อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 485 น้ำตาสีโลหิต
ตอนที่ 485 น้ำตาสีโลหิต
วันนี้เป็นวันที่ห้าของการอยู่บนเขาหิมะ เหลืออีกสองพันกว่าเมตรก็ถึงยอดเหนือสุดแล้ว
ปีนขึ้นไม่ยาก ก็แค่ยิ่งสูงยิ่งหนาว จำต้องคอยเดินลมปราณระหว่างปีนไปด้วย
อุณหภูมิที่นี่อย่างน้อยก็ลบสามสิบองศา
ปกติลบสิบองศาพวกเขาสวมเสื้อผ้าสองชั้นก็ไม่รู้สึกหนาว ตอนนี้ขนาดออกกำลังอยู่ยังรู้สึกหนาว
ถ้าไม่มีกำลังภายในช่วยปกป้องร่างกายอยู่อาจหนาวตายได้ง่ายๆ
สองพี่น้องปีนขึ้นรวดเร็วอย่างเข้าขากัน เพราะคืนนี้พวกเขาค้างคืนบนนี้ไม่ได้ ต้องรีบขึ้นให้ถึงโดยเร็วที่สุดแล้วลงมาค้างคืนตรงระดับความสูงประมาณหนึ่งหมื่นเมตร
เมื่อไปถึงยอด ทั้งสองคนก็เห็นเจ้าตัวน้อยสีขาวที่เจอเมื่อวาน
มันนั่งอยู่หน้าต้นไม้ที่มีใบสีเขียวสด มีดอกสามดอกที่กลีบคล้ายดอกบัวซ้อนกันหกกลีบ
“เสี่ยวเยาเยา…”
ตุบ เย่ว์จือกวงล้มลงบนพื้น
“พี่รอง”
มู่เถาเยาก็โอนเอน
เธอรู้แล้ว พวกเธอถูกพิษเข้าแล้ว
เจ้าตัวน้อยวิ่งเข้ามาร้องจี๊ดๆ รอบมู่เถาเยา
มู่เถาเยานั่งลงข้างเย่ว์จือกวง กัดลิ้นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกตัวขึ้นมาหน่อย
มือที่สั่นปลดสัมภาระบนหลัง หยิบกล่องยาใบน้อยแล้วเอายาถอนสารพัดพิษออกมาให้เย่ว์จือกวงกินก่อนหนึ่งเม็ดแล้วตัวเองถึงกินอีกหนึ่งเม็ด
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ไม่รู้สึกมึนศีรษะแล้ว เธอปลดสัมภาระของเย่ว์จือกวงออก จับเขานอนหงาย
ถอดถุงมือ จับชีพจร
สามนิ้วพอสัมผัสกับผิวหนังอุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
“พิษเข้าสู่อวัยวะภายใน…พี่รอง…”
ตุบ มู่เถาเยาก็ล้มลงข้างๆ แต่เธอยังเหลือสติอยู่นิดหน่อย
“จี๊ดๆ…”
สัตว์ตัวน้อยสีขาวตัวนี้กระโดดไปมาบนตัวมู่เถาเยาด้วยความกระวนกระวาย คล้ายกับอยากให้เธอลุกขึ้น
“เจ้าตัวน้อย…”
มู่เถาเยาพูดได้แค่นี้ก็ไม่รู้สึกตัวอีก
เมื่อครู่เธอนึกเสียใจเป็นครั้งแรก…ที่ทำให้คนที่เป็นห่วงพวกเธอต้องเสียใจแล้ว
เจ้าตัวน้อยเอาเท้าสีแดงสะกิดศีรษะของมู่เถาเยา พอแน่ใจว่าเธอลุกขึ้นมาไม่ได้จริงๆ แล้วก็กระโดดขึ้นหน้าเธอแล้วร้องห่มร้องไห้
น้ำตาที่สีแดงเหมือนเลือดหยดลงในปากของมู่เถาเยา
มู่เถาเยากลืนลงไปอย่างไม่รู้ตัว
“พี่รอง…”
เจ้าตัวน้อยได้ยินเสียงก็ดีใจมาก น้ำตาสีเลือดหยุดในเสี้ยววินาที
“พี่รอง”
มู่เถาเยาลุกขึ้นมานั่งทันที รีบตรวจชีพจรของเย่ว์จือกวง”
“พิษเข้าสู่หัวใจ…”
เธอรีบถอดเสื้อผ้าของเย่ว์จือกวง หยิบม้วนเข็มแล้วเริ่มฝังเข็ม
เจ้าตัวน้อยมองนั่นมองนี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มู่เถาเยาใช้กำลังภายในเค้นพิษ แต่ไม่สำเร็จ จึงถอดถุงมืออีกข้างของเย่ว์จือกวงออก ปักสิบเข็มเพื่อปล่อยพิษ แต่ก็ไม่มีเลือดไหลออกมา ราวกับว่าแข็งตัวไปแล้ว
“ไม่มีประโยชน์…งั้นทำไมเรา…”
มู่เถาเยาหันขวับ ประคองเจ้าตัวน้อยสีขาวมาไว้ในอุ้งมือ “เจ้าตัวน้อย เราช่วยชีวิตฉันไว้เหรอ งั้นช่วยพี่รองของฉันด้วยได้ไหม”
เจ้าตัวน้อยเอียงศีรษะ ใช้ดวงตาที่เมื่อครู่ร้องไห้มีหยาดน้ำตาสีแดงสดมองมู่เถาเยา
มู่เถาเยาเห็นมันไม่ขยับ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาทันที
สองมือประคองมันไปไว้ข้างศีรษะเย่ว์จือกวง “เจ้าตัวน้อย ช่วยพี่รองของฉันด้วยนะ”
เจ้าตัวน้อยสีขาวเห็นมู่เถาเยาร้องไห้มันก็ร้องตาม น้ำตาสีแดงคล้ายเลือดหยดลง
ชั่วขณะนั้นมีลมพัดมา
มู่เถาเยาเงยหน้ามองท้องฟ้า น้ำตาไหลไม่หยุด
“เสี่ยวเยาเยาไม่ต้องร้อง”
“พี่รอง!”
มู่เถาเยาก้มมองเย่ว์จือกวงด้วยความดีใจ ตรวจชีพจรทันที
“ถอนพิษได้แล้ว! พี่รอง พวกเราไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ!”
“จี๊ดๆ”
เจ้าตัวน้อยกระโดดจากหน้าผากเย่ว์จือกวงไปบนขามู่เถาเยาที่คุกเข่าอยู่ มองมู่เถาเยาด้วยดวงตาที่แดงและชุ่มกว่าเมื่อครู่
มู่เถาเยาก้มมองดวงตาสีแดงของเจ้าปุกปุยตัวนี้แล้วมองมุมปากของเย่ว์จือกวงที่มีคราบสีแดง เหมือนเธอจะเข้าใจแล้ว
“ขอบใจนะเจ้าตัวน้อย”
“จี๊ดๆ”
เย่ว์จือกวงลุกขึ้นมานั่ง เอามือเช็ดมุมปากมู่เถาเยา คราบสีแดงที่ติดนิ้วมีกลิ่นหอมหวาน
เดิมทีเขาคิดว่าน้องสาวได้รับบาดเจ็บ แต่คราบสีแดงสดนี้ไม่ได้มีกลิ่นเลือด
“เสี่ยวเยาเยา พวกเราถูกพิษเหรอ แล้วเจ้าตัวน้อยนี่ช่วยชีวิตพวกเราไว้เหรอ”
“ค่ะ ดูเหมือนว่าน้ำตาของมันจะถอนพิษได้”
สองพี่น้องรู้ทันที คนในครอบครัวเห็นพวกเขาล้มลงจากในกล้องแน่นอน…
“พี่รองเก็บของก่อนนะคะ คุณพ่ออาจจะกำลังมา”
“ได้ งั้นพวกเรารีบลงไปกันเถอะ”
เย่ว์จือกวงสวมเสื้อผ้า หยิบสัมภาระ พอเห็นกระป๋องออกซิเจนถึงนึกขึ้นได้ “เสี่ยวเยาเยา เหมือนพวกเราจะไม่ขาดอากาศกันแล้วนะ”
มู่เถาเยาอึ้งไปชั่วขณะ สูดลมหายใจเข้าลึกสองสามที ไม่รู้สึกขาดอากาศหายใจจริงๆ ด้วย
“พี่รอง ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้สึกหนาวด้วย พี่รองหนาวไหมคะ”
“พี่ก็ไม่หนาวนะ”
สายตาของทั้งสองคนมองไปทางสัตว์ตัวน้อยที่เหมือนลูกบอลหิมะ
นี่มันของล้ำค่าชัดๆ!
“จี๊ดๆ”
เจ้าตัวน้อยถอยหลังไปสองก้าวด้วยความกลัวสายตานี้
เวลานี้เสียงเฮลิคอปเตอร์ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สองพี่น้องเงยหน้ามองฟ้า จากนั้นก็ยืนขึ้นพร้อมกัน โบกมือให้เฮลิคอปเตอร์ อยากให้คนบนนั้นรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร
ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ก็มาอยู่เหนือยอดเขา แต่ไม่กล้าลดระดับลงมาเยอะ กลัวลมแรงแล้วจะพัดทั้งสองคนปลิวตก
มู่เถาเยาโบกมือให้เฮลิคอปเตอร์ขับออก
เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ด้านบนสักพัก เมื่อแน่ใจว่าทั้งสองคนปลอดภัยแล้วก็บินออก ต้องหาที่ที่เหมาะสมลงจอด
“พี่รองรีบใช้วิชาตัวเบาเหาะลงไป คุณพ่อต้องขึ้นมาแล้วแน่”
“เสี่ยวเยาเยา จะให้พี่ทิ้งเธอไว้ตรงนี้คนเดียวได้ยังไง คุณพ่อเห็นเฮลิคอปเตอร์บินไปแล้วต้องเข้าใจได้แน่ว่าพวกเราปลอดภัย”
“แต่ตอนนี้หญ้าพิษชีวิตยังไม่ผลิบานเต็มที่ เมื่อกี้พวกเราถึงได้ถูกละอองพิษของมัน ฉันต้องอยู่เฝ้ารอมันที่นี่ พี่รองลงไปบอกคนในครอบครัวก่อน มีเจ้าตัวนี้อยู่ด้วยฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
เย่ว์จือกวงมองดอกไม้สีขาวที่กลีบคล้ายดอกบัว เขาถาม “เสี่ยวเยาเยา นี่ใช่หญ้าพิษชีวิตจริงเหรอ”
“ถ้าในตำราบอกไว้ไม่ผิด มันก็คือหญ้าพิษชีวิตแน่นอนแล้วค่ะ พี่รองรีบลงไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะมืดแล้วนะคะ”
“เสี่ยวเยาเยาลงไป พี่จะเฝ้าที่นี่ให้”
พอเย่ว์จือกวงขยับหนึ่งก้าวไปทางหญ้าพิษชีวิต เจ้าตัวน้อยก็รีบไปยืนขวางทันที ร้องจี๊ดๆ เสียงดัง เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ
“พี่รอง ดูท่าทางมันจะเป็นสัตว์อารักขาของหญ้าพิษชีวิต แต่มันไม่ให้พี่เข้าใกล้ ในเมื่อเจ้าตัวนี้ช่วยชีวิตคนได้ มันก็ฆ่าคนได้ด้วยแน่นอน พี่รองอย่าผลีผลาม ขอฉันลองดูหน่อย”
“…ได้”
มู่เถาเยาลองขยับเข้าไปสองก้าวเล็กๆ เจ้าตัวน้อยไม่ได้ร้ายใส่เธอ
“พี่รองคะ ฉันอยู่เองค่ะ พี่รีบลงไปบอกคนในครอบครัว ถ้าไม่วางใจพรุ่งนี้พี่ค่อยเหาะด้วยกำลังภายในขึ้นมาใหม่ก็ได้ค่ะ แต่ว่าอา คุณพ่อ พวกพี่ๆ ห้ามขึ้นมา ไม่อย่างนั้นจะถูกพิษเอาได้ เจ้าตัวนี้อาจไม่ได้ยินดีช่วยทุกคน”
เย่ว์จือกวงมองเจ้าตัวน้อยที่ดุแบบน่ารักพลางเงียบไปสักพัก
“ไม่งั้นพวกเราลงไปทั้งคู่ พรุ่งนี้ค่อยขึ้นมาใหม่ หญ้าพิษชีวิตมีมันเฝ้าอยู่ไม่น่ามีปัญหานะ”
“พี่รอง ในเมื่อหญ้าพิษชีวิตอยู่ตรงหน้าแล้ว อยู่เฝ้าด้วยตัวเองจะดีกว่านะคะ อีกไม่กี่วันมันก็โตเต็มที่แล้ว อีกอย่างฉันต้องผูกมิตรกับเจ้าตัวนี้ไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นมันอาจไม่ยอมยกของรักของหวงที่มันเฝ้าดูแลมานานให้พวกเรา”
เย่ว์จือกวงเข้าใจเหตุผลที่น้องสาวพูด แต่เขาไม่วางใจนี่!
“พี่รองก็เห็นแล้วว่ามันเร็วขนาดไหน ถ้าพวกเรายื้อแย่งอาจถูกมันกัดได้ จากนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกนะคะ”
เย่ว์จือกวงก็เข้าใจเหตุผลนี้ แต่ให้ทิ้งน้องสาวสุดที่รักไว้บนยอดเขาหิมะคนเดียว เขาจะวางใจได้อย่างไร
“ถ้าพี่รองยังไม่ลงไปอีกฟ้าจะมืดแล้วนะคะ”
“เสี่ยวเยาเยา พี่ไม่วางใจ”
“พี่รองคะ พวกเราไม่ขาดอากาศหายใจและก็ไม่กลัวหนาวแล้ว แถมลมก็หยุดแล้ว ไม่มีเค้าลางของเมฆฝน สัตว์อื่นก็ไม่มีปรากฏให้เห็น ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“…งั้นก็ได้ พรุ่งนี้พี่ค่อยขึ้นมาใหม่ เสี่ยวเยาเยาดูแลตัวเองด้วยนะ”
“แน่นอนค่ะ”
“พี่ทิ้งของไว้ให้เธอ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า หยิบสัมภาระให้เขาสะพาย “ฉันยังมีของเหลืออยู่อีกเยอะแยะค่ะพี่รอง แถมพี่รองก็ลงไปแค่คืนเดียว พรุ่งนี้ก็เหาะขึ้นมาแล้ว”
“งั้นพี่สะพายลงไปแบกของขึ้นมาเพิ่ม ยังไม่รู้ต้องเฝ้าตรงนี้อีกกี่วัน”
“ค่ะ พี่รองรีบไปเถอะค่ะ ระวังด้วย”
“อึม”