อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 361 ไม่อยากรับรู้อะไรเลย
ตอนที่ 361 ไม่อยากรับรู้อะไรเลย
ตอนนี้จิตใจของเธอสับสนวุ่นวาย เธอต้องการสงบสติอารณ์ ต้องการความเงียบ ไม่อยากรับรู้อะไรเลย
ภายในห้องนั่งเล่นนั้นเงียบสงัด แสงแดดอ่อน ๆ ส่องเข้ามาผ่านกระจกหน้าต่าง แต่ในขณะนั้นอันโหรวกลับรู้สึกหนาว
ความหนาวเย็นในขณะนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอ
น้ำแข็งที่อยู่ในแก้วนั้นค่อย ๆ ละลายไป แต่ก้อนน้ำแข็งภายในใจของเธอกลับไม่ละลาย เธอไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านนอกตอนนี้เป็นอย่างไร และก็ไม่รู้ว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นตอบสนองยังไงหลังจากที่เธอหนีออกมาแบบนี้
ตอนนี้สิ่งที่เธอไม่สบายใจมากที่สุดคือหน่วนหน่วนกับหยางหยาง ถ้าหากเป็นไปได้เธอน่าจะพาลูก ๆ หนีออกมาด้วย
เมื่อนึกถึงใบหน้าของหน่วนหน่วนและหยางหยาง เธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้ทำหน้าที่ของแม่
บางทีเธอควรจะถามจิ่งเป่ยเฉินว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
แต่ประเด็นของสิ่งนี้คืออะไร?
ถ้าหากในใจของเขามีผู้หญิงคนอื่น เธอจะไม่อยู่กับเขา แล้วหน่วนหน่วนกับหยางหยางจะทำยังไง?
ก้อนน้ำแข็งได้ละลายไปหมดแล้ว เธอเงยหน้าและดื่มไวน์ในแก้วจนหมด
ก่อนจะถือแก้วที่ว่างเปล่าไว้ กระทั่งได้ยินเสียงน้ำ เธอลืมตาขึ้นมองเห็นฉีหย่วนหยางกำลังถือขวดไวน์เตรียมจะรินไวน์ให้เธอ
“ฉันไม่ดื่มแล้ว” เธอวางแก้วลงบนโต๊ะ เพราะดื่มไวน์ไปใบหน้าจึงเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา
ฉีหย่วนหยางนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวฝั่งขวาข้าง ๆ เธออย่างเกียจคร้าน พลางพิงหลังลงไปเหมือนไม่มีกระดูกและหมุนแก้วไวน์ในมือ ก่อนจะยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยความเมา จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ต้องการให้ฉันช่วยขโมยหยางหยางกับหน่วนหน่วนมาไหม?”
“ขโมยมา?” เธอรีบหันไปมองเขา นานแล้วที่ไม่ได้เจอ เขายังคงดูเหมือนคนโง่ ราวกับไม่ได้สนใจอะไรเลย
“งั้นแย่งมา?” เขารีบเปลี่ยนความคิดทันที
แต่สำหรับเขาแล้วก็เหมือนกัน
“นายพูดเหมือนง่าย ที่นี่คือเมือง A เป็นพื้นที่ของจิ่งเป่ยเฉิน!” แม้กระทั่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่คิดว่าเขาจะอยากแย่งคนจากจิ่งเป่ยเฉิน
“มันอยู่ที่คน ถ้าเธอต้องการ ฉันจะขโมยหยางหยางกับหน่วนหน่วนมาส่งให้ถึงมือเธอเอง” เด็กทั้งสองคนต้องยอมอยู่กับแม่แน่นอน
ตอนนี้คงวุ่นวายเป็นอย่างมาก
อันโหรวไม่แสดงความคิดเห็นอะไรกับคำพูดของเขา ก่อนจะหันไปถามว่า “นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฉีหย่วนหยางเลิกคิ้วขึ้นและกระตุกมุมปากเล็กน้อย “เธอสนใจฉันด้วยเหรอ?”
“ถือว่าฉันไม่ได้ถามก็แล้วกัน” เธอหันหน้าออกไปมองที่ประตูกระจกบานใหญ่และก็ลุกขึ้นเดินไป
“ระวังหน่อยนะ! มีหน้าผาอยู่ตรงนั้น ถ้าตกลงไป อย่าหวังว่าฉันจะลงไปช่วยเธอ!” ฉีหย่วนหยางมองด้านหลังของเธอ ก่อนจะยิ้มออกมา
เธอก้าวฝีเท้าอย่างช้า ๆ แต่ว่ายังคงเดินไปที่กระจกนั่น ด้านนอกเป็นระเบียงขนาดใหญ่ ด้านหน้าเป็นแท่นหน้าผาจริง ๆ
ฉีหย่วนหยางคนบ้า ไม่คิดเลยว่าจะสร้างบ้านอยู่บนสถานที่แบบนี้!
ลมบนหน้าผานั้นเย็นกว่าลมในเมืองเล็กน้อย ทิวทัศน์กว้างไกล ลมเย็นพัดเส้นผมของเธอปลิวไสว แต่กลับทำให้ภายในใจของเธอรู้สึกโล่งขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ยังคงรู้สึกเจ็บปวด พิธีแต่งงานดี ๆ ตอนนี้กลับเปลี่ยนไป
เธอและจิ่งเป่ยเฉิน…….
คงจะไม่ได้มีโชคชะตาต่อกันแล้วจริง ๆ เวลาเกือบหนึ่งปีที่โชคชะตาพาให้พวกเรามาอยู่ด้วยกันนั้นสิ้นสุดลงแล้ว
แม่ไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับเขา ตอนนี้มีเรื่องของอันหยาพั่นเข้ามาอีก เด็กน้อยหน้าตาน่ารักที่เหมือนหน่วนหน่วนชื่อเสี่ยวอวี๋
เธอไม่อยากให้หน่วนหน่วนไม่มีพ่อ แต่ก็ไม่อยากให้เสี่ยวอวี๋ที่น่ารักไม่มีพ่อเหมือนกัน
เธอตัดสินใจหนีออกมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เสียงฝีเท้าที่เกียจคร้านเดินเข้ามาหาเธอ เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยโชยมา ในมือของเขายังคงถือแก้วไวน์มาให้เธอ
“ฉันบอกว่าฉันไม่ดื่ม” น้ำเสียงที่อ่อนโยนพูดขึ้น
“ฉันดื่มสองแก้วไม่ได้เหรอ?” ฉีหย่วนหยางมองไปที่เธอ ก่อนจะมองไปที่ภูเขาที่ทอดยาวในระยะไกล “วิวที่นี่ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
“ดูเหมือนว่าวันนี้ที่เธอหนีงานแต่งออกมา ฉันจะให้อภัยเธอ!” เขาดื่มไวน์ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นแก้วไวน์ไปตรงหน้าเธอ
อันโหรวมองแก้วไวน์ที่อยู่ด้านหน้า เธอยังไม่เอื้อมมือไปหยิบ ตอนนี้แค่ไวน์มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะใช้บรรเทาความโศกเศร้าในใจของเธอ
ตอนนี้หัวใจของเธอเจ็บ มันเจ็บและก็รู้สึกเศร้ามากด้วย
เมื่ออันโหรวไม่ได้รับแก้ว จากนั้นฉีหย่วนหยางก็ดื่มทั้งสองแก้วเข้าไปพร้อมกัน
“อันโหรว!”
เธอเอียงศีรษะมองไปที่เขาด้วยท่าทีสงสัย
ทันทีที่เขาปล่อยมือออก แก้วที่อยู่ในมือขวาก็ได้หล่นลงไป สายตาของเธอจากที่มองแก้วก็ค่อย ๆ เลื่อนคล้อยตาม แต่มันก็หายไปด้วยความรวดเร็ว เสียงที่ตกลงไปเมื่อครู่นี้พวกเขาแทบไม่ได้ยิน
“การแต่งงานของเธอกับจิ่งเป่ยเฉินก็เหมือนกับแก้วใบนี้ ในเมื่อสุดท้ายมันจบลงไปแล้วก็ไม่สามารถกลับไปได้อีก!” เขายื่นแก้วอีกใบให้กับเธอ “โยนแก้วทิ้งแบบนี้สุดยอดเลยนะ อยากจะลองบ้างไหม?”
“สุดยอดงั้นเหรอ แก้วที่เพิ่งโยนไปจากมือของประธานฉี ในโลกนี้มีไม่กี่ใบ รู้เหรอว่ามันราคาเท่าไร?”
“พูดเหมือนว่าเธอรู้จักแก้วใบนั้น”
“เพราะฉันคิดว่าโยนเงินน่าจะดีที่สุด” เธอหันหลังและเดินเข้าไปในบ้าน “มีห้องว่างอีกไหม ฉันอยากพักผ่อน”
ฉีหย่วนหยางวางแก้วในมือลง สักพักหนึ่งเมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้านก็ปรากฏรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายออกมา “ไม่มีห้องว่างเลย อยากจะนอนที่ห้องนอนใหญ่ไหม?”
“ฉันไม่ได้ถามนาย” สายตาของอันโหรวมองไปยังคนใช้ที่อยู่ในห้องรับแขก ไม่ใช่เขาเลยสักนิด
คนใช้มองฉีหย่วนหยางที่อยู่ด้านหลังอันโหรวสักพักหนึ่ง ก่อนจะเห็นเขาพยักหน้า จึงได้พาอันโหรวเดินขึ้นไปที่ด้านบน
เมื่อเดินขึ้นไปอย่างช้า ๆ ที่ด้านบนก็เห็นห้องรับแขกที่ปิดสนิทไว้อยู่
อันโหรวเดินเข้าไปในห้องที่ปิดนั้น เมื่อจัดแจงอะไรเสร็จก็ปิดประตู พร้อมกับพักพิงตรงประตู ตอนนี้เหลือแค่เธอคนเดียวแล้ว ไม่ว่าเธอจะมองอะไรตรงไหนก็ล้วนไม่เห็นเส้นทาง
เธอหลับตานิ่ง แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวดมากก็ตาม
“ฉันบอกเลยนะ เธออย่ามาร้องไห้คนเดียวในห้องเชียว ไม่อย่างนั้นฉันจะดูถูกเธอ”
ตอนนี้เธอไม่สบายใจอยู่แล้ว กลับยังถูกเขาเยาะเย้ยอีก ใบหน้าของเธอแทบไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาด้วยซ้ำไป “ช่วยเงียบให้ฉันหน่อยได้ไหม”
“นึกว่าเธออยากจะได้ไหล่ของฉันซะอีก”
“ไม่จำเป็น” เธอหันหลังกลับมา พร้อมกับล็อกประตูห้องให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เดินไปที่กลางห้องอย่างมั่นใจ
เธอมองดูเตียงกลม ๆ ขนาดใหญ่ ก่อนจะล้มเอนตัวลงพักพิงและเอาหน้าซุกไปบนผ้าห่มนุ่ม ๆ
อันที่จริงเธอก็คิดอยากจะรู้ว่าที่ด้านนอกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง แม้ว่าเธอจะกังวล แต่เธอก็กลัวว่าเมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วเธอจะรับมันไม่ไหว
เธอเดินออกจากที่แห่งนั้น แต่อันหยาพั่นกลับไม่ได้เดินออกไป!
พวกเขาซ่อนความลับนี้ไว้ลึกมาก ไม่คิดเลยว่าเธอ……..
อันโหรว เธอนี่มันโง่จริง ๆ ทำไมถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้!
ฉีหย่วนหยางยืนอยู่ด้านนอกประตูห้องเป็นเวลานาน เมื่อไม่ได้ยินเสียงข้างใน เขาก็เริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่ร้องไห้ ไม่แน่ว่าเธออาจจะเอาหมอนมาซุกเอาไว้แล้วฆ่าตัวตาย!
ตอนนี้ใบหน้าของเธอคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้ว เสียงที่ไม่เล็ดลอดออกมาก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอเอาผ้าห่มมาซึมซับ ไม่รู้เลยว่าน้ำตาที่เธอเสียไปมันไหลออกมามากแค่ไหนแล้ว
ภายในใจของเธอตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดจนไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ น้ำตาเท่านั้นที่จะเป็นทางออกที่ง่ายที่สุดในการบรรเทาบางอย่าง
ตอนนี้เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยมาก คิดอยากจะนอนจริง ๆ เธออยากจะพักผ่อนตัวเองเสียหน่อย