ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่332 ปลดปลง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางพูดไม่ออก แม้นายหญิงใหญ่จะถือตัวอย่างไร แต่เมื่อไม่มีเผย
โย่วหนุนหลังแล้ว นางก็ไม่กล้าโต้เถียงท่านแม่เฒ่า ทั้งท่านแม่เฒ่ายังเอ่ยถึงลูกชายทั้งสองคน
ของนาง ถามว่าพวกนางจะพาไปด้วยหรือไม่ นางจึงยิ่งไม่กล้าปริปาก
ก่อนความขัดแย้งที่อึกทึกกึกก้องจะค่อยปลิวสลายหลังจากสายฝนโปรยปราย
หลังจากนายหญิงใหญ่สกุลเผยกลับไปก็ร้องไห้อยู่นาน นายหญิงใหญ่สกุลหยางที่มอง
อยู่ด้านข้างทําได้เพียงถอนหายใจ ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจนางอย่างไร เป็นเผยถง กลับมาจาก
สกุลกู้ได้ยินว่ามารดาและผู้เป็นย่าทะเลาะกัน สีหน้าพลันมืดมน หลบตัวอยู่คนเดียวพักใหญ่
ก่อนจะค่อยทําตัวกระปรี้กระเปร่าไปหานายหญิงใหญ่สกุลเผย
เหอเซียง สาวใช้ของกู้ซีเห็นก็อดกังวลไม่ได้อยู่บ้าง ถามกู้ซี “ควรเกลี้ยกล่อมคุณชาย
ใหญ่เสียหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
กู้ซีล้างเครื่องประทินโฉมอยู่หน้ากระจก นึกถึงที่พี่ชายกําชับนางไว้ว่า ‘ยามที่ไม่มี
ความสามารถจัดการเรื่องราว อย่าได้เอาตัวเองไปเกี่ยวข้อง’ นางก็เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่
ต้อง” ออกคําสั่งให้เหอเซียงช่วยนางสะสางจัดการเรื่องสินเดิม เอ่ยว่า “อีกสองวันพี่ชายพี่สะใภ้
ก็จะเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว ส่งของขวัญเข้าไปเสียหน่อย”
แต่ก็ไม่ถึงกับต้องใช้สินเดิมหรอกกระมัง?
เหอเซียงเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่เอ็นดูท่านมาตลอด ท่านส่งของเข้าไป เขาย่อมไม่รับ
หรอกเจ้าค่ะ”
กู้ซีไม่ได้พูดอะไร ชําเลืองสายตามองเหอเซียงแวบหนึ่ง
นี่หมายความว่าให้เหอเซียงอย่าได้พูดมาก ทําตามคําสั่งที่นางบอก
เหอเซียงทําได้เพียงไปจัดการสินเดิมของสกุลกู้
2642
ด้านกู้ซีนั่งนิ่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไม่ขยับไปไหน
ยามที่ส่งสินสอดทองหมั้นอย่างเป็นทางการ ใบรายการสินเดิมของนางนั้นเพิ่มขึ้นมา
สองแผ่น ของบนกระดาษสองแผ่นนี้ ล้วนเป็นของที่อินซื่อ พี่สะใภ้ผู้นั้นแบ่งออกมาจากสินเดิม
ตัวเองมอบให้นาง
นางรู้ว่าพี่สะใภ้กําลังไว้หน้านาง
แต่ในใจของนางยังคงรับไม่ได้อย่างยิ่ง
ตั้งแต่เมื่อใดที่กู้ซีตกตํ่าลงมาถึงขั้นนี้ได้?
นางตัดสินใจนําของที่พี่สะใภ้ให้นาง แลกเปลี่ยนเป็นเงินเล็กน้อยคืนให้กับพี่สะใภ้
ไม่อย่างนั้นนางที่เป็นน้องสามีจะเงยศีรษะทั้งพูดคุยต่อหน้าพี่สะใภ้ได้อย่างไร?
เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจําเป็นต้องคํานวณให้ดี ในมือควรมีเงินเหลือเท่าใดจึงจะไม่
ทําให้ตัวเองขาดแคลน หรือชักหน้าไม่ถึงหลัง
ทางกู้ซีเก็บของเสร็จเรียบร้อย คิดจะรอเผยถงกลับมา ทักทายเขาเล็กน้อย ปรากฏว่า
เสียงฆ้องเคาะเวลาเที่ยงคืนแล้ว เผยถงก็ยังไม่กลับมา
นางกังวลใจอยู่บ้าง ทั้งไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องระหว่างสองแม่ลูก จึงลอบส่งแม่นม
ไปสืบข่าว
ยามที่แม่นมกลับมาสีหน้าก็ไม่ค่อยดีเท่าใด กระซิบบอกข้างหูนาง “สองแม่ลูกทะเลาะ
กัน นายหญิงใหญ่สกุลหยางก็กระพือให้เรื่องใหญ่โตอยู่ด้านข้าง นายหญิงใหญ่จะแขวนคอเจ้า
ค่ะ!”
กู้ซีได้ฟังชั่วขณะนั้นในใจก็ปะทุโทสะ
2643
นายหญิงใหญ่ผู้นี้ ไม่มีสายตาสักนิด นี่มันยามใดแล้ว คนทั้งครอบครัวล้วนฝากท้องไว้
กับเผยเยี่ยน ยังจะเล่นเนื้อเล่นตัว คําโบราณกล่าวได้ดี ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย นางจะ
รอไม่ได้เชียวรึ? รอให้ถึงยามที่เผยถงเรียนหนังสือสอบขุนนาง เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้?
กู้ซีรําคาญนายหญิงใหญ่อยู่บ้าง อยากจะเข้านอนก่อน ก็คิดขึ้นมาได้ว่าเป็นช่วง
แต่งงานใหม่ นางทําเช่นนี้ย่อมใจจืดใจดําเกินไป
แม่นมเตือนนาง “ต้องฉวยโอกาสผูกมัดหัวใจคุณชายใหญ่ให้ได้เจ้าค่ะ ไม่อย่างนั้น
ภายหลังหากนายหญิงใหญ่ก่อเรื่องอื่นขึ้นมา ท่านย่อมต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบเป็นแน่”
เรื่องอื่นนั้นคงหมายถึงหากนางล่วงเกินนายหญิงใหญ่สินะ
“เจ้าระวังหน่อย” กู้ซีเอ่ย กําชับแม่นม “พวกเจ้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงคําเรียกขานเช่นกัน
หากคนอื่นมาได้ยินเข้าย่อมไม่ดี”
สกุลเผยและสกุลกู้เหมือนกัน เป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน คนเยอะปากมาก
จะทําให้ผู้อื่นจับจุดอ่อนได้ง่าย
กู้ซีอดเอ่ยไม่ได้ “รู้หรือไม่ว่าวันนี้อวี้ซื่อทําอะไรบ้าง?”
แม่นมทราบความอึดอัดใจของนาง เอ่ยเตือนนาง “ท่านก็อย่าได้พูดอวี้ซื่ออะไรเลย พูด
บ่อยเข้าจะติดปากนะเจ้าคะ” จากนั้นค่อยกล่าวว่า “วันนี้ท่านแม่เฒ่าอารมณ์ไม่ดี นายหญิงรอง
ดูเหมือนจะเก็บข้าวของ ด้านนายหญิงสามเชิญหมอนวดผู้นั้นเข้าจวน รมยาด้วยโกฐให้ท่านแม่
เฒ่า ได้ยินว่ามีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมไม่น้อย ยามอาหารเย็นท่านแม่เฒ่าจึงดีขึ้นมาก นาย
หญิงสามจึงรั้งหมอผู้นั้นไว้ในเรือนช่วงหนึ่ง กล่าวว่าจะได้ถือโอกาสนวดหรือรมโกฐอะไรให้ท่าน
แม่เฒ่าคนอื่นๆ ด้วย”
กู้ซีเบะปาก ยิ้มอย่างดูแคลน “ชาติสกุลต้อยตํ่า ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ ชักจูงคนไม่มีหัว
นอนปลายเท้าเข้าเรือน ยากจะรับประกันว่าจะเป็นภัยร้ายยามใด!”
แม่นมเอ่ยว่า “นั่นก็เป็นเรื่องของนาง พวกเราอย่ายุ่งเลยดีกว่า”
2644
กู้ซีผงกศีรษะ
นางรออีกเกือบครึ่งชั่วยาม เผยถงจึงค่อยกลับห้อง
กู้ซีรีบเข้าไปช่วยเขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า “ไฉนจึงกลับมาดึกเช่นนี้? เป็นเรื่องสําคัญ
อะไร?”
อย่างไรก็เพิ่งแต่งงาน เผยถงจําต้องคํานึงถึงหน้าตา ได้ยินนางถามเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นก็
ไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี ขานรับในลําคอ ก่อนเอ่ยว่า “ดึกมากแล้ว พวกเรารีบพักกันก่อนเถิด! มี
เรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
กู้ซีแทบจะไม่อยากถามอีก
รุ่งเช้าวันถัดมา นางกินข้าวเช้าแล้วก็เตรียมไปน้อมทักทายแม่สามี ค่อยไปหาท่านแม่
เฒ่า ใครจะรู้ว่านางยังไม่ทันไปหานายหญิงใหญ่ ทางนายหญิงใหญ่ก็ส่งข่าวมาว่า นายหญิง
ใหญ่สกุลหยางจะรีบกลับเมืองหลวง ให้พวกเขาเข้าไปเร็วหน่อย
กู้ซีเอ่ยอย่างแปลกใจ “ไม่ใช่กล่าวว่าอีกสองวันจะกลับหรอกรึ?”
เผยถงรู้ว่าเป็นเพราะนายหญิงใหญ่สกุลหยางคิดว่าพักอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ คิด
จะรีบกลับสกุลหยางไปฉลองปีใหม่ จึงขานรับอย่างคลุมเครือ ก่อนจะพากู้ซีไปหานายหญิง
ใหญ่สกุลหยาง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว เห็นพวกนางก็เข้าไปหาท่านแม่
เฒ่าเผยพร้อมกัน
ท่านแม่เฒ่าเผยไม่ไว้หน้านายหญิงใหญ่สกุลหยางแม้แต่น้อย กล่าวตามตรงว่ายามนี้
เช้าเกินไป ยังไม่ตื่นนอน คงไม่ได้ส่งนายหญิงใหญ่สกุลหยางกลับด้วยตัวเอง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางใบหน้าดําคลํ้า
2645
หลังจากท่านแม่เฒ่าทราบเรื่องก็รั้งอวี้ถังไว้…เดิมทีนางวางแผนให้อวี้ถังไปส่งแขกแทน
นาง ในเมื่อนายหญิงใหญ่สกุลหยางรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม นางกลัวว่ายามที่อวี้ถังไปส่ง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางจะต้องฟังคําพูดน่าระคายหู จึงส่งเฉินต้าเหนียงไปส่งแขกให้รู้แล้วรู้
รอดไป
นายหญิงใหญ่สกุลหยางสะบัดชุดคลุมจากไป
นายหญิงใหญ่สกุลเผยยิ่งอยากจะกลับสกุลมารดาตัวเองขึ้นไปอีก
นางปรึกษากับลูกชายด้วยดวงตาแดงกํ่า “เจ้าก็อย่าเกลี้ยกล่อมสิ่งที่เป็นไปไม่ได้พวก
นั้นเลย ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่นานแม้แต่วันเดียว หากเจ้าไม่อยากเห็นข้าตาย ต้องหาวิธีให้ข้าไป
เมืองหลวง ไปเรียนหนังสือที่ลุงเจ้า สักวันหนึ่งก็รับข้าและน้องเจ้าไปอยู่ที่เมืองหลวง ทั้งที่นั่นยัง
มีเรือนของพวกเราอยู่!”
นี่เป็นเรือนที่เผยโย่วซื้อ
หลังจากเผยโย่วตาย ไม่รู้ว่าสกุลเผยทําเป็นหูหนวกตาบอดหรือไม่มีเวลาสนใจ เรือน
แห่งนี้จึงอยู่ในมือของพวกเขาเรื่อยมา
เผยถงนึกถึงความอบอุ่นในเรือนยามที่บิดายังมีชีวิตอยู่ ก็อดขอบตารื้นชื้นไม่ได้ เอ่ย
รับปากกับมารดา “ท่านอดทนไว้ก่อน ครอบครัวของเราย่อมต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมี
ความสุขที่เมืองหลวง”
ยามนี้ในใจของนายหญิงใหญ่จึงค่อยรับได้ขึ้นมาบ้าง
รอจนกลางเดือนสิบสอง ร้านรวงทยอยหยุดกิจการ ทุกครัวเรือนเริ่มหมักเนื้อดองปลา
ทอดหมาฮวาทําขนมเข่ง จู่ๆ นายท่านใหญ่บ้านหลักของสกุลหลี่ก็มาเข้าพบเผยเยี่ยน ดึงเผย
เยี่ยนมาคุยที่เงียบๆ ตามลําพังด้วยใบหน้าซีดเซียว “เกรงว่าจะต้องรบกวนนายท่านสามแล้ว”
เผยเยี่ยนหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง
2646
เนื่องจากอวี้ถังไม่อาจกลับเรือนตอนปีใหม่ จึงคิดจะฉลองตรุษจีนเล็กที่สกุลอวี้ เขา
วางแผนจะไปส่งอวี้ถังกลับสกุลมารดา จากนั้นก็กินข้าวที่สกุลอวี้ ตอนบ่ายไปดูภายในร้านค้า
จากนั้นค่อยรับอวี้ถังกลับมากินข้าวเย็นกับท่านแม่เฒ่า
บ้านหลักของสกุลหลี่มาเช่นนี้ คาดว่าเรื่องนี้คงต้องล้มเหลวแล้ว
เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่ได้พบเห็นมานาน เอ่ยว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
นายท่านใหญ่ของบ้านหลักสกุลหลี่เอ่ยด้วยยิ้มฝืดเฝื่อน “หลี่ตวนถูกคนฆ่าตาย!”
ได้ยินข่าวนี้ กระทั่งเผยเยี่ยน ก็ยังตกใจไม่น้อย เอ่ยด้วยนํ้าเสียงตึงเครียดขึ้นมา “เรื่อง
เป็นมาอย่างไร?”
นายท่านใหญ่บ้านหลักสกุลหลี่ยิ้มขื่นขมยิ่งกว่าเดิม เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่กล่าวว่าห
ลี่อี้รับเงินใต้โต๊ะ เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาหรอกรึ? เจ้าทุกข์คนนั้นก็เป็นคนหัวแข็ง ได้ยินว่าห
ลี่ตวนเป็นเมล็ดพันธุ์ของการศึกษา ภายหลังสกุลหลี่พึ่งพาหลี่ตวนย่อมสามารถกลับมายืนหยัด
อีกครั้งได้ คนผู้นั้นรู้สึกไม่เป็นธรรมในใจ เดินทางไกลตามมาถึงที่นี่เพื่อสังหารหลี่ตวน!”
นี่ช่างเป็น…
เผยเยี่ยนเงียบไปอยู่เนิ่นนาน
นายท่านใหญ่บ้านหลักสกุลหลี่ถอนหายใจ เอ่ยว่า “เดิมทียามที่สกุลพวกเขารุ่งเรืองก็
แยกสายสกุลกับพวกเรา แต่ตัวคนเดียวย่อมไม่อาจรวมเป็นสกุลหลี่ได้ หลี่อี้ถูกเนรเทศ หลี่จวิ้น
ตามไปดูแลบิดา หลินซื่อเป็นเพียงหญิงสาวอ่อนแอ จู่ๆ ก็พบเคราะห์ใหญ่เช่นนี้ ได้ยินว่าล้ม
หมอนนอนเสื่อจนพูดไม่ออก พวกเราบ้านหลักคงไม่อาจทนดูเขาตายอย่างอนาถเช่นนี้ได้หรอก
กระมัง?”
ในความคิดของเผยเยี่ยน ตายอย่างอนาถก็ไม่ถึงกับแย่อะไร
เพียงแต่ต่อหน้าบ้านหลักสกุลหลี่ เขาไม่อาจพูดเช่นนี้ได้ เขาเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าทําอะไร
ได้บ้าง?”
2647
นายท่านใหญ่บ้านหลักสกุลหลี่มองเผยเยี่ยนไปที เอ่ยว่า “เรื่องเกิดที่หังโจว ก็นับว่า
เป็นคดีใหญ่ ได้ยินว่าใต้เท้าหลี่ต้องการไต่สวนเอง ผู้ช่วยข้างกายของใต้เท้าหลี่เป็นคนบอกข้า
ใต้เท้าหลี่เกลียดพวกที่ก่อกรรมทําชั่วเหมือนเกลียดศัตรูตัวเอง คิดว่าเจ้าทุกข์คนนั้นพอจะให้
อภัยได้ คาดว่าคงไม่ตัดสินโทษตายแก่คนผู้นั้น ข้าจึงคิดว่า หลี่ตวนเป็นคนหลินอันของพวกเรา
สามารถรบกวนท่านบอกกล่าวกับใต้เท้าหลี่ได้หรือไม่ ส่งคดีนี้มาไต่สวนที่หลินอันแทน”
ในเมืองหลินอินสกุลหลี่นับว่าเป็นคหบดีชนบทที่มีหน้ามีตา เผยเยี่ยนช่วยออกหน้าพูด
คดีถูกย้ายมาอยู่ในมือใต้เท้าอู เจ้าทุกข์คนนั้นย่อมถูกตัดสินประหารชีวิต
เผยเยี่ยนไม่อยากช่วยเหลือเรื่องนี้
เขาเอ่ยว่า “แม้ว่าคดีจะย้ายมาที่หลินอัน ท้ายที่สุดก็ต้องนําไปให้ใต้เท้าหลี่ดู ยิ่งไปกว่า
นั้นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดนี้ ข้าคิดว่าข้าออกหน้าขอความเมตตาให้เขาคงไม่เหมาะสมเท่าใด”
นายท่านใหญ่บ้านหลักสกุลหลี่เหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าเผย
เยี่ยนจะไม่ช่วยคนบ้านเดียวกัน เร่งเอ่ยว่า “ข้าก็คิดเผื่อชื่อเสียงของพวกเราชาวหลินอัน…”
เผยเยี่ยนตัดบทเขาอย่างไม่ไว้หน้า เอ่ยว่า “หากคิดเผื่อชื่อเสียงของคนหลินอัน พวกเรา
ยิ่งไม่ควรขัดขวางการตัดสินคดีความของใต้เท้าหลี่ ใต้หล้าแห่งนี้มีใครไม่เคยทําผิดบ้าง สํานึก
ผิดแล้วแก้ไข นับว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว ในความคิดข้า พวกเราคนหลินอันควรใช้เรื่องนี้เป็น
บทเรียน เป็นขุนนางไม่เพียงต้องจิตใจบริสุทธิ์ ยังควรเปี่ยมคุณธรรมใจกว้าง นี่จึงจะเรียกว่า
หลักการเป็นขุนนางอย่างแท้จริง”
บ้านหลักสกุลหลี่เกลี้ยกล่อมเผยเยี่ยนไม่ได้ จึงบอกลาอย่างผิดหวัง หลังจากกลับไปก็
ย้อนคิดทบทวนอยู่ครึ่งวัน กลับจําต้องยอมรับในสิ่งที่เผยเยี่ยนกล่าว ภายหลังเขามักจะสั่งสอน
เรื่องนี้กับลูกหลานของสกุลหลี่ ทําให้ชื่อเสียงของเผยเยี่ยนยิ่งโดดเด่นขึ้นมา ถึงกระทั่งเขียนใน
หนังสือประวัติศาสตร์ นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลังแล้ว
ในเมืองหังโจว หลี่กวงที่เพิ่งรับตําแหน่งผู้ว่าการเจ้อเจียงรอมาค่อนวันก็ยังไม่พบเผย
เยี่ยนมาขอร้อง เขาอดเอ่ยกับผู้ช่วยข้างกายไม่ได้ “นี่เขาหมายความว่าอย่างไร? ให้ข้าเป็นคน
2648
ตัดสินคดี? หลี่ตวนเป็นคนหลินอันของพวกเขา ทั้งข้ายังได้ยินว่านายหญิงหลี่เสียสติไปแล้ว
เป็นเขาที่ช่วยพาไปส่งอารามดับทุกข์”
กลับไม่มาออกหน้าให้หลี่ตวน
ผู้ช่วยของเขาคนนั้นเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากนายท่านใหญ่บ้านหลักสกุลหลี่ให้หลี่กวง
ฟัง ยังเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่แน่ว่าเผยสยากวงจะเป็นเหมือนกับที่ท่านคิด รู้สึกว่าสกุลหลี่ทํา
อะไรไว้ ย่อมได้รับสิ่งนั้น นี่เป็นกรรมที่พวกเขาควรได้รับ!”
หลี่กวงจมดิ่งกับความคิดเนิ่นนาน ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ประทับใจต่อเผยเยี่ยน
อย่างยิ่ง ลอบคิดในใจว่าเผยเยี่ยนเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจของเขา