อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 504 ยอมสยบจากจิตวิญญาณ ตอนที่ 505 หมื่นปีออกดอก
- Home
- All Mangas
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 504 ยอมสยบจากจิตวิญญาณ ตอนที่ 505 หมื่นปีออกดอก
ตอนที่ 504 ยอมสยบจากจิตวิญญาณ ตอนที่ 505 หมื่นปีออกดอก
ตอนที่ 504 ยอมสยบจากจิตวิญญาณ
มู่เถาเยาเอาจิ้งจอกน้อยห้าสีใส่ลงในเข่งตัวเอง ส่วนกล่องยาใบน้อยใส่ไว้ในเข่งของตี้อู๋เปียน
อาหารกับน้ำไม่เอาไป อย่างไรเสียก็เข้าไปแค่วันเดียว แถมพวกเขาก็หิวยาก ยิ่งไปกว่านั้นเขตป่าชั้นในมีทั้งผลไม้ ทั้งเถาวัลย์น้ำ
ทั้งสองคนสะพายเข่งแถมยังถือตะกร้าเล็กกันอีกคนละใบ อุ้มเจ้าขาวปุย ร่ำลาคนในครอบครัวเสร็จก็กระโดดขึ้นหลังคาแล้วเหาะไปทางป่าเซียนโหยว
ลงสู่พื้นตรงเขตกั้นระหว่างเขตป่าชั้นนอกกับเขตป่าชั้นใน เห็นฝูงม้าป่ากับช้างน้อย หมีน้อย หมูน้อย อัลปาก้าน้อย และยีราฟน้อยพอดี
เจ้าขาวปุยกระโดดลงจากอ้อมอกของมู่เถาเยาด้วยความตื่นเต้นดีใจ พุ่งไปหาฝูงม้าป่า
เยี่ยมไปเลย! มีเพื่อนเล่นเยอะขนาดนี้!
เมื่อก่อนตอนยังไม่ออกจากเขาเทพจันทรามากับพี่สาว มันไม่รู้เลยว่าบนโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่น่ารักมากมายขนาดนี้!
มู่เถาเยารีบพูดขึ้น “เจ้าขาวปุย”
เจ้าขาวปุยว่องไวมาก เพียงชั่วพริบตาก็ไปอยู่บนหลังช้างน้อยแล้ว
ช้างน้อยแข้งขาอ่อนแรงทันที หมอบลงกับพื้น
สัตว์ตัวอื่นๆ ก็ชะงักทรุดลง ยกเว้นเกาหม่าที่ยังยืนอยู่
มู่เถาเยาอุ้มเจ้าขาวปุยลงมาจากหลังช้างป่า จิ้มหัวมันสองที พูดด้วยความจนปัญญา “เรานี่นะ ชอบรังแกทุกคนจริงๆ”
เจ้าขาวปุยใช้ดวงตาหวานๆ สีแดงของตัวเองมองมู่เถาเยาด้วยสายตาไร้เดียงสา ราวกับกำลังพูดว่า ‘ทำไมพวกมันเป็นแบบนั้นกัน ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!’
ในสมองน้อยๆ ของเจ้าขาวปุยมีเครื่องหมายคำถามอันใหญ่
ทำไมไม่ว่าสัตว์ตัวไหนเจอมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ มันก็แค่อยากเล่นด้วย ไม่ได้จะกัดเสียหน่อย…
มู่เถาเยาลูบศีรษะของมัน ส่งให้ตี้อู๋เปียนแล้วเดินไปหาเกาหม่า
เกาหม่ายังยืนอยู่ก็จริง แต่ขาทั้งสี่กลับสั่นไม่หยุด
ไม่ใช่ว่ามันอยากสั่น แต่มันควบคุมตัวเองไม่ได้
นับตั้งแต่มันจำความได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มันเกิดความรู้สึกยอมสยบมาจากจิตวิญญาณภายใน
มันนึกถึงความรู้สึกตอนเจอกับฝูงเสือเป็นครั้งแรก ตอนนั้นมีแค่ความกลัว ไม่ได้รู้สึกยอมสยบอะไร
มันเป็นราชาแห่งฝูง เวลานี้มันจึงล้มลงต่อหน้าสมาชิกฝูงไม่ได้
มู่เถาเยาลูบหัวใหญ่ๆ ของเกาหม่าด้วยความเห็นใจ พูดปลอบ “เกาหม่า ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าขาวปุยยังเด็ก มันแค่ชอบเล่นกับทุกคนแค่นั้นเอง”
เกาหม่าร้องฮี้ ถามว่านั่นตัวอะไร
มู่เถาเยาไม่รู้ว่าเกาหม่าพูดอะไร เอาแต่พูดไม่หยุดว่าทำไมเจ้าขาวปุยมันถึงดูกระตือรือร้น อยากอย่างนั้นอย่างนี้…
ตี้อู๋เปียนทนฟังคนกับม้าที่คุยกันไม่รู้เรื่องต่อไปไม่ไหว เขาจึงอุ้มเจ้าขาวปุยเข้าไปหาแล้ววางมันบนหลังเกาหม่า
“เกาหม่า พวกเรารู้แค่ว่าเจ้าขาวปุยเป็นสัตว์วิเศษ ส่วนมันเป็นตัวอะไรนั้นก็ไม่แน่ใจ ขนาดตัวมันเองยังไม่รู้เลย เมื่อก่อนมันใช้ชีวิตอยู่ตัวเดียว ตอนนี้พอเห็นสัตว์อื่นๆ ก็เลยดีใจเป็นพิเศษ…” บลาๆ ๆ
ตี้อู๋เปียนอธิบายให้เกาหม่าฟังเสร็จ เกาหม่าก็หันไปดูเจ้าตัวน้อยที่อยู่บนหลัง ขาทั้งสี่ไม่สั่นแล้ว ก็แค่ยังอ่อนแรงอยู่หน่อย อยากจะนอนลง
มู่เถาเยาลูบท้องของเกาหม่า อุ้มเจ้าขาวปุยลงมา “เกาหม่า พวกเราเข้าเขตป่าชั้นในก่อน ไว้วันไหนไม่พาเจ้าขาวปุยเข้ามาจะมาเยี่ยมใหม่นะ”
ตี้อู๋เปียนคุยกับเกาหม่าอีกเล็กน้อยก็เข้าเขตป่าชั้นในมุ่งหน้าทางใต้พร้อมมู่เถาเยา
“จี๊ดๆ”
เจ้าขาวปุยกระโดดลงพื้น
ตี้อู๋เปียนตะโกนเรียกมัน “เจ้าขาวปุย ช้าๆ หน่อย พวกเราแค่เข้ามาเก็บผลไม้นะ”
เจ้าตัวน้อยหันกลับมาส่งเสียงจี๊ดๆ…ผลไม้อร่อย!
นับตั้งแต่ออกจากเขาเทพจันทรามา ไม่เพียงแต่จะเจอเรื่องสนุกๆ ยังมีของอร่อยด้วย!
มีความสุขจังเลย!
ต่อให้มันจะไม่รู้สึกหิวไปเดือนสองเดือน แต่ก็ไม่ส่งผลต่อปากที่อยากจะกิน!
ระยะนี้มู่เถาเยากินอะไรก็จะป้อนมันด้วย
เจ้าขาวปุยกินทุกอย่าง ของโปรดปรานที่สุดคือยาบำรุงกับผลไม้
ยาบำรุงหอมมาก ผลไม้ก็รสหวาน
มู่เถาเยามองคนกับสัตว์ที่คุยกันอย่างออกอรรถรส เธอจึงถามด้วยอาการตาร้อน “พี่สามรู้ใช่ไหมว่ามันพูดอะไร”
เธอสังเกตเห็นนานแล้วว่าเขาไม่ได้แค่คุยกับเจ้าขาวปุยรู้เรื่อง กับสัตว์ชนิดอื่นก็คุยได้
ตี้อู๋เปียนยิ้ม “ซาลาเปาน้อย ถ้าฉันบอกว่าฉันสื่อสารกับสัตว์และต้นไม้ได้เธอจะเชื่อไหม”
มู่เถาเยา “…” เธอเชื่อหรือไม่เชื่อดีล่ะ
“ซาลาเปาน้อย ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกเธอว่าถ้าฉันหายดีฉันมีความลับที่ยิ่งใหญ่จะบอก ก็คือเรื่องนี้แหละ ระยะนี้เธอไม่สังเกตเห็นเหรอว่าฉันรู้หมดว่าสมุนไพรที่อยากหาอยู่ตรงไหน”
“…ไม่ใช่เพราะดวงหรอกเหรอ”
“จะเรียกว่าดวงดีก็ได้ ไม่อย่างนั้นจะสื่อสารกับสัตว์หรือต้นพืชได้ยังไง”
“…งั้นถามเจ้าขาวปุยหน่อยว่ามันคือสัตว์ชนิดไหน”
“ฉันเคยถามแล้ว มันเองก็ไม่รู้ มันบอกว่านับตั้งแต่มันจำความได้มันก็อยู่บนยอดเขาหมื่นเมตรของเขาเทพจันทราแล้ว”
มู่เถาเยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามต่อ “แล้วดอกฉยงฮวากับดอกเถียนซินล่ะ พวกมันเป็นพืชชนิดไหน”
“…เสี่ยวฉยงก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นอะไร ดอกเถียนซิน…ไม่สนใจฉันเลย…แต่มันมีถามเสี่ยวฉยงเรื่องภายนอกบ้างเป็นครั้งคราว ปกติมันจะอยู่เงียบๆ น่ะ…”
“…งั้นเข้ามาครั้งนี้…จะพาฉันไปหาอะไรเหรอ”
“เก็บผลหมื่นปี มันกำลังจะสุกแล้ว อีกสองสามชั่วโมง ซาลาเปาน้อย เธอเชื่อฉันแล้วเหรอ” ตี้อู๋เปียนแปลกใจเล็กน้อย
นึกไม่ถึงว่าซาลาเปาน้อยจะเปิดใจยอมรับได้ง่ายขนาดนี้ ไม่มีความรู้สึกเซอร์ไพรส์หรือสงสัย แม้แต่อารมณ์ตกใจก็ไม่มี
คำพูดที่เขาเตรียมไว้มากมายไม่ต้องใช้เลย!
ตอนที่ 505 หมื่นปีออกดอก
“พี่สามไม่ใช่คนชอบพูดล้อเล่น ฉันคิดๆ ดู ที่พี่สามป่วยก็น่าจะเพราะมีพลังวิเศษแบบนี้”
เคยคาดเดาไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่ก็แค่คิดว่าดวงของเขาดีผิดมนุษย์มนาเท่านั้น
นอกจากครั้งแรกที่พาเขาเข้าป่าเซียนโหยว ครั้งหลังๆ เข้ามาก็ไม่เจอสัตว์ร้ายกับสัตว์มีพิษอีกเลย เลี่ยงดอกไม้พิษหญ้าพิษได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต้องเป็นฝีมือของเขาแน่นอน
หญ้าร้อยรส ดอกพันวัน และอื่นๆ ก็เป็นเขาที่พาเธอไปเก็บ…
มู่เถาเยานึกถึงเรื่องต่างๆ ก่อนหน้านี้ เธอแน่ใจแล้วว่าตี้อู๋เปียนพูดความจริง
ตี้อู๋เปียน “…”
เขาถึงได้ป่วยงั้นเหรอ
คำนี้มันเอาไว้ใช้ด่าคนหรือเปล่า หรือว่าเขาเข้าใจผิดไป
“พี่สามวางใจได้ ฉันไม่บอกคนอื่นหรอก” แต่เธอไม่บอกความลับของตัวเองนะ
“อึม ฉันก็บอกแค่เธอ ขนาดพ่อแม่ยังไม่รู้เลย”
“แล้วพี่สามเริ่มรู้ตั้งแต่เมื่อไร”
“สามขวบได้มั้ง ตอนเก็บดอกฉยงฮวาได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางสังเกตเห็นมันที่เหมือนพลาสติก”
“แสดงว่าพี่สามไปไหนก็พาดอกฉยงฮวาไปด้วย ใช้คริสตัลเลี้ยงก็เพราะมันเรียกร้องเหรอคะ”
“อึม”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “งั้นที่พี่สามบอกว่าอยากไปตรงทุ่งหญ้า คงไม่ได้มีดอกไม้สองชีวิตจริงๆ ใช่ไหม”
ตี้อู๋เปียนส่ายหน้า “ฉันถามพวกพืชแล้ว ตรงนั้นมีต้นพืชที่พวกมันไม่รู้จัก แต่พวกเราต้องไปดูก่อนถึงจะรู้ว่าคืออะไร”
“เขตป่าชั้นในมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ทราบชนิดมากมาย พี่สามก็สื่อสารกับพวกมันได้เหรอคะ”
“ส่วนใหญ่จะรู้ว่าคืออะไร มีแค่จำนวนน้อยที่อยู่ไกลมากจนพวกมันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองคืออะไร ไว้วันไหนฉันจะทำบทสรุปออกมา”
“อึม ไปกันเถอะค่ะ ไปเก็บผลหมื่นปีก่อน ขากลับค่อยเก็บผลไม้”
ตี้อู๋เปียนเรียกเจ้าขาวปุยกลับมา อุ้มมันใส่เข่งของมู่เถาเยาให้อยู่เป็นเพื่อนจิ้งจอกห้าสี จากนั้นก็นำเหาะขึ้นไปบนกิ่งไม้แล้วมุ่งหน้าไปหาผลหมื่นปี
ทั้งสองคนเหาะขึ้นๆ ลงๆ หยุดลงที่กลางป่าตอนเที่ยงที่ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงแรงกล้า
มู่เถาเยาได้กลิ่นหอมเหมือนกะทิปนกับกลิ่นสตรอเบอร์รี่ และยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของชาชั้นดี หอมจนถึงขั้นที่ทำให้เธออดกลืนน้ำลายไม่ได้
เจ้าขาวปุยกระโดดลงจากเข่ง ส่งเสียงจี๊ดๆ ให้พวกเขาเสร็จก็เดินนำหน้าไปก่อน
ระยะทางแค่นี้แทบจะถูกพวกสัตว์ยึดครองหมด
แต่พอมีเจ้าขาวปุยอยู่ พวกมันก็ไม่กล้าขยับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแย่งผลหมื่นปีไปกิน
มู่เถาเยามองสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่เต็มพื้นที่ตรงนั้นพลางพูด “พวกมันคงมารอผลหมื่นปีสุกกันสินะ”
ตี้อู๋เปียนยิ้ม “ปรากฏว่ากลับถูกพวกเราชิงตัดหน้า!”
“นั่นสิ” มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง
นี่คือผลหมื่นปีที่ช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้เชียวนะ เอาแค่ชื่อก็ดึงดูดคนกับสัตว์ได้แล้ว!
เธอไม่มีทางเกรงใจแน่!
เจ้าขาวปุยเดินเชิดไปตลอดทาง เตะพวกสัตว์ที่ขวางทางออกไป เปิดทางให้มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเดิน
มู่เถาเยาอดขำเบาๆ ไม่ได้ “เจ้าตัวน้อยนี่ พอตามพวกเราออกมาก็เลียนแบบท่าทางของมนุษย์ไม่น้อยเลยนะ”
มันมีแค่สองมือ หรือจะเรียกว่าสองขาหน้าก็ได้ นี่ถ้าเอามือไพล่หลังคงเหมือนนักเลงเดินกร่างแบบไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น
ตี้อู๋เปียนยิ้มตาม “เจ้าขาวปุยมันฉลาด ก็แค่ก่อนหน้านี้มันอยู่เขาเทพจันทราตัวเดียว ไม่มีใครสอน ไม่รู้จะไปเรียนจากไหน อยู่อาศัยตามสัญชาตญาณตัวเอง ถึงได้ไม่ประสีประสา”
มู่เถาเยาพยักหน้า ดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวมีรอยยิ้ม
ทั้งสองคนเดินตามเจ้าขาวปุยไปจนถึงหน้าต้นไม้สีเขียวสูงประมาณเมตรครึ่ง แผ่กิ่งก้านเหมือนร่ม
บนนั้นมีผลสีม่วงเข้มคล้ายเชอร์รี่อยู่จำนวนมาก
กลิ่นหอมเหมือนกะทิเจือด้วยสตรอเบอร์รี่ แถมยังอบอวลไปด้วยกลิ่นชา กลิ่นทั้งหมดทั้งมวลนี้แผ่ออกมาจากผลเหล่านี้
หอมหวานและสดชื่น ชวนให้น้ำลายสอ
เจ้าขาวปุยร้องด้วยความตื่นเต้น “หงิง ๆ”
อุ๊บ…
มู่เถาเยาระเบิดเสียงหัวเราะ
“เจ้าขาวปุยมันเลียนแบบภาษาอื่นด้วยสินะ” ดวงตาของตี้อู๋เปียนก็เจือไปด้วยรอยยิ้ม
เจ้าขาวปุยร้อง “โฮง ๆ” ใส่ผลหมื่นปีแล้วหันมองมู่เถาเยา
มู่เถาเยาหัวเราะจนตัวสั่น
ตี้อู๋เปียนถูกสะกด
เจ้าขาวปุยกระโดดขึ้นต้นไม้ อ้าปากจิกผลสีม่วงเข้มที่กลิ่นหอมเย้ายวนใส่ปาก
ตี้อู๋เปียนปวดใจขึ้นมาทันที “เจ้าขาวปุยอย่าเพิ่งกินสิ!”
มันกินหนึ่งผล ซาลาเปาน้อยก็ได้กินน้อยลงไปหนึ่งผล!
ต้องเด็ดออกมานับก่อนว่ามีกี่ผล หักจำนวนที่ต้องแบ่งทุกคนออกก็เหลือไม่เท่าไรแล้ว
รอเจ้าขาวปุยกินผลหมื่นปีที่ขนาดใหญ่เท่านิ้วชี้หมดลงสองผล ตี้อู๋เปียนก็อุ้มมันลงมาจากต้นไม้ “พวกเราเด็ดลงมาก่อน จัดแบ่งให้เรียบร้อยแล้วดูว่าเหลือเท่าไร”
ต้นไม่เล็ก แต่ผลไม่เยอะ อย่างมากก็ประมาณร้อยผล
พวกเขามีกันตั้งหลายคน จะแบ่งให้คนละผลยังไม่พอ แล้วนับประสาอะไรกับที่เขาเห็นแก่ตัวอยากให้ซาลาเปาน้อยได้กินเยอะๆ!
“ซาลาเปาน้อยเด็ดไปกินไปสิ”
“ฉันจะตัดใจกินเยอะได้ที่ไหนกัน ชิมแค่ผลเดียวก็พอแล้ว”
นี่ไม่ใช่ผลไม้ทั่วไป ต้องใช้เวลาหมื่นปีในการออกดอก อีกหมื่นปีออกผล และอีกหมื่นปีกว่าจะสุก!
แต่อายุสามหมื่นปีอาจไม่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในเขตป่าชั้นใน อย่างไรเสียก็ยังมีพืชบางส่วนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นต้นอะไร
นี่ก็แสดงให้เห็นว่ายังมีต้นที่เก่าแก่กว่าสามหมื่นปี
ส่วนพวกเขาเป็นคนธรรมดาที่มีอายุขัยไม่กี่สิบปีหรืออย่างเก่งก็ร้อยกว่าปี อยู่ไม่ถึงผลรุ่นต่อไป ของดีๆ ทั้งหมดจึงต้องแบ่งให้ทุกคนอย่างทั่วถึง ทั้งยังต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้วิจัยทางการแพทย์ รวมถึงแบ่งอีกส่วนไปทำยาเก็บไว้…
ดังนั้นต่อให้กินผลเดียวก็ถือว่าฟุ่มเฟือยแล้ว ยังจะให้เด็ดไปกินไปอีกเหรอ!