ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่329 นําผึ้งพระจันทร์ ้
เผยเยี่ยนได้ฟังก็ไม่คิดว่าเป็นความผิดของตนเองสักนิด “ก็มิใช่เพราะเจ้ารึ! เจ้าไม่ต้อง
ไปเจอเจ้าเด็กพวกนั้นไม่ได้หรืออย่างไร? ยังมีอาตันอีกคน มาหาได้ไม่เว้นแต่ละวัน เจ้าไปพูด
กับพวกนางสิ ให้พวกนางหยุดพักเสียบ้าง เจ้าเป็นอาหญิงของพวกนางนะ”
นางมิใช่ว่ายากจะเอ่ยปากหรืออย่างไร?
แต่ก่อนทุกคนเล่นอยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้อง ตอนนี้จู่ๆ นางก็กลายเป็นผู้อาวุโสของ
คุณหนูห้า แค่นี้ก็มากพอให้คนอายหน้าแดงแล้ว จะให้นางไปวางท่าสร้างภาพต่อหน้าผู้อื่นได้
อย่างไรอีก?
อวี้ถังเอ่ยอย่างมึนๆ ว่า “แล้วทําไมท่านไม่พูด? ท่านเป็นอาสามของพวกนาง ตอนตี
หน้าดุดันพวกนางยังแสร้งมองไม่เห็น ข้าพูดแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
เผยเยี่ยนฮึดฮัด ก่อนออกคําสั่งเด็ดขาดว่า “ข้าไม่สน อย่างไรหลายวันนี้เจ้าต้องไล่พวก
นางไปให้ได้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะพาเจ้าหนีไปอยู่คฤหาสน์หลังอื่น”
นี่มิใช่ยิ่งกลายเป็นเรื่องตลกในสายตาผู้อื่นรึ?!
อวี้ถังไม่ยินยอมแน่
ทั้งคู่ดึงกันไปยื้อกันมา เกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอน
หลังสองคนสุขสมอารมณ์หมายดั่งฟ้าใสหลังฝนพรํา อวี้ถังก็เอาแต่มุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
ไม่กล้าโผล่ออกมา
เผยเยี่ยนกลับสดใสกระปรี้กระเปร่ายิ่ง เขาเปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมหังโฉวสีเขียวไข่กา
เรียบๆ ทั้งยังแขวนถุงผ้าสีขาวกับจินชีเจี้ยน แล้วเอ่ยกับอวี้ถังว่า “ข้าจะไปห้องเป้าซย่าด้านหน้า
ผู้ดูแลสวนใกล้จะมารายงานเรื่องบัญชีค่าใช้จ่าย พวกผู้ดูแลในสกุลต้องการหารือกับข้าเรื่องนี้”
อวี้ถังนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม ส่งเสียง “อืม” กลับคําหนึ่ง
2619
เสียงนั้นหวานฉํ่าจนเลี่ยน ทําให้เผยเยี่ยนนึกถึงเรือนร่างอรชรและขาวผ่องของอวี้ถัง
เขาอดใจไม่ไหว จึงกระโจนลงเตียงแล้วปลุกปลํ้าเคล้าคลออวี้ถังอีกพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็โดนอวี้
ถังถีบเข้าให้เท้าหนึ่ง เขาถึงได้หัวเราะลั่นและยอมเดินออกประตูไป
อวี้ถังไม่มีหน้าจะไปพบคุณหนูห้าจริงๆ ตอนที่เหล่าคุณหนูห้ามาถึง จึงให้ชิงหยวนไป
บอกว่านางยังไม่ลุกจากเตียง
คุณหนูสี่เอ่ยเสียงแตกตื่นว่า “อาหญิงสามมิใช่ว่าตั้งท้องเจ้าตัวเล็กแล้วนะ?”
“ไม่หรอกกระมัง?” คุณหนูห้าฟังแล้วอ้าปากค้าง ถามคุณหนูสี่ว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร?
ขนาดท่านแม่ข้ายังไม่รู้เลย?”
คุณหนูรองกับคุณหนูสามอายุมากขึ้นมาหน่อย ทั้งคนยังหมั้นหมายแล้ว พวกแม่นม
ข้างกายจึงสอนเรื่องพรรค์นี้ไว้บ้าง สองคนพอได้ยินก็หันมามองตากันอย่างวิตก กําลังลังเลว่า
จะห้ามปรามไม่ให้คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าพูดจาเหลวไหลอย่างไรดี ก็ได้ยินคุณหนูสี่พูดขึ้นมาราว
กับตัวมีเหตุผลเต็มเปี่ยมว่า “แน่นอนว่าข้าต้องรู้อยู่แล้ว ตอนที่ญาติผู้พี่ของข้าตั้งท้องก็เป็นแบบ
นี้ กลางวันนอน กลางคืนก็นอน ตั้งแต่เช้ายันคํ่าเอาแต่นอนไม่ยอมตื่น ท่านน้าบอกว่าข้า นี่เป็น
เรื่องปกติ คนที่ตั้งท้องเจ้าตัวน้อยก็มักเป็นเช่นนี้ ยังบอกอีกว่า การทั้งท้องเด็กนั้น หนึ่งคนกิน
แต่ต้องเลี้ยงถึงสองคน ดังนั้นจะต้องกินอาหารที่ดีๆ ถึงจะถูก”
คุณหนูห้าคิดว่าคําพูดของนางมีเหตุผล จึงพยักหน้าเห็นด้วย
คุณหนูสามขบคิดว่า อวี้ถังเพิ่งจะแต่งเข้ามาไม่ทันครบเดือน หากว่าท้องจริงๆ มิใช่
ว่า…ถ้าถูกลือออกไป ไม่เพียงสกุลอวี้ที่ขายหน้า กระทั่งท่านอาสามเผยเยี่ยนก็ต้องอับอายไป
ด้วย!
นางรีบปรามเด็กทั้งสองทันที แล้วเอ่ยกับชิงหยวนว่า “ในเมื่ออาหญิงสามกําลังพักผ่อน
อยู่ พวกเราขอไม่รบกวนดีกว่า อีกสองวันพวกเราค่อยมาเยี่ยมนางใหม่”
ชิงหยวนถอนหายใจโล่งอก
2620
ความไม่พอใจของเผยเยี่ยนนั้น พวกนางที่เป็นบ่าวรับใช้ข้างกายมองเห็นตั้งแต่ต้น
เพียงแต่นายหญิงสามไม่ใคร่จะสนใจ พวกนางยังคิดว่าต้องเอ่ยเตือนนายหญิงสามสักหน่อย
หรือไม่ คิดไม่ถึงว่านายท่านสามจะทนไม่ไหวแล้วระเบิดอารมณ์ขึ้นเสียก่อน
บัดนี้เหล่าคุณหนูสกุลเผยสมัครใจที่จะไม่มาเยือนสักหลายวัน พวกนางย่อมดีใจเป็น
ธรรมดา
พวกชิงหยวนจึงไปส่งเหล่าคุณหนูด้วยความชอบใจ
คุณหนูรองอดจะสงสัยไม่ได้ว่า “หรือพวกเราไม่เป็นที่ต้อนรับถึงเพียงนี้? มิใช่ว่ามีศักดิ์
อาวุโสกว่าพวกเราแล้วจึงพลิกหน้าใส่อย่างนั้นรึ?”
คุณหนูสามรู้สึกว่าญาติผู้พี่ของตนนี้มักมีอคติกับอวี้ถังเสมอ ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะแล้ว
ตอบว่า “ข้าคิดว่าพวกเราไปที่นั่นบ่อยเกินไปต่างหาก อาหญิงสามเพิ่งจะแต่งเข้ามา ย่อมมีเรื่อง
มากมายต้องจัดการ ไม่พูดถึงเรื่องอื่น แค่สินเดิมของนางก็มากพอตัว ไหนต้องทํารายการเก็บ
ของเข้าคลังอย่างละเอียดอีก แค่นี้ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยแล้ว”
คุณหนูรองไม่คิดเช่นนั้น “สินเดิมของใครมีน้อยบ้าง? พวกที่คอยรับใช้ข้างกายนางมิใช่
เลี้ยงให้เสียข้าวสุกหรือ?”
เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ คุณหนูสามแต่ไรก็ไม่เคยคิดถกเถียงกับนาง แต่คําพูดของคุณหนู
รองทําให้นางอดจะนึกถึงกู้ซีไม่ได้ นางถามว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่างานแต่งของพี่กู้กับญาติผู้พี่
กําหนดไว้เมื่อไร?”
พอพูดถึงเรื่องนี้ คุณหนูรองก็เบะปากอย่างไม่ใคร่พอใจ “ป้าสะใภ้บอกว่าต้องไปหารือ
กับบ้านฝั่งมารดาก่อน ญาติผู้พี่ไม่มีบิดาแล้ว จะปล่อยให้ไม่มีท่านลุงอีกไม่ได้”
คําพูดนี้ทําเอาคุณหนูสามไม่ชอบใจไปด้วย นางเอ่ยว่า “หรือว่าท่านลุงของสกุลหยาง
จะเร่งเดินทางมาถึงเมืองหลินอันจริงๆ”
2621
“ดังนั้นป้าสะใภ้ถึงได้อยากให้ญาติผู้พี่ไปแต่งงานที่หังโจวอย่างไรเล่า” คุณหนูรองเล่า
สิ่งที่ตนรู้ออกมาหมดเปลือก
“ท่านย่าคงไม่เห็นด้วย ดังนั้นป้าสะใภ้ถึงได้ซื้อคฤหาสน์ที่หังโจวให้ญาติผู้พี่ ทั้งยังควัก
เงินตัวเองตกแต่งใหม่ทั้งหมด ภายหลังท่านย่ามารู้เข้าจึงไม่พอใจ แต่ในเมื่อป้าสะใภ้ดึงดันจะ
ทําเช่นนี้ ทั้งพวกเขาเองตอนนี้ก็ไม่ต้องสืบทอดสกุลแล้ว ผู้อาวุโสในสกุลเพื่อที่จะชดเชยให้พวก
เขา คาดว่าคงพยักหน้าตกลง แต่ถึงเวลานั้นท่านย่าคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่” จากนั้นยังวิจารณ์
ต่ออีกว่า “ข้าว่าตอนนี้นางเดินสู่ทางตันแล้ว เอาแต่ทําเรื่องต่อต้านท่านย่าอยู่ได้ นางนับว่า
ลอยตัวไป แต่ทําไมไม่คิดแทนพี่ใหญ่กับพี่รองบ้าง ต่อไปพวกเขาจะมีหน้าอยู่ในสกุลเผยได้
อย่างไร พี่กู้ก็น่าสงสาร ยังไม่ทันจะได้แต่งเข้าก็พอนึกภาพออกแล้วว่าถึงเวลานั้นต้องเป็นคน
กลางที่คอยรับอารมณ์แน่ ไม่รู้เหมือนกันว่างานแต่งนี้ดีจริงหรือไม่ เฮ้อ!”
คุณหนูสามกลับคิดได้กระจ่างกว่าคุณหนูรอง นางเอ่ยยิ้มๆ “สกุลใดบ้างไม่เป็นเช่นนี้…
หากไม่ขัดแย้งเรื่องนั้น ก็ต้องทะเลาะเรื่องนี้ เป็นคนกลางแม้จะลําบากใจ แต่อย่างไรก็ดีกว่า
สกุลหลี่แน่ ท่านได้ยินข่าวบ้างไหม นายหญิงหลี่หลินซื่อผู้นั้น เพื่อจะหาคู่หมายให้คุณชายหลี่
กระทั่งสกุลพ่อค้าที่หังโจวยังไปดูตัวมาแล้ว สกุลหลี่ คงต้องล้มเหลวแล้วจริงๆ”
“สกุลหลี่เห็นแก่ผลประโยชน์ตรงหน้ามากเกินไป มิเช่นนั้นสกุลกู้ก็คงไม่ขอถอนหมั้น
หรอก” คุณหนูรองกล่าว
เหล่าคุณหนูต่างออกความเห็นของตนเอง ก่อนจะยกโขยงไปเล่นที่เรือนของคุณหนูรอง
มารดาของคุณหนูรองต้อนรับขับสู้พวกเด็กๆ อย่างกระตือรือร้น
สกุลเผยได้คุยกับสกุลหยางเรียบร้อยแล้ว งานแต่งของคุณหนูรองเบื้องต้นกําหนดไว้
วันที่สองเดือนสิบสอง เพราะถงหลูกับหลินอันต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน คุณหนูรองต้องเข้า
พิธีรับเจ้าสาวล่วงหน้า ทั้งยังต้องมีบุรุษฝั่งเจ้าสาวไปส่งอีก เรื่องนี้สองสกุลต้องปรึกษากันให้ดี
ด้วยเหตุนี้กําหนดการจึงยังไม่ได้ประกาศสู่ภายนอก
คุณหนูรองจึงเหลือเวลาอยู่ที่เรือนนี้เพียงไม่กี่วันแล้ว
2622
มารดาของคุณหนูรองคิดขึ้นได้จึงไม่อาจแข็งใจ ได้แต่ปล่อยคุณหนูรองตามอําเภอใจ
ให้นางจัดการอะไรๆ ตามชอบ
คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะไปเล่นที่เรือนของอวี้ถังดีหรือไม่
คุณหนูสามเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งไปเลย ให้อาหญิงสามได้พักผ่อนมากหน่อย”
คุณหนูห้าเองก็เห็นด้วย
คุณหนูสี่ไม่ได้พูดจา แต่ตอนกลับไปก็จงใจเดินข้างคุณหนูห้า แล้วกระซิบบอกนางว่า
“แต่ข้าคิดว่าเรือนอาหญิงสามทางนั้นเล่นสนุกกว่าตั้งเยอะ มีของอร่อยๆ ให้กินด้วย”
คุณหนูห้าผงกศีรษะรับ แล้วตอบกลับคุณหนูสี่เสียงเบาว่า “อีกสองวันพวกเราค่อยไปดี
ไหม? พวกเราเว้นช่วงไประยะหนึ่งแล้ว คงไปหาได้อยู่กระมัง?”
คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าได้ข้อตกลงร่วมกัน เมื่อกลับถึงเรือน คุณหนูห้าก็นําข่าวที่อวี้ถัง
‘ตั้งท้อง’ บอกให้นายหญิงรองฟัง ทั้งยังบอกอีกว่า “พี่สี่เป็นคนบอกมาเจ้าค่ะ”
นายหญิงรองแตกตื่นจนหน้าซีด อบรมคุณหนูห้าอยู่ครึ่งค่อนวัน จนกระทั่งคุณหนูห้า
รับปากว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป นางถึงได้ออกไปพบท่านแม่เฒ่าอย่างกังวล แล้วเล่าเรื่องให้
ท่านแม่เฒ่าฟังอย่างอ้อมค้อม
ท่านแม่เฒ่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ก่อนอวี้ซื่อจะแต่งเข้ามา ข้าส่งคนให้ไปตรวจ
ชีพจรนางแล้ว ทั้งยังมอบยาลูกกลอนบํารุงเลือดให้นางจํานวนหนึ่ง หากว่านางมีครรภ์จริงๆ ข้า
จะไม่รู้ได้อย่างไร? เจ้านี่นะ!”
นางไม่รู้จริงๆ ว่าต้องพูดอะไรต่อ
นี่ก็คือเหตุผลหลักที่นางไม่ยกกิจธุระต่างๆ ในสกุลให้นายหญิงรองจัดการ
นายหญิงรองอับอายจนหน้าแดงกํ่า
2623
ท่านแม่เฒ่าถือโอกาสชี้แนะนางว่า “ต่อไปเจอเรื่องอะไรจะไม่คิดก่อนไม่ได้ และจะคิด
อย่างเหลวไหลไม่ได้เช่นกัน ต้องพิจารณาไปตามเหตุผล ว่ามันเป็นไปได้หรือไม่”
นายหญิงรองพยักหน้ารัวเหมือนไก่จิกเมล็ดข้าวสาร
ท่านแม่เฒ่ารู้ว่าความสามารถนางมีจํากัด ยากจะแก้ไข ถึงตัดบทถามนางว่า “ข้าวของ
เก็บไปถึงไหนแล้ว? อาเซวียนทางนั้นยังไม่ส่งข่าวมาอีกรึ?”
นายหญิงรองรีบตอบอย่างอ่อนน้อมว่า “เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใส่เก็บลงหีบเรียบร้อยเจ้า
ค่ะ นายท่านรองบอกเพียงว่าได้เจออาจารย์แล้ว ทั้งยังไปพบผู้เฒ่าจางกับโจวจ้วงหยวงด้วย”
ท่านแม่เฒ่าปลอบใจนางว่า “ไม่ต้องรีบร้อนไป คนใจด่วนกินนํ้าแกงร้อนไม่ได้ โจวจ้วง
หยวนบัดนี้เป็นถึงจี่ซื่อจงแห่งหกกรม ดีชั่วอย่างไรต่อไปออกมาก็เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมได้ ทั้งคนก็
นิสัยกระตือรือร้น สนิทสนมกับพวกเขาสามพี่น้องไม่เลว จะวางตัวใกล้ชิดหน่อยก็ถูกแล้ว”
นางหญิงรองไม่ค่อยรู้เรื่องในราชสํานัก ทุกอย่างล้วนเชื่อฟังแม่สามีและสามี จึงรับคํา
อย่างนบนอบ
ท่านแม่เฒ่าเห็นว่าไม่มีเรื่องอื่นต้องกําชับนางแล้ว เมื่อดื่มชาเสร็จจึงส่งแขกกลับไป
พอนายหญิงรองเดินผ่านประตูออกมา ก็ลอบกร่นด่าตัวเองหลายประโยค ทั้งอดจะ
รู้สึกผิดต่ออวี้ถังไม่ได้ จึงรื้อผ้าเนื้อดีจากก้นหีบส่งไปให้นางหลายพับ
ด้วยมิใช่เทศกาลหรือวันสําคัญ อวี้ถังจึงรับของมาด้วยความมึนงง
นายหญิงรองก็ไม่อธิบาย บอกเพียงว่ากําลังเก็บข้าวของ เห็นว่าผ้าพวกนี้มีเนื้อผ้าไม่
เลว เหมาะกับอวี้ถัง จึงได้ส่งมาให้
อวี้ถังได้แต่กล่าวขอบคุณ พลางจดจําไว้ในใจ คิดว่าต่อไปค่อยหาของขวัญมาตอบแทน
กลับเป็นเผยเยี่ยนที่พอเห็นผ้าพวกนั้นแล้วก็เกิดความคิด เรียกหาพวกหวังซื่อที่เป็นช่าง
ตัดเสื้อให้มาที่เรือน เขาวาดลวดลายดอกไม้ลงไปด้วยตนเอง เพื่อนําไปใช้ตัดชุดให้อวี้ถัง
2624
อวี้ถังขอแค่กลางคืนได้นอนอย่างเป็นสุข คิดว่าเบี่ยงเบนความสนใจของเผยเยี่ยนไปที่
เรื่องอื่นก็ดีเหมือนกัน นางไม่เพียงเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้น ยังถามว่าจะตัดเป็นเสื้อผ้ารูปแบบ
ไหน ช่วยเลือกผ้าอย่างพิถีพิถัน ให้ความเห็นว่าชิ้นไหนที่นางชื่นชอบ ชิ้นไหนที่นางไม่ชอบ เอา
อกเอาใจเผยเยี่ยนจนเขาแทบจะไปเหมาซื้อผ้าพับที่เป็นเครื่องบรรณาการของปีนี้มาทั้งหมด
เพื่อนํามาตัดชุดให้อวี้ถัง
ดีที่เผยเยี่ยนยุ่งมาก เพียงพริบตา ผู้ดูแลสวนแต่ละแห่งของสกุลเผยก็เริ่มทยอยเดินทาง
มาถึงหลินอันแล้ว
เถ้าแก่ใหญ่ถงเป็นคนคอยรับรองเหล่าผู้ดูแลสวน หลังจากที่พวกเขารู้ว่าเผยเยี่ยนแต่ง
งานแล้ว ต่างก็รีบสั่งให้ฮูหยินของตนที่ต้องไปคารวะท่านแม่เฒ่าทางนั้นให้ไปคารวะอวี้ถังด้วย
ยังมีบางคนไปที่ร้านค้าของสกุลอวี้เพื่อพบหน้าอวี้หย่วนสักครั้ง แล้วซื้อเครื่องลงรักติดไม้ติดมือ
กลับไป
ตอนแรกอวี้หย่วนยังเข้าใจว่าชื่อเสียงของร้านตนกระพือไปไกลแล้ว ดีอกดีใจจนแทบ
เต้น พอกลับไปคุยโวกับเซียงซื่อจึงรู้ว่า นี่เป็นเพราะความสัมพันธ์ของอวี้ถัง เขาถึงกับหม่นเศร้า
ไปครู่หนึ่ง แต่ดีที่มีเซียงซื่อคอยปลอบเขาว่า “นี่เป็นเรื่องของการคบค้าของคนในสังคม ท่านไม่
อาจห้ามได้ หากต้องมานั่งเศร้าใจแบบนี้ มิสู้ทําตามวิธีที่น้องเขยบอก ผลิตเครื่องลงรักของสกุล
ออกมาให้ดี ให้คนที่ซื้อกลับไปรู้สึกว่ามันคุ้มค่า ไม่แน่เขาอาจจะแนะนําให้คนอื่นมาซื้อต่อก็ได้!
คนทํามาค้าขาย ไม่ว่ามีโอกาสอะไรเข้ามาก็ห้ามปล่อยไปเด็ดขาด”
ภายหลังก็เป็นไปตามที่เซียงซื่อพูดไว้ ร้านเครื่องลงรักของสกุลอวี้ค่อยๆ ได้รับการบอก
ต่อปากต่อปากจากผู้ดูแลสวนจนค้าขายได้มากขึ้น หลายๆ ครอบครัวของผู้ดูแลสวนเมื่อมีลูก
สาวจะแต่งงาน ก็มักมาหาซื้อข้าวของที่ร้านเครื่องลงรัก แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง
แล้ว