ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่331 ขัดแย้ง
ยามที่กู้ซียกนํ้าชาให้อวี้ถัง ในใจก็รู้สึกซับซ้อนอย่างยิ่ง
นางแยกไม่ออกว่าเป็นความไม่เต็มใจ อิจฉาหรือเสียใจในภายหลังมากกว่ากันแน่
หากนางอดทนอดกลั้นอีกสักหน่อย รอข่าวงานแต่งของอวี้ถังและเผยเยี่ยนเปิดเผยออก
มาแล้วค่อยตัดสินงานแต่งของตัวเอง คงไม่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ลําบากใจเช่นนี้
หรือไม่?
ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นกัน
แถบเจียงหนาน ในหมู่ลูกหลานรุ่นนี้ ไม่มีบุตรเขยคนไหนจะดีไปกว่าเผยเยี่ยนแล้ว แม้
นางจะไม่ได้แต่งให้เผยถง ก็ไม่มีความสามารถจะเหนี่ยวรั้งเผยเยี่ยนอยู่ดี แต่เผยถง เป็น
ตัวเลือกที่ดี่สุดในหมู่คนที่นางรู้จักแล้ว
หากนางพลาดพลั้งจากเผยถง เกรงว่าต้องเสียใจกว่านี้
คงต้องเป็นเช่นนี้กระมัง!
กู้ซีครุ่นคิด ชีวิตเช่นนี้ตัวเองเป็นคนเลือก นึกถึงตอนแรก มารดาของนางก็แต่งเข้าไปใน
สกุลที่ดี ท้ายที่สุดไม่ใช่ว่ามีจุดจบที่ป่ วยตายหรอกรึ
นางไม่เชื่อว่า นางจะไม่สามารถใช้ชีวิตที่ดีได้
เมื่อคิดเช่นนี้ ดูเหมือนการยกนํ้าชาให้อวี้ถังก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะรับได้ขนาดนั้นแล้ว
กู้ซีเรียกอวี้ถังว่า ‘อาสะใภ้สาม’ ด้วยนํ้าเสียงเรียบนิ่ง ไม่ถึงกับกระตือรือร้น แต่ก็นับว่า
ไม่ได้เย็นชา
นายหญิงใหญ่ผงกศีรษะอย่างพอใจ
คุณหนูสกุลเผยไม่กี่คนที่อยู่ด้านข้างกลับป้องปากขํา
2634
ท่านแม่เฒ่าเผยถลึงตามองพวกนางอย่างตําหนิไปที
คุณหนูสาม คุณหนูสี่และคุณหนูห้าที่ยังไม่ได้ออกเรือนจึงหดไหล่เป็นนกกระทา ไม่กล้า
หัวเราะอีก
อวี้ถังมีความสุขคล้ายกับในที่สุดก็ลืมตาอ้าปากได้ อารมณ์จึงดีเป็นพิเศษ
นางและกู้ซีช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ!
นางชอบชะตาในชาตินี้เหลือเกิน
“หลานสะใภ้ใหญ่ไม่จําเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้” นางเอ่ยด้วยยิ้มหวาน นําถ้วยชายื่นให้
แม่สื่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง รับของขวัญแรกพบหน้ามาจากชิงหยวน มอบให้กู้ซี
กู้ซีเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม เห็นของขวัญแรกพบหน้าของอวี้ถังมีหยกแขวนเพิ่มขึ้นมา
มากกว่าพี่สะใภ้น้องสะใภ้รุ่นเดียวกันหนึ่งชิ้น ทั้งหยกนํ้าเม็ดนั้นก็ยอดเยี่ยมไม่น้อย จึงอารมณ์ดี
ขึ้นมาอยู่บ้าง
แม้จะกล่าวว่าภายหลังพบหน้าอวี้ถังต้องปฏิบัติต่อนางเป็นผู้อาวุโส แต่ยามเทศกาล
ทุกปี อวี้ถังยังต้องมอบอั่งเปาให้นาง นับว่านางเสียเปรียบด้านการวางตัวกลับได้ชดเชยในเรื่อง
ของเงินทอง ก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรขนาดนั้นแล้ว
กลับเป็นนายหญิงใหญ่สกุลหยาง หรือก็คือพี่สะใภ้ใหญ่ของสกุลมารดานายหญิงใหญ่
หลังจากเสร็จงานเลี้ยงนับญาติ ระหว่างทางกลับก็อดพูดแขวะสกุลเผยไม่ได้ “ขี้เหนียวถึงขนาด
นี้เชียว กระทั่งให้หยกเป็นคู่ยังทําใจไม่ได้”
ครั้งนี้นายหญิงใหญ่สกุลหยางมาเป็นตัวแทนของสกุลหยาง ของขวัญแรกพบหน้าของ
พวกพี่น้องสกุลหยางล้วนให้เงินประมาณสองพันตําลึง ให้เกียรติเป็นอย่างยิ่ง
นายหญิงใหญ่ยิ้มเจื่อน เอ่ยว่า “หรือท่านยังคาดหวังให้สกุลเผยแตกต่างจากเมื่อก่อน?
แม้จะเป็นตอนที่พ่อเขามีชีวิตอยู่ ก็อับจนหนทางเช่นกัน นับประสาอะไรที่ยามนี้พ่อเขาไม่อยู่
2635
แล้ว เผยเยี่ยนยังหัวแข็งเหมือนท่านผู้เฒ่าของพวกเรา สรุปแล้ว ข้านั้นคาดหวังสกุลเผยไม่ได้
หรอก”
นายหญิงใหญ่สกุลหยางถอนหายใจ ช่วยนายหญิงใหญ่สกุลเผยจัดแจงขนสุนัขจิ้งจอก
บนเสื้อคลุม เอ่ยว่า “เรื่องที่ข้าพูดกับเจ้า เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร?”
นางมาในครั้งนี้ ก็มีจุดประสงค์เช่นกัน
สกุลหยางอยากจะเกี่ยวดองกับสกุลเผยอีก
เผยถงไม่สําเร็จ ยังมีเผยเฟย
หากด้านเผยเฟยไม่ได้ เช่นนั้นสกุลหยางก็จะแต่งคุณหนูสกุลเผยกลับไป
สกุลหยางถูกใจเผยตัน คุณหนูห้า
นายหญิงใหญ่สกุลหยางเอ่ยว่า “ย่อมไม่ทําให้เจ้าลําบากใจ ข้านั้นมาทาบทามให้เฟิ ง
เอ๋อร์”
หยางเฟิ ง เป็นลูกคนรองของนายหญิงใหญ่สกุลหยาง
แม้จะกล่าวว่าเป็นลูกคนรอง กลับเป็นคนที่เรียนหนังสือเก่งที่สุดในสกุลหยาง
ย่อมไม่ทําให้เผยตันน้อยเนื้อตํ่าใจ
นายหญิงใหญ่สกุลเผยขมวดคิ้ว นางไม่ชอบนายหญิงรอง ย่อมไม่ชอบคุณหนูห้าซึ่ง
เป็นลูกสาวเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่อยากให้คุณหนูห้าได้แต่งกับลูกเขยที่ดีเช่นนี้
“จําต้องรอให้งานแต่งของอาถงผ่านไปก่อน” นางเอ่ยอย่างบอกปัดอยู่บ้าง “พ้นปีใหม่
นายหญิงรองจึงจะออกเดินทางไปซานตง ยังพอมีเวลา”
แต่นายหญิงใหญ่สกุลหยางนั้นต้องรีบเดินทางกลับ นางอยากจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ
ก่อนจะกลับไป นางอดเอ่ยไม่ได้ “พี่ชายเจ้าก็พูดแล้ว เผยเซวียนผู้นี้ เมื่อก่อนประเมินเขาตํ่าไป
2636
เจ้าควรรู้ว่าใครแย่งชิงตําแหน่งผู้ว่าการซานตงกับเผยเซวียน? เป็นท่านห้าของสกุลหลี! ใต้เท้า
จางผู้เฒ่าเป็นคนแนะนําเผยเซวียนด้วยตัวเอง”
นายหญิงใหญ่ไม่ทราบ
นางอ้าปากค้างเล็กน้อย
ไม่เพียงสกุลหลีและสกุลจางจะเป็นญาติเกี่ยวดองทางการแต่งงาน แต่ด้านเส้นทางขุน
นางยังร่วมเดินหน้าถอยหลังไปพร้อมกัน หากเผยเซวียน ผู้ว่าการซานตงคนนี้เป็นดั่งที่นายหญิง
ใหญ่สกุลหยางพูดจริงๆ นั่นก็หมายความว่า สกุลจางและสกุลหลีเพื่อที่จะดึงสกุลเผยลงสนาม
จึงยอมเสียค่าตอบแทนมากมาย ทั้งละทิ้งผลประโยชน์มหาศาล
“ไม่เพียงเท่านี้…” นายหญิงใหญ่สกุลหยางสร้างความตกใจให้นายหญิงใหญ่อีกครั้ง
“อาจารย์ของเผยเซวียน ว่ากันว่าดํารงในตําแหน่งเจ้ากรมสํานักตรวจการ”
หนึ่งในจิ่วชิง อยู่ในใจกลางราชสํานัก
“พี่ชายของเจ้าไม่ได้พูดชัดเจนว่านี่เป็นหนึ่งในเงื่อนไขระหว่างสองสกุลและอาจารย์
ของเผยเซวียน หรือว่าเพื่อแค่จะดึงสกุลเผยมาเป็นพวก” นายหญิงใหญ่สกุลหยางกล่าวพึมพํา
“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเผยเซวียนจะรั้งตัวเป็นอาลักษณ์อยู่ในเมืองหลวงไม่ก็เป็นรองหัวหน้าของ
กรมต่างๆ คาดไม่ถึงว่าเขาจะละทิ้งเมืองหลวงเลือกซานตง ซานตงใกล้เมืองหลวงอย่างยิ่ง
แน่นอนว่า นี่อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะเลือกก็เลือกได้ แต่จุดประสงค์อยู่ที่ว่าตําแหน่งนี้ย่อมดีต่อ
เขาที่สุด…”
นางพูดเป็นนํ้าไหลไฟดับ นายหญิงใหญ่หงุดหงิดใจอยู่บ้าง แต่นางรู้ดีว่า ที่พึ่งพิงของ
นางในยามนี้ก็คือสกุลมารดา ไม่ว่านางจะชอบหรือไม่ชอบ ล้วนจําต้องช่วยเหลือคนของสกุล
มารดา
“เช่นนั้นข้าจะรีบหาโอกาสไถ่ถาม” นายหญิงใหญ่สกุลเผยเปลี่ยนความคิด “เจ้ารอข่าว
จากข้าก็เพียงพอแล้ว”
2637
นางไม่กล้ารับประกันว่านายหญิงรองจะตอบรับ
เพราะนายหญิงรองเป็นสะใภ้ที่กตัญ�ู ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนจะฟังท่านแม่เฒ่า และคน
ที่ท่านแม่เฒ่าไม่ชอบที่สุดก็คือนาง
ทั้งสองคนพูดคุยกัน กลับไปยังเรือนพํานักของนายหญิงใหญ่
นายหญิงใหญ่สกุลหยางมีหลายเรื่องราวที่อยากจะพูดกับนายหญิงใหญ่ เย็นวันนี้พวก
นางจึงตัดสินใจพักด้วยกัน
วันรุ่งขึ้น กู้ซีและเผยถงเดินทางไปคารวะญาติผู้ใหญ่ทางสกุลกู้ นายหญิงใหญ่สกุลเผย
ไปหานายหญิงรอง
นายหญิงรองไม่อยู่ ถามสาวใช้ข้างกายนายหญิงรอง กล่าวว่าไปหานายหญิงสาม
นายหญิงใหญ่ชะงักไปเล็กน้อยค่อยดึงสติกลับมาได้ นายหญิงสามที่พูดถึงก็คืออวี้ถัง
เด็กคนนั้น
ยามนี้กลับถูกนํามาพูดเทียบชั้นกับพวกนางเช่นกัน
นายหญิงใหญ่รู้สึกไม่สบอารมณ์ ลําพังสาวใช้ผู้นั้นยังเอ่ยไม่หยุด “คุณหนูทั้งสามก็อยู่
กับนายหญิงสามเจ้าค่ะ กล่าวว่าจะไปชมดอกเหมยที่เรือนนอกเมืองด้วยกัน นายท่านสามยัง
เอ่ยว่า หากอากาศเย็นเกินไป เย็นวันนี้ก็ไม่ต้องกลับมา คุณหนูห้าดีใจอย่างยิ่ง ยังนําตะแกรง
ย่างเนื้อไปด้วย กล่าวว่าจะย่างเนื้อกินที่นั่น นายท่านสามยังพกเนื้อกวางไปด้วย ได้ยินว่าสกุล
จางจากเมืองหลวงส่งมาให้ พวกเราล้วนอยากตามไป ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนว่าเนื้อกวาง
หน้าตาเป็นอย่างไร ได้ยินว่าสกุลมั่งมีในเมืองหลวงเมื่อเข้าหน้าหนาว ก็จะกินเนื้อกวางทุกวัน
หากรสชาติอร่อย ภายหลังฤดูหนาวคุณหนูห้าย่อมกินเนื้อกวางเช่นกัน ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะ
ได้ชิมด้วย!”
ทําท่าราวกับเป็นคนตํ่าต้อยไม่เคยเห็นโลกภายนอกอย่างนั้นแหละ
จะว่าไปแล้วนายหญิงรองก็เกิดในสกุลใหญ่ ถูกเลี้ยงดูอย่างไรถึงเอาแต่เล่นสนุกเช่นนี้
2638
นายหญิงใหญ่แค่นหัวเราะ ก่อนจะหมุนกายจากไป
สาวใช้ตัวน้อยมองซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร ก็แลบลิ้นปลิ้นตาส่งให้นายหญิงใหญ่จาก
ด้านหลัง ก่อนจะกลับไปจุดตี้หลงในห้อง
นายหญิงใหญ่สกุลหยางได้ยินคําตอบกลับ ก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “สกุลจางรึ? ยังให้คน
มาส่งเนื้อกวางด้วยตัวเอง ให้ความสําคัญสกุลเผยถึงขนาดนี้เชียว?”
น่าเสียดายที่หลังจากนายหญิงรองทราบว่าสกุลหยางอยากจะเกี่ยวดองกับนาง ก็
ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม “ข้าและพี่สะใภ้สกุลมารดาข้าคุยกันแล้ว อยากให้อาตันไปอยู่จินหลิง”
นี่ก็หมายความว่าอยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งไปสกุลมารดา
เดิมทีนายหญิงใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่ชํานาญในการเกลี้ยกล่อมผู้อื่น ฟังจบย่อมไม่รู้จะพูด
อะไร…หากนางมีลูกสาวคนหนึ่ง คงยินดีจะแต่งออกไปให้หลานชายสกุลมารดาตัวเองเช่นกัน
เพียงแต่นางเพิ่งออกไป นายหญิงรองก็วิ่งไปทางท่านแม่เฒ่าทันที นอกจากเล่าเรื่องนี้
ให้ท่านแม่เฒ่าฟังแล้ว ยังร้องไห้ประหนึ่งลูกสาวที่ปรับทุกข์ต่อหน้ามารดา “ข้าก็ไม่ได้จะแต่งอา
ตันไปจินหลิงเสียทีเดียว แต่แม่สามีอย่างนายหญิงใหญ่สกุลหยางนั้นย่อมไม่ได้”
กระทั่งนายหญิงใหญ่ นางยังสู้ไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายหญิงใหญ่สกุลหยาง ลูกสาว
ที่น่ารักอ่อนหวานของนางแต่งออกไป ไม่ใช่ว่าจะถูกรังแกจนพูดอะไรไม่ได้หรอกรึ
ก่อนหน้านี้ยามที่นายหญิงใหญ่กล่าวว่าจะแต่งลูกสะใภ้ที่เมืองหังโจว ท่านแม่เฒ่าเผย
ก็ข่มกลั้นโทสะไว้ครั้งหนึ่ง ภายหลังเรียกเผยถงเข้ามาเตือนสติ เผยถงเป็นคนฉลาด เกลี้ยกล่อม
มารดาให้เปลี่ยนใจ ท่านแม่เฒ่าจึงไม่ได้โมโหอะไร ยามนี้เห็นสกุลหยางวางแผนกับสกุลเผยอีก
ครั้ง ไหนเลยจะทนไหว ไม่รอให้นายหญิงใหญ่สกุลหยางกลับเมืองหลวง ก็เรียกนายหญิงใหญ่
เข้ามาตําหนิโดยตรง
“เจ้าก็เป็นคนที่มีบุตรธิดา ไฉนจึงไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย? งานแต่งของลูกสาวลูก
ชายบ้านรองเป็นสิ่งที่เจ้าสอดมือยุ่งได้อย่างนั้นรึ? พวกเขาไม่มีมารดาหรือว่าไม่มีปู่ ย่าตายาย
2639
อ๋อ ข้าพูดผิดแล้ว เจ้าเลี้ยงเพียงลูกชาย ย่อมเข้าไม่ถึงจิตใจของมารดาที่เลี้ยงลูกสาว ท่านผู้เฒ่า
ของสกุลพวกเราไม่อยู่แล้ว เจ้าก็ไม่จําเป็นต้องกังวลหญิงแก่อย่างข้าที่รู้แค่เรื่องในเรือน แต่เจ้า
นั้นเป็นแม่คนแล้ว จุดนี้ข้าพูดไม่ผิดหรอกกระมัง? ในเมื่อเป็นแม่คน ก็ควรทําตัวเป็นแบบอย่าง
ไฉนยังสู้บ่าวรับใช้ในเรือนพวกนั้นไม่ได้? บ่าวรับใช้พวกนั้นยังรู้ว่าคําไหนควรพูด คําไหนไม่ควร
พูด เจ้าแต่งมาสกุลเผยกี่ปีแล้ว เจ้าจะเรียนรู้หน่อยไม่ได้เลยรึ? เจ้า…”
แม่สามีด่ากราดใส่หน้าตรงๆ ความเร็วนั้นคล้ายลูกเห็บที่ตกกระทบหน้านาง ผ่านไป
พักใหญ่นางจึงดึงสติกลับมาได้
รอจนสติเข้าร่องเข้ารอย ก็ข่มกลั้นอารมณ์ อับอายจนอยากจะโขกศีรษะกับเสาสีแดง
ต้นใหญ่ในห้องโถงท่านแม่เฒ่าให้ตาย
ลําพังท่านแม่เฒ่ายังไม่ปล่อยนาง เอ่ยว่า “เจ้าก็อย่าคิดน้อยเนื้อตํ่าใจ รู้หรือไม่เหตุใด
ข้าจึงดูแคลนเจ้า? ก็เพราะเจ้าสอนยาก ทั้งไม่รู้เรื่องแล้วยังสอนยากอีก สกุลหยางของพวกเจ้า
เป็นสิ่งใด กลิ่นเหม็นของเงินบนร่างถูกชะล้างออกไปหรือยัง? ไฉนจึงสอนยาก ทั้งยังเอานิสัย
บ้านๆ มาใช้ในสกุลพวกเรา? หากไม่ใช่ว่าเผยถง เด็กคนนี้รู้ความ ข้าว่าบ้านของพวกเจ้าก็คง
เหมือนกับสกุลหยาง นอกจากนับเงินแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ทํา”
ยามนี้นับว่าแทงใจนายหญิงใหญ่เข้าอย่างจัง
นางหยัดกายขึ้นเตรียมจะพุ่งไปโขกเสาต้นนั้น
ท่านแม่เฒ่ากลับมองด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “เจ้าอย่ามาทําสถานที่ข้าสกปรก หากจะ
โขก ก็กลับไปโขกที่เรือนของตัวเอง พอดีเสียด้วย จะได้มอบลูกชายทั้งสองคนให้อารองและอา
สามเขาเป็นผู้เลี้ยงดู ป้องกันไม่ให้เสียคนเพราะเจ้า”
เฉินต้าเหนียงก็อยู่ที่นี่ ย่อมไม่ปล่อยให้นายหญิงใหญ่ได้โขกเสา บางคนไปเรียกคู่สามี
ภรรยาเผยเยี่ยน บางคนก็รายงานให้นายหญิงรองทราบ ทั้งยังมีคนไปเรียกนายหญิงใหญ่
สกุลหยางเข้ามา
2640
นายหญิงใหญ่สกุลหยางก็ไม่ใช่คนที่ถือศีลกินเจ เถียงย้อนท่านแม่เฒ่าด้วยยิ้มที่คล้าย
ไม่ยิ้ม “สกุลใดบ้างปฏิบัติกับลูกสะใภ้ที่ครองม่ายเช่นนี้”
เดิมทีท่านแม่เฒ่าก็เป็นคนที่สามารถเขย่าขวัญเสือให้วิ่งออกจากภูเขา ยามนี้เสือออก
มาแล้ว ใจจึงสู้ยิ่งกว่าเดิม ยิ้มอย่างเหน็บแนม “หากคิดว่าได้รับความไม่เป็นธรรม นายหญิงมิสู้
รับน้องสามีกลับไปที่เรือน จะได้ทําให้พวกสกุลใหญ่ในเมืองหลวงดูว่าพวกเราสกุลเผยทําไม่ถูก
หรือว่าสกุลหยางของพวกเจ้ามีเหตุผล? หรือจะพูดว่า หลานชายทั้งสองคนของข้าล้วนอยากจะ
ตามนางกลับสกุลหยางด้วย?”
คําพูดนี้ นายหญิงใหญ่สกุลหยางไม่อาจต่อบทสนทนาได้
เพราะไม่ว่าจะพูดจากด้านไหน นายหญิงใหญ่กลับสกุลมารดายังพอว่า กลับไม่อาจพา
ลูกชายทั้งสองที่เริ่มเป็นหนุ่มไปด้วยได้
นี่เป็นที่พึ่งพาในภายหลังของนายหญิงใหญ่
ไม่อาจพาไปได้ น้องสามีกลับสกุลมารดาแล้วจะทําอย่างไร?
คําพูดประโยคเดียวของท่านแม่เฒ่าจึงทําให้นายหญิงใหญ่สกุลหยางชะงักไปเช่นนั้น