ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่330 อีกครั้ ง
วันเวลาที่สงบสุขและหอมหวานมักผ่านไปเร็วเสมอ เพียงชั่วพริบตา บัดนี้อวี้ถังก็แต่ง
เข้าสกุลเผยมาได้หนึ่งเดือนแล้ว เวลาล่วงเข้าสู่เดือนสิบเอ็ด ทุกบ้านเริ่มวุ่นวายกับการเตรียม
ตัวรับปีใหม่ ท่านแม่เฒ่าเรียกตัวอวี้ถังไปช่วยงาน ก่อนจะค่อยๆ มอบธุระในจวนสกุลเผยให้อวี้
ถัง
อวี้ถังเคยมีประสบการณ์มาแล้วเมื่อชาติก่อน แม้บางเรื่องจะเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
แต่บางอย่างสามารถอ้างอิงระเบียบที่มีมาก่อน บางอย่างที่ไม่มีให้อ้างอิงก็ยึดตามหลักการและ
เหตุผล พอจัดการออกมาก็เข้าท่าเข้าที ตอนที่ท่านแม่เฒ่าสกุลหย่งเอ่ยชมนาง เมื่อได้คําตอบ
กลับมาอย่างถ่อมตนว่า “ข้าก็แค่ทําตามระเบียบที่มีมาก่อนก็เท่านั้น” ก็ยิ่งทําให้นางเป็นที่โปรด
ปรานของท่านแม่เฒ่าสกุลหย่งมากกว่าเดิม ตอนที่มาเยี่ยมเยือนท่านแม่เฒ่าสกุลเผยยังชมว่า
สะใภ้ของเผยเยี่ยนคนนี้ช่างเลือกได้ถูกคนเสียเหลือเกิน
ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยแม้หน้าจะไม่แสดงออก แต่ในใจปลื้มปริ่มหนักหนา
จนกระทั่งถึงกลางเดือนสิบเอ็ด ก็มีข่าวส่งมาจากเมืองหลวง บอกว่าเผยเซวียนได้รับ
ตําแหน่งผู้ว่าการเมืองซานตง ท่านแม่เฒ่ายิ่งกว่าดีใจ จึงลอบบอกเฉินต้าเหนียงว่า “ตําแหน่ง
ขุนนางในเมืองหลวงแม้จะดี แต่ว่าบัดนี้ได้ไปทําหน้าที่ที่ซานตง จากนิสัยของอาเซวียน เช่นนี้
เหมาะสมกว่า”
เผยฉานก็แอบคุยเรื่องนี้กับเผยปัวเช่นกัน เขาคิดว่าสกุลเผยหัวโบราณเกินไป เผยปัว
กลับไม่คิดเช่นนั้น เอ่ยว่า “ข้าคิดว่าเรื่องนี้หัวโบราณไว้ก่อนก็ดี เจ้าอย่าลืมสิ สกุลเรายังมีอาสาม
อีกคน ต่อให้เขาไม่รับราชการ แต่น่ากลัวว่าไม่ใช่คนที่จะอยู่นิ่งๆ ได้ บุตรชายคนโตของสกุลจาง
สิ้นไปแล้ว ท่านอาโจวแม้พูดได้ว่าเป็นผู้ปราดเปรื่อง ทว่าหนักแน่นไม่พอ ได้เป็นจี่ซื่อจงหรือรอง
เจ้ากรมของหกกรมนับว่าไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นคนสั่งการ คงจะเกินกําลังไปหน่อย สกุลจาง
อย่างไรก็ต้องลากอาสามเข้าไปร่วมในกระดานหมากนี้ด้วยแน่”
2626
พูดจบ เขาก็ขยี้ผมตัวเองไปมาอย่างวิตก งึมงําว่า “ตอนนี้ข้ากลัวว่าสกุลจางจะดึงอา
สามเข้าไปเอี่ยว ถึงได้อยากดองกับสกุลเรานัก พวกเราคงไม่ได้มีพี่ชายน้องสาวที่อายุไล่เลี่ยกับ
คนของสกุลจางหรอกกระมัง?”
เผยฉานได้ฟังแล้วก็หัวเราะลั่น รู้สึกว่าเผยปัวกังวลมากเกินตัวไปแล้ว “ต้องให้สกุลจาง
ยินยอมเสียก่อนสิ แต่อาสามเขาจะยอมรึ? สกุลเรามีกฎระเบียบอยู่ ยืนอยู่ตรงกลาง ไม่ออก
นอกเส้น นี่คือหลักการ”
เผยปัวถลึงตาใส่เผยฉานอย่างอดไม่ไหว สายตานั้นเหมือนกับเผยเยี่ยนไม่มีผิด “เวลา
ต่าง สถานการณ์เปลี่ยน ไฟแทบจะลามไหม้ก้นอยู่แล้ว ยังจะเอาแต่ยืนตรงกลางไม่เลือกข้างอีก
รึ”
เผยฉานฟังแล้วหัวเราะเหอะๆ สองที คิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสองคนจะตัดสินใจได้
พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงเปลี่ยนบทสนทนาแล้วหันไปเลิกคิ้วใส่เผยปัว “เจ้าว่า อาสามจะ
ไปจากหลินอันหรือไม่? ข้าได้ยินบ่าวรับใช้ในเรือนพูดกัน บอกว่าช่วงนี้สามอาเอาแต่อยู่เป็น
เพื่อนอาหญิงตลอด คิดไม่ถึงว่าพอแต่งงานแล้วอาสามจะกลายเป็นแบบนี้”
เผยปัวไม่อยากคุยกับคนโง่งมอย่างเผยฉานอีก ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยว่า “เกี่ยวอะไรกับ
เจ้าล่ะ! เจ้ามีเวลาว่างเหลือไม่สู้เอาไปอ่านตําราดีกว่าไหม! อีกอย่าง อาสามกับอาหญิงรักใคร่
กลมเกลียวกันมิใช่เรื่องดีรึ? สกุลเราหาได้มีพวกตัณหากลับมักมากเสียหน่อย”
“เจ้านี่นะ ไม่น่ารักก็ตรงนี้แหละ” เผยฉานรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ “คุยอะไรกับเจ้าก็เป็น
จริงเป็นจังไปหมด”
เผยปัวเองก็ไม่อยากสนใจเขา
เผยฉานจึงได้แต่ขอตัวหยัดกายลุกกลับไป
พอออกจากห้องหนังสือของเผยปัว เขาก็เผอิญเจอกับเผยเจียงเข้าพอดี เด็กน้อยหอบ
ลูกกวาดเต็มกระเป๋ าเสื้อกําลังวิ่งไปทางเรือน
2627
เขารีบตะโกนเรียกเผยเจียง ถามเขาว่า “เอาลูกกวาดมาจากไหนน่ะ?”
ดวงตาใสแจ๋วของเผยเจียงกลิ้งหลุกหลิก “อาหญิงสามให้มา อารองได้เป็นผู้ว่าการซาน
ตง บ้านใหญ่บอกว่าจะจัดงานฉลองเล็กๆ พรุ่งนี้มีเหล้าให้ดื่มขอรับ”
ทุกครั้งที่มีงานแบบนี้ พวกเขาจะปล่อยให้เด็กๆ ได้ออกมาเล่น ไม่ต้องทบทวนตํารา
เผยฉานหยอกล้ออยู่กับเผยเจียงพักหนึ่ง ก่อนจะเดินจากไป
เผยเยี่ยนทางนั้นกําลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมข้าวของสําหรับพิธีเข้ารับตําแหน่งของพี่
รอง ส่วนนายหญิงรองก็เก็บของที่เตรียมจะนําไปซานตงลงหีบ มีเพียงนายหญิงใหญ่ที่มือซุกอยู่
ใต้หมอนมือขนสัตว์สีดํา ยืนอยู่บนภูเขาจําลองที่สวนด้านหลัง ทอดมองไปทางเรือนฝั่ ง
ตะวันออก แล้วถามแม่นมคนสนิทว่า “คุณชายใหญ่พูดเช่นนี้จริงรึ?”
เผยถงกับกู้ซีต่างก็โตแล้ว หลังจากที่เผยเยี่ยนแต่งงาน สกุลเผยและสกุลกู้ก็เริ่มหารือ
เพื่อกําหนดวันแต่ง ความตั้งใจเดิมของนายหญิงใหญ่ คืออยากให้จัดหลังปีใหม่ช่วงเดือนสาม
นางจะได้มีเวลาเตรียมตัว แต่สกุลกู้กลับต้องการให้จัดก่อนปีใหม่ ฉวยโอกาสตอนที่กู้ฉ่างยัง
ไม่ได้รับตําแหน่งจัดการให้เรียบร้อยเสีย ดังนั้นสองสกุลจึงเลือกออกมาหลายวัน ต่างเห็นว่า
วันที่สองเดือนสิบสองเหมาะสมที่สุด แต่คุณหนูรองสกุลเผยก็กําหนดวันออกเรือนไว้เป็นวันที่
สองเดือนสิบสองแล้ว…สองสกุลจึงได้พลิกหาต่ออีกค่อนวัน สุดท้ายก็เลือกวันที่หกเดือนสิบ
สอง
นายหญิงใหญ่มองว่างานแต่งของเผยถงกับเผยเยี่ยนจัดใกล้กันเกินไป เลี่ยงไม่ได้ที่จะ
มีคนยกมาเปรียบเทียบ ยังไม่พูดถึงศักดิ์
อาวุโส เผยถงเป็นแค่ซิ่วไฉ แต่เผยเยี่ยนเป็นถึงจิ้นซื่อ
แล้ว คนที่มาร่วมแสดงความยินดีย่อมจะแตกต่างทั้งสิ้น เผยถงต้องเสียเปรียบกว่าเห็นๆ นางถึง
ได้คิดอยากไปจัดงานแต่งที่หังโจว จัดเป็นงานมงคลเล็กๆ เชิญญาติที่ห่างกันไม่เกินห้ารุ่นกับ
สหายเก่าที่เคยช่วยเหลือเผยโย่วมาร่วมงาน
แน่นอนว่าท่านแม่เฒ่าต้องไม่พอใจอยู่แล้ว
2628
แต่นางคิดไม่ถึงว่าเผยถงเองก็จะไม่เห็นด้วยเช่นกัน
แม่นมคนสนิทของนายหญิงใหญ่เอ่ยว่า “ข้าคิดว่าคุณชายใหญ่ทําถูกแล้วเจ้าค่ะ วัน
ข้างหน้าอีกยาวไกล ท่านไม่จําเป็นต้องรีบร้อน ขอเพียงคุณชายใหญ่มุ่งมั่นเล่าเรียน สอบให้มี
ชื่อติดบนป้ายประกาศให้ได้ ต่อไปวันข้างหน้าล้วนมีแต่เกียรติยศ ท่านไม่จําเป็นต้องทําให้ท่าน
แม่เฒ่าไม่พอใจด้วยเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ”
นายหญิงใหญ่รู้สึกไม่ยินยอม
แต่สกุลกู้ทางนั้นส่งข่าวมาก่อน บอกว่ากู้ฉ่างตั้งใจจะพาเจ้าสาวไปเมืองหลวงด้วย
ตั้งแต่วันที่สี่หลังปีใหม่ นางจะงัดข้อกับท่านแม่เฒ่าต่อไป หรือจะยอมฟังคําของเผยถงแล้วรีบ
จัดงานแต่งให้เรียบร้อยเสีย
นายหญิงใหญ่ถอนหายใจเฮือก “เช่นนั้นข้าไปเรือนสกุลกู้ด้วยตนเองสักครั้ง ไปคุยกับ
คุณหนูกู้ บอกว่าเรื่องนี้นางต้องเจ็บชํ้านํ้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะหาทางชดเชยให้นางแน่”
แม่นมพลันดีอกดีใจ แต่ไม่กล้าแสดงสีหน้าออกมา
นางกลัวว่าหากนายหญิงใหญ่เห็นแล้วจะคิดมาก จนเปลี่ยนใจอีกรอบ
แม่นมรีบนําเรื่องนี้ไปแจ้งต่อเผยถง
หัวใจที่ว้าวุ่นของเผยถงจึงสงบได้เสียที เขาเร่งเร้าแม่สื่อให้ไปหารือวันแต่งที่แน่นอนกับ
ทางสกุลกู้
เวลานี้สกุลเผยจึงเริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้ง
นายหญิงใหญ่เผยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เห็นมานาน โดยเฉพาะตอนที่ได้รับจดหมายจาก
สกุลฝั่งมารดา บอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่สกุลฝั่งมารดาของนางได้ออกเดินทางมาหลินอันแล้ว เพื่อ
เข้าร่วมงานแต่งของเผยถง นางอารมณ์ดีถึงขนาดเรียกช่างฝีมือจากร้านเครื่องเงินมาสั่งทํา
เครื่องประดับผม มีทั้งของตนเอง และเพื่อมอบให้กับพี่สะใภ้ด้วย
2629
อวี้ถังให้เล่ยจือไปเชิญเฉินต้าเหนียงมา แล้วขอคําชี้แนะจากนางเรื่องของขวัญพบหน้า
สําหรับงานแต่งเผยถง
เฉินต้าเหนียงยิ้มแล้วตอบเสียงนุ่มว่า “เรื่องนี้สมควรไปหารือกับนายหญิงรองเจ้าค่ะ
แม้ท่านจะเป็นสะใภ้บ้านหลัก แต่หากไม่นับเรื่องนี้ ท่านกับนายหญิงรองมีศักดิ์เป็นอาหญิง
เช่นกัน แต่ข้าขอแนะนําท่าน ก็เหมือนกับตอนที่นายหญิงใหญ่มอบของขวัญพบหน้าให้ท่าน
ตอนแต่งงาน จะให้เป็นเครื่องประดับที่ราคาใกล้เคียงกันก็ได้เจ้าค่ะ อย่างมากก็อาจเพิ่มพวก
กําไลทองเข้าไป เพราะว่าพวกคุณชายฉานกับคุณชายปัวต่างก็ถึงวัยที่ต้องแต่งงานแล้ว คาดว่า
งานมงคลก็คงจะอยู่ในช่วงปีสองปีนี้ หากเลือกที่รักมักที่ชังคงไม่ดีสักเท่าไร”
อวี้ถังพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเดินไปหานายหญิงรอง
นายหญิงรองคิดว่าหากอวี้ถังไม่มาหารือกับนาง นางก็จะไปหาอวี้ถังอยู่แล้ว พออวี้ถัง
มาหาก็นับว่าตรงใจนางพอดี นางเอ่ยว่า “ข้าเตรียมเครื่องประดับผมชุดทองไว้ เจ้าก็เพิ่มพวก
หยกแขวนอะไรก็ใช้ได้แล้ว”
อวี้ถังกลับไปบอกเรื่องนี้กับเผยเยี่ยน เผยเยี่ยนคิดว่าจัดการเช่นนี้เหมาะสม จึงบอก
ให้อวี้ถังไปเลือกหยิบของในคลังเอา “น่าจะมีหยกแขวนนํ้างามอยู่หลายชิ้น”
สิ่งที่เผยเยี่ยนเก็บรักษาไว้ ไม่มีทางเป็นของธรรมาดาแน่
แต่หากมอบมันให้เผยถง ก็ต้องกลายเป็นของกู้ซีน่ะสิ
อวี้ถังเสียดายสุดใจ จึงขอร้องเถ้าแก่ใหญ่ถงให้ช่วยซื้อหยกดีราคาหลายสิบตําลึงมา
เป็นของขวัญพบหน้าแทน
เผยเยี่ยนรู้เรื่องภายหลังก็หัวเราะนางใหญ่
อวี้ถังไม่ยอมอ่อนข้อให้ “ของๆ ท่านหากไม่นับว่าเป็นของข้า อย่างน้อยก็เป็นของลูกๆ
เรานะเจ้าคะ อาศัยสิ่งใดถึงต้องมอบมันให้แก่คนที่ข้าไม่ชอบด้วย? ไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไร
เรื่องในเรือนข้าเป็นใหญ่ ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่อนุญาตให้ท่านสอดมือมายุ่ง”
2630
เผยเยี่ยนเหลือบมองหน้าท้องนางทีหนึ่ง ฉีกยิ้มบานแฉ่งพลางพยักหน้าไปมา “ถูกต้อง
แล้วๆ สมบัติของสกุลเราทําไมต้องยกให้ผู้อื่นด้วย เจ้าทําถูกต้องแล้ว”
คนทั้งสองแม้จะนอนเตียงเดียวกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องงดกิจกรรมกลางดึก
เหตุเพราะอวี้ถังมีระดู
แน่นอนว่านางยังไม่ตั้งท้อง
อวี้ถังเห็นท่าทางเช่นนั้นของเผยเยี่ยน ก็ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง
พอเขาเห็นหน้าตาซุกซนของอวี้ถัง ในใจก็รู้สึกอิ่มเอมมาก
ภรรยาของเขาสมควรเป็นเช่นนี้ คิดอยากทําสิ่งใดก็ทําได้ตามใจต้องการ
แมวตัวน้อยอย่างอวี้ถัง นางเริ่มดุดันมากขึ้นแล้ว
อีกทั้งสายตาก็แวววาวขึ้นทุกที มีสง่าราศีไม่เลวเลย
เผยเยี่ยนลอบดีใจกับตัวเองที่ไม่ได้ลังเล และยอมเสี่ยงที่จะแต่งงานกับอวี้ถัง
เห็นชัดว่าสายตาเขาแหลมคมยิ่งนัก
เผยเยี่ยนเดินไปที่ห้องบัญชีอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ระหว่างทางก็คิดไปด้วยว่าจะต้องช่วย
ชี้แนะศิษย์พี่เฟ่ ยของเขาได้หรือไม่
สามีภรรยาควรจะใช้ชีวิตอย่างกลมเกลียวเป็นสุข เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่สิบปี คงไม่คุ้มค่า
เท่าไรหากต้องเสียไปกับการทะเลาะโต้เถียง
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ตอนช่วงคํ่าของวันเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้รับจดหมายแจ้ง
การตายจากสกุลเฟ่ ย
ฮูหยินของเฟ่ ยจื้อเหวินล้มป่ วยตายเมื่อสิบหกวันก่อน
2631
อีกอย่างด้วยเฟ่ ยฮูหยินได้ทิ้งจดหมายสั่งเสียเอาไว้ บอกว่าทุกอย่างให้จัดการอย่าง
เรียบง่าย ดังนั้นสกุลเฟ่ ยจึงไม่จัดพิธีศพใหญ่โต ตามความเห็นของเฟ่ ยจื้อเหวิน ก็เพียงแค่ส่ง
ข่าวแจ้งต่อเหล่าสหายแต่ละสกุลเท่านั้น
เผยเยี่ยนยืนนิ่งอยู่กลางห้องหนังสือ ปล่อยสติล่องลอยอยู่เป็นนาน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับไปกินอาหารเย็นช้า
อวี้ถังกังวลใจมาก จึงตักนํ้าแกงหอยตลับให้เขาด้วยตนเองถ้วยหนึ่ง
เผยเยี่ยนฝืนดื่มจนหมดถ้วย แล้วคุยเรื่องการตายของเฟ่ ยฮูหยินให้อวี้ถังฟังบนโต๊ะกิน
ข้าว
อวี้ถังไม่รู้เรื่องของสกุลเฟ่ ย ได้ยินดังนั้นก็อนุมานว่าเฟ่ ยจื้อเหวินกับเผยเยี่ยนคงสนิทกัน
มาก จึงช่วยเขาออกความเห็นว่า “แม้จะบอกให้จัดการอย่างเรียบง่าย ไม่จําเป็นต้องให้เราไป
ร่วมพิธี แต่ท่านสามารถเขียนจดหมายสักฉบับไปปลอบใจใต้เท้าเฟ่ ยได้นี่เจ้าคะ”
เกรงว่าใต้เท้าเฟ่ ยในตอนนี้คงไม่ต้องการแค่คําปลอบโยนให้ตัดอกตัดใจเพียงไม่กี่
ประโยคแน่
เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเฟ่ ยจื้อเหวิน เผยเยี่ยนไม่อาจเล่าให้อวี้ถังฟังอย่างละเอียดได้
จึงพยักหน้าอย่างขอไปทีหลายครั้ง จากนั้นก็แสร้งทําเป็นไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ก่อนจะเขียน
จดหมายสั้นๆ ส่งคําปลอบใจไปให้เฟ่ ยจื้อเหวิน
ใครจะคิดว่าพอถึงสิ้นเดือน สกุลเผยกําลังอลวนกับการเตรียมงานให้คุณหนูแต่งออก
และสะใภ้แต่งเข้า จางอิงที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวงได้เขียนจดหมายส่งมาถึงท่านแม่เฒ่า หวังว่า
ท่านแม่เฒ่าจะช่วยกล่อมเผยเยี่ยนให้มาพักที่เมืองหลวงสักระยะหนึ่งได้
ทั้งบอกว่าเฟ่ ยจื้อเหวินด้วยต้องสูญเสียภรรยาไป โศกเศร้าไม่อาจทําใจได้ จึงตัดสินใจ
ลาออกจากราชการ
บัดนี้คนที่พอจะโน้มน้าวเฟ่ ยจื้อเหวินได้ มีเพียงเผยเยี่ยนเท่านั้น
2632
ท่านแม่เฒ่าไม่ค่อยจะเชื่อคําพูดของจางอิงเท่าไร
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางกระจ่างแก่ใจดี เฟ่ ยจื้อเหวินอายุมากกว่าเผยเยี่ยนยี่สิบปี ทั้งยัง
เป็นคนที่โอหังเย่อหยิ่ง ปกติเพราะเห็นเผยเยี่ยนเป็นสหายขุนนาง จึงค่อนข้างดูแลเผยเยี่ยน แต่
หากบอกว่าเป็นความสนิทเสน่หาส่วนตัว อย่างไรความต่างวัยก็ยังมีอยู่ ไม่แน่ว่าเขาจะโน้มน้าว
เฟ่ ยจื้อเหวินได้สําเร็จ
ที่กล่อมให้เผยเยี่ยนไปเมืองหลวง เก้าในสิบคงอยากให้เผยเยี่ยนช่วยสกุลจางงัดข้อกับ
สกุลอื่นก็เท่านั้น
ท่านแม่เฒ่าไม่สนใจจดหมายฉบับนั้นอีก เพียงรอวันออกเรือนของหลานสาวและรอรับ
หลานสะใภ้อย่างรื่นเริงใจ