อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 447 ฉลาดแบบหลบใน
ตอนที่ 447 ฉลาดแบบหลบใน
จากศูนย์ฝึกกีฬาเรือใบกลับถึงโรงแรม มู่เถาเยากับเหลียงจีกินอาหารเย็นง่ายๆ เสร็จก็กลับห้องไปเอาสัมภาระ รับสองเทาน้อยที่เอามาจากวังตระกูลตี้แล้วออกจากประเทศเหยียนหวง
สองคนกับหมาป่าสองตัวกลับถึงเผ่าตอนห้าทุ่มกว่า
เนื่องจากก่อนกลับมู่เถาเยาได้โทรบอกแล้วว่าไม่ต้องให้คนแก่กับเด็กรอ ตอนนี้จึงมีแค่เย่ว์หลั่ง เป่ยซี พี่ชายทั้งสองคน ลู่จือฉิน และลุงหลานพ่อบ้านมารอรับเธอที่ลานจอดเครื่องบิน
อันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากให้ใครมารับ แต่รู้ว่าคนในครอบครัวต้องมาแน่ จึงไม่พูดอะไร
ขอแค่คนแก่กับเด็กเข้านอนตามปกติเป็นพอ
พอกลับถึงห้องโถงใหญ่มู่เถาเยาก็ถามลู่จือฉิน “อาจารย์สามคะ ทำไมศิษย์น้องกับพวกน้าเหมียวไม่กลับมาด้วยกันล่ะคะ”
“พวกเขาบอกว่าไว้ปิดเทอมหน้าหนาวค่อยกลับมาทางนี้ ถือโอกาสฉลองตรุษจีนด้วย”
“ก็ดีค่ะ มาอยู่ระยะหนึ่ง”
“อืม สุขภาพของแม่หันซูดีขึ้นมาก ตอนนี้กินข้าวเองอาบน้ำเองได้แล้ว”
“ขอแค่มีชีวิตอยู่เป็นพอ ที่เหลือก็แล้วแต่โชคชะตา” ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องพึ่งโชคชะตา
“นั่นสินะ”
“เสี่ยวเยาเยาไปพักผ่อนก่อนเถอะ พวกเรามีเวลาหลายวัน ยังไม่ต้องรีบคุย” ทุกคนคุยกันเล็กน้อยเป่ยซีก็เร่งให้ลูกสาวไปพัก
“ค่ะ”
ทุกคนพากันขึ้นชั้นบน แยกย้ายกลับห้องตัวเอง
วันรุ่งขึ้น ถึงแม้จะไม่ใช่วันหยุดของเผ่า แต่เป็นวันอาทิตย์ ไม่มีใครต้องไปทำงาน
พวกคนแก่พอตื่นมาก็เห็นหลานสาว จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
มู่เถาเยามองเด็กทารกวัยสามเดือนกว่าทั้งสองคน อ้วนปุ๊กลุก น่ารักไม่เบา ในใจเริ่มมีความสุขเอ่อล้น
รับเยี่ยนหังมาจากย่าอวิ๋น พูดเสียงเบา “นี่พี่สาวนะจ๊ะ”
เด็กน้อยร้องอ้อแอ้ มือเท้ากวัดแกว่ง เห็นได้ชัดว่ามีความสุข
อวิ๋นไป๋อุ้มลูกสาว พูดอย่างอารมณ์ดี “เสี่ยวเยาเยา เยี่ยนหังกับอู๋ซวงฉลาดมากเลยนะ พวกเราพูดอะไรก็เข้าใจหมด”
ในความเป็นจริงมีแค่ลูกชายคนเดียวที่ดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของพวกเขา แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เหมารวมลูกสาวด้วย!
พ่อแม่เดียวกัน ไม่มีทางที่ลูกสาวจะไม่ฉลาด
เธอก็แค่ฉลาดแบบหลบใน ไม่แสดงความฉลาดเก่งเท่าลูกชาย!
แบบนี้แหละ ห้ามใครเห็นต่าง!
“หนูรู้ค่ะ เยี่ยนหังกับอู๋ซวงเป็นเด็กฉลาดที่สุด”
ย่าอวิ๋นยิ้มพูด “พอพวกเขาโตก็จะเหมือนเสี่ยวเยาเยา”
ลู่จือฉินพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
เมื่อชาติก่อน เยี่ยนหังฉลาดไม่แพ้เสี่ยวเยาเยา
มู่เถาเยาเอานิ้วชี้จิ้มแก้มยุ้ยของเยี่ยนหัง “ขอแค่พวกเขามีความสุขก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องเก่งอะไรมาก”
ทุกคนต่างยิ้ม
ก็ต้องการแบบนั้น
พวกเขาต่างไม่ได้คาดหวังว่าเยี่ยนหังหรืออู๋ซวงจะต้องเป็นหัวหน้าเผ่า เพราะลูกของเสี่ยวเยาเยาในอนาคตอาจเก่งยิ่งกว่า
ปู่อวิ๋นยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา เดี๋ยวกินอาหารเช้าเสร็จพวกเราจะกลับเมืองหลวงแล้วนะ”
ตัดใจจากความน่ารักของหลานชายหลานสาวไม่ลงจริงๆ ถ้าโตกว่านี้หน่อยคงดี จะได้พาไปไหนต่อไหนได้
“ค่ะ อีกหนึ่งสัปดาห์ก็ถึงกำหนดคลอดของพี่อู๋เสียแล้ว ปู่อวิ๋น ย่าอวิ๋น อาเขยเอาวัตถุดิบที่เหมาะกับคุณแม่แรกคลอดกลับไปก่อน หลังจากนั้นหนูค่อยกลับไป”
ย่าอวิ๋นยิ้มกว้าง พูดอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเยาเยาไม่ต้องรีบ อยู่บ้านจนหมดช่วงวันหยุดค่อยกลับไปเรียน อู๋เสียมีอาจารย์ใหญ่ของหนูดูอยู่”
“ค่ะ”
ย่าเย่ว์ยิ้มกว้างพูดกับย่าอวิ๋น “รอเสี่ยวเยาเยากลับเมืองหลวง พวกเราก็จะตามไปดูหลานด้วย แล้วสุดสัปดาห์ค่อยกลับมาพร้อมเสี่ยวเยาเยาอีกครั้ง”
มู่เถาเยารีบพูดขึ้น “ย่าคะ สุดสัปดาห์หน้าหนูไม่กลับมาค่ะ ต้องพาพวกเสี่ยวเหยี่ยกลับหมู่บ้านเถาหยวนก่อน หนูปรึกษากับพวกโค้ชแล้วค่ะ ตอนนี้ยังไม่ฝึก รอเดือนเมษาปีหน้าหน้าค่อยเริ่มฝึกต่อเนื่อง”
เป่ยซีดวงตาเปล่งประกาย “งั้นในหนึ่งปีกว่านี้ลูกก็เข้าเรียนเลิกเรียนตามปกติแล้วใช่ไหม”
สนับสนุนมันก็สนับสนุนอยู่หรอก แต่อีกใจก็สงสารจริงๆ
ต่อให้ลูกสาวเก่งแค่ไหนก็มีเลือดมีเนื้อ เหนื่อยเป็นบาดเจ็บได้
“ใช่ค่ะแม่ ขอแค่ไม่มีเรื่องอะไร ทุกสุดสัปดาห์ในช่วงหนึ่งปีนี้ก็กลับมาได้ค่ะ ส่วนปีหน้าจะอยู่หมู่บ้านเถาหยวน ช่วยตี้อู๋เปียนหาสมุนไพร”
พอนึกถึงตี้อู๋เปียน ทุกคนก็หดหู่ลง
เด็กคนนั้นโชคชะตาเล่นตลก
ปู่อวิ๋นทอดถอนใจ “เสี่ยวเยาเยา ทำให้เต็มที่ก็พอ”
“ค่ะ”
ยายหลานพูดปลอบ “อู๋เปียนเป็นคนที่ฟ้าคุ้มครองแน่นอน ทุกคนไม่ต้องคิดมากหรอก”
ตาเป่ยพยักหน้า “นั่นสิ ไม่เป็นอะไรหรอก”
เย่ว์เลี่ยง “อาก็คิดว่าอู๋เปียนต้องหาย ไม่อย่างนั้นสวรรค์คงไม่ดลบันดาลให้มาเจอเสี่ยวเยาเยา”
ทุกคนลองคิดดูก็รู้สึกแบบนั้น จึงยิ้มออกอีกครั้ง
คุยกันอีกสักพักทุกคนก็ไปกินอาหารเช้า จากนั้นก็เตรียมของฝาก ส่งคนตระกูลอวิ๋นทั้งสามขึ้นเครื่องบินออกจากเผ่า
มู่เถาเยา “พี่รองคะ ถ้าว่างช่วยพาสองเทาน้อยกลับป่าพิษหมาป่าทีนะคะ”
“ได้ เดี๋ยวพี่จะพาพวกมันกลับไปส่งเลย ถือโอกาสตัดเถาวัลย์น้ำกลับมาด้วย ตอนเย็นจะเอาของทะเลที่น้องหอบกลับมาทำแกงทะเลกินกัน”
“ค่ะ” มู่เถาเยามองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาแถบเดียวกับพี่ชายเธอ “พี่เหลียงจีกินอาหารเย็นค่อยกลับหรือยังไงคะ”
“งั้นพี่เอาอาหารทะเลกลับไปด้วยนะคะ”
“ได้จ้ะ”
เป่ยซีลูบผมยาวของลูกสาวด้วยความรัก พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “เสี่ยวเยาเยา ช่วงสองสามวันนี้มีแพลนไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”
“พรุ่งนี้จะไปเขาเทพจันทราค่ะ”
เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีรวมถึงลูกชายสองคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ไปด้วย”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งพลางส่ายหน้า “พรุ่งนี้วันจันทร์ คุณพ่อคุณแม่ พี่ใหญ่พี่รองต้องทำงานกัน หนูไปเองก็พอค่ะ จะลองดูว่ามีอะไรที่แตกต่างไหม จริงสิ หนูกะจะค้างที่นั่นคืนสองคืนด้วย ไปตรงจุดที่สองครั้งก่อนไม่ได้ไป”
“เสี่ยวเยาเยา พี่รองไปเป็นเพื่อนแล้วกัน”
“พี่รองคะ ไม่ต้องหรอกค่ะ เขาเทพจันทราไม่ได้อันตราย”
เย่ว์หลั่งพูด “อากวง เสี่ยวเยาเยาอยากไปคนเดียวก็ให้น้องไปคนเดียว ถ้าทุกคนตามไป อาจไม่ค้นพบอะไรใหม่ๆ ก็เป็นได้”
ถึงแม้เขาก็อยากตามลูกสาวสุดที่รักไปเหมือนกัน แต่เขาเทพจันทราไม่อันตรายสำหรับคนตระกูลเย่ว์ ในเมื่อลูกสาวเขาอยากไปแสวงหาสิ่งใหม่ๆ งั้นก็ให้ไปคนเดียวแล้วกัน
พวกเขาไปเขาเทพจันทราบ่อย ถ้ามีอะไรใหม่ก็คงค้นพบนานแล้ว แต่ความคิด พฤติกรรม และสายตาของลูกสาวไม่เหมือนพวกเขา ไปคนเดียวอาจได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ
ถ้าพวกเขาไปด้วย จะเป็นการตีกรอบเธอเปล่าๆ
เย่ว์จือกวงจำต้องพยักหน้า
เย่ว์หลั่ง “ลูกพ่อ มากสุดวันที่สามต้องกลับมาแล้วนะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไปตามหา”
“ได้ค่ะ”
ลู่จือฉินไปไม่ได้ แอบรู้สึกเสียดาย
“เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้อาจารย์ไปป่าพิษหมาป่าแล้วกัน จะลองหาตรงจุดที่ไม่เคยไป เดี๋ยวอากวงจะได้ไม่ต้องไปส่งสองเทาน้อยโดยเฉพาะด้วย”
ย่าเย่ว์พูดด้วยความจนปัญญา “พวกเธอนี่นะ อยู่ว่างกันไม่ได้เลย”
มู่เถาเยา “ย่าคะ หนูขอไปเขาเทพจันทราวันสองวัน แล้ววันที่เหลือจะอยู่กับทุกคนที่บ้านค่ะ”
เธอยังต้องหาโอกาสอยู่กับเยี่ยนหังตามลำพังด้วย
“ได้ เอาที่หลานต้องการก่อน ย่าไม่เป็นตัวถ่วง”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “คุณย่าไม่ได้เป็นตัวถ่วงค่ะ หนูยุ่งแค่ช่วงสองสามปีนี้ รอตี้อู๋เปียนหายดีแล้วหนูก็ไม่ยุ่งมากแล้วค่ะ พอถึงตอนนั้นก็แค่ทำวิจัย แล้วก็ศึกษางานจากคุณพ่อกับอาค่ะ”
ปู่เย่ว์ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาไม่ต้องรีบร้อน เที่ยวเล่นไปก่อนก็ได้ หาแฟนสักคน”
เย่ว์หลั่งหน้าถอดสีขึ้นมาทันที
“พ่อครับ เสี่ยวเยาเยายังเด็ก ไม่ต้องรีบหาแฟน ถ้าพ่ออยากอุ้มเหลนยังมีอาเหิงกับอากวงนะครับ”
สองพี่น้องที่ตกเป็นเป้าเสียเฉยๆ “…” พ่อนะพ่อ!
“ฉันไม่ได้อยากรีบอุ้มเหลน ก็แค่อยากให้เสี่ยวเยาเยาเหมือนเด็กสาวคนอื่น มีความรักที่หอมหวาน ไม่ได้ให้รีบแต่งงาน”
ย่าเย่ว์อดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้ “ไม่รู้ว่าผู้ชายแบบไหนถึงคู่ควรกับหลานสาวของฉัน”
ยายหลานพูดขึ้น “เสียดายที่อู๋เปียนสุขภาพไม่ดี ไม่อย่างนั้นก็เหมาะสมกับเสี่ยวเยาเยาของพวกเราเลยทีเดียวแหละ”
ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกหรือสติปัญญาก็เหมาะสมกันมากทั้งคู่
ทุกคนต่างพยักหน้ารวมถึงเย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉิน ยกเว้นพ่อกับพี่ชายทั้งสอง
มู่เถาเยา “…”
เธอยังจะกล้ามองตี้อู๋เปียนได้อีกไหม
ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย
เธอไม่เหมือนอา อาไม่เชื่อเรื่องความรัก แต่เธอไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลยจริงๆ
ไม่ใช่ไม่เชื่อในตัวผู้ชาย แต่รู้สึกว่าการมีครอบครัวต้องแบ่งเวลาออกไปเยอะ มันจะส่งผลต่องานของเธอ
ดูอย่างอาจารย์ใหญ่ ทั้งชีวิตทุ่มเทให้กับการแพทย์ ไม่มีลูก แต่แก่แล้วก็ยังมีความสุขดีไม่ใช่เหรอ
ดังนั้นความหมายของการแต่งงานอยู่ที่ไหน
เพื่อมีทายาทแค่นั้นเหรอ