อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 340 นั่นมันเรื่องของแม่ ผมไม่ยุ่ง
ตอนที่ 340 นั่นมันเรื่องของแม่ ผมไม่ยุ่ง
เธอก้มลงมองโอวหยางลี่ที่ได้รับบาดเจ็บที่แขน แม้ว่าใบหน้าจะมองไม่ออกว่าเจ็บตรงส่วนไหน แต่เธอก็จำรูเจาะเลือดได้อย่างชัดเจน
เรื่องนี้เป็นเพราะนังผู้หญิงคนนั้นคนเดียว!
“แกอยู่บ้านดูแลตัวเองดี ๆ แล้วก็คอยดูเหอเหมียวไว้ด้วย ช่วงนี้ชอบออกไปข้างนอกบ่อย ๆ”
“นั่นมันเรื่องของแม่ ผมไม่ยุ่ง” เขาหลับตาลงอีกครั้ง
“แกตัดใจสักทีเถอะ!” เฉาลี่เฟยมองเขาด้วยความโกรธ “อันโหรวดีขนาดนั้นเลยหรือยังไง? แกถึงทุ่มเทกับเธอขนาดนี้ อย่าลืมว่าเธอนอกใจ เธอสวมเขาให้แก ใคร ๆ ก็รู้ว่าห้ากว่าปีก่อนหน้านี้แกก็โดนหลอก!”
“ผมรู้!” เขารู้ดี ภายในใจก็ชัดเจน เพราะงั้นถึงได้โกรธมากขึ้นไปอีก
แฟนของเขา แฟนที่รักกันมาถึงสิบปีทำกับเขาแบบนั้น!
“แกรู้ก็ดี แม้ว่าแกจะไม่ชอบเหอเหมียวก็ไม่เป็นไร ยังไงเธอก็ท้องลูกของแกอยู่ แกต้องเกลี้ยกล่อมให้เธอคลอดลูกออกมา หลังจากนั้นแกจะไปเที่ยวเล่นเสเพลข้างนอกที่ไหนก็ไป มีลูกแล้วแกจะยังกังวลอะไร หรือถ้าจะไม่แต่งงานก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือแกต้องดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้ดี!”
“อืม” โอวหยางลี่ตอบกลับอย่างรำคาญ
ด้านหลังที่อยู่ห่างพวกเขาไปไม่ไกลมากนัก เหอเหมียวกำลังแอบฟังที่พวกเขาคุยกันอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นกวาดตามองไปที่พวกเขาอย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะเดินออกไปเหมือนกับว่าไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้นมาก่อน
……
ทันใดนั้นเมือง A ก็จับพ่อค้ายารายใหญ่ได้ มีข่าวลือว่าเขารับสารภาพหมดแล้ว รวมถึงซัดทอดทั้งคนซื้อและคนขายร่วมกับเขาด้วย
วันรุ่งขึ้นก็มีคนมาตรวจสอบบัญชีที่บริษัทจิ่ง เนื่องจากมีเงินจำนวนมหาศาลที่เพิ่งได้รับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนโดยที่ไม่มีข้อมูลของเจ้าของเลขบัญชี
ซึ่งจิ่งเป่ยเฉินได้ให้คนโอนเงินนี้ออกไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะถูกคิดว่าไปคบค้ากับคนค้ายา
เป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี จิ่งเป่ยเฉินเป็นคนยังไงถึงต้องไปคบค้าสมาคมกับพ่อค้ายา จะเป็นไปได้ยังไงที่จะใช้บัญชีของบริษัทจิ่ง เขาไม่ได้โง่นะ
เจ้าหน้าที่ตุลาการสองสามคนยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะโค้งคำนับให้ “ประธานจิ่ง รบกวนขอความร่วมมือจากท่านสักครู่ได้ไหมครับ?”
“ประธานจิ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก หากไม่ตรวจสอบ พวกเราคงไม่สามารถให้การอธิบายได้” ผู้นำการสอบสวนมองเขาด้วยความเคารพ รอยยิ้มบนใบหน้านั้นกว้างยิ่งกว่าอะไร
จิ่งเป่ยเฉินเอนหลังไปอย่างเกียจคร้าน ดวงตาสีดำสนิทกวาดตามองพวกเขา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ประธานจิ่งไปร่วมแค่แป๊บเดียว ที่นั่นมีอาหารและไวน์ดี ๆ รอต้อนรับอยู่ เข้าไปกินแค่มื้อเดียวก็พอ ได้ไหมครับ?” เขากังวลจริง ๆ เกรงว่าจะไปยั่วยุพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่เข้า!
ถ้าหากโกรธแล้วจู่ ๆ เขาระเบิดตึกทิ้งขึ้นมาจะทำยังไง!
ทำไมคนคนนั้นที่รวบรวมรายชื่อถึงทำให้มีชื่อจิ่งเป่ยเฉินอยู่ในนั้นด้วยนะ!
เขาสามารถทำเป็นไม่เห็นก็ได้ หรือทำเป็นตัดรายชื่อเขาออกซะก็จบ!
“ไม่ว่าง”
คนคนนั้นมองมาพลางทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ สีหน้าของคนอื่น ๆ เองก็แย่ไม่แพ้กัน!
เมื่ออันโหรวเดินเข้ามาเห็นฉากแบบนี้
เธอถือเอกสารเดินเข้าไปหาเขา “นี่ของคุณค่ะ!”
“คุณเลขาช่างเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจจริง ๆ” เขามองไปที่เอกสารข้อมูลซึ่งเป็นที่มาของเงินจำนวนนั้น
ที่แท้ก็เป็นเลขบัญชีของพวกค้ายาจริง ๆ แต่ว่าตอนนี้เงินก้อนนั้นได้ถูกจิ่งเป่ยเฉินโอนออกไปยังบัญชีต่างประเทศแล้ว พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบหลักฐานรายละเอียดในทางรูปธรรมได้
“ฉันเป็นนักธุรกิจ มีเงินจำนวนมากมายเข้าออกบัญชี จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” แม้จะเป็นเงินดำเขาก็สามารถฟอกมันได้อย่างง่ายดาย
“ประธานจิ่ง งั้นก็ตามคุณเลยครับ แล้วเรื่องนี้จะจัดการยังไง?” เขาอยากจะหัวเราะออกมา แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาอยากจะร้องไห้มากกว่า
เพราะงั้นสีหน้าของเขาในตอนนี้จึงไม่น่าดูเลยสักนิด
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เขา เหมือนว่าพ่อแม่นั้นตายไปแล้ว ร่องรอยของความเกลียดชังปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ก่อนจะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ไม่เกี่ยวกับนาย ไม่ให้ตรวจสอบ”
“ทุกท่านเชิญค่ะ!” อันโหรวผายมือออกไป ก่อนจะพาคนที่แต่งชุดสูทเหล่านั้นออกไปจากห้องทำงาน
ประตูห้องทำงานถูกปิดลง อันโหรวเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
“ดีมากเลย” จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เธอพลางกระตุกปากขึ้น “ส่งเขาเข้าคุกไปถือว่าเอาเปรียบพวกเขาไปหรือเปล่า?”
“เป็นเพราะพรของหยางหยางและหน่วนหน่วน” เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานพลางมองไปที่ใบหน้าที่เหมือนหยางหยาง เธอรู้สึกจุกเสียดขึ้นมาภายในใจอย่างอดไม่ได้
เรื่องในปีนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาจริงเหรอ?
เธอชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ
เมื่อเห็นเธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม จิ่งเป่ยเฉินก็ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะหยิบเสื้อสูทที่แขวนอยู่และเดินมาตรงหน้าเธอ เขาก้มมองเธอ “ที่รัก ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”
ลมหายใจที่ร้อนผ่าวเข้ามาใกล้หูของเธอ เธอก้าวขยับถอยหลังไป “ฉันจำได้ ไปกันเถอะ!”
วันนี้พวกเขาต้องไปวัดตัวตัดชุดแต่งงาน
เมื่อทั้งสองคนเดินออกไปจากตึกก็เห็นอันหยาพั่นกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกพอดี
เวลาทำงานเธอมาทำอะไร?
“พี่คะ พวกพี่จะออกไปข้างนอกเหรอ?” เธอยิ้มพลางเอ่ยถาม “ฉันเพิ่งไปหาลูกค้ากับผู้จัดการมา! ไม่มีเวลาว่างเลย!”
“ไปตัดชุดแต่งงาน”
“งั้นก็น่าสนุกเลย ฉันไปดูด้วยได้ไหม?” อันหยาพั่นมองเธออย่างตื่นเต้น “พี่…….”
อันโหรวมองใบหน้าที่ขอร้องแบบนั้น ก่อนจะพยักหน้า
พวกเขาทั้งสองคนนั่งอยู่ด้านหลัง ส่วนอันหยาพั่นนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เมื่อขึ้นรถมาอันหยาพั่นก็ไม่ได้พูดอะไรที่น่าสนใจ
อันโหรวหันไปมองจิ่งเป่ยเฉิน ใบหน้าของเขานั้นดูไม่แยแส ดวงตาปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจออันหยาพั่น บวกกับเรื่องของโอวหยางกรุ๊ปด้วย ภายในใจของเธอจึงลืมเรื่องจี้หยกนั้นไปเสียสนิท
ความประทับใจแรกภายในใจของเธอ อันหยาพั่นเป็นน้องสาวที่ดูน่ารักและเชื่อฟังมาตลอด เพราะงั้นความจริงแล้วเธอไม่คิดถึงเรื่องอื่น
แต่จิ่งเป่ยเฉิน…….
เธอไม่อยากคิดให้เขากลายเป็นเหมือนโอวหยางลี่คนที่สอง คนที่หลอกลวงเธอแล้วก็ไปแต่งงานกับคนอื่น
เมื่อถึงร้านตัดชุดเจ้าสาว ใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินก็ยังคงเหมือนเดิม หรือเป็นเพราะอันหยาพั่น? เธอไม่ควรอนุญาตให้เธอมาด้วยหรือเปล่า?
“พี่คะ ที่นี่เป็นสไตล์จีน พวกพี่ไม่ตัดแบบชุดเจ้าสาวฟู่ฟ่องเหรอ? ฉันคิดว่าเป็นชุดเจ้าสาวสีขาวเสียอีก!”
“ฉันอยากจะเข้าพิธีแบบจีน สีแดงดูเป็นมงคลดี ส่วนพิธีแบบตะวันออก…..” เธอมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินที่ยังคงเงียบเช่นเคย “รูปถ่ายในงานค่อยเป็นแบบตะวันตก”
เป็นครั้งแรกที่จิ่งเป่ยเฉินฟังเธอ เขาก้มมองเธอ “ที่รัก เธอนี่รอบคอบมากเลย”
“นั่นสิ!” เธอยิ้มพลางหัวเราะ ก่อนจะลากจิ่งเป่ยเฉินเข้าไปข้างใน
เมื่อเข้ามาในร้านก็เลือกแบบและวัดขนาดตัว
แต่ว่าแบบที่เลือกไปนั้น อันโหรวดูชุดเจ้าสาวทุกแบบจนเริ่มตาลาย ดู ๆ แล้วเหมือนไม่ได้ต่างอะไรกันมากมาย แต่ความจริงแล้วรายละเอียดนั้นประณีตและแตกต่างกันมาก
เลือกยากมากจริง ๆ
เป็นครั้งแรกที่เธอกำลังทุกข์ใจกับการเลือกในครั้งนี้
อันหยาพั่นที่นั่งอยู่ข้างเธอ สักพักก็ร้องขึ้นมา อีกสักพักก็กรีดร้องขึ้นมาอีก
“ชุดนี้สวยมากเลย นี่ก็สวย พี่คะ ทำยังไงดี ฉันรู้สึกว่ามันสวยไปหมดเลย” หลัก ๆ คือเธอต้องสวย ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด!
จิ่งเป่ยเฉินที่นั่งมองอันโหรวอยู่ตรงข้าม ความจริงแล้วคนสวยอยู่แล้ว ใส่อะไรก็ดูดี ไม่ใส่ก็ยังดูดี
“เฮ้อ เมื่อไหร่ฉันจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวแบบนี้บ้าง….” อันหยาพั่นพิงไปที่ไหล่ของเธอ “พี่คะ ฉันอยากแต่งงานแล้ว!”