อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 450 แค่ความบังเอิญ
ตอนที่ 450 แค่ความบังเอิญ
เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ
วันหยุดหนึ่งสัปดาห์ วันแรกออกจากศูนย์ฝึกกีฬาเรือใบประเทศเหยียนหวงกลับเผ่า
วันที่สอง สาม สี่ มู่เถาเยาไปขึ้นเขาเทพจันทราคนเดียว
ช่วงเช้าวันที่ห้าเธอเอายาบำรุงที่ทำจากสมุนไพรสดใหม่ที่ลู่จือฉินเก็บมาจากป่าพิษหมาป่าไปเยี่ยมปู่เทียดอายุร้อยยี่สิบกว่าปี
ตอนบ่ายนัดเจียงเย่ว์ไปเยี่ยมเหมียวฉี
แน่นอนว่าเรื่องสำคัญไม่ใช่เยี่ยมเหมียวฉี แต่คุยเรื่องยา
เหมียวฉีนิ่งมาก ดูอ่อนโยน ราวกับไม่ได้กำลังติดคุกแต่มาพักผ่อน สภาพร่างกายก็ดูดีกว่าเมื่อก่อน
เจียงเย่ว์ก็เหมือนกัน ใบหน้าเริ่มมีน้ำมีนวล ดูดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
มู่เถาเยาถามเจียงเย่ว์ว่าอยากกลับไปเจอเหลยถิงที่ประเทศเหยียนหวงบ้างไหม แต่เธอปฏิเสธ รู้สึกว่าต่างคนต่างอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
เธอจะไปรบกวนชีวิตของเขาไม่ได้อีก
วันที่หกและเจ็ดมู่เถาเยาไม่ได้ไปไหน อยู่ตำหนักพระจันทร์กับคนในครอบครัว
วันแรกหลังจากหมดวันหยุดเป็นวันอาทิตย์ เปิดเรียนตามปกติ
มู่เถาเยาเรียนทั้งวันไม่ได้หยุด ยุ่งจนไม่มีเพื่อน
จนกระทั่งเลิกเรียนตอนเย็นถึงมีเวลานิดหน่อย
เหลียงจีกับพี่หยางคีบกับข้าวให้เธอด้วยความปวดใจ
“พี่เหลียงจีคะ ตอนนี้น้าชิงอยู่เมืองหลวงใช่ไหมคะ”
“หนิงชิงอยู่เมืองหลวงแล้วทำไมเหรอ เสี่ยวเยาเยามีธุระกับเขาเหรอ”
“เปล่าค่ะ น้าชิงเมาเรือไม่ใช่เหรอคะ พรุ่งนี้บ่ายฉันจะไปทำยาที่โรงพยาบาลผิงคัง พอถึงตอนนั้นพี่เหลียงจีจะให้เขามาเอาเองหรือจะเอาไปให้เขาก็แล้วแต่สะดวกนะคะ”
เหลียงจีขมวดคิ้วพูด “เสี่ยวเยาเยายุ่งขนาดนี้ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ต้องสนใจหรอก อย่างมากเขาก็แค่ไม่ต้องนั่งเรืออีก”
“ถ้าแก้ได้ก็ควรแก้นะคะ ปีหน้าฉันจะไปฝึกที่ทะเลตะวันออกบ่อย พี่ไปแล้วจะเอาแต่นั่งดูฉันฝึกอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ เบื่อตายเลยค่ะ”
เหลียงจีถามด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวเยาเยา พี่จะเล่นหรือไม่เล่นมันเกี่ยวอะไรกับหนิงชิงเมาเรือด้วยล่ะ”
มู่เถาเยาถามกลับด้วยความแปลกใจยิ่งกว่า “พวกพี่ไม่ออกทะเลไปเล่นด้วยกันเหรอคะ ไม่ได้กำลังคบกันอยู่เหรอ”
พี่หยางกลั้นขำ
เหลียงจีกุมขมับ “พวกเราไม่ได้คบกัน ก่อนหน้านี้มันแค่บังเอิญ”
“งั้นน้าชิงมาเมืองหลวงทำไมคะ บ้านกับบริษัทของเขาอยู่ตะวันออก ไม่ใช่เมืองหลวงเสียหน่อย”
ก็คือฝั่งตะวันออกที่มีทะเลตะวันออก เพียงแต่บ้านครอบครัวหนิงอยู่เขตเมือง แต่ทะเลอยู่ทางสุดตะวันออก
ถึงแม้จะเป็นตะวันออกเหมือนกัน แต่ระยะห่างมากพอสมควร ขับรถไปก็ต้องเจ็ดแปดชั่วโมง
อีกฝั่งของทะเลตะวันออกจะเป็นอีกประเทศแล้ว
“หนิงชิงเพิ่งเสร็จงานจากต่างประเทศกลับมา อยากพักสักระยะหนึ่งก็เลยมาเยี่ยมเพื่อนที่เมืองหลวง”
มู่เถาเยา “…”
ไม่รู้ว่าเธอไร้เดียงสาหรือพี่เหลียงจีไร้เดียงสา
เธอรู้สึกว่าน้าชิงคิดไปในทางนั้นนะ
เหลียงจียิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาคิดมากแล้ว”
“…พี่เหลียงจีก็ใกล้ยี่สิบแปดแล้ว อยู่ในวัยที่เหมาะจะแต่งงาน ไม่คิดเรื่องมีครอบครัวบ้างเหรอคะ”
“ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ ถ้าจะมีก็ไม่ปฏิเสธ แต่แวดวงของหนิงชิงไม่เหมาะกับพี่หรอก” ถึงแม้เธอกับเขาจะคุยกันถูกคอ แต่ให้เป็นสามีภรรยาคงไม่รอด
วันหน้าเธอต้องติดตามหัวหน้าเผ่าไปข้างนอก ไม่เหมาะจะเป็นข่าววงการบันเทิง
“ขอแค่เหมาะสมกันก็พอค่ะ เรื่องอื่นไม่ใช่ปัญหา”
น้าชิงมีชื่อเสียงระดับโลก ไม่เคยมีข่าวฉาวกับดาราหญิง รู้จักวางตัวมาก
“เสี่ยวเยาเยาอย่ากังวลเรื่องของผู้ใหญ่เลย”
มู่เถาเยาพูดด้วยความตกใจ “ฉันก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ”
เหลียงจีกับพี่หยางหัวเราะ
“จ้ะๆๆ เธออายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กำลังเรียนหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอ ควรทำอะไรก็ทำไปเถอะ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจหรอก”
“ฉันไม่ได้อยากยุ่งนะคะ แค่รู้สึกว่า ถ้าพี่เหลียงจีเจอผู้ชายที่ดีก็อย่าปล่อยให้หลุดลอยไป ปัญหาอื่นมันจัดการง่ายค่ะ”
ถึงแม้สมัยนี้อินเทอร์เน็ตจะพัฒนาไปไกล แต่บางเรื่องต่อให้ทุกคนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่จะหยิบยกมาพูดก็ไม่ได้
เหลียงจีเป็นนักบินของเธอ วันหน้าก็ต้องกลายเป็นผู้ช่วย เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่คนที่ใครจะเอาเธอไปวิจารณ์ได้
ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าตระกูลหนิงเป็นผู้ทรงอิทธิพลของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศเหยียนหวง มีสถานะที่ไม่มีใครเทียบได้ในแวดวงภาพยนตร์และละคร แทบไม่มีบริษัทบันเทิงเจ้าไหนกล้าเอาไปพูดถึงเสียๆ หายๆ
เหลียงจีวางตะเกียบ อยากยื่นมือไปลูบศีรษะมู่เถาเยา แต่นึกได้ว่าตอนนี้กำลังกินข้าว มืออาจเปื้อนน้ำมัน จึงชักมือกลับ
“เสี่ยวเยาเยา เมื่อวาสนามาถึงเดี๋ยวมันก็เป็นไปตามที่จะเป็นเองแหละ อย่าพยายามจับคู่เลยนะ แค่เรื่องเรียนเธอก็ยุ่งมากพอแล้ว”
ถ้าหนิงชิงเป็นพรหมลิขิตของเธอจริง อย่างนั้นก็เหมือนที่เสี่ยวเยาเยาพูด ย่อมมีหนทางแก้ปัญหาที่ขวางอยู่ระหว่างเขากับเธอ
มู่เถาเยาพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ พวกพี่ปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่ฉันรู้สึกว่าน้าชิงเป็นคนดีนะคะ” ไว้วันไหนจะสืบจากทางป้าหยางหน่อย
เธอไม่อยากสืบประวัติเองเพราะต้องการให้เกียรติ
เหลียงจียิ้มพูด “หนิงชิงก็เป็นคนดีจริงๆ แหละ”
ฉลาดมากความสามารถ มีน้ำใจ คมในฝัก อีกทั้งเขายังมีความอดทนต่อเด็กกับคนแก่
อืม รูปร่างก็สูงใหญ่หล่อเหลา
เธอเคยดูภาพยนตร์ที่เขากำกับทั้งหมดก่อนจะรู้จักเขา
ละครก็เคยดู แต่รอให้ฉายจบก่อนแล้วค่อยดูรวดเดียว จะได้ไม่ต้องตั้งตารอทุกวัน เหนื่อยแย่
“พี่เหลียงจียังไม่เจออะไรที่อยากเรียนเหรอคะ ในหนึ่งปีนี้มีเวลานะคะ”
“เสี่ยวเยาเยา พี่อยากเรียนอะไรที่ช่วยเหลือเธอได้ ได้หมดยกเว้นการแพทย์” ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเรียนการแพทย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่มีหัวด้านนั้น
“งั้นพี่ลองไปคุยกับผู้ช่วยพิเศษของอาดูนะคะ”
เหลียงจีตะลึง “เสี่ยวเยาเยา…”
“ถ้าพี่เหลียงจีทำเป็นหลายอย่างวันหน้าได้ช่วยฉันแน่ ฉันก็จะสบายขึ้นค่ะ พี่ก็รู้ว่าฉันต้องศึกษาพวกยา”
“แต่พี่ไม่ได้มาสายวิชาการเลย ให้เป็นเลขาในชีวิตประจำวันมันก็ได้อยู่หรอก แต่ในด้านทำงาน…”
“ยังมีเวลาให้เรียนรู้อีกเยอะค่ะ ไม่เข้าใจก็ถาม พี่ไม่คิดว่าเราฝึกความเข้าขากันตอนนี้ดีกว่าไปหาคนใหม่เอาตอนนั้นเหรอคะ”
มันก็ใช่ แต่เหลียงจีไม่อยากเปลี่ยนแนวเลยจริงๆ
“พี่จะทำได้เหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ พี่เหลียงจีเป็นนักเรียนดีเด่นจากโรงเรียนทหาร ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง! เมื่อก่อนพี่ก็เคยช่วยอาจัดการเอกสารไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็แค่บางครั้ง แถมยังเป็นแบบง่ายที่สุดด้วย”
“เดิมทีงานของผู้ช่วยก็ไม่ได้ซับซ้อนค่ะ แค่มันจุกจิก แถมหัวหน้าเผ่าก็ไม่ได้มีผู้ช่วยแค่คนเดียว วันหน้าพี่เหลียงจีก็แค่ตามติดฉัน ฉันไม่เหมือนกับอาค่ะ ส่วนใหญ่จะออกไปข้างนอก”
ถึงแม้เผ่าหมาป่าพระจันทร์จะไม่ชอบความหวือหวา ออกไปร่วมงานระดับโลกไม่เยอะ แต่เนื่องจากเธอเป็นชาวเหยียนหวงด้วย อีกทั้งวงการแพทย์ก็ต้องการเธอ ดังนั้นช่วงเวลาที่ออกไปนอกเผ่าจะเยอะกว่าหัวหน้าเผ่าคนก่อนๆ แน่นอน
“…งั้นก็ได้ พี่จะลองหาคลาสด้านการจัดการงานเอกสารเรียนแล้วกัน”
“ภาษาก็อย่าทิ้งนะคะ เรียนได้เท่าไหนก็เท่านั้น แต่ก็อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป ฉันยังไม่เป็นหัวหน้าเผ่าเร็วๆ นี้หรอกค่ะ” ยังมีอีกหลายเรื่องต้องทำ
“จ้ะ พี่เข้าใจแล้ว”