อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 479 มีเสน่ห์ดึงดูดมาก
ตอนที่ 479 มีเสน่ห์ดึงดูดมาก
สองวันต่อมามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพกอาหารไปกินสำหรับหนึ่งอาทิตย์และยังเอาจิ้งจอกน้อยไปป่าพิษหมาป่าด้วย
บนรถยังมีครอบครัวเหมียวสามคน เพราะมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนอยากเปลี่ยนทิศทางเดินเข้าป่า อยากเข้าจากทางหมู่บ้านเหมียว จึงถือโอกาสพาครอบครัวเหมียวไปส่งที่บ้านด้วย
เมื่อไปถึงบ้านครอบครัวเหมียว ครอบครัวน้องชายของเหมียวอวี้กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนจึงอยู่กินข้าวกลางวันที่อาหารมากหน้าหลายตาและแสนอร่อยก่อนค่อยขึ้นเขา
“ซาลาเปาน้อย ทางนี้เหมือนจะไม่เคยมีคนเข้ามาเลยนะ”
“อึม หมู่บ้านนี้เป็นจุดท่องเที่ยว ค่อนข้างร่ำรวย ไม่มีคนเข้าไปเก็บสมุนไพรหรือผลไม้ป่าหรอก”
นักเก็บสมุนไพรที่ตระกูลปาบ่มเพาะส่วนใหญ่จะเข้าไปเก็บจากทางหมู่บ้านตระกูลปา
จุดที่หมู่บ้านตระกูลปาอยู่เป็นอีกด้านของป่าพิษหมาป่า
แต่นักเก็บสมุนไพรจะเก็บแค่ตรงเขตป่าชั้นนอก ไม่มีทางเข้าไปลึก เพราะข้างในเป็นอาณาเขตของหมาป่า อีกทั้งสัตว์ร้ายก็มีอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้พวกเขาจะเริ่มฝึกยุทธ์ในโรงเรียนตั้งแต่เด็ก แต่ก็แค่เก่งกว่าคนทั่วไป ไม่มีวิทยายุทธ์อันล้ำเลิศกับมีหมาป่าคุ้มครองแบบพวกมู่เถาเยาหรือเย่ว์จือกวง ระดับความอันตรายแค่คิดก็รู้แล้ว
ตี้อู๋เปียน “คนน้อยก็แสดงว่ายังคงสภาพเดิมได้ดี น่าจะมีเซอร์ไพรส์นะ”
“ขอให้เป็นแบบนั้น ครั้งนี้พวกเราเดินไปทางที่แดดดีก่อน”
ในตำราโบราณบอกไว้ ดอกไม้สองชีวิตชอบหญ้าจื่อหยาง ส่วนหญ้าจื่อหยางก็ทนความแห้งแล้งได้ดี ชอบแสงแดดที่ส่องมาโดยตรง
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ได้ เดินตามแดดไป”
ทั้งสองคนไม่รีบร้อน ค่อยๆ เดินเข้าไปข้างใน
ที่นี่เมื่อเทียบกับป่าเซียนโหยวแล้ว ระดับความอันตรายไม่ถือว่าสูงสำหรับพวกเขา จึงเดินแบบสบายหน่อย
ระหว่างทางเจอสมุนไพรมากมายนับไม่ถ้วน แต่พวกเขาไม่เก็บเท่าไร
“น่าเสียดายมาก! ทำไมพวกปาเฝ่ยไม่ให้คนมาเก็บสมุนไพรด้านนี้ล่ะ”
“โรงงานยาของตระกูลปาใหญ่ขนาดนั้น ใช้แค่สมุนไพรป่าไม่พอหรอก อีกทั้งมาเก็บสมุนไพรต้องสิ้นเปลืองเวลากับแรงงานคน สมุนไพรที่ใช้ผลิตยาส่วนใหญ่จึงมาจากการปลูก”
นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมยาบางตัวมีสูตรเดียวกันแต่กลับมีบางล็อตที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่า
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า ชะงักไปสองวินาทีแล้วพูดต่อ “ซาลาเปาน้อย ต่อไปเธอมาเก็บสมุนไพรให้น้อยลงเถอะ มันเสียเวลา”
“รอจบเรื่องของคุณฉันอาจจะไม่ค่อยเข้าป่าแล้วล่ะ”
“อึม ช่วงสองสามปีนี้ฉันรบกวนเธอแล้ว”
“พี่สาม ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็เลือกที่จะทำแบบนี้เหมือนกัน” โรคหายากแบบนี้เธออยู่มาสองชาติเพิ่งเคยเจอครั้งแรก!
ดึงดูดความสนใจของเธอมาก!
ตี้อู๋เปียน “…แสดงว่าฉันเหมือนกับคนอื่นเหรอ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่เหมือน”
ตี้อู๋เปียนถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่เหมือนตรงไหน”
“ตระกูลตี้สนิทกับอาจารย์ใหญ่ของฉัน แล้วจะเหมือนกันได้ยังไง”
ถึงแม้จะบอกว่าหมอมีหัวใจดุจพ่อแม่ แต่พ่อแม่ก็รักลูกไม่เท่ากัน
ถ้าเป็นคนอื่น เรื่องช่วยน่ะช่วยแน่ อย่างไรเสียเธอก็เป็นหมอ แต่คงไม่ทำถึงขั้นนี้ เพราะเธอไม่มีทางทิ้งเรื่องต่างๆ จากแผนที่ตั้งใจไว้มากมายเพื่อคนอื่น
ตี้อู๋เปียน “…” เอาเถอะ เขาคิดมากไปเอง!
จิ้งจอกน้อยร้องด้วยความตื่นเต้นอยู่ในเข่งของมู่เถาเยา
“ซาลาเปาน้อย เอาจิ้งจอกน้อยออกมาเดินเถอะ มันคงเห็นป่าแล้วคุ้นเคยเลยอยากจะลงมา”
“อึม” มู่เถาเยาก็คิดแบบนั้น
ตี้อู๋เปียนอุ้มจิ้งจอกน้อยออกมาจากเข่งของมู่เถาเยา
พอจิ้งจอกน้อยลงมายืนที่พื้นก็คลอเคลียขาของมู่เถาเยาออดอ้อนไม่หยุด
จิ้งจอกน้อยรีบเดินตาม
ตี้อู๋เปียนอยู่ด้านหลังของมัน
ตอนเจอหมาป่าตัวแรก จิ้งจอกน้อยวิ่งไปขวางหน้ามู่เถาเยา เอาเรื่องจิ้งจอกสีเทาตัวใหญ่ (แบบน่ารัก)
จิ้งจอกเทาไม่สนใจเจ้าเปี๊ยก
จิ้งจอกน้อยเอาเรื่องอยู่สักพักก็เหนื่อย วิ่งไปตะกุยขากางเกงมู่เถาเยาด้วยความเสียใจ
มู่เถาเยาอุ้มมันขึ้นมา จิ้มหัวของมันด้วยความรู้สึกขำ “ตอนนี้ยังไม่รู้จักกลัว เดี๋ยวโตอีกหน่อยก็ไม่กล้าไปยืนเถียงแล้ว มีแต่จะรีบหนี”
แน่นอนว่าจิ้งจอกน้อยฟังไม่เข้าใจ คิดว่ามู่เถาเยาเล่นกับตัวเองอยู่ จึงใช้สองเท้าหน้าตะกุยนิ้วเธอ ส่งเสียงออดอ้อน
“ซาลาเปาน้อย พวกสัตว์ดูเป็นมิตรกับเธอนะ”
ความเป็นมิตรแบบนี้ไม่เหมือนกับที่เป็นมิตรกับเขาอย่างเห็นได้ชัด
มู่เถาเยาพยักหน้ายิ้มมุมปาก
เล่นกับจิ้งจอกน้อยสักพักก็ให้ตี้อู๋เปียนเอามันใส่เข่งตามเดิม
ทั้งสองคนมุ่งหน้าต่อ หาที่ตั้งแคมป์ก่อนพระอาทิตย์ตก ปูเสื่อน้ำมัน เริ่มกินอาหารเย็น
“ซาลาเปาน้อย ชีวิตแบบนี้เธอรู้สึกเหนื่อยไหม” เจ้าหญิงน้อยที่เดิมที่ควรได้อยู่สบายอย่างสูงศักดิ์ วันๆ กลับต้องเข้าป่าเก็บสมุนไพร มีดินโคลนป่าไม้เป็นเพื่อน
ตี้อู๋เสียพี่สาวของเขาอย่างมากก็แค่ขึ้นเนินเล็กๆ ในสวนสาธารณะ!
อย่างซาลาเปาน้อยที่เข้าป่าไม่กี่วัน หรือแม้กระทั่งสิบกว่าวัน ยี่สิบกว่าวัน ระหว่างนั้นไม่ได้กินอาหารร้อนๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารอันโอชะเลย
เด็กสาวที่เดิมรักสะอาดมาก กลับยอมไม่อาบน้ำสระผมครึ่งเดือนเพื่อเก็บสมุนไพร คนทั่วไปไม่มีทางทนไหว
เป็นทหารยังไม่ลำบากขนาดนี้เลย!
“กับเรื่องที่ตัวเองชอบ ต่อให้ลำบากแค่ไหนเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่รู้สึกทุกข์ทรมานหรอก พี่สามล่ะ หากว่ากันตามเหตุผล พี่สามไม่เคยทำอะไรที่ต้องใช้พละกำลังเยอะมายี่สิบกว่าปี แต่ช่วงปีกว่ามานี้กลับงานยุ่งไม่ได้หยุด เหนื่อยหรือเปล่า”
“ตอนเพิ่งเริ่มก็เหนื่อยนิดหน่อย แต่กลับรู้สึกสบายใจขึ้น มันเหมือนกับว่าเดิมทีชีวิตก็ควรเป็นแบบนี้ ตอนนี้ร่างกายดีขึ้นเรื่อย ๆ ยุ่งจนชินแล้วเลยไม่รู้สึกเหนื่อย”
“อึม ฉันจะรักษาคุณให้หาย”
“ฉันเชื่อเธอ”
รอเขาหายดีแล้วจะตามจีบเธอแบบสุดพลัง รีบแต่งเธอเข้าบ้านโดยเร็ว…เอาเถอะ เขาแต่งเข้าเผ่าก็ได้!
พอนึกถึงตอนนั้นใบหน้าขาวเย็นชาของตี้อู๋เปียนก็เริ่มแดงมีเลือดฝาด
มู่เถาเยาก้มหน้าป้อนนมให้จิ้งจอกน้อยด้วยขวดนม ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเขา
“ซาลาเปาน้อย ฉันจะไปหาแถวนี้หน่อยว่ามีแหล่งน้ำไหม” ถ้าอาบน้ำได้จะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นแค่ล้างหน้าล้างเท้าก็ยังดี
“บริเวณนี้แห้งแล้งมาก น่าจะไม่มีแหล่งน้ำ แต่ผลไม้ป่ามีไม่น้อยแน่นอน” อย่างน้อยผลนมหมาป่าย่อมขาดไม่ได้
ระหว่างทางที่พวกเขาเดินเข้ามาจึงไม่ได้เก็บผลไม้เลย
พวกเขามาเข้าป่า แต่ไหนแต่ไรมากินพวกเนื้อแห้งเป็นอาหารหลัก ไม่มีผักให้กิน แต่ผลไม้ยังไงก็ต้องกินให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะท้องผูก
“อึม ฉันจะไปดูหน่อย”
“ระวังตัวด้วย”
“ฉันรู้”
ตี้อู๋เปียนถือถุงพลาสติกออกจากตรงนั้น ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็กลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดินอย่างสมบูรณ์
“ซาลาเปาน้อย เอา ให้!”
“กุหลาบน้ำเงิน!” มู่เถาเยารับช่อดอกไม้สีน้ำเงินช่อใหญ่ที่กลิ่นหอมอบอวลด้วยความรู้สึกเซอร์ไพรส์
กุหลาบน้ำเงินนี้ไม่ได้เป็นเพียงกุหลาบธรรมดาทั่วไป ยังเป็นยาวิเศษที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บภายในอีกด้วย
ต่อให้บาดเจ็บภายในหนักขนาดไหนมันก็ช่วยรักษาชีวิตไว้ได้
ยี่สิบปีก่อนตอนเธอกับอาจารย์ใหญ่ช่วยอาจารย์รองไว้ก็ให้กินยาเม็ดกุหลาบน้ำเงินที่รักษาอาการบาดเจ็บภายใน
กุหลาบน้ำเงินไม่เพียงแต่จะทำยาได้ ยังเอาไปทำซุปบำรุงให้คนร่างกายอ่อนแอกินได้อีกด้วย โดยเฉพาะคนที่เพิ่งหายจากป่วยหนัก กินแล้วร่างกายจะกลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็ว
สรรพคุณดีมาก แต่กลับไม่มีผลข้างเคียงเลย
ในตัวยาบำรุงที่เมื่อก่อนเธอให้ตี้อู๋เปียนกับพวกเด็กๆ กินก็มีส่วนผสมของกุหลาบน้ำเงิน