม่ก็เอาชนะอัศวินดำไม่ได้เหรอคะ?」
「ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่ตรงที่สูทเสียหน่อย คุณภาพของผู้สวมเองก็เหมือนกัน ความสามารถในการดึงพลังออกมาใช้มันไม่เหมือนกันสักหน่อย」
อัศวินดำช่างเป็นตัวตนที่เข้าใจอยากชะมัด
อยากรู้จริงๆว่าเขาเป็นใคร
เห็นบอกว่าเป็นนักเรียนเหมือนพวกเรา แต่น่าทึ่งชะมัด ที่เขาสามารถจัดการสมดุลในชีวิตประจำวันได้ ทั้งเรียนทั้งสู้
….เอาเถอะ พวกฉันที่ก้าวเข้ามาคงต้องทำไม่ต่างกับเขา
「……。….แน่นอนว่าจากข่าวที่พวกเธอเห็นหลายคนก็บอกว่าควรจะจับตัวเขาเอาไว้แต่ฉันขอบอกเอาไว้เลย….」
หลังเงียบไปสักพักเขาก็พูดต่อ
「ชายคนนั้นเป็นคนดี จากที่ฉันเห็นมาจนถึงตอนนี้ โอกาสที่เขาจะทำเรื่องชั่วๆนั้นมีน้อยมาก」
แล้วภาพของอัศวินดำที่เข้ามาช่วยฉันเอาไว้ก็โผล่มา
ฉันไม่รู้ว่าเขาตัวจริงเป็นยังไง แม้คำพูดคำจาจะดูไม่น่าฟังแต่ตัวตนของเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยสุดๆ จนไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนร้ายกาจอะไรเหมือนที่คนอื่นพูด
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่ค้านคำพูดของประธาน
「……พูดกันมาซะยืดยาว เอาละ ถึงเวลาไปทดสอบกันแล้ว ย้ายที่ดีกว่า」
แล้วพวกฉันก็ย้ายห้องไปยังห้องทดลองที่ประธานนำทาง
การทดสอบก็ง่ายๆ แค่เปิดใช้งานของที่เหมือนกับอุปกรณ์แปลงร่างที่เขาเอามาให้แล้วทำตามคำแนะนำ
รูปร่างของมันเหมือนนาฬิกาเลยแฮะ ถึงจะพกออกไปข้างนอกคนก็คงไม่รู้แน่ว่าเป็นอุปกรณ์แปลงร่าง
「แค่นี้ก็แปลงร่างได้แล้วเหรอ?」
「เหมือนของเล่นเลยแฮะ」
「ว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วนี่มันไม่ผิดปกติเกินไปหน่อยเหรอ?」
พวกเราทั้ง 3 แสดงปฏิกิริยาออกมาแตกต่างกันไป ระหว่างที่ยืนอยู่ที่ลานกว้างของห้องทดลอง
มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากกำลังติดตั้งของนั่นนี่รอบตัวพวกเรา โดยมีประธานคอยกำกับ
「….โย้ช เหมือนทุกคนจะติดตัดจัสติสเชนเจอร์ไว้ในมือแล้ว ตอนนี้ฉันอยากจะให้พวกเธอกดปุ่มตรงข้างนั้น 3 ที เพื่อเป็นการเปิดใช้งานอุปกรณ์….แล้วก็ไม่ต้องกังวลกับความเปลี่ยนแปลงนักล่ะ ใจเย็นๆ」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
「จะลองพยายามดูค่ะ」
「น่าตื่นเต้น」
ถึงจะแอบกังวลแต่มันก็ตื่นเต้นไม่น้อยเลย
ฉันกำลังจะได้กลายเป็นคนที่เหมือนกับอัศวินดำคนนั้น….
「งั้นก็มาเริ่มการเปิดใช้งานครั้งแรก」
เมื่อได้รับสัญญาณจากประธาน ฉันก็กดปุ่ม 3 ครั้งตรงอุปกรณ์แปลงร่างที่คล้ายนาฬิกาทันที
Authorization code “J”
Arasaka Akane
Amatuka Kirara
Hinata Aoi
Awaken system of Alpha. ..
อะ เอ่อ นี่มันเสียงอะไรกัน ประมาณว่าตรวจสอบความถูกต้องเหรอ?!
แถมมีชื่อของพวกเราโผล่มาด้วยสิ….จากนั้นก็เหมือนมีบางอย่างค่อยๆปกคลุมขาของฉันเอาไว้
「อะ เอ๋!?」
「 ไม่ต้องกังวลไป นั่นเป็นเพียงภาพโฮโลแกรม ไม่ใช่ของจริงหรอก!!」
ถึงเขาจะบอกว่าไม่ใช่ของจริง แต่เนื้อสัมผัสที่ฉันรู้สึกได้มันอะไรกัน?!
「ประธาน! แย่แล้ว เหมือนสูทจะต่อต้านชุดคำสั่งจำลองและทำการสร้างมวลสารสูทของจริงเข้ากับพวกเด็กๆค่ะ!!」
「ชิบหัย!! ปิดการทำงานเดี๋ยวนี้!!」
「คำสั่งถูกปฏิเสธค่ะ!! ได้ยังไงกัน เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย!!」
「บังคับแปลงร่างเหรอ……!?ไม่น่าเชื่อ นี่มันเหมือนกับตอนโปรโตเซโร่เลยไม่ใช่หรือไงกัน…..」
『Loading! N!! N!! N!! Now Loading!!!! → Loading! N!! N!! N!! Now Loading!! →』
ในห้องเริ่มมีเสียงดังก้องกังวาน
จากนั้นชุดสูทก็เริ่มประกอบขึ้นมาถึงตรงเอวของฉันลามไปยันหัว
——ถึงเจ้าจะมีคุณสมบัติที่น่าขนลุก แต่ตอนนี้เจ้าก็เป็นเพียงเด็กสาวที่น่าเบื่อ
——ทว่าในที่สุดเราก็ได้พบเสียทีหลังจากผ่านมาเนิ่นนาน
——เราจะช่วยเหลือเจ้าเอง
『Flame Red!! Acceleration!!!!』
เหมือนได้ยินเสียงของใครบางคนปะปนมาด้วยเลยแฮะ แต่หลังทุกอย่างผ่านพ้นไป การแปลงร่างของฉันก็เสร็จสมบูรณ์
『CHANGE → UP RIGING!!!! SYSTEM OF JUSTICE CRUSADE……!!』
ฉันมองไปยังร่างของตัวเองที่สวมสูทสีแดงเอาไว้ พลังที่เอ่อล้นออกมาจากร่างนี้มันอะไรกันนะ
พอฉันมองไปข้างๆก็พบว่าคิราระกลายเป็นสีเหลือง ส่วนฮินาตะซังกลายเป็นสีน้ำเงินไปแล้ว ทั้งสองคนแสดงอาการสับสนออกมาไม่ต่างจากฉัน
「นี่น่ะเหรอ…พลังที่ฉันจะได้ใช้ในการช่วยเหลือผู้คน」
ตอนนี้ฉันได้ตระหนักแล้วว่าตัวเองได้มายืนอยู่บนเวทีเดียวกับอัศวินดำ
ต่อสู้เพื่อปกป้องภัยคุกคามจากพวกสัตว์ประหลาด
น่าประหลาดใจจริงๆที่พอคิดแบบนี้แล้วฉันกลับรู้สึกสงบใจกว่าที่ควรเป็น
—จบ—
ไหนๆท่านอาซาฮีก็โผล่ออกมาแล้ว เลยลงฝั่งJCในอดีตบ้าง
ตอนนี้ยังเป็นฮินะตาซังอยู่สินะ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code