อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 468 แค่เห็นก็น้ำลายสอ
ตอนที่ 468 แค่เห็นก็น้ำลายสอ
มู่เถาเยากับพวกตี้อู๋เปียนกลับมาวันแรก อวิ๋นไป๋ก็ให้คนเอาผลเหมยเขียวมาส่ง แต่ก็แค่ร้อยกว่าเข่ง ไม่ถือว่าเยอะ
วันรุ่งขึ้นเซี่ยซิงเฉินที่อยู่เมืองหลวงก็ให้คนเอาผลเหมยจากสวนดอกเหมยบ้านตัวเองมาส่ง ก็ไม่มากไม่มาย ห้าสิบกว่าเข่ง
วันที่สามจั่วอีเหิงกับพ่อแม่เอาผลเหมยมาส่งด้วยกัน
หลังจากมู่เถาเยาแนะนำให้รู้จักกันแล้วก็ถามขึ้น “ลุงจั่ว คุณป้าคะ ทำไมเอามาส่งด้วยตัวเองล่ะคะ ไหนว่าจะให้หนูไปเอาเอง”
จั่วฮั่วยิ้มพูด “อันที่จริงพวกเราก็อยากมาเจอเจ้าสำนักซย่าโหวกับหมอเทวดาหยวนด้วย เลยมาส่งเองดีกว่า”
หลักๆ เป็นเพราะลูกสาวบอกว่าหลังเรียนจบอยากมาหาสามีที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน พวกเขาเป็นพ่อแม่ถึงได้มาทำความรู้จักหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยกัน
ซย่าโหวโซ่วหัวเราะหึหึ ยิ้มพูด “อยากมาก็มาได้ตลอดเลยนะ เหมือนตระกูลน่าหลาน ตระกูลตี้อู่”
“ได้เหรอครับ งั้นวันหลังพวกเราต้องมาเที่ยวบ่อยๆ แล้ว ถือโอกาสขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักซย่าโหวด้วย”
หลังจากลูกสาวของเขาได้รับคำชี้แนะจากเสี่ยวเยาเยาก็ก้าวหน้าขึ้นมาก ขนาดคนเป็นพ่ออย่างเขาเห็นแล้วยังอิจฉา
“ได้เลยๆ”
สังคมสมัยนี้หาโอกาสใช้วิทยายุทธได้ยากมาก
ระดับการใช้ชีวิตของมนุษย์ก็สูงขึ้น คนส่วนใหญ่ไม่อยากทนความลำบากขนาดนั้น วิทยายุทธของหลายสำนักจึงขาดผู้สืบทอด
ตระกูลจั่วเอาตำราโบราณมาแบ่งปันให้ทุกคน แล้วทำไมเขาจะช่วยชี้แนะไม่ได้
ไป่เหยียนแม่ของจั่วอีเหิงจับมือมู่เถาเยาพลางพูด “เสี่ยวเยาเยา ปีนี้ผลเหมยมีไม่เท่าไร ช่วงสองปีนี้เดี๋ยวพวกเราจะตั้งใจดูแลให้ วันหน้าจะเยอะขึ้นแน่นอนจ้ะ”
“ขอบคุณคุณลุงคุณป้าค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”
มู่เถาเยามองผลเหมยที่ลูกใหญ่และผลสวยที่อยู่ในเข่ง ยิ้มถาม “ลุงจั่วคะ อยากแลกเป็นเงินหรือว่าของคะ”
จั่วฮั่วตอบอย่างไม่ลังเล “เอาของดีกว่า”
ตระกูลจั่วร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีมีเหรอจะอยากเอาผลเหมยมาแลกเป็นเงิน
ถ้าไม่ใช่เสี่ยวเยาเยา พวกเขาไม่มีทางสนใจเรื่องผลเหมยหรอก
ครอบครัวทำเกี่ยวกับเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ขายผลเหมยทั้งเขาสิบปีก็ยังสู้กำไรที่ได้จากผลิตภัณฑ์เล็กๆ ของบริษัทหนึ่งเดือนไม่ได้
“ลุงจั่วคะ ยาผลเหมยมีสรรพคุณแค่ช่วยขับพิษ”
“เสี่ยวเยาเยา ต้นตอสารพัดโรคก็มาจากพิษทั้งนั้น ร่างกายสะอาดก็เท่ากับสุขภาพแข็งแรงแล้ว สุขภาพดีเงินซื้อไม่ได้หรอก” ไม่อย่างนั้นคนคงไม่ป่วยตายกันเยอะ
“ค่ะ งั้นก็รอรับเป็นของนะคะ”
มู่เถาเยาหยิบผลเหมยที่สีออกเหลืองชมพูขึ้นมาดู เธอกัดหนึ่งคำ “เนื้อหนา เม็ดเล็ก เปลือกบาง เหมาะเอาไปทำยามากเลยค่ะ”
ของลุงจั่วดีกว่าที่อาเขยกับตระกูลเซี่ยเอามาให้เสียอีก
ให้คนเหลือไว้สิบเข่ง ส่วนที่เหลือขนไปไว้โรงงานแปรรูปอาหาร
เยี่ยจั๋วน้อยวัยสองขวบกว่าพอเห็นอาสาวหยิบผลเหมยกินก็ปล่อยมือเยี่ยหนานเฉินพ่อตัวเองทันที วิ่งเตาะแตะไปหยิบขึ้นมากัดบ้าง จากนั้นก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
เด็กน้อยพูดทั้งน้ำตาคลอ “อา เปรี้ยว ฟันจะหลุดแล้ว”
ชิงหลินแม่ของเด็กน้อยหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง “แล้วใครให้กินส่งเดชเล่า”
เยี่ยจั๋วน้อยใจ “อากิน”
เขาไม่ได้กินส่งเดช เห็นอากินก่อนก็เลยกินตาม
มู่เถาเยาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาหอมแก้ม “จั๋วจั๋ว ไว้อาเอาผลเหมยไปเชื่อมก่อนค่อยกินนะ แบบนั้นฟันก็ไม่หลุดแล้ว”
“กินหวานๆ” ดวงตาดำขลับของเยี่ยจั๋วเปล่งประกาย
“ใช่จ้ะ เชื่อมแล้วจะหวาน จั๋วจั๋วฉลาดจังเลย”
เด็กน้อยดีใจมาก
แม่จั่วเล่นกับเยี่ยจั๋วสักพักก็มองผลเหมยที่วางอยู่สิบเข่ง “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ผลเหมยเปรี้ยวมาก กินไม่กี่ลูกก็เข็ดฟันแล้ว เหลือไว้เยอะขนาดนี้จะเอาไปเชื่อมหมดเลยเหรอจ๊ะ”
“ไม่ใช่ค่ะ เอาแค่เข่งเดียวไปเชื่อมค่ะ ที่เหลือจะเอาไปดองโดยใส่สมุนไพรเพิ่ม พี่อีเหิงบอกว่าคนตระกูลจั่วแพ้แอลกอฮอล์ คุณป้าก็ดื่มไม่ได้เหรอคะ”
“ป้าน่ะไม่แพ้หรอก แต่ไม่ชอบกินเหล้า ในบ้านก็เลยไม่มีเหล้าเตรียมไว้ยกเว้นตอนเทศกาล”
“งั้นอีกเดี๋ยวคุณป้าลองชิมเหล้าซากุระที่หนูดองไว้เมื่อปีที่แล้วนะคะ ถ้าชอบก็ขนกลับไปได้ จิบนิดหน่อยหลังอาหารหรือก่อนนอน ช่วยเรื่องความงามค่ะ”
หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มกว้างพูดกับแม่จั่ว “เหล้าซากุระที่เสี่ยวเยาเยาของพวกเราดองเองในนั้นใส่สมุนไพรดีๆ เยอะเลยค่ะ กินสองเดือนก็เห็นผลเรื่องความงามอย่างเห็นได้ชัดแล้วค่ะ”
กู่ย่ายิ้มพูด “ประเด็นคืออร่อยด้วยนะคะ! พอกลิ่นฉุนของเหล้าหายไปห้องก็จะเหลือแต่กลิ่นหอม ตัวเหล้าสีแดงอมชมพู เห็นแล้วอยากขึ้นมาทันทีเลยค่ะ”
ศิษย์พี่ห้าพูดเสริม “เหล้าซากุระมีรสหวานกลมกล่อม กลิ่นหอมยาวนาน ดื่มแล้วชวนให้รู้สึกเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้ เนื้อตัวเบาสบาย ต่อให้กินจนเมาก็ไม่รู้สึกแย่ วันรุ่งขึ้นตื่นมาไม่ปวดหัวด้วยค่ะ”
แม่จั่วอมยิ้ม “แค่ฟังทุกคนพูดก็อยากกินแล้วจ้ะ”
จั่วฮั่วกับจั่วอีเหิงกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เสียดายที่ตัวเองแพ้แอลกอฮอล์
เซี่ยซิงเฉินยิ้มพูด “ผมก็อยากลองชิมด้วยครับ”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “บ้านคุณมีดอกเหมย ฉันจะเอาสูตรให้ ต่อไปอยากกินเท่าไรก็ดองเองได้เลยค่ะ”
“ได้ พวกเราเก็บแค่ดอกเหมยมาดองหล้าเอาไว้ดื่มเอง ส่วนที่เหลือก็รอให้เป็นผล”
“อันที่จริงเหล้าผลเหมยก็ไม่เลว แต่สองสูตรไม่เหมือนกัน ฉันจะเขียนให้ทั้งคู่นะคะ”
“ขอบใจนะเสี่ยวเยาเยา ผมขอแค่สูตรเหล้าดอกเหมยก็พอ เหล้าดอกไม้เหล้าผลไม้ของบ้านผมส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงกิน ไม่ทำเยอะหรอก”
“ได้ค่ะ อีกอันฉันจะเขียนสูตรเหล้ายาให้”
เซี่ยซิงเฉินส่ายมือ “พวกเราอยากกินก็ซื้อจากหมู่บ้านเถาหยวนซานเอาได้ เมืองหลวงก็มีร้านเหล้าของเถาหยวนไม่ใช่เหรอ พวกเราไปซื้อสะดวก”
เนื่องจากในบ้านมีดอกเหมย อีกทั้งทำกินเองก็สนุกอีกแบบ เขาจึงรับมาแค่สูตรเหล้าดอกเหมย
“ค่ะ ถ้าอยากดองเหล้าดอกไม้ชนิดอื่นอีก เช่น ดอกกุ้ยฮวา ดอกเก๊กฮวย ดอกกุหลาบ ก็มาถามสูตรจากฉันได้นะคะ เหล้าดอกไม้แต่ละชนิดจะใช้ส่วนผสมของสมุนไพรไม่เหมือนกัน”
จั่วอีเหิง “เสี่ยวเยาเยา เหมือนจะยังมีเหล้าดอกมะพร้าวที่มาจากต่างประเทศด้วยใช่ไหม”
เซี่ยซิงเฉินถามด้วยความตะลึง “ดอกมะพร้าวก็เอามาดองเหล้าได้ด้วยเหรอ”
“เหล้าดอกมะพร้าวไม่ได้ใช้ดอกมะพร้าวมาดองหรอกค่ะ แต่ใช้น้ำจากดอกตูมของมะพร้าวมาดองเหล้า เหล้าดอกมะพร้าวมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ แต่จนถึงทุกวันนี้แม้แต่เมืองไห่ตูที่มีมะพร้าวเยอะก็ยังไม่ค่อยเห็นเหล้าดอกมะพร้าว เพราะพอเอาน้ำออกจากดอกตูมก็จะไม่ออกผลอีก คนสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็เลยไม่รู้ว่ามีเหล้าดอกมะพร้าวด้วย”
จั่วอีเหิง “เสี่ยวเยาเยามีความรู้เยอะจัง”
มู่เถาเยายิ้ม “ฉันอ่านหนังสือหลากหลายค่ะ ตอนนี้แดดแรง พวกเราเข้าบ้านไปดื่มชากันก่อนดีกว่าค่ะ”
ทุกคนพยักหน้า
ตี้อู๋เปียนนำพวกผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นช่วยกันขนผลเหมยไปเก็บ วางในที่เย็น
มู่เถาเยาชงชาพลางถาม “ลุงจั่วจะอยู่เที่ยวในหมู่บ้านเถาหยวนซานกี่วันคะ”
“ถ้าเป็นไปได้ก็คงสองสามวัน อีเหิงเล่าให้ฟังว่าที่นี่สวยมาก”
“ถ้าไม่มีธุระจะอยู่หลายวันก็ได้นะคะ”
“ได้ยังไงกัน จะเป็นการรบกวนทุกคนน่ะสิ”
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “ไม่หรอก คนแก่อย่างพวกเราว่างกันจะตาย มีแค่เสี่ยวเยาเยาที่งานยุ่ง”
“งั้นผมจะได้ขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักซย่าโหวด้วย”
“ฮ่าๆ เอาสิ”
พอดื่มชาเสร็จหนึ่งกาจางเฟยก็ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา ให้ครอบครัวคุณจั่วพักบ้านป้าไหมจ๊ะ”
“ได้ค่ะ” พวกศิษย์พี่ของเธอพักห้องพักแขกของบ้านตระกูลเย่ว์กับตระกูลอวิ๋น
หลังจากดื่มชาไปอีกหลายแก้วจางเฟยก็พาครอบครัวจั่วสามคนไปที่พักก่อน
เมื่อได้เวลาพอประมาณแล้วมู่เถาเยาก็หยิบเหล้าซากุระ ไปช่วยทำอาหารที่บ้านผู้ใหญ่บ้านพร้อมพี่หยางและเหลียงจี
ห้องครัวกับห้องอาหารของบ้านครอบครัวหยวนไม่ใหญ่ หลายวันนี้จึงต้องไปกินข้าวบ้านผู้ใหญ่บ้านกัน