อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 354 หน้าแดง
ตอนที่ 354 หน้าแดง
ฉีเซิ่งเทียนมองเธอที่กำลังเขินหน้าแดงอยู่อย่างพอใจ อืม หน้าแดงแบบนี้ถือว่าแสดงท่าทีที่ไม่เลว
ตอนนี้หลินจือเซี๋ยวเองก็อายจนแทบอยากจะหาที่มุดเข้าไป
โหรวโหรวลืมบอกขั้นตอนกับเธอไปว่าหากเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น เธอต้องทำตัวยังไง?
หากทำให้เขาหมดสติแล้วหนีไปตอนนี้จะทันไหมนะ?
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้นเหนือหัวเธอ
“ยังไงก็ไม่ได้คิดเหมือนคุณก็แล้วกัน”
“หึ….…” ทำไมเขารู้สึกว่านับวันเธอยิ่งน่าสนใจมากขึ้น “งั้นเธอพูดมาว่าฉันกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง…….”
รู้สึกได้ว่าเขาเริ่มขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงเริ่มที่จะขยับตัวถอยอย่างช้า ๆ ศีรษะเริ่มขยับถอยห่างออกไป มีเพียงเอวที่ยังคงถูกกอดรัดแนบชิดตัวเขาอยู่อย่างนั้น
“นี่เธอเล่นโยคะหรือไง?” ข้อมือของเขาไม่มีท่าทีที่จะคลายออกเลย เขามองดูร่างกายที่ยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดีของเธอ
เธอไม่เคยฝึกสักหน่อย แค่ทำงานก็ยุ่งมากพอแล้ว กลับบ้านมาก็เหนื่อยล้ายังจะให้ฝึกโยคะอีกเหรอ
“คือว่าผู้จัดการฉี คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม? โหรวโหรวจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านฉันในสุดสัปดาห์นี้” เธอกลับมาอยู่ที่เดิมพลางมองไปที่เขา
“เธอคงไม่ไปแล้ว” เขาตอบกลับอย่างมั่นใจ
เมื่อวานโหรวโหรวถูกบิ๊กบอสพากลับไปแล้ว คาดคะเนแล้วคงจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไง?
“ผู้จัดการฉี วันหยุดสัปดาห์แบบนี้พวกเราไม่ควรมาเสียเวลานอนอยู่บนเตียงแบบนี้นะ พวกเราควรลุกได้แล้ว!” ความจริงแล้วเธอปวดเมื่อยและระบมไปทั้งตัวจนไม่อยากจะลุกไปไหน
แต่ว่าเธอนั้นไม่อยากจะนอนบนเตียงกับเขาต่อ แบบนั้นยิ่งเสียความบริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก มันอันตรายเกินไป
ของล้ำค่าที่สุดในชีวิต ต้องอยู่ให้ห่างฉีเซิ่งเทียน
นี่เป็นเป้าหมายในชีวิตของเธอหลังจากนี้ ถ้าหากหลุดพ้นจากการเป็นเลขาของเขาได้ก็ยิ่งดี
“เธอชอบบนโซฟา ระเบียง หรือว่าห้องน้ำ?” ฉีเซิ่งเทียนมองเธออย่างชอบใจ แกล้งหลินจือเซี๋ยวนี่สนุกจริง ๆ
คำพูดของเขาที่พูดมาเมื่อครู่นี้หมายความว่ายังไง ใบหน้าของหลินจือเซี๋ยวที่ซีดขาวก็เริ่มแดงขึ้นอีกครั้ง
เธอใช้กลยุทธ์อะไรผิดไปหรือเปล่า?
จากประสบการณ์ผ่านผู้หญิงมามากอย่างเขานั้น เขาน่าจะชอบผู้หญิงสไตล์ออดอ้อนหรือเปล่า?
ไม่สนใจแล้ว ลองดูแล้วกัน
“ผู้จัดการฉี…….” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาน
น้ำเสียงที่เธอพูดออกมานั้น เธอยังรู้สึกขยะแขยงตัวเอง
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่เธออย่างประหลาดใจ แค่เสียงแบบนั้นของเธอก็ทำให้ร่างกายของเขานั้นอ่อนระทวย แต่ว่าเขากลับไม่แสดงท่าทางอะไรที่ผิดปกติออกมา ยังคงแสร้งทำเป็นสงบนิ่งไร้สีหน้า
“คือว่าฉันเจ็บมากเลย รู้สึกไม่สบายตัวด้วยเพราะงั้นไม่สามารถอยู่ดูแลได้แล้ว ฉันขอกลับไปพักผ่อนหน่อยนะ! ได้ไหมคะ?” สองคำสุดท้ายที่พูดออกมานั้นมาพร้อมกับการกะพริบตาอ้อนวอนรอความหวังจากเขา ผลลัพธ์น่าจะออกมาดีอยู่นะ
“ไม่ได้”
ฉีเซิ่งเทียนปฏิเสธออกมาทันที
ผู้หญิงที่น่ารักแบบนี้ เขาต้องให้อยู่ที่บ้านของตัวเองอยู่แล้ว
“ฉีเซิ่งเทียน นี่นายไม่ได้กินเนื้อมานานแล้วใช่ไหม?” สีหน้าของเธอนั้นเปลี่ยนไปทันที ไม่เหมือนกับที่ออดอ้อนเมื่อครู่
“เมื่อวานเพิ่งได้กินเนื้อไป ตอนแรกฉันรู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้ว เซี๋ยวเซี๋ยวเธอทำให้ฉันอยากจะเชยชม แต่ไม่คิดเลยว่าเธอเองก็กระหายมากเหมือนกัน” เมื่อเขาพูดออกมา ท่าทางของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป
หลินจือเซี๋ยวถูกเขาจับกดลงนอน เธอกลืนน้ำลายพลางมองเขาอย่างน่าสงสาร “ผู้จัดการฉี คุณเข้าใจผิดแล้ว”
ภาษาของเขาเป็นครูพละที่สอนใช่ไหมเนี่ย?
“เซี๋ยวเซี๋ยว ฉันละชอบการเปลี่ยนสีหน้าของเธอมากจริง ๆ” เดี๋ยวก็คำรามใส่เขา เดี๋ยวก็ทำน่าสงสารใส่เขา
“อยู่กับบิ๊กบอสมาตั้งนาน เห็นคนก็พูดกับคน เห็นผีก็พูดกับผี ตีสองหน้าได้เก่งจริง ๆ เพราะงั้นผู้หญิงแบบนี้จึงน่ากลัวจริง ๆ นายอย่ามาใกล้ฉันและอย่ามายั่วโมโหฉัน ระวังฉันจะระเบิดออกมานะ!” เธอแพ้ให้กับฉีเซิ่งเทียนแล้ว แม้ตอนนี้จะทำท่าทางก้าวร้าว แต่ความจริงแล้วเธอกลัวผู้ชายแบบนี้มาก ๆ
อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด ฉีเซิ่งเทียนกลับยิ้มออกมา “ดีจริง ๆ ที่เคยมีแฟนสาวมานับพันคน มีบ้านเล็กบ้านน้อยมาอีกหลายพัน แต่สุดท้ายก็เสร็จเธอคนเดียวแล้วจริง ๆ”
“ผู้จัดการฉี ท้องฉันร้องแล้ว ได้โปรด มันคือท้องที่ร้องไม่ใช่ส่วนอื่น” ฉีเซิ่งเทียนเข้ามามากเกินไป เพราะงั้นเธอจำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นมีหวังได้ถูกเขากินจนเกลี้ยงอีกครั้งแน่
คาดว่าไม่มีผู้หญิงที่เศร้าอย่างเธอ แม้แต่ครั้งแรกของตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงความประทับใจแรกเลย เริ่มยังไงก็ยังไม่รู้
นอกจากร่องรอยที่อยู่บนตัวและผู้ชายที่กำลังทับอยู่บนตัวของเธอ เธอก็ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
โศกนาฏกรรม!
โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่!
ฉีเซิ่งเทียนคิดถึงดอกไม้มาเป็นเวลานาน และเขาก็ค้นพบความจริงว่าต้องเลี้ยงผู้หญิงให้กินอิ่มก่อนถึงจะสนองให้เขากินอิ่มได้
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ ก่อนจะก้มลงมองเธอ “อยากกินอะไร?”
“นายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?” หลินจือเซี๋ยวมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ
ฉีเซิ่งเทียนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา คิดอยากจะเอาโทรศัพท์ตีไปที่หัวของเธอจริง ๆ แม้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านของเขา แต่ว่าเขาไม่ได้พักอยู่ที่บ้าน เขาไปอาศัยอยู่ที่โรงแรมจิ่งที่แสนสะดวกสบาย เขาพักอาศัยอยู่ในโรงแรมค่อนข้างบ่อยมากกว่า
บ้านพักใหญ่โตขนาดนี้มีเพียงแค่คนทำความสะอาดเข้ามาเท่านั้น ตอนนี้ที่นี่ก็มีเพียงแค่พวกเขาสองคน ในบ้านก็มีเพียงแค่ไวน์และไม่มีของกินอะไรเลย
อาหารเช้าของพวกเขาก็คือเดลิเวอรี่
“อยากกินอะไร?” เขาถามออกมาอีกครั้ง
หลินจือเซี๋ยวมองไปที่โทรศัพท์มือถือของเขาก็เข้าใจทันที ก่อนจะหัวเราะออกมา “ผู้จัดการฉี คุณก็กินแบบเดลิเวอรี่ด้วยเหรอ?”
“เธอจะกินไหม เธอไม่กินฉันจะกินเธอแทนแล้วนะ!”
เธอรีบเลือกสิ่งที่เธออยากจะกินทันที หลังจากนั้นก็ห่อตัวด้วยผ้าห่มและย่อตัวลงนั่งข้างเตียง การกระทำนี้เผยให้เห็นเตียงขนาดใหญ่
และแน่นอนว่าคราบเลือดสีแดงที่กระจายออกราวกับดอกกุหลาบนั้นยังคงเปื้อนผ้าปูที่นอนอยู่เช่นเดิม ใบหน้าของเธอเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
ฉีเซิ่งเทียนวางโทรศัพท์และมองใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอ ก่อนจะละสายตาไปมองคราบเลือดบนเตียง เขาจับพลัดจับผลูพูดขึ้นมาว่า “ฉันจะรับผิดชอบเอง”
“ไม่ต้องการให้คุณรับผิดชอบ พวกเราทำเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมันดีตรงไหน?” เธอไม่อยากจะให้มีโอกาสที่โชคดีครั้งที่สองกับฉีเซิ่งเทียนอีก
เธอไม่มีแม้แต่ความรู้สึกที่สวยงาม เธอไม่ชอบ
ดวงตาที่เย็นชาของฉีเซิ่งเทียนมองไปที่เธอ “เธออยากจะชดเชยมันอีกไหม?”
“ชดเชยอะไร?”
“สิ่งที่เธอสูญเสียไปเมื่อคืน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาลงเป็นอย่างมาก
ถ้าเธอกล้าพูด เขาก็ไม่ถือสาที่จะซ้ำมันอีกครั้ง
“เอ่อ……..”
ท่าทางของเธอดูงุนงงเและไม่เข้าใจเล็กน้อย หรือว่าเธอคิดแบบนั้นจริง ๆ
“ฉันจะไปอาบน้ำก่อน” เธอโอบผ้าห่มลงมาจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำอย่างเซื่องซึม
ขณะที่เดินผ่านตัวเขาไปนั้นก็ไม่ได้มองเขาเลยสักนิด
“หลินจือเซี๋ยว คำพูดของฉันเมื่อครู่นี้เธอยังไม่ได้ตอบเลยนะ” ฉีเซิ่งเทียนมองเธอจากด้านหลังและถามเธออย่างสนใจ