อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 355 จับเข้ากรงหมู
ตอนที่ 355 จับเข้ากรงหมู
“ความรู้สึกหลอกลวงและจริงนั้นเหมือนกันไหม?” เธอกำหมัดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฉีเซิ่งเทียนที่เป็นพ่อพันธุ์แบบนั้นสมควรจับเข้าไปในกรงหมู!
“คำถามนี้……..ฉันจะไปรู้ได้ยังไง!”
หลินจือเซี๋ยวที่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องน้ำหันตัวกลับมามองเขาพลางหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าผู้จัดการฉีผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเหรอ แม้แต่จริงหรือปลอมก็ยังไม่รู้ หรือว่าเมื่อก่อนที่เคยหลับนอนไม่ใช่ครั้งแรก? งั้นเมื่อคืนคงไม่ได้ทำให้ฉีเซิ่งเทียนมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่”
“มันช่างเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่เสียจริง” เมื่อคืนเป็นการหลับนอนครั้งแรกของเธอ หรือว่าไม่ได้เป็นประสบการณ์ใหม่เหรอ?
หลินจือเซี๋ยวประมวลคำพูดของเขาในหัวสมอง เธอเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์คนเดียวของฉีเซิ่งเทียน
“นายมันสกปรก!” เธอค่อย ๆ สบถออกมา ก่อนจะหันตัวกลับเข้าไปห้องน้ำ
ปัง! เสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลงทำเอากระจกแตก
เมื่อหลินจือเซี๋ยวออกมาจากห้องน้ำ ฉีเซิ่งเทียนก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ร่องรอยเศษกระจกที่แตกอยู่ข้างเตียงนั้นก็ไม่มีแล้ว
ฉีเซิ่งเทียนยังคงเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอจริง ๆ ไม่คิดว่าเขาจะทำความสะอาดเก็บกวาดให้เธอแบบนี้
เป็นปาฏิหาริย์!
เธอพันตัวเองด้วยผ้าเช็ดตัวและเดินไปหาเสื้อผ้าของเธอ เมื่อหยิบมันขึ้นมาก็พบว่ามันถูกฉีกจนขาดหมดแล้ว
เมื่อคืนเธอไม่ได้ลงมือก่อนแน่ ๆ เธอไม่มีทางทำแบบนั้น!
ถ้าหากว่าเธอลงมือก่อน เธอควรที่จะถอดเสื้อผ้าของฉีเซิ่งเทียนออก ไม่ใช่ฉีกเสื้อผ้าตัวเองจนขาดแบบนี้
ป่าเถื่อน!
เธอมองไปรอบ ๆ ห้องนอน สุดท้ายก็ต้องใส่เสื้อเชิ้ตของฉีเซิ่งเทียนไว้อย่างไม่เต็มใจเพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอ และก็ใช้เวลาหาอยู่นานถึงจะเจอกางเกงขาสั้นลายดอกไม้สีฟ้าหนึ่งตัว
พูดถึงกางเกงขาสั้นของฉีเซิ่งเทียนแล้ว สำหรับเธอใส่มันมาถึงเข่าและมันกว้างเกินไป นี่มันเป็นกางเกงชายหาดหรือเปล่า?
ฉีเซิ่งเทียนที่กำลังนั่งดื่มนมอยู่ เมื่อเขาเห็นหลินจือเซี๋ยวที่แต่งตัวแบบนั้นลงมา นมในปากของเขาก็แทบจะพุ่งออกมา
“โดยปกติแล้วไม่ใช่ว่าจะใส่แค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเหรอ? ใครใช้ให้เธอใส่กางเกงของฉันกัน!” เขาวางแก้วลงและเลิ้กคิ้วขึ้นมองเธอพลางยิ้มที่มุมปาก
“โดยปกติแล้วนายควรที่จะเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าให้ฉันเลือก แบบนั้นจะดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหรือเปล่า?” หลินจือเซี๋ยวนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา ใส่เสื้อผ้าของเขาไม่สบายตัวเลยจริง ๆ
แต่ว่าถ้าไม่ใส่จะรู้สึกอึดอัดกว่านะ เพราะงั้นเธอควรจะใส่มันซะ!
“ฮ่า ๆ น่าสนใจ เซี๋ยวเซี๋ยวปกติตอนที่เธอไม่ได้ทำงาน เธอดูละครตอนแปดโมงมากไปใช่ไหม?” การดูละครมากไปทำให้ไอคิวต่ำลงนะ
“ในฮาร์ดไดรฟ์ของผู้จัดการฉีคงต้องมีเรื่องเมล็ดพันธุ์อย่างว่าเป็นร้อยเรื่องแน่ ๆ ฉันฟ้องร้องคุณได้ไหมนะ?” เธอหิวมากจริง ๆ แต่ว่าไม่คิดจะปล่อยให้ฉีเซิ่งเทียนได้ใจแบบนี้
“เมล็ดพันธุ์อะไร?” เขายกแก้วขึ้นมาดื่มอีกครั้ง และพบว่าการพูดคุยกับเธอนั้นน่าสนใจจริง ๆ
“คุณพูดเรื่องอะไร? ฉันไม่เข้าใจ” หรือเขาคิดว่าจะแกล้งโง่ได้คนเดียวงั้นเหรอ? เธอก็ทำเป็นนะ!
เขาดื่มนมเข้าไปก็เกือบที่จะสำลักออกมาอีกครั้ง ก่อนจะกลืนมันลงไปพลางมองดูเธอกินอาหารเช้าอย่างสง่างาม แสงแดดทะลุหน้าต่างกระจกเข้ามา กระดุมเสื้อเชิ้ตนั้นเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยจูบที่อยู่บนผิวขาว ๆ ของเธอ
เป็นครั้งแรกที่ในหัวของฉีเซิ่งเทียนนั้นคิดเรื่องอยากจะมีผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิต
เมื่อตอนเช้าตื่นขึ้นมาเจอเธอ เอื้อมมือไปกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด ทะเลาะกันบ้างบางคร้ั้ง และกินข้าวเช้ากับเธอ ทั้งสองนั่งรถไปบริษัทด้วยกันและกลับบ้านด้วยกัน
ในช่วงเวลากินข้าวเช้าอันแสนสั้น ในหัวของเขากลับคิดเรื่องอื่น ๆ ได้มากมาย แม้กระทั่งคิดไปไกล
“เธอว่าโรงเรียนอนุบาลสายรุ้งเป็นยังไง?”
หลินจือเซี๋ยวยกแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นมาดื่มและมองไปที่เขาอย่างงุนงง ก่อนจะตอบว่า “ก็ดีนะ! ก็เป็นกิจการของประธานถังไม่ใช่เหรอ!”
“งั้นในอนาคตให้ลูกของเราเข้าเรียนที่นั่น เธอคิดว่าไง………”
พรวด…..!
น้ำผลไม้เย็น ๆ ถูกพ่นไปที่ใบหน้าของฉีเซิ่งเทียน เขาที่เพิ่งพูดไปยังไม่ทันจบ จู่ ๆ เธอก็พ่นน้ำผลไม้มาที่หน้าเขา
ใบหน้าของฉีเซิ่งเทียนเย็นชาลง ดวงตาสีดำสนิททั้งสองข้างมองมาที่เธอ เธอรีบดึงกระดาษทิชชูขึ้นมาและเช็ดไปที่หน้าของเขาอย่างลวก ๆ โดยไม่เบามือหรืออ่อนโยนใด ๆ
คำพูดของเขามันช่างน่ากลัวจริง ๆ
ลูกในอนาคตของพวกเรา
ไม่มีพวกเราหลังจากนี้ และไม่มีลูกแน่!
ทันใดนั้นฉีเซิ่งเทียนก็คว้ามือของเธอมาจับไว้ กระดาษทิชชูที่อยู่ในมือของเธอก็ร่วงหล่นลงไปตรงขาของเขา
“ผู้จัดการฉีคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ถ้าหากว่าไม่ได้โกรธ…” แก้วที่ยังมีน้ำส้มเหลืออยู่นิดหน่อยในมือของเธอถูกวางลงตรงหน้าเขา “งั้นคุณก็สาดกลับมาเลย!”
ในสายตาที่จริงจังของเธอ เขายกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมา
คงไม่หรอก!
เขาเป็นคนที่สง่างาม เป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลฉี ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำจริง ๆ ผู้ชายที่ดีต้องมีน้ำใจนะ!
จิตใจที่เอื้อเฟื้อของเขาหายไปอยู่ที่ไหน?
ฉีเซิ่งเทียนจิบน้ำผลไม้นั้นและขยับตัวเข้ามาใกล้เธอ ใบหน้าที่หล่อเหล่านั้นเผยรอยยิ้มและจับมือของเธอไว้แน่น
ไม่ยอมให้เธอหนีไปไหน!
หลินจือเซี๋ยวหันหน้าหนีโดยสัญชาตญาณ วินาทีนั้นเธอก็ถูกจับไว้ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะประกบมาที่ริมฝีปากของเธอ
เธอเบิกตากว้าง ริมฝีปากของเธอถูกปิดแน่นโดยไม่ปล่อย น้ำผลไม้ที่หวานอมเปรี้ยวค่อย ๆ ไหลผ่านเข้ามาจากการสัมผัสของทั้งสองคน
เขาจู่โจมและเรียกร้องไม่หยุด สำหรับเรื่องการจูบนั้นหลินจือเซี๋ยวยังอ่อนประสบการณ์อย่างมาก จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ยังไง จึงยอมจำนนอย่างง่ายดายและปล่อยให้เขาก่อกวนแลกน้ำส้มกันอยู่แบบนั้น
ฉีเซิ่งเทียนนั่งลงแต่หลินจือเซี๋ยวยืนโน้มตัวลงมา ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นมีโต๊ะกระจกยาวกั้นอยู่ หน้าท้องของเธอถูกกดเอาไว้แนบกับกระจก เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นแทบจะไม่ไหวแล้ว
ร่างกายของเธอแทบจะล้มลง
เธอใช้มือผลักเขา การจูบแบบพัวพันจึงจบลง
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอ เขาเลียริมฝีปากล่างเล็กน้อย “หวานจัง”
“ทำไมฉันรู้สึกเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ”
“ฉันหมายถึงเธอต่างหากไม่ใช่น้ำส้ม!” ฉีเซิ่งเทียนโกรธเล็กน้อย
“อ๋อ….” เธอนั่งลงอย่างเงียบ ๆ สัมผัสไปบริเวณที่เธอโดนขอบโต๊ะ เจ็บจัง
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ เขาก็รีบลุกขึ้นมาย่อตัวลงตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือมายกเสื้อของเธอขึ้น “เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เพียะ!
หลินจือเซี๋ยวตีไปที่หลังมือของเขาทันที ก่อนจะจ้องมองไปที่เขาอย่างโกรธเคือง “คุณจะทำอะไร?”
“เช็กดูไง!”
“ไม่ต้อง! แค่ชนเท่านั้น เดี๋ยวก็หาย!” แต่ว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา เป็นความผิดของเขา
ทั้ง ๆ ที่เธอเตรียมตัวจะถูกสาดกลับ แต่กลับถูกจูบจนได้
“หลินจือเซี๋ยว!” ฉีเซิ่งเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“ฉันบอกว่าไม่เจ็บแล้ว ทำไมน่ารำคาญแบบนี้เนี่ย! ทำไมเมื่อคืนถึงไม่คิดจะถามบ้างว่าเจ็บหรือเปล่า?” เธอไม่อยากให้เขาดู
ใบหน้าที่โกรธเคืองนั้นทำให้เขาหัวเราะออกมา “ฉันตรวจเช็กร่างกายทั้งบนล่างหมดแล้ว ตอนนี้เธอจะอายอะไร?”
เขาทำท่าเก่งกาจออกมา แต่เธอกลับดูไม่ชอบใจ “ฉันไม่ให้คุณดูหรอก!”
“โอเค ๆ ไม่ดูก็ได้ ตามใจเธอเลย” ฉีเซิ่งเทียนพยักหน้าและลุกขึ้น
หลินจือเซี๋ยวมองเขาที่ลุกขึ้นก่อนจะปล่อยมือออก ทันใดนั้นเสื้อเชิ้ตที่อยู่บนตัวของเธอก็ถูกถอดออก เขาจ้องมองอย่างจดจ่อ