อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 453 นักการเมืองโดยสายเลือด
ตอนที่ 453 นักการเมืองโดยสายเลือด
เช้าตรู่วันเสาร์ มู่เถาเยากินข้าวกับคนตระกูลตี้เสร็จก็เดินทางไปศูนย์ฝึกม้าพร้อมตี้อู๋เปียน มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน รวมถึงเจ้าถุงลมน้อย
พวกม้าพอเห็นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ดีใจจนน้ำลายแตกฟอง
รู้ว่าจะได้กลับบ้านแล้วเลยเก็บอาการไม่อยู่
โค้ชเถียนมองพวกมันด้วยความปวดใจ
ทำไมถึงอยากไปจากที่นี่ขนาดนั้น ไม่มีความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิดเหรอ
เถียนซินก็ไม่อยากให้พวกมันกลับ
ถึงแม้เธอจะรักม้าคู่ใจที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กตัวนั้นที่สุด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการชื่นชมลูกม้าตัวอื่น
มู่เถาเยาไล่ลูบหัวพวกมันทีละตัว จากนั้นก็ล่อพวกมันขึ้นรถบรรทุก พาไปส่งวังตระกูลตี้
พวกอาหยวนที่ดูแลม้าย่อมตามไปด้วย
ไม่นานพวกมู่เถาเยาก็กลับถึงวังตระกูลตี้
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนมัดขากับตัวของม้าทั้งสี่ด้วยตัวเอง จากนั้นก็พาพวกมันเข้าตู้บรรทุกของ
อาหยวน อาฉี อาเหนียน อาหยาง ตามเข้าไปดูแลด้วย
เครื่องบินลำเลียงออกเดินทางก่อน
มู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน มู่หว่าน และพวกโค้ชเถียนไปทีหลัง
หนิงชิงพูดด้วยความรู้สึกสนใจ “เสี่ยวเยาเยา เลี้ยงม้าแบบนี้ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ หนูมีรายได้ เลี้ยงพวกมันไหวค่ะ”
“ถ้าแบบเธอเลี้ยงไม่ไหว บนโลกนี้ก็ไม่มีใครเลี้ยงไหวแล้วล่ะ”
ช่วงสองสามวันนี้หนิงชิงก็เพิ่งรู้อีกสถานะหนึ่งของมู่เถาเยา
เขาจึงเริ่มลังเลเรื่องเหลียงจี
เพราะอยู่คนละวงการ เขากลัวสร้างความยุ่งยากให้เธอโดยไม่จำเป็นจนส่งผลกระทบต่องานของเธอ
เหลียงจีไม่มีทางลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว เขาก็ทำใจเด็ดปีกที่กำลังบินสูงของเธอไม่ลง
ทำได้เพียง…
โค้ชเถียนยิ้มพูด “คนที่เลี้ยงไหวก็ใช่ว่าจะยอมเสียเงินขนาดนี้เพื่อเลี้ยงม้า ยังไงซะคนมีเงินส่วนใหญ่ก็แค่อยากเลี้ยงม้าเอาไว้เล่นสนุกเป็นบางครั้ง สู้กีฬาตีกอล์ฟที่เล่นบ่อยไม่ได้”
ในความเป็นจริงคนที่ชอบขี่ม้ามีน้อยกว่าคนชอบตีกอล์ฟมากทีเดียว
ตี้อู๋เปียน “ในสมัยโบราณม้าเทียบเท่ารถยนต์ของยุคปัจจุบัน ผู้ชายชอบทุกคน”
อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย ขนาดเด็กเล็กไม่กี่ขวบก็ยังชอบ
ผู้ชายชอบของพวกนี้มาแต่กำเนิด
แต่สมัยนี้ไม่ใช่สมัยโบราณ ม้าไม่ใช่ยานพาหนะอีกต่อไปยกเว้นในชนเผ่าเลี้ยงม้า
หนิงชิงพยักหน้า “ก็จริง ผู้ชายเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ชอบรถยนต์ เสี่ยวเยาเยา เครื่องบินลำนี้เท่าไรเหรอ น้าก็อยากซื้อเครื่องบินแบบนี้บ้าง”
มู่เถาเยา “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พี่ใหญ่ให้หนูมา”
“จริงสิ พี่ใหญ่ของเธอเป็นอัจฉริยะด้านเครื่องกลที่มีชื่อเสียงระดับโลก! ไม่รู้ว่าน้าจะขอซื้อเครื่องบินจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์สักลำได้ไหม”
“ที่เผ่ามีขายค่ะ แต่น่าจะไม่เหมือนกัน”
ถ้าทุกคนมีเครื่องบินที่แม้แต่เรดาร์ของทหารก็ยังตรวจจับไม่ได้แบบนี้ โลกได้วุ่นวายแน่
ตอนนี้หลายประเทศอยากเชิญพี่ชายของเธอไปช่วยออกแบบเครื่องบินที่คล้ายๆ ของคนตระกูลเย่ว์ แต่พี่ใหญ่ไม่รับงาน น้าชิงเลิกคิดได้เลย
“อย่างน้อยก็ดีกว่าของที่อื่น เสี่ยวเยาเยา สัปดาห์หน้าน้าตามกลับไปที่เผ่าด้วยได้ไหม ได้ยินว่าไปเผ่านั้นยากพอสมควร น้ายังไม่เคยไปเลย จริงสิ ดาราของเผ่าหมาป่าพระจันทร์เชิญตัวยากมากเลยนะ! แถมไม่แคร์เรื่องเงิน…”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “อาจเพราะคนเผ่าหมาป่าพระจันทร์…ไม่ขัดสนหรือเปล่าคะ”
“พูดถึงเรื่องนี้ น้าล่ะนับถือเผ่าหมาป่าพระจันทร์จริงๆ ไม่ว่าจะการทหาร เศรษฐกิจ ความคิด…เจริญก้าวหน้าทุกอย่าง มีตั้งไม่รู้กี่ประเทศที่อิจฉาตาร้อน…”
“อันที่จริงปกครองประเทศไม่ต่างจากดูแลครอบครัว อันดับแรกต้องให้คนในบ้านกินอิ่มมีเสื้อผ้าที่อบอุ่นสวมใส่…เศรษฐกิจพื้นฐานเป็นตัวตัดสินภาพใหญ่ ถ้าไม่มีปัจจัยพื้นฐานก็ไม่มีสิทธิ์ไปพูดถึงการปกครอง กฎหมาย ศาสนา ศิลปะ ปรัชญา…ทุกคนเคยเรียนประวัติศาสตร์ก็น่าจะรู้ว่าพวกชาวบ้านไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นฮ่องเต้…” บลาๆๆ
มู่เถาเยาพูดสิ่งที่เธอได้จากการปกครองบ้านเมืองในชาติที่แล้วให้ทุกคนฟัง
ถึงแม้ประเทศที่แข็งแกร่งกับประเทศที่ด้อยพัฒนาจะไม่เหมือนกัน แต่หลักการส่วนใหญ่ก็คล้ายกัน
ตี้อู๋เปียนฟังจบก็พูดด้วยความทึ่ง “ซาลาเปาน้อย เธอก็สนใจเรื่องการเมืองด้วยเหรอ” ประหนึ่งมีสายเลือดนักการเมือง
“ไม่ใช่สนใจหรอก ก็แค่มีหลายเรื่องที่ต้องไปพร้อมกับการเมือง”
หนิงชิงพยักหน้า “นี่เป็นความจริง มองไปทางเดียวกับบ้านเมืองถึงจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี”
พวกเขาคุยเรื่องการเมืองสักพักก็เปลี่ยนไปคุยหัวข้อที่ไม่เครียด
พูดคุยสรวลเสเฮฮาไม่นานเครื่องบินก็ลงจอดที่ลานจอดเครื่องบินของหมู่บ้านเถาหยวนซาน
ยังคงเป็นผู้ใหญ่บ้านกับพวกอารองมู่ที่มารับพวกเขา
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้เห็นตี้อู๋เปียนก็ยิ้มถาม “อู๋เปียนดูกำยำกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม”
คนทั้งหมู่บ้านต่างรู้ว่านี่คืออดีตคนป่วยรูปงาม
แต่เรื่องที่คนในหมู่บ้านไม่รู้คือ สุขภาพของตี้อู๋เปียนแค่ดีขึ้นเป็นการชั่วคราว
ตี้อู๋เปียนยิ้ม “หายแล้วครับ ขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่เป็นห่วงครับ”
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้พูดด้วยความดีใจ “หายแล้วก็ดี”
ทุกคนขึ้นรถ ไปกินข้าวกลางวันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านก่อน
เจียงเฟิงเหมียน โค้ชเถียน เถียนซิน ไปนอนที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน
มู่เถาเยากลับเรือนหลังน้อยของครอบครัวหยวนพร้อมตี้อู๋เปียน เหลียงจี และหนิงชิง
หลังจากจัดหาที่พักให้แขกเสร็จพวกมู่เถาเยาก็ไปดูพวกเสี่ยวเหยี่ยที่คอกม้า
มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน โค้ชเถียนกับลูกสาวไปก่อนแล้ว
โค้ชเถียนถามด้วยความทนรอไม่ไหว “เสี่ยวเยาเยาจะเข้าป่าเซียนโหยวตามหาราชาม้าป่าเมื่อไรเหรอ”
“พรุ่งนี้เช้าค่ะ ตอนนี้มีเวลาแค่ครึ่งวันอาจไม่พอ”
“โอเค แสดงว่าพวกเสี่ยวเหยี่ยค้างที่นี่ใช่ไหม”
“ค่ะ”
“จะมีคนมาขโมยม้าไหม” โค้ชเถียนกังวลมาก
ม้าพวกนี้มีมูลค่าตั้งหลายร้อยล้าน! แบบที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้!
พอได้ฟังโค้ชเถียนพูดแบบนั้น มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน เหลียงจีก็พากันหัวเราะ
มู่เถาเยายิ้ม “วางใจได้ค่ะ หมู่บ้านเถาหยวนซานของพวกเราไม่มีคนแบบนั้น”
อีกอย่าง ต่อให้มีคนอยากขโมยก็ขโมยไม่ได้หรอก!
เสี่ยวเซวี่ย เสี่ยวเหยี่ย ไป๋เสวี่ย หลิวซิง พวกมันไม่ได้โง่นะ!
มู่หว่านอธิบายให้สองพ่อลูกที่เพิ่งมาหมู่บ้านเถาหยวนซานครั้งแรกฟัง “หมู่บ้านเถาหยวนซานของพวกเราดีมากเลยนะคะ ไม่มีคนนิสัยไม่ดี”
เมื่อก่อนตอนยากจนไม่มีคนแบบนั้น แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ชีวิตดีขึ้นแล้ว
โค้ชเถียนไม่สงสัยในคำพูดของสองสาว แต่เขาก็ยังคงเป็นห่วง
ต่อให้ของล้ำค่าพวกนี้ไม่ใช่ของเขา แต่ถ้าเกิดปัญหา เขาคงเสียใจตายเลย
มู่เถาเยา “เสี่ยวหว่าน เธอกับเสี่ยวเหมียนพาโค้ชเถียน เถียนซิน น้าชิงไปเดินเล่นในหมู่บ้านสิ ฉัน ตี้อู๋เปียน พี่เหลียงจี จะไปเก็บสมุนไพรที่เขตป่าชั้นนอกหน่อย”
มู่หว่าน “ฉันก็อยากไปช่วยเก็บสมุนไพรด้วย เสี่ยวเหมียนคนเดียวพาพวกเขาเดินเล่นก็พอแล้ว”
โค้ชเถียน “เสี่ยวเยาเยา เขตป่าชั้นนอกอันตรายไหม พวกเราไปได้หรือเปล่า เดินเล่นในหมู่บ้านไม่รีบ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเดินเล่นตอนเธอเข้าเขตป่าชั้นในตามหาราชาม้าป่าก็ยังไม่สาย”
เถียนซินพยักหน้า “นั่นสิ ถ้าไปได้ก็ให้พวกเราไปด้วยนะคะ ป่าดงดิบแบบนี้ไม่เหมือนตามสถานที่ท่องเที่ยวแน่นอน”
มู่เถาเยา “ในเมื่อทุกคนอยากไปด้วยก็ไปค่ะ น้าชิงล่ะคะ”
“น้าก็ขอไปด้วยคนนะ”
“ค่ะ งั้นหนู เสี่ยวหว่าน พี่เหลียงจี ขอกลับไปเอาเข่งใบเล็กก่อน ทุกคนรอพวกเราที่นี่นะคะ”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
ทั้งสามคนเหาะกลับไปโดยใช้วิชาตัวเบา
สองพ่อลูกครอบครัวเถียนอ้าปากค้าง
หนิงชิงพูดด้วยความอิจฉา “เมื่อไรฉันจะฝึกได้ถึงขั้นนี้นะ”
ตี้อู๋เปียน “น้าชิงเคยฝึกกับใครมาก่อนเหรอครับ”
“พี่เขยน่ะ”
“กำลังภายในของตระกูลซย่าโหวฝั่งตะวันออก ศาสตร์เหนือธรรมชาติของตระกูลจั่วทางใต้ วิชาตัวเบาของตระกูลน่าหลานฝั่งตะวันตก วิชาดาบของตระกูลตี้อู่ทางเหนือ…”
หนิงชิงพยักหน้า
เขาสนิทกับพี่เขย พอรู้อะไรบ้างในขอบเขตที่คนนอกอย่างเขาจะรู้ได้
สองพ่อลูกมีสีหน้างุนงง
คนพวกนี้พูดอะไรกันน่ะ
ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้ด้อยการศึกษา แต่กลับฟังไม่เข้าใจเลย!