อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 311 ฉันไม่ใช่แขก ฉันจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
- Home
- All Mangas
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 311 ฉันไม่ใช่แขก ฉันจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ตอนที่ 311 ฉันไม่ใช่แขก ฉันจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
อันโหรวไม่ได้สังเกตเห็นบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มีตัวอักษรและคำพูดบางอย่าง เธอไม่ได้สังเกตแม้แต่นิดเดียว
ที่บ้านตระกูลหลินที่อยู่ห่างไกลออกไป หลินจือเซี๋ยวแทบอยากจะบ้า
ในวันส่งท้ายปีก่อนวันก่อนตรุษจีน การรวมตัวของญาติ วันที่งดงามเช่นนี้ ทำไม ทำไมฉีเซิ่งเทียนถึงต้องมาปรากฏตัวที่บ้านของเธอด้วย?
พอมาถึงบ้านก็เล่นหอบข้าวของใหญ่โตมากอง พร้อมกับเข้าประตูบ้านไปก็เรียกทั้งคุณลุงคุณป้า ปากเขาก็หวานเสียเหลือเกิน เรียกเสียจนพ่อกับแม่ของเธอมีความสุขกันยกใหญ่
ในตอนนี้เธอที่เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านกลับถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
จวบจนช่วงค่ำ พ่อแม่หลินจือเซี๋ยวก็ได้จัดแจงที่พักให้ฉีเซิ่งเทียนค้างคืน เมื่อคิดว่าจะจัดห้องให้เธอยังไงดี ก็เหลือบสายตามองไปที่ลูกสาวของพวกเขา
“แม่ ที่บ้านเราก็มีโซฟาอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องจัดหรอก!” เธอพูดด้วยรอยยิ้มออกมา
“จือเซี๋ยว เธอจะปล่อยให้แขกนอนที่โซฟาได้ยังไง!” แม่หลินมองไปที่หลินจือเซี๋ยว รู้สึกว่าคำพูดคำจาของลูกสาวของตนนั้นดูโง่เขลาสิ้นดี
“ฉันไม่ใช่แขก เพราะงั้นฉันจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ” ฉีเซิ่งเทียนนั่งลงบนโซฟา พร้อมกับถือรีโมททีวีและเปลี่ยนช่องไปมาอย่างสบายใจ
ทุกอย่างที่เขาทำนั้นดูราวกับว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
หลินจือเซี๋ยวมองเขา คิดอยากจะหยิบไม้กวาดมาฟาดไปที่เขาสักที ก่อนหน้านั้นแม้จะเคยเห็นคนที่ไร้ยางอายมาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอคนแบบนี้เข้ากับตัวเสียได้
สิ่งที่เธอเสียใจที่สุดก็คือในตอนนั้นเธอน่าจะเอาเงินไปเปลี่ยนบ้านใหม่ แต่พวกเขากลับบอกไม่อยากเปลี่ยน สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะยืนกรานซื้อมันด้วยตัวเอง ไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นว่ามีเพียงแค่สองห้องนอน แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่เคยมานอนที่บ้านหลังนี้
“เสี่ยวเทียนไม่ใช่แขกนะ จือเซี๋ยวลูกทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ที่เสี่ยวเทียนมาโดยไม่ได้บอกลูก เพราะเขาคิดอยากจะเซอร์ไพรส์ลูกต่างหาก! ลูกอย่าถือโทษโกรธเลย เดี๋ยวพ่อกับแม่ขอตัวไปนอนก่อน!” แม่ของหลินจือเซี๋ยวพูดอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตน
เซอร์ไพรส์? เกือบจะเซอร์ไพรส์ตกใจน่าดูมากเลยแหละ
ในห้องนั่งเล่นตอนนี้เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน หลินจือเซี๋ยวหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปดูหน้าจอโทรศัพท์
ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกว่าที่โซฟาข้าง ๆ ดูเหมือนจะเด้งขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นที่ด้านหน้าของเธอก็มีฉีเซิ่งเทียนปรากฏตัวขึ้น
“คิดจะหาโรงแรมอย่างนั้นเหรอ?”
วันส่งท้ายปีในช่วงตรุษจีนคิดจะออกไปหาโรงแรมพัก ดูไปแล้วก็ไม่รู้ว่าหลินจือเซี๋ยวคิดจะเล่นอะไรอยู่กันแน่!
“ใช่สิ! ที่นี่มีแค่ห้องเดียว จะมีแค่ฉันหรือคุณเท่านั้นที่จะอยู่ได้ ตอนนี้คุณก็ลองคิดดูเอาเองเถอะว่าคุณจะออกไป หรือจะให้ฉันออกไปแทน” หลินจือเซี๋ยวก้มหน้าดูโทรศัพท์ต่อ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
“แบบนี้นี่เอง! ฉันขอไปถามคุณลุงคุณป้าก่อนละกันว่าฉันควรจะออกไปหรือจะให้เธอออกดี” เขาพูดเสร็จก็ลุกขึ้น
หลินจือเซี๋ยวรีบยื่นมือออกไปดึงเขาไว้ด้วยความโกรธ ฉีเซิ่งเทียนจึงกลับมานั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง ก่อนที่หลินจือเซี๋ยวจะพูดว่า “คุณจำเป็นต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“คำพูดนั้นควรเป็นฉันที่ถามเธอมากกว่า” ฉีเซิ่งเทียนตอบกลับอย่างไม่สนใจ
“นี่เป็นบ้านของฉัน คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” หลินจือเซี๋ยวเริ่มหงุดหงิด แต่ก็ทำได้แค่พูดเสียงเบาลง
ถ้าหากพูดเสียงดังตอนอยู่ในบ้านแบบนี้คงดูไม่ดีแน่ พ่อกับแม่ของเธอก็เพิ่งจะเข้าไป พวกเขาน่าจะยังไม่นอน
“งั้นเธอก็อยู่ที่นี่สิ ฉันเองก็อยู่ที่นี่ พวกเราคืนนี้ ฉันจะขอไปดูในห้องก่อนละกันว่าสภาพเป็นยังไงบ้าง” ครั้งนี้เขาลุกขึ้นและเดินออกไปทันที โดยไม่รีรอที่จะให้หลินจือเซี๋ยวดึงตัวเขากลับมาอีกครั้ง
เมื่อมองดูเขาที่เป็นเหมือนดั่งเจ้านาย ตัวเธอก็เหมือนกับลูกหนี้ ห้องนอนก็ต้องยกให้เขาไปแบบนี้งั้นเหรอ?
จะให้เธอมานอนบนโซฟาแบบนี้ไม่ได้นะ
ฉีเซิ่งเทียนมองตรงไปที่ห้องนอนตรงหน้า ในห้องไม่ได้ใหญ่มาก เตียงก็ไม่ได้กว้าง แต่ดูแล้วอบอุ่นชอบกล ข้างในมีรูปถ่ายจำนวนมากของหลินจือเซี๋ยวแขวนเอาไว้เยอะแยะ อีกทั้งยังมีอันโหรวอยู่ด้วย
คิดไม่ถึงเลยว่าก่อนหน้านั้นสกุลอันที่ร่ำรวยขนาดนั้นจะยังนับเธอเป็นเพื่อน
ขณะที่เขากำลังมองดูอยู่นั้น ที่ด้านหลังก็มีเสียงเดินตามมาเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า “คุณคิดว่าพวกเราควรจะนอนเตียงเดียวกันอีกครั้งอย่างนั้นเหรอคะ?”
หลินจือเซี๋ยวมองทุกอย่างโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองเขา เตียงที่มีผ้าห่มหนึ่งผืน หมอนที่มีแค่ใบเดียว ถ้าออกจากห้องนอนไปก็ถือว่ายังนอนได้
“เธอเอาจริง?” ฉีเซิ่งเทียนเดินตามออกไป
เธอวางหมอนไว้บนโซฟาและจัดแจงที่ซะดิบดี พร้อมกับปิดทีวี หลังจากนั้นก็เอนตัวลงนอนบนโซฟา
“ผู้จัดการฉี ราตรีสวัสดิ์” เธอพูดจบก็หลับตาลงทันที “ทันทีที่กลับเข้าไปในห้องช่วยปิดไฟด้วย”
“ปิดเองสิ” ฉีเซิ่งเทียนเหลือบมองเธอ ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าจะร้ายหรือดี
แต่ว่าหลินจือเซี๋ยวกลับไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของฉีเซิ่งเทียนที่ก้าวออกไปจากห้อง
นี่เขาเป็นอะไรกันแน่?
“หลินจือเซี๋ยว ฉัน ฉันฉลองปีใหม่ที่ไกล ๆ มาตลอด เธอกลับทำแบบนี้กับฉัน?”
“แล้วคุณจะเอาอะไรจากฉัน? ฉันก็ให้เตียงนอนกับคุณแล้วไง!” หลินจือเซี๋ยวโกรธ เธอเองก็ไม่ได้อยากเฉลิมฉลองระดับชาติแบบนี้กับเขา
“ฉันหวังว่าเธอจะมานอนบนเตียง ฉันแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่งดีไหม?” ฉีเซิ่งเทียนย่อตัวลงและนอนคว่ำตัวลงบนโซฟาและก้มมองเธอ
เธอที่ยังไม่ได้นอน ขนตายาว ๆ ยังสั่นสะท้าน ลมหายใจที่แผ่วเบารดบนหัวของเธอ เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขา
เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มไปบนใบหน้า “คุณไสหัวไปนอนได้แล้ว!”
“เธอนี่กล้ามากนะ ไม่คิดว่าจะกล้าใช้คำว่าไสหัวกับฉัน” ฉีเซิ่งเทียนใช้แรงดึงผ้าห่มลง ใบหน้าของเธอจึงเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
“คุณอยู่บ้านฉัน ฉันไม่ได้ไล่คุณออกไปเป็นเพราะฉันยังมีคุณธรรมที่สูงส่งพอ” เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เปิดประตูมาก็เห็นหน้าเขาแล้ว
“อืม คุณธรรมอันสูงส่งของเธอ” ฉีเซิ่งเทียนแทบอยากจะกัดไปที่ริมฝีปากที่ดื้อรั้นของเธอ
การได้ต่อสู้กับเขา เธอถึงจะสบายใจใช่ไหม?
หลินจือเซี๋ยวกัดไปที่ริมฝีปาก เมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินออกไปแล้ว และยังช่วยปิดไฟให้เธอจริง ๆ
วันนี้ใช้เวลาระมัดระวังตัวทั้งวัน ในที่สุดตอนนี้ก็ได้พักผ่อนเสียที เธอจึงผล็อยหลับไป
หนาว หนาวจังเลย
ทำไมถึงได้หนาวขนาดนี้?
หลินจือเซี๋ยวนอนขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ตัวสั่นไปหมด ทั้งที่ก่อนนอนในตอนแรกนั้นก็อบอุ่นดี ทำไมตอนนี้ถึงได้หนาวขนาดนี้?
เธอลุกขึ้นมาห่มผ้าห่ม พร้อมกับคลำหาโทรศัพท์อยู่นาน เมื่อเห็นเวลาตีสองเธอจึงเดินไปที่เครื่องปรับอากาศ
สมควรตาย! เครื่องปรับอากาศปิดไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
เมื่อเธอหารีโมทเครื่องปรับอากาศเจอ แต่กลับพบว่ากดอะไรไม่ได้เลย
หรือว่าเครื่องปรับอากาศจะพังแล้ว?
ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้ ทำไมต้องมาพังเอาวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยพังไม่ได้เหรอ?
“บรื๋อ….”
“หนาวจังเลย!”
“ฮัดเช้ย……..!”
หลินจือเซี๋ยวที่ยืนอยู่ภายในห้องนั่งเล่นคนเดียวเอาผ้าห่มคุลมตัวด้วยความหนาวสั่น
เธอค่อย ๆ เดินไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านข้างเพื่อไปหยิบผ้าห่มอีกผืน!
เพียงแค่ขยับตัวอย่างเงียบ ๆ ไม่ให้คนอื่นตื่นก็พอแล้ว
อืม จะต้องไม่ถูกฉีเซิ่งเทียนพบเข้าแน่นอน
เธอเดินเข้าไปอย่างคุ้นชิน เธอควานหาและมองหาผ้าห่ม จำได้ว่าตอนที่เธอมาหยิบผ้าห่มไปยังมีผ้าห่มอีกผืนวางตรงนี้ ทำไมถึงหาไม่เจอแล้ว?
“บรื๋อ” ตัวเธอสั่นไปทั้งตัว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังเธอได้เป็นหวัดแน่ ๆ
แต่ห้องนี้ดูอบอุ่นจัง ทำไมเครื่องทำความอุ่นไม่มาเสียที่ห้องนี้!
ถ้าหากเป็นห้องของเธอป่านนี้คงสบายไปนานแล้ว ทำไมตอนนี้คนที่เย็นชาขนาดนั้นถึงได้เป็นฉีเซิ่งเทียนกัน
น่าขยะแขยง เล่นมายึดเตียงของเธอไป อีกทั้งยังเอาเครื่องปรับอากาศของเธอไปอีก
เธออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ ๆ เตียง แต่ก็กลัวว่าแสงไฟจะปลุกฉีเซิ่งเทียนให้ตื่นขึ้นมา เธอจึงปิดแสงแฟลชจากโทรศัพท์ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปนั่งลง
“อา….”
เสียงยาวดังกึกก้องไปทั่วหูของเธอ ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น
ในช่วงที่เธอกำลังลุกขึ้นนั้นก็ถูกเขาดึงผ้าห่มไว้ ส่งผลให้ตัวของเธอล้มลงบนเตียงพร้อมกับผ้าห่มที่คลุมกาย
อากาศที่หนาวเย็นแนบชิดกับหน้าอกอุ่น ๆ ของเขา อุณหภูมิที่อบอุ่นเช่นนี้ทำให้เธอไม่คิดอยากจะเดินออกไป
อบอุ่นมาก ทั้งยัง……
ไม่ช้าก็มีไอร้อน ๆ ลอดผ่านเข้ามาในหูของเธอ “เธอจะนอนอยู่บนมือของฉันหรือไง?”
เธอจะพูดอะไรได้ จึงทำได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนความเขินอายก็เท่านั้น
“ก่อนหน้านั้นที่บอกจะแบ่งเตียงครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงกับเธอเลยว่าจะให้เธอมานอนเตียงเดียวกับฉัน” ฉีเซิ่งเทียนดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ตอนนี้ทั้งสองคนมีผ้าห่มคลุมตัวของพวกเขาไว้ ก่อนที่เขาจะกอดรัดร่างกายของเธอไว้