อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 612 ไม่คบหลบๆ ซ่อนๆ ตอนที่ 613 เพลงตอนจบที่สมบูรณ์แบบ
- Home
- All Mangas
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 612 ไม่คบหลบๆ ซ่อนๆ ตอนที่ 613 เพลงตอนจบที่สมบูรณ์แบบ
ตอนที่ 612 ไม่คบหลบๆ ซ่อนๆ ตอนที่ 613 เพลงตอนจบที่สมบูรณ์แบบ
ตอนที่ 612 ไม่คบหลบๆ ซ่อนๆ
วันต่อๆ มามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนนอกจากย้ายจากบ้านน้ำแข็งกระจกไปอยู่บ้านหิมะ มีไปเล่นสกีบ้าง เวลาที่เหลือก็อยู่แต่ในห้องทำเรื่องอย่างว่า แปลกใหม่ เร้าอารมณ์ และดื่มด่ำ
จนกระทั่งอยู่ระหว่างทางกลับ มู่เถาเยาถึงได้นึกออกว่าหลายวันมานี้ไม่ได้ป้องกันเลย
คนเป็นหมอพลาดเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ได้ยังไง! ไม่อยากจะเชื่อเลย!
มู่เถาเยาลอบถอนหายใจ มือลูบท้องอย่างไม่รู้ตัว
แม้จะใกล้ถึงรอบมีประจำเดือนแล้ว แต่คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์มีพื้นฐานร่างกายที่พิเศษ ตั้งท้องได้ง่าย ก็ไม่รู้ว่าเธอจะท้องหรือเปล่า
แม้เธอจะชอบเด็ก แต่ก็ไม่ได้เตรียมใจจะเป็นแม่ไว้ เพราะเธอยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากทำ…
หางตาของตี้อู๋เปียนเหลือบเห็นมู่เถาเยาลูบท้อง รอยยิ้มที่มีก็หุบลง
อันที่จริงสองสามวันแรกเขาก็ลืมเรื่องนี้ แต่ต่อมาพอนึกได้ก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ อย่างไรเสียก่อนหน้าก็ไม่ได้ป้องกัน แถมยังเลยช่วงที่กินยาได้ไปแล้ว ก็เลยปล่อยเลยตามเลย
หลายวันต่อมาเพื่อนเก่าของมู่เถาเยาก็มาตามเวลา ตี้อู๋เปียนทั้งผิดหวังทั้งดีใจในเวลาเดียวกัน
ผิดหวังที่เขาทุ่มสุดพลังขนาดนี้เธอกลับไม่ท้อง! พอไม่มีลูกเขาก็ขาดตัวช่วย! เขาไม่รู้สึกว่าการเอาลูกมาเป็นตัวช่วยเป็นเรื่องที่ขายหน้า
ดีใจเพราะซาลาเปาน้อยมีแผนชีวิตของตัวเอง ไม่อยากตั้งท้องตอนนี้ เธอดีใจเขาก็ดีใจ
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงแวะพักที่เมืองที่อยู่ระหว่างทางเหนือกับตะวันออกหลายวัน รอจนเพื่อนสนิทของมู่เถาเยาไปแล้วก็ออกเดินทางต่อ
ระหว่างทางดื่มด่ำไปกับภูเขาแม่น้ำ สถาปัตยกรรมโบราณจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน วิถีชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณีที่พบเจอก็แตกต่างกันออกไป
ภูเขาแม่น้ำทอดยาว ต้นไม้ดอกไม้ริมทาง มีความสุขทั้งกลางวันกลางคืน ด้วยเหตุนี้ต่อให้ระยะทางไกลขนาดนี้ทั้งสองคนก็ไม่เหนื่อยเลยสักนิด
กว่าพวกเขาจะไปถึงชายฝั่งตะวันออกก็เข้าต้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว เป็นช่วงตรุษจีน
เดือนกุมภาพันธ์ก็ยังคงหนาวมาก แต่เมืองที่อยู่ติดทะเลอากาศอบอุ่นเป็นพิเศษ
เมืองทางฝั่งตะวันออกโด่งดังเรื่องทะเล มีทะเลที่สวยสุดใหญ่สุดของประเทศเหยียนหวง และก็เป็นสวรรค์แห่งการตากอากาศของคนเหยียนหวงด้วย
คนรวยจำนวนมากชอบมาซื้อบ้านทำกิจการที่นี่ หรือไม่ก็มาพักตากอากาศ
ดังนั้นเมื่อเทียบกับทางเหนือที่พื้นที่กว้างใหญ่แต่ประชากรน้อย เมืองทางฝั่งตะวันออกต่อให้เป็นชายขอบก็ยังมีคนอาศัยอยู่เยอะ ครึกครื้น มีการสัญจรอย่างไม่ขาดสาย
นี่ก็สอดคล้องกับจุดเด่นของเมืองริมทะเลที่ร้อนแรง
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกินข้าว เล่นทะเล นอน ขับรถไปเรื่อยๆ ชั่วพริบตาก็ผ่านไปอีกหลายวัน
ขับลงทางใต้ต่อ ตี้อู๋เปียนถามขึ้น “ซาลาเปาน้อย อยากไปเยี่ยมพวกโค้ชที่ศูนย์ฝึกกีฬาเรือใบหรือไปสวัสดีปีใหม่ครอบครัวหนิงหน่อยไหม”
เหลียงจีหอบลูกชายหนิงจื้อหย่วนกลับไปฉลองตรุษจีนที่บ้านย่าแล้ว
“ไม่ไปรบกวนพวกเขาดีกว่า ทำตามแผนของพวกเราเถอะ”
“อืม” อันที่จริงตี้อู๋เปียนก็ไม่ได้อยากไป
ยิ่งใกล้ถึงทางใต้ ในใจของเขาก็ยิ่งร้อนรน
ถึงแม้ความสัมพันธ์จะพัฒนาแล้ว แต่ซาลาเปาน้อยยังไม่ได้ประกาศให้ญาติและเพื่อนๆ รับรู้
“ซาลาเปาน้อย พอกลับไปแล้วเธอจะอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานก่อนหรือกลับเผ่า”
“ไปเมืองเย่ว์ตูก่อน รออาจารย์สามคลอดลูกแล้วค่อยกลับเผ่า พอถึงตอนนั้นค่อยออกจากเผ่ากลับหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้วอยู่นานหน่อย ฉันต้องรับช่วงต่อการทดลองของอาจารย์สาม”
ตี้อู๋เปียนพูดอย่างน่าสงสาร “ซาลาเปาน้อย เธอจะบอกเรื่องของเราให้พ่อกับพี่ชายรู้เมื่อไร ฉันไม่อยากคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ” คนอื่นๆ ต่างเห็นดีเห็นงาม มีแค่สามคนนั้นที่เอาใจยาก
“…ทุกคนก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะเป็นการคบกันแบบหลบซ่อนได้ยังไง”
“…ซาลาเปาน้อย ถ้าพ่อกับพี่ชายเธอตบตีฉัน เธอจะช่วยใคร”
“…” ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นคำถามที่กะเอาชีวิต!
“เอ่อ…พวกเขาไม่น่าจะตบตีคุณนะ”
“ต้องแน่นอน!” นี่ถ้ารู้ว่าพวกเราร่วมเตียงกันแล้ว ชีวิตน้อยๆ ของเขารอดยากแน่! แต่เขาก็ไม่อยากหลบๆ ซ่อนๆ
เขาก็แค่อยากคบกัน ใช่ว่าเขาจะไม่มีหน้ามีตา ทำไมถึงน่าสงสารแบบนี้นะ
เฮ้อ…ตี้อู๋เปียนที่น่าสงสารถอนหายใจ
มู่เถาเยารู้สึกว่าคำถามนี้ตอบยาก เธอจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “กลับถึงที่แล้วคุณก็กลับเมืองหลวงเถอะ พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่อู๋เสียตั้งท้องทั้งคู่ ปู่ตี้ย่าตี้ก็อยู่เมืองหลวง”
“อืม ฉันกลับไปดูพวกเขาก่อนแล้วค่อยจัดการสะสางงาน พออาจารย์สามของเธอคลอดฉันจะไปหา พอถึงตอนนั้นค่อยกลับเผ่าด้วยกัน ซาลาเปาน้อย ถ้าพ่อกับพี่ชายเธอตบตีฉันเธอไม่ต้องช่วยฉันนะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะลงมือหนักกว่าเดิม”
วรยุทธของเขาสูงกว่าสามคนนั้น แต่เขาไม่กล้าสู้กลับ!
มู่เถาเยาพูดด้วยความรู้สึกขำ “ฉันจะช่วยใส่ยาให้แล้วกัน”
“…!” ตี้อู๋เปียนตะลึง
“ซาลาเปาน้อย ผู้ชายของเธอถูกลงไม้ลงมือเธอยังจะหัวเราะออกอีกเหรอ! นี่เธอใจจืดใจดำหรือศีลธรรมหมดลง หรือทัศนคติบิดเบี้ยวกันนะ”
มู่เถาเยา “…”
“ไม่ใช่ว่าเธอควรพูดว่าฉันจะขวางพวกเขาให้หรอกเหรอ”
“…ก็คุณพูดเองว่าไม่ต้องช่วย…”
“ฉันพูดแบบนั้นก็จริง แต่การกระทำของเธอก็อีกเรื่อง จะเหมือนกันได้ยังไง”
มู่เถาเยาหมดคำจะพูด
มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้ปากไม่ตรงกับใจ! ปากบอกไม่ต้อง แต่ในความเป็นจริงคือต้องการ!
“ไหนคุณบอกว่ายิ่งห้ามยิ่งลงมือหนักไง”
“เธอปกป้องฉันจะมีความสุข บาดแผลก็จะหายเร็วขึ้น สภาพจิตใจที่ดีมีผลต่อการฟื้นฟู”
ตอนที่ 613 เพลงตอนจบที่สมบูรณ์แบบ
ต้นเดือนมีนาคม มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนได้เข้าสู่บริเวณพื้นที่ทางใต้แล้ว
ตลอดทางอากาศอบอุ่นดอกไม้ผลิบาน
สีสันต่างต่างนานา งดงามเหลือเกิน
สิ่งที่สวยงามที่สุดในฤดูกาลนี้ต้องยกให้ทุ่งดอกคาโนล่าสีเหลืองอร่าม
ทิวทัศน์ภูเขา นาขั้นบันได หมู่บ้านชนบทและทุ่งดอกไม้สอดรับกัน ผีเสื้อกับผึ้งบินว่อน ความงดงามของสิ่งมีชีวิตทั้งที่ขยับได้และขยับไม่ได้ต่างทำให้ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพที่แสนงดงามชวนให้เคลิบเคลิ้ม
เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีทรัพยากรท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์มาก โด่งดังเรื่องท้องทุ่ง ภูเขา และสายน้ำ เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายนของทุกปีจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเดินทางไกลมาชมดอกคาโนล่า
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเลือกพักในเกสต์เฮ้าส์ของชาวบ้านที่ด้านหน้ามีทุ่งดอกไม้ในหมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่างดงามที่สุดในประเทศเหยียนหวง
หลังจากพักผ่อนช่วงบ่ายเสร็จทั้งสองคนก็เกิดความรู้สึกอยากวาดรูป จึงแบกกระดานวาดภาพกับขาตั้งขึ้นไปวาดบนนาขั้นบันได
ดอกไม้สีเหลืองตัดกับท้องฟ้าสีครามราวกับภาพวาด โรแมนติกและงดงาม
มู่เถาเยาวาดภาพเสร็จก็ร่ายบทกลอน “ท้องทุ่งกว้างใหญ่สุดสายตา บุปผาผลิบานเย้ายวนใจ”
ตี้อู๋เปียนอดพยักหน้าชื่นชมไม่ได้ “ภาพสวยกลอนก็เพราะ”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ มองเขา
“มีอะไรเหรอ”
“ฉันคิดว่าคุณจะพูดต่อว่า แต่คนงามยิ่งกว่า เสียอีก”
ตี้อู๋เปียนอึ้งไปชั่วขณะ ราวกับนึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็รับมุกต่อทันที “คนต้องดีที่สุดอยู่แล้ว”
พูดจบเขาก็หัวเราะ เพราะซาลาเปาน้อยก็เปลี่ยนไปแล้ว
มู่เถาเยาก็ยิ้มจนตาโค้ง นั่นสินะ เธอเปลี่ยนไป เมื่อก่อนพูดแบบนี้ที่ไหนกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ซาลาเปาน้อย ขนาดพื้นที่ทุ่งดอกคาโนล่าของที่นี่ใหญ่กว่าของตระกูลน่าหลานเยอะเลยนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ที่นี่เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาที่สำคัญทางเศรษฐกิจของเมืองนี้ ของทางตระกูลน่าหลานก็เป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองหลักที่มีชนกลุ่มน้อยมากที่สุดในประเทศเหยียนหวง ความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมกับที่พักเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ดังกว่าแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเสียอีก”
“อืม ที่นั่นต่อให้เป็นครอบครัวที่ยากจนก็มีบ้านเก่าที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนกับทางนี้เท่าไร”
“อืม แต่ละพื้นที่ก็สวยกันไปคนละแบบ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า มองสีเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง “ถึงดอกคาโนล่าจะดูธรรมดา แต่มันมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แถมควรค่าให้เชยชม”
“อร่อยด้วย! เอาไปผัดกับกระเทียมกำลังอร่อยเลย ใส่หม้อชาบูก็ไม่เลว”
“เดี๋ยวพวกเราไปกินกัน”
“เอาสิ”
ทั้งสองคนเก็บอุปกรณ์วาดรูปแล้วจูงมือลงจากเขาเดินไปทางบ้านคน
พลบค่ำกินอาหารในร้านอาหารที่เปิดโล่งพร้อมดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำ
สายลมอ่อนๆ หอบเอากลิ่นดอกคาโนล่าโชยมา รู้สึกเหมือนรสชาติบนโต๊ะอาหารเจือปนไปด้วยรสชาติเปรี้ยว ขม หวาน อันมีเอกลักษณ์ของดอกคาโนล่า
ตี้อู๋เปียนพอใจสภาพแวดล้อมแบบนี้ เพราะคู่รักต่างชอบแบบนี้
“ซาลาเปาน้อย พวกเราไปมาตั้งหลายที่ เธอชอบเมืองไหนที่สุด”
“ดีหมด โดดเด่นไม่เหมือนกัน”
“เลือกมาสักที่สิ ต่อไปพวกเราไปเกษียณที่นั่นดีไหม ภูเขา ทะเล ทุ่งนา เมืองโบราณ วิวหิมะ…เธอชอบแบบไหนที่สุด เมืองในเผ่าก็ได้ เธอชอบที่ไหนฉันก็จะไปอยู่กับเธอ”
มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วตอบ “น่าจะเมืองโบราณ เมืองเล็กๆ ที่พวกป้าจางเลือกเหมาะที่จะใช้ชีวิตเกษียณ แต่ตอนนี้คิดเรื่องพวกนี้มันเร็วเกินไป อีกหลายสิบปีให้หลังแต่ละเมืองจะเปลี่ยนเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ว่าเหมาะ ต่อไปอาจไม่ก็ได้”
“ก็จริง”
“อืม ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี จะเปลี่ยนแปลงเป็นยังไง สถานที่ที่ฉันชอบที่สุดก็ยังคงเป็นหมู่บ้านเถาหยวนซาน”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “หมู่บ้านเถาหยวนซานดีทุกด้าน ผู้คนน่ารัก ทิวทัศน์สวยงาม แต่กิจการเยอะไปหน่อย คึกคักเกินไป”
“เลิกพูดเรื่องนี้ก่อน กินเถอะ กินเสร็จพวกเราไปเดินเล่นที่ถนนพันปีในเมืองกัน เมืองนี้มีของกินเด็ดๆ เยอะ พวกเราซื้อกลับไปเยอะหน่อย”
“ได้”
ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จก็นั่งพักครึ่งชั่วโมง จากนั้นขับรถครึ่งชั่วโมงไปถนนโบราณ แต่…พลาดมาก! เพราะที่นี่มีแต่คน!
ยืนอยู่บนสะพานตรงหัวถนน มู่เถาเยามองไปเห็นแต่หัวคน เธอถอนหายใจ “นึกไม่ถึงว่าเปิดเทอมแล้วนักท่องเที่ยวก็ยังเยอะขนาดนี้ ช่างเถอะ พวกเราไปดูการแสดงเถอะ อาจมีตั๋วเหลือก็ได้”
“ลองจองตั๋วดูก่อน ถ้าจองไม่ได้พวกเราก็ไปถนนที่ไกลจากถนนหลักไปหน่อย หาที่เงียบๆ นั่งดื่มสักแก้ว ฟังเสียงเพลงของท้องถิ่น”
“อืม”
มู่เถาเยาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ขยุกขยิกทำอยู่สักพักก็จองตั๋วได้ แต่กลับเป็นพรุ่งนี้เย็น คืนนี้ตั๋วรอบสุดท้ายไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว
ทั้งสองคนเลี่ยงคนเยอะเดินไปทางถนนที่คนน้อย
ไปถึงถนนที่เงียบพอสมควร เปิดประตูบาร์เล็กๆ ที่ดูภายนอกใช้ได้ทีเดียว
ลูกค้าที่มีไม่กี่โต๊ะกำลังรอการแสดงของนักร้องชายบนเวทีขนาดเล็ก
แค่เสียงดีดกีตาร์ดังขึ้นมู่เถาเยาก็รู้แล้วว่าเขาจะร้องเพลงตอนท้ายละคร ‘ราชวงศ์เทียนเย่ว์’ ที่ชื่อว่าเพลง ‘ฉันทำเพื่อทั้งแผ่นดิน’
เพลงนี้ประกอบฉากที่มีสงคราม ฟังแล้วฮึกเหิม แต่ก็มีความเศร้าของการสูญเสีย รวมถึงปณิธานอันแรงกล้าของเหล่าทหาร
เพลงตอนจบเพลงนี้ร้องโดยนักแสดงชายตัวเอก หรือก็คือคนที่เล่นเป็นเยี่ยนหัง เขาเป็นนักแสดงแถวหน้าฝีมือดี ร้องเข้าถึงอารมณ์ได้พอสมควร
ขาดแค่ตรงที่ยังเข้าไม่ถึงความรู้สึกของมู่เถาเยาที่เขียนเพลงนี้
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นร้องก็ไม่มีทางเข้าใจความคิดของเธอ ด้วยเหตุนี้ในสายตาของคนอื่นถือว่าเขาร้องได้สมบูรณ์แบบแล้ว และก็เพราะความมีชื่อเสียงของเขาจึงทำให้ละครเรื่องนี้กับเพลงนี้โด่งดังขึ้นไปอีกขั้น
เสียงของนักร้องชายคนนี้คล้ายกับนักแสดงชายคนนั้นมาก มีพลัง ฟังแล้วรู้สึกว่าร้องได้ไม่เลว
นั่งฟังเพลงอยู่ในบาร์เล็กๆ แห่งนี้สามเพลง ดื่มไปสองแก้วตี้อู๋เปียนก็เสนอขึ้น “ซาลาเปาน้อย พวกเราไปดูหนังรอบดึกกัน ยังไงกินเหล้าก็ขับรถไม่ได้”
มู่เถาเยา “…” จงใจใช่ไหม ใช่ไหม!