อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 456 โรคติดสังคม
ตอนที่ 456 โรคติดสังคม
กว่ามู่เถาเยาจะพาฝูงม้าป่าออกจากเขตป่าชั้นในมาถึงเขตป่าชั้นนอกก็เป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว
เนื่องจากในนั้นมีลูกม้าด้วย ฝูงม้าจึงไม่ได้วิ่งเร็วมาก
โค้ชเถียนกับเถียนซินรอด้วยความร้อนใจ
ข้อแรกเป็นเพราะวันนี้ไม่ได้เจอราชาม้าป่า ข้อสองเพราะเป็นห่วงกลัวมู่เถาเยาเป็นอะไรในป่าคนเดียวจะไม่มีใครรู้
มู่หว่านเห็นสองพ่อลูกท่าทางร้อนใจจึงพูดปลอบ “โค้ชเถียนคะ เถียนซิน เสี่ยวเยาเยาเข้าออกเขตป่าชั้นในจำนวนหลายครั้งนับไม่ถ้วนแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ฝูงม้าน่าจะหายาก ก็ป่าเซียนโหยวใหญ่เสียขนาดนั้น”
ตี้อู๋เปียนลูบหัวไป๋เสวี่ย พูดเสียงขรึม “เธอน่าจะใกล้กลับมาแล้วครับ ต่อให้หาฝูงม้าป่าไม่เจอ ซาลาเปาน้อยก็ไม่มีทางกลับมาเย็นเกินไป”
เธอรอบคอบ เอาใจใส่ ไม่เคยทำให้ใครเป็นห่วง
เหลียงจีพยักหน้า “ใช่ค่ะ เสี่ยวเยาเยาไม่มีทางกลับมาเย็น ยิ่งไปกว่านั้นคืนนี้ต้องกลับเมืองหลวงด้วย เวลานี้ก็น่าจะใกล้ออกมาแล้วค่ะ”
พอได้ยินคนอื่นพูดกันแบบนี้สองพ่อลูกก็สบายใจขึ้นมาก
ไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาก็ย่อมเป็นห่วง
หนิงชิงยิ้มพูด “ผมเคยมาพักอยู่ที่หมู่บ้านนี้ระยะหนึ่ง ได้รู้ว่าคนในหมู่บ้านมองเสี่ยวเยาเยาดุจเทพ ตอนนั้นผมไม่เห็นด้วย คิดว่าแค่อาศัยความดังของหมอเทวดาหยวน ไม่คิดว่าจะเก่งเหมือนเทพจริงๆ !”
เรื่องที่เธอทำมาตั้งแต่เด็กมันอยู่ในระดับที่คนปกติคาดไม่ถึง
มู่หว่านพูดด้วยความภูมิใจ “หนูโตกว่าเสี่ยวเยาเยาหนึ่งเดือน โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก รู้ความสามารถของเสี่ยวเยาเยาที่สุด”
โค้ชเถียนกับเถียนซินรู้แค่ว่าเขตป่าชั้นในอันตรายมาก ไม่เคยเห็นมู่เถาเยาแสดงฝีมือกับตาตัวเอง จะเป็นห่วงขนาดนี้ก็ปกติ
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่หนิงชิงก็เป็นห่วง
เพราะเขารู้ดียิ่งกว่าสองพ่อลูกคู่นี้ว่าในนั้นมีสภาพแวดล้อมอย่างไร
เมื่อก่อนถังถังยังคิดหลอกเขาเพื่อเข้าไป ปรากฏว่ากลับถูกเขาขู่จนไม่กล้า
อืม คิดไปเอง
เขาไม่รู้หรอกว่าถังถังเคยเข้าเขตป่าชั้นในแล้ว
โค้ชเถียนยกมือดูนาฬิกา “แต่ตอนนี้จะห้าโมงแล้ว ทำไมเสี่ยวเยาเยายังไม่…”
ตี้อู๋เปียน “กลับมาแล้วครับ”
ทุกคนหันไปมองบนฟ้าอย่างพร้อมเพรียง
ตามคาด มีจุดสีดำเล็กๆ ลอยขึ้นลง ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงคอกม้า
สองพ่อลูกกับหนิงชิงดีใจมาก
มู่เถาเยาลงสู่พื้น เสี่ยวเหยี่ย หลิวซิงน้อย ต่างร้องฮี้ด้วยความดีใจ
“ฝูงม้าออกมาด้วยกันแล้ว แค่ไม่ได้พากลับหมู่บ้าน ตอนนี้ฉันต้องพาพวกเสี่ยวเหยี่ยไปหาฝูงม้า”
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย เธอไปพักก่อน พวกเราพาพวกมันไปได้”
“ม้าป่าจะระแวงคนแปลกหน้าเป็นพิเศษ ฉันต้องไป”
“…ก็ได้ งั้นก็ไปด้วยกัน”
มู่เถาเยามองสองพ่อลูกครอบครัวเถียน “โค้ชเถียนคะ ห้ามเข้าใกล้ม้าป่าเป็นอันขาดนะคะ ห้ามแตะต้องพวกมันด้วย ระวังถูกดีด”
ถูกม้าป่าจากเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวถีบ ถ้าโชคดีไม่ตายก็ต้องนอนบนเตียงไปหลายเดือน
โค้ชเถียนตอบ “เสี่ยวเยาเยา พวกเรารู้”
มู่เถาเยาพยักหน้าแล้วมองมู่หว่าน “เสี่ยวหว่าน เอามือถือมาไหม”
“เอามา”
“โทรบอกลุงผู้ใหญ่บ้านหน่อย ให้ประกาศเรื่องนี้ไปทั้งหมู่บ้าน เผื่อใครเข้าไปเจอม้าป่าฝูงใหญ่จะได้ไม่ตกใจ เดี๋ยวพอพวกเขาตกใจจะทำฝูงม้าแตกตื่นได้”
อย่างไรเสียฝูงม้าป่าก็ไม่เคยเจอมนุษย์มาก่อนนอกจากเธอ จะตกใจก็ไม่แปลก
“ได้”
“อืม พวกเราเดินไปคุยไป”
พวกอาหยวนก็แสดงออกว่าอยากไปดูม้าป่าด้วย
มู่เถาเยาไม่ได้ห้าม
พวกมู่เถาเยาพาพวกม้าเดินไปทางป่าเซียนโหยว
มู่เถาเยาพาฝูงม้ามาไว้ที่ชายขอบ พอเข้าไปไม่นานทุกคนก็เห็นฝูงม้าที่รูปร่างสูงใหญ่ บึกบึน ดูสง่างาม
โค้ชเถียนกับเถียนซินดวงตาเปล่งประกาย น้ำลายเกือบไหลออกมา
พวกอาหยวนก็อดอุทานไม่ได้ “สวยจัง!”
แม้แต่หนิงชิงกับพวกเจียงเฟิงเหมียนที่ไม่รู้เรื่องม้ามากนักก็ยังมองออก ม้าพวกนี้เป็นม้าชั้นยอด! รูปงามกว่าม้าแข่งที่พวกเขาเคยเห็นไม่รู้ตั้งกี่เท่า!
หลิวซิงน้อยดีใจจนเอาหัวไปคลอเคลียราชาม้าป่า
เล่นกับพ่ออยู่สักพักมันก็เข้าไปเล่นกับพวกลูกม้าในฝูง
สนิทสนมคุ้นเคยตามธรรมชาติ!
เป็นโรคติดสังคม!
ตี้อู๋เปียนรีบใช้ภาษาลับสื่อสารกับเกาหม่า
เขารู้ว่ามู่เถาเยาคิดอะไร จึงสื่อสารบอกความคิดของเธอให้เกาหม่า
เกาหม่าก็ดีใจ
ในที่สุดมันก็เกลี้ยกล่อมให้ทั้งฝูงออกมาจากบริเวณที่คุ้นเคยได้แล้ว!
แบบนี้จำนวนฝูงม้าก็ไม่มีทางลดลงทุกวัน!
หลายปีมาแล้ว ฝูงม้าจากที่เคยมีกันสามพันกว่าตัวเหลืออยู่ตอนนี้แค่สามร้อยกว่าตัว มันกังวลว่าถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะสูญพันธุ์หมด
โค้ชเถียน “เสี่ยวเยาเยา โค้ชขอพาพวกแม่ม้ามาที่นี่ได้ไหม”
“ได้มันก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่ถ้าให้กำเนิดลูกม้าเกรงว่าจะเอาไปลำบาก ฝูงม้าป่าออกมาแล้ว พวกมันไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของลูกม้ามากเกินไป แต่ก็ใช่ว่าคนจะเอาลูกๆ ของพวกมันไปได้ ดีไม่ดีแม่ม้ามาแล้วจะไม่ได้กลับ”
โค้ชเถียน “…” เหมือนจะเป็นแบบนั้น!
แต่เขาตัดใจไม่ลงนี่นา!
ม้าสายพันธุ์ดีขนาดนี้!
“งั้น…งั้นลองพามาหนึ่งตัวก่อนได้ไหม”
‘เสีย’ ม้าหนึ่งตัวเขาก็ปวดใจอยู่หรอก แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอรับไหว
มู่เถาเยายิ้มพูด “ได้ค่ะ ขอแค่โค้ชทำใจได้”
โค้ชเถียน “…” ทำใจไม่ได้หรอก!
แต่พอเห็นม้าป่าที่สูงใหญ่บึกบึนแบบนี้ อาการทำใจไม่ได้มันก็ค่อยๆ หายไป
“พี่เยาเยาคะ หลังจากงานแข่งขันกีฬาครั้งหน้าหนูขอพาเพชรม้าของหนูมาเลี้ยงกับพวกมันด้วยได้ไหมคะ”
เพชรของเธอเป็นแม่ม้า แต่เธอไม่กังวลเรื่องที่มันอาจไม่กลับมา อย่างไรเสียนั่นก็ม้าที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก
เธอมั่นใจในความผูกพันระหว่างเธอกับมัน
ต่อให้ไม่ตั้งท้องกลับมา แต่ได้อยู่กับพวกม้าที่ยอดเยี่ยม มันจะยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นแน่นอน!
นี่ก็เหมือนกับมนุษย์ อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนก็กลายเป็นคนแบบนั้น
มู่เถาเยาพยักหน้าตอบเถียนซิน “ได้ ไว้ถึงตอนนั้นพี่ก็จะเลือกม้ามาอยู่ที่นี่ด้วย”
ต่อให้ม้าของเธอไม่อยากกลับฟาร์มอีกเธอก็ไม่เสียดาย อย่างไรเสียฝูงม้านี้ก็เหมือนเธอ
เหมือนตัวเธอเอง จากเมืองเย่ว์ตูไปเมืองหลวง ก็แค่เปลี่ยนที่ใช้ชีวิตเท่านั้น
คุยกับพวกเกาหม่าเสี่ยวเซวี่ยสักพักมู่เถาเยาก็พาทุกคนกลับ
โค้ชเถียนกับเถียนซินได้เจอราชาม้าป่าที่อยากเจอแล้ว อิ่มอกอิ่มใจกันมาก
พวกเขาพากันไปกินข้าวเย็นที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นมู่เถาเยาก็ไปบ้านมู่ซือจิ่นก่อน เล่าเรื่องพวกเด็กๆ ให้อารองมู่กับป้าสะใภ้ฟัง จากนั้นก็ไปหาพวกศิษย์พี่ศิษย์หลาน
แต่ก็คุยกันได้ไม่นาน พวกศิษย์พี่ศิษย์หลานเร่งให้เธอกลับเมืองหลวง
ฝ่ายหนึ่งอยู่ใต้สุด อีกฝ่ายอยู่เหนือสุด ระยะทางไกลกันมาก ต่อให้กลับไปตอนนี้ กว่าจะถึงเมืองหลวงก็ดึกแล้ว
มู่เถาเยารู้ว่าพวกศิษย์พี่ศิษย์หลานกลัวเธอเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอรีบกลับไปพักผ่อน
เธอจึงไม่ปฏิเสธความหวังดีของพวกเขา กลับไปเก็บของเตรียมเดินทางกลับ
ระหว่างอยู่บนรถ เธอขอให้ผู้ใหญ่บ้านที่ไปส่งพวกเธอช่วยดูอู่เลี่ยหวงเหลียนที่เพิ่งปลูกหน่อย
เรื่องรดน้ำอะไรทำนองนั้นไม่ต้องกำชับเป็นพิเศษ เพราะเมื่อก่อนเวลาไม่มีคนอยู่บ้านก็ได้ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาไปช่วยรดน้ำถอนวัชพืชให้
มู่อี้ “เสี่ยวเยาเยา ต้องใส่ปุ๋ยอะไรด้วยไหม”
“ยังไม่ต้องค่ะ ดินหลังบ้านเป็นดินออแกนิค หลักๆ คือแค่ระวังพวกแมลงพอค่ะ”
“ได้ ลุงเข้าใจแล้ว ถ้ามีปัญหาจะถ่ายรูปส่งไปให้ดูนะ” ในหมู่บ้านปลูกสมุนไพรไว้มากมาย ผู้ใหญ่บ้านย่อมรู้ว่าควรดูแลต้นกล้าสมุนไพรอย่างไร
“ค่ะ”
พวกมู่เถาเยาไปถึงลานจอดเครื่องบิน ไม่นานเครื่องบินก็ออกจากหมู่บ้านเถาหยวนซาน