อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 487 ไม่ต้องการปุ๋ย
ตอนที่ 487 ไม่ต้องการปุ๋ย
มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงฝึกฝนกำลังภายในบนยอดเขาทุกวัน ดูพละกำลังตัวเองที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เร็วดุจจรวด
เสร็จแล้วทั้งสองคนก็หันมองเจ้าขาวปุย ดวงตาดุจลูกกวางสองคู่เปล่งประกายยิ่งกว่าแสงออร่า
“เจ้าตัวน้อยนี่มันคือตัวอะไรกันแน่ ทำไมเก่งขนาดนี้!”
“เสี่ยวเยาเยา อย่าพูดเรื่องความเก่งของเจ้าขาวปุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนตระกูลเย่ว์นะ”
บางคนไว้ใจได้ก็จริง แต่รู้น้อยลงหนึ่งคน โอกาสที่ความลับของเขาเทพจันทราจะรั่วไหลก็น้อยลงไปด้วย
ต่อให้หมอเทวดาหยวน อาจารย์รองซย่าโหว อู๋เปียน ปู่อวิ๋นและคนอื่นๆ เห็นภาพหรือทราบข้อมูลอยู่บ้างจากภาพในกล้อง แต่ถ้าคนตระกูลเย่ว์ไม่พูด พวกเขาก็จะไม่ปริปาก ไม่มีทางถามถึง
“เข้าใจค่ะพี่รอง ตอนนี้ฉันจะอุ้มเจ้าขาวปุยลงไปแล้วนะคะ”
“อึม”
สองพี่น้องอยู่บนยอดเขามาห้าวันแล้ว แต่ทุกวันจะผลัดกันลงไปที่แคมป์คนละรอบ คนในครอบครัวจะได้วางใจ
วันนี้ในแคมป์มีปู่เย่ว์ย่าเย่ว์ เย่ว์จือเหิง และเด็กน้อยอู๋ซวงมาด้วย
พอทุกคนเห็นมู่เถาเยาลงมาก็เข้าไปรุม
ย่าเย่ว์ลูบใบหน้าขาวนวลของมู่เถาเยาที่ผอมลง (เหรอ) พูดด้วยความปวดใจ “เสี่ยวเยาเยาของย่าซูบลงนะ”
มู่เถาเยา “…”
อันที่จริงเธออยากบอกว่าเธอไม่ได้ผอมลงเลยสักนิด! ไม่ได้ผอมเลย!
ถึงแม้หลายวันนี้จะดื่มแต่น้ำไม่ได้กินอย่างอื่นอีก แต่เธอมั่นใจได้ว่าน้ำหนักไม่ลดแม้แต่ขีดเดียว!
แต่พวกผู้ใหญ่ไม่ฟังคำพูดพวกนี้หรอก พูดไปก็เท่านั้น!
เพราะบางครั้งความผอมในสายตาผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องน้ำหนักลด
“ย่าคะ คิดว่าอีกสองสามวันก็เก็บหญ้าพิษชีวิตที่โตเต็มที่ได้แล้วค่ะ ไว้ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยกลับบ้านบำรุงเยอะๆ เลยนะคะ”
ห้าวันแล้ว จนถึงตอนนี้เธอกับพี่รองก็ยังไม่รู้สึกหิว และไม่ได้ผอมลงฮวบฮาบเพราะไม่ได้กินอะไร
แต่ความอยากอาหารก็เป็นความรู้สึกที่ชวนให้ดื่มด่ำ
ดังนั้นถ้ามีของอร่อยตรงหน้าเธอก็ชอบกินอยู่ดี
ตอนนี้กำลังภายในของเธอกับพี่ชายเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นลงเขาหิมะทุกวันใช้เวลาไม่เท่าไร แต่ถ้ากินตอนนี้ก็ต้องขับถ่ายกลางแจ้ง…ไม่กินได้ก็ไม่กินดีกว่า อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่ป่า ไม่ต้องการปุ๋ย
ย่าเย่ว์พูดด้วยความเอ็นดู “จ้ะ พวกเรากลับบ้านค่อยกินเยอะๆ นะ”
ปู่เย่ว์ส่งสัญญาณบอกให้เย่ว์จือเหิงพาเยี่ยนหังกับอู๋ซวงไปเล่นตรงอื่นแล้วถึงถามขึ้น “เสี่ยวเยาเยากับพี่รองไม่กินอะไรก็ไม่หิวเพราะเจ้าตัวน้อยนี่เหรอ”
“ค่ะ มันชื่อเจ้าขาวปุย หลังจากที่หนูกับพี่รองถูกละอองพิษจากหญ้าพิษชีวิตจนล้มลง มันใช้น้ำตาตัวเองช่วยพวกเราสองคนไว้…” บลา ๆ ๆ
ตอนพี่รองลงมาครั้งแรกได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้คนในครอบครัวฟังแล้วแน่นอน แต่เธอเล่าอีกครั้งก็ไม่เป็นไร
เย่ว์หลั่งมองเจ้าขาวปุยในอ้อมอกมู่เถาเยาแล้วยิ้มพูด “นึกไม่ถึงว่าน้ำตาของเจ้าตัวน้อยนี้จะมีความวิเศษแบบนี้ บางทีอาจมีอย่างอื่นที่เราไม่รู้ก็ได้นะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า วางเจ้าขาวปุยบนมือเป่ยซี
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพาเจ้าขาวปุยลงมาด้วย
“จี๊ดๆ”
เจ้าขาวปุยร้องด้วยความไม่พอใจ กระโดดจากมือเป่ยซีกลับไปหามู่เถาเยา
ย่าเย่ว์ยิ้มพูด “ดูท่าทางเจ้าขาวปุยจะชอบแค่เสี่ยวเยาเยานะ”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “อาจเพราะหนูเป็นมนุษย์คนแรกที่มันเจอมั้งคะ คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่คะ หนูอยากพามันไปตรงเยี่ยนหงกับชวนไป๋ด้านนั้น อยากดูว่ามันกินสองอย่างนี้เป็นอาหารหรือเปล่า”
เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีพูดพร้อมกัน “ไปด้วยคนนะ”
มู่เถาเยาย่อมไม่คัดค้าน
ย่าเย่ว์มองตามหลังทั้งสามคนที่ออกไปไกล พูดด้วยความรู้สึกโชคดี “ขอบคุณบรรพบุรุษที่คุ้มครองลูกหลานตระกูลเย่ว์ของเราไม่ให้ได้รับอันตราย”
ปู่เย่ว์พยักหน้า “ในตำราที่บรรพบุรุษสืบต่อกันมาเขียนไว้ว่า ต่อให้คนตระกูลเย่ว์เกิดอุบัติเหตุในเขาเทพจันทราก็ไม่มีทางอันตรายถึงชีวิต ครั้งนี้พวกเราสัมผัสได้แล้วจริงๆ”
“นั่นสิ”
ตอนนั้นพวกเขาเห็นหลานทั้งสองคนล้มลงไปต่อหน้าต่อตา พวกเขาเกือบเป็นลม
เวลานี้เย่ว์จือเหิงอุ้มเด็กน้อยทั้งสองคนกลับมาแล้ว
“คุณปู่คุณย่าครับ น้องพาพ่อแม่ไปไหนเหรอครับ”
“ไปตรงเยี่ยนหงกับชวนไป๋ ดูว่าเจ้าขาวปุยกินของพวกนั้นหรือเปล่า”
เย่ว์จือเหิงพยักหน้าว่าเข้าใจแล้ว
“อีกเดี๋ยวพ่อแม่กับเสี่ยวเยาเยากลับมาแล้วผมจะพาคุณปู่คุณย่า เยี่ยนหังกับอู๋ซวงไปค่ายทหารตรงด้านนอกก่อน ให้ทหารที่นั่นพากลับตำหนักพระจันทร์ มีผมกับพ่อแม่เฝ้าเสี่ยวเยาเยากับอากวงอยู่ที่นี่ก็พอแล้วครับ”
ปู่เย่ว์ส่ายมือ “เสี่ยวเยาเยาบอกว่าอีกสองสามวันก็เก็บหญ้าพิษชีวิตได้แล้ว พวกเรารอกลับพร้อมกันดีกว่า”
เยี่ยนหังก็รีบพูดขึ้น “ผมก็อยากรอพี่สาวกับพี่รอง”
อู๋ซวงน้อยพยักหน้า พูดตามเสียงเจื้อยแจ้ว “รอพี่สาวกับพี่รอง!”
เย่ว์จือเหิงลูบหัวเด็กทั้งสอง “เยี่ยนหัง เราน่ะอยู่ที่นี่มาเกินสิบวันแล้วนะ จะกินจะนอนก็สู้ที่บ้านไม่ได้ ไม่เหนื่อยเหรอ”
เยี่ยนหังส่ายหน้า พูดเสียงดัง “ไม่เหนื่อยฮะ!”
ต่อให้ร่างกายเป็นเด็กน้อยเขาก็ควบคุมความเป็นไปของร่างกายตามปกติไม่ได้ เช่น ง่วง หิว แต่ว่าเขามีความสุข ลำบากกว่านี้ก็ไม่มีทางเหนื่อย
ยิ่งไปกว่านั้น กินนอนข้างนอกก็จริง แต่ไม่ได้ลำบากอะไร อย่างมากก็แค่ไม่มีเตียงสูงหรือหมอนนุ่มๆ ไม่มีอาหารเลิศรส ล้างหน้าขับถ่ายไม่สะดวกแค่นั้น
ถึงแม้เขาจะเป็นจักรพรรดิมาหลายสิบปี แต่ก็ไม่ใช่คนที่ทนความลำบากไม่ได้
เรื่องพวกนี้มันเล็กน้อย
เย่ว์จือเหิงยิ้ม “ก็ได้ ในเมื่อไม่มีใครอยากกลับบ้านก่อน งั้นทุกคนก็รอด้วยกัน ผมจะไปกางเต็นท์ให้ครับ”
บนรถมีเต็นท์หนึ่งหลัง เดิมทีเอามาสำหรับตัวเอง ตอนนี้ปู่ย่ากับอู๋ซวงจะอยู่ที่นี่ด้วย งั้นก็คงต้องยกเต็นท์ให้พวกเขา ส่วนเขาคงต้องให้ท้องฟ้าเป็นผ้าห่ม ผืนดินเป็นเตียงแล้ว