อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 502 มีประโยชน์ถึงล้ำค่า
ตอนที่ 502 มีประโยชน์ถึงล้ำค่า
วันพฤหัสบดีวันเกิดของปาอิน
มีแค่บรรดาคนสนิทมากินข้าวเย็นกันอย่างครึกครื้น ตัดเค้กวันเกิด ฉลองกันอย่างเรียบง่าย
เนื่องจากเจ้าของวันเกิดอายุไม่มาก แถมไม่ใช่วันเกิดอายุครบลงเลขหลักสิบปี จึงไม่ได้จัดใหญ่โต
วันจันทร์เป็นวันที่นัดหวังต้าฟามาตรวจอาการ
มู่เถาเยา ลู่จือฉิน ตี้อู๋เปียน และเฉิงหรานไปโรงพยาบาลทหาร1111ด้วยกัน
เมื่อพวกเขาไปถึงห้องทำงานของหยางหยางหัวหน้าแผนกประสาทวิทยา ครอบครัวหวังทั้งสามคนที่เป็นชาวเซิ่งตูก็มาถึงกันแล้ว
มู่เถาเยายิ้มบางถามขึ้น “ลุงหวังคะ ทำไมมากันเร็วแบบนี้คะ”
เดิมทีพวกเธอก็ออกกันเร็วแล้ว ไม่คิดว่าครอบครัวหวังจะเร็วกว่า
หวังต้าฟาพูดด้วยความดีใจ “คุณหมอเทวดาครับ พวกเรามาเมืองเย่ว์ตูตั้งแต่เมื่อคืนครับ พักโรงแรมแถวโรงพยาบาลหนึ่งคืน”
เนื่องจากมองเห็นความหวัง จึงรีบมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้น ไม่เสียดายเงินค่าที่พักเลยสักนิด
“มาตั้งแต่เมื่อคืน จริงๆ ออกมาตอนเช้าก็ไม่น่าจะสายนะคะ”
เนื่องจากครอบครัวหวังไม่ใช่คนเย่ว์ตู เธอจึงตั้งใจนัดเจอตอนสิบเอ็ดโมง เพราะอยากให้เวลาพวกเขาเดินทาง นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาก่อนหนึ่งวัน
“คุณหมอเทวดาครับ พวกเราคิดว่ายาได้ผลดีมากครับ…น้ำหนักของพวกเราไม่ลดลงอีก แถมแขนขาก็มีแรง…” หวังต้าฟาเล่าความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในช่วงหนึ่งเดือนนี้ให้มู่เถาเยาฟังด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ภรรยาของหวังต้าฟาน้ำตาคลอคอยพูดเสริมเรื่อยๆ
หวังโย่วเฉินที่ยังสาวมีสีหน้าเบิกบานใจ
พ่อกับแม่ของเธอเพิ่งบอกเธอเรื่องป่วยเมื่อปีที่แล้วตอนเธอเรียนจบ ตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนโลกจะถล่ม สุดท้ายเป็นพ่อแม่ที่ปลงได้ คอยปลอบคอยให้เหตุผลกับเธอมาตลอด
หวังโย่วเฉินหยิบสมุดบันทึกที่พ่อเธอจดทุกวันออกมาจากกระเป๋าเป้ยื่นให้มู่เถาเยา “คุณหมอเทวดาคะ นี่เป็นบันทึกที่พ่อจดทุกวันค่ะ ลองอ่านดูนะคะ”
“ค่ะ ขออ่านก่อนนะคะ”
มู่เถาเยาอมยิ้มรับสมุดไป เปิดอ่านอย่างละเอียดกับลู่จือฉิน อ่านจบก็ยื่นให้หยางหยางหัวหน้าแผนกประสาทวิทยา เฉิงหรานชะโงกหน้าเข้าไปอ่านด้วย
“ดูจะเห็นผลจริงด้วย เดี๋ยวหนูขอตรวจชีพจรหน่อยนะคะลุงหวัง จริงสิ ขอแนะนำให้รู้จักกับศิษย์พี่ใหญ่ของหนูนะคะ ผู้อำนวยการเฉิงหรานจากโรงพยาบาลผิงคังค่ะ”
ทั้งสามคนรีบทักทาย
เฉิงหรานยิ้ม “โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นโจทย์ยากทางการแพทย์ที่ตอนนี้ยังเอาชนะไม่ได้ ศิษย์น้องเล็กของผมได้สมุนไพรหายากมาก็เอามาวิจัยยาให้พวกคุณอย่างไม่มีตระหนี่…โชคชะตาของพวกคุณอาจไม่ดีแต่กลับโชคดีมากนะครับ…ศิษย์น้องเล็กของผม…” บลาๆ ๆ ไม่จบไม่สิ้น
มู่เถาเยาหมดคำจะพูด
ครอบครัวหวังทั้งสามคนยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ หยางหยางที่อยู่ข้างๆ กลับตะลึง
นึกไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะเป็นคนแบบนี้!
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นๆ ชอบกล
ดวงตาของลู่จือฉินที่มีประกายเหมือนดวงดาวเล็กน้อยยิ้มมองมู่เถาเยา คนของสำนักแพทย์โบราณน่าสนใจจริงๆ!
มู่เถาเยา “…ศิษย์พี่ใหญ่คะ พวกเราตรวจชีพจรให้ลุงหวังก่อนดีกว่าค่ะ”
“…อ้อ ใช่ ตรวจก่อน ตรวจก่อน” เฉิงหรานหยุดการเยินยออย่างยากลำบาก
มู่เถาเยาตรวจชีพจรให้หวังต้าฟาก่อน จากนั้นก็เป็นลู่จือฉิน สุดท้ายคือเฉิงหราน
ในดวงตาของหมอทั้งสามคนมีรอยยิ้ม
หญ้าพิษชีวิตเป็นสมุนไพรวิเศษจริงๆ!
คนไม่ป่วยกินแล้วอาจไม่เห็นผลชัดในระยะเวลาอันสั้น อย่างเช่นเธอ ไหนจะเจ้าขาวปุย
แบบนี้คือถ้าป่วยก็รักษาอาการป่วย หากไม่ป่วยก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
ก็แสดงออกได้เพียงเท่านี้ เพราะมันสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว
แต่สำหรับคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เมื่อออกกำลังกายไประยะหนึ่งก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
ก็เหมือนกับผิวพรรณของพวกเรา ถ้าผิวดี เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งไประยะหนึ่งจะมองผลลัพธ์ไม่ออก แต่ถ้าคนที่ผิวไม่ดีใช้ ขนาดความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ยังชัดเจนมาก
พฤติกรรมแบบเดียวกันในคนแข็งแรงกับคนป่วย หรือผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกันใช้ในผิวดีกับผิวไม่ดี ลักษณะและผลลัพธ์ที่ปรากฏย่อมไม่เหมือนกัน
หวังโย่วเฉินถามด้วยความร้อนใจ “คุณหมอเทวดาคะ หมอลู่ ผู้อำนวยการเฉิง พ่อหนูเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหมคะ”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “ดีขึ้นเร็วมาก บางทีอาจใกล้หายแล้วก็ได้นะคะ”
ลู่จือฉินกับเฉิงหรานต่างยิ้มมองครอบครัวนี้ที่โชคดีมาก
ครอบครัวหวังดีใจอย่างสุดซึ้งจนน้ำตาไหล
หยางหยางถามด้วยความยินดี “ศิษย์น้องเล็ก สมุนไพรอะไรทำไมวิเศษขนาดนี้! ถ้าหาได้อีกแล้วเอามาวิจัยกับผลิต แบบนั้นการรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็ง่ายเหมือนรักษาโรคหวัดแล้วไหม”
เฉิงหรานได้ฟังก็เหลือบมอง “คิดง่ายเหลือเกินนะ! สมุนไพรวิเศษแบบนี้ได้มาสักต้นก็ใช้แต้มบุญของสามชาติแล้ว! นายคิดว่ามันหาง่ายมากเหมือนดอกหญ้าริมทางเหรอ”
มู่เถาเยายิ้ม “ศิษย์พี่หยางคะ สมุนไพรล้ำค่าแบบนี้ต้องอาศัยดวงเท่านั้นค่ะ”
หยางหยางอดยิ้มไม่ได้ “ก็จริง” ถ้ามันง่ายขนาดนั้นปัญหายากๆ ทางการรักษาคงได้รับการแก้ไขไปนานแล้ว
มู่เถาเยาหยิบยารักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงขวดที่สองและสามออกมาจากกล่องยา เทออกมาสิบแปดเม็ดใส่อีกขวดต่อหน้าทุกคน จากนั้นก็เอาขวดที่น้อยกว่ายื่นให้หวังต้าฟา
“ลุงหวังคะ ในนี้มียาสิบสองเม็ด กินสัปดาห์ละเม็ด สามเดือนหมด พอถึงตอนนั้นก็น่าจะหายแล้วค่ะ ตอนกินเหลือสองเม็ดลุงหวังติดต่อหนูมานะคะ หนูจะจัดเวลามาตรวจชีพจรให้ค่ะ ถ้าตอนนั้นหนูไม่ว่างพอดีจะให้อาจารย์สามมาแทนค่ะ”
หวังต้าฟารับขวดยาไปด้วยความดีใจ “ได้ครับได้ ลุงจำไว้แล้ว คุณหมอเทวดามีบุญคุณมากเหลือเกิน พวกเราไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วครับ”
มู่เถาเยาหลุดขำ “ลุงหวังคะ เรื่องช่วยรักษาคนเป็นหน้าที่ของหมอนะคะ อย่าคิดมากเลยค่ะ”
“แต่ว่านี่มันสมุนไพรวิเศษ….” ถ้าเป็นคนอื่นมีเหรอจะเอามารักษาคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย
“ใช้ประโยชน์ได้ถึงจะเป็นของวิเศษค่ะ ถ้าหนูเก็บไว้แล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์มันก็แค่ของแปลก ไม่ใช่ของล้ำค่าหรอกค่ะ ลุงหวังคะ ก่อนหน้านี้ที่บอกให้เก็บเป็นความลับ…”
ถึงแม้จะยังมีใบอยู่อีกหน่อย แต่ก็ยังต้องเอาไปวิจัยโรคยากๆ อย่างเช่นโรคที่คร่าชีวิตคนอันดับหนึ่งอย่างโรคหัวใจกับโรคหลอดเลือดสมอง ต้องลองดูว่าจะได้ผลไหม
เธอต้องหาวิธีสกัดส่วนประกอบของหญ้าพิษชีวิตออกมาให้ได้ เพื่อหาสมุนไพรที่สามารถทดแทน…พวกใบที่เหลือเหล่านั้นมันมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย จะเอามาใช้รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงทั้งหมดไม่ได้
ครอบครัวหวังทั้งสามคนแทบอยากสาบานต่อฟ้าว่าไม่มีทางปริปากออกไปแน่นอน
สมุนไพรวิเศษมีแค่ต้นเดียว ไม่มีเหลือมากพอให้เอาไปช่วยคนอื่น พวกเขาไม่มีทางทำให้คุณหมอเทวดาลำบาก
มู่เถาเยาพยักหน้า จากนั้นก็ช่วยตรวจชีพจรให้หวังโย่วเฉิน
“สุขภาพแข็งแรงมากค่ะ ต่อไปไม่ต้องกังวลเรื่องโรคกรรมพันธุ์กับโรคอื่นแล้วค่ะ” มียาวิเศษคุ้มกัน เชื้อโรคทั้งปวงก็ยากที่จะย่ำกราย
ครอบครัวหวังดีใจกันมาก
ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ภรรยาของหวังต้าฟาเสนอขอเลี้ยงข้าวพวกมู่เถาเยา
กับคนที่มีบุญคุณใหญ่หลวงแบบนี้ มีเหรอแค่เลี้ยงข้าวมื้อสองมื้อจะพอ
วิธีตอบแทนที่ดีที่สุดคือ จดจำใส่เลือดใส่กระดูก วันหน้าหากอีกฝ่ายต้องการความช่วยเหลือก็พร้อมที่จะเสนอตัวช่วย
ต่อให้พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่จะช่วยเหลือสุดชีวิต!
แต่พวกเขาอยากให้ผู้มีพระคุณมีชีวิตที่สงบสุขไปตลอดมากกว่า ไม่จำเป็นต้องการความช่วยเหลืออย่างสุดชีวิตจากพวกเขา