ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่328 กลับบ้านเก่า
อวี้ถังสังเกตเห็นว่าเผยเยี่ยนไม่ชอบให้ใครรู้เรื่องของตนเองนัก
แต่เล็กนางก็เติบโตมาในตรอกถนน สาวใช้แต่ละบ้านเมื่ออยู่รวมกันก็มักคุยเรื่อง
มโนสาเร่ มีเรื่องอะไรดีๆ พวกสาวใช้ก็มักเอามาคุยโวโอ้อวดกัน ดังนั้นไม่ว่าบ้านไหนจะเกิดเรื่อง
อะไรขึ้นล้วนไม่อาจรอดพ้นหูตาของเพื่อนบ้านได้เลย
อวี้ถังเคยชินกับบรรยากาศการใช้ชีวิตเช่นนั้นแล้ว
ทว่า ตอนนี้นางแต่งเข้าสกุลเผย ก็ควรเคารพ กฎของสกุลเผย โดยเฉพาะกับเผยเยี่ยน
พวกนางต่อไปต้องใช้ชีวิตร่วมกัน ก็สมควรจะเคารพความเคยชินของกันและกันถึงจะถูก
อีกอย่าง เรื่องของสกุลเผยก็ไม่ควรนําไปพูดข้างนอกอยู่แล้ว
อย่างเช่นเรื่องซื้อที่นาแถบเจียงซี
อวี้ถังลอบจดจําไว้ในใจ “ภายหลังท่านแม่ยังเชิญแม่หมอฉื่อมาอีกสองครั้ง คิดว่าคนไม่
เลวเลย แต่ข้าไม่ค่อยได้คุยกับนางเท่าไร จะให้นางมาอยู่ที่นี่ดีหรือไม่ ลองไปถามท่านแม่ดูก็รู้
เรื่องแล้ว”
เผยเยี่ยนคิดว่าอวี้ถังพูดมีเหตุผล
หลักๆ คือแม่หมอผู้นี้เชี่ยวชาญการรมยาด้วยโกฐ ท่านแม่เฒ่าสกุลเผยเองก็คงได้
เรียกใช้งานมากหน่อย
เขาเอื้อมมือไปจับหยกแขวนเอวของอวี้ถัง จากนั้นก็จับลูบมันเล่น “เช่นนั้นค่อยไปถาม
ท่านแม่กัน”
อวี้ถังรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
เผยเยี่ยนจึงเอ่ยกับนางว่า “โบราณว่าเอาไว้ ญาติห่างๆ มิสู้เพื่อนบ้านใกล้ๆ เพราะ
อะไรน่ะรึ? เพราะได้ไปมาหาสู่กับเพื่อนบ้านมากกว่าอย่างไรเล่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับ
2611
คนก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งสนิทกันเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใจกันมากเท่านั้น ความรู้สึกดีๆ ก็จะยิ่งเพิ่มตามไปด้วย
พี่สะใภ้ทางนั้นไม่จําเป็นต้องพูดถึงหรอก ส่วนพี่สะใภ้รองเป็นคนจิตใจดี แต่ไม่ค่อยเด็ดขาด
เรื่องในเรือนมักต้องให้พี่รองข้าเป็นคนตัดสินใจ ท่านแม่จึงอยากให้นางติดตามไปใช้ชีวิตกับพี่
รอง เช่นนี้พวกเขาสามสี่คน พี่สะใภ้รองคนเดียวดูแลก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ส่วนพวกเรา
อย่างไรก็ต้องอยู่ร่วมกับท่านแม่ ท่านแม่เป็นคนไม่ยอมใคร ต้องลําบากเจ้ายอมถอยให้นาง
หน่อยก็แล้วกัน”
อวี้ถังคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
นางเป็นผู้น้อย เดิมก็สมควรกตัญ�ูผู้อาวุโสอยู่แล้ว
อีกอย่างท่านแม่เฒ่าก็มิใช่นายหญิงที่ไร้เหตุผลเสียหน่อย
นางยิ้มพลางรับปากเผยเยี่ยนว่า “ท่านวางใจได้ ข้าจะเชื่อฟังคําของท่านแม่แน่”
เดิมนี่เป็นประโยคที่ฟังแล้วว่านอนสอนง่ายนัก แต่พอเผยเยี่ยนได้ฟัง ในใจกลับไม่ค่อย
พอใจเท่าไร
แต่จะกตัญ�ูอย่างเลอะเลือนไม่ได้เด็ดขาด
เขาอดจะเอ่ยต่อไม่ได้ว่า “แต่เจ้าก็อย่าปล่อยให้ตนเองลําบากเกินไป หากท่านแม่มีสิ่ง
ใดทําไม่ถูกต้อง เจ้าก็อย่าได้ถกเถียงกับนาง ให้กลับมาบอกข้า เดี๋ยวข้าจะคิดหาวิธีเอง”
ผู้น้อยจะกล้าต่อปากต่อคํากับผู้อาวุโสด้วยรึ?
อวี้ถังเบิกตากว้างจ้องมองเขา
เผยเยี่ยนหัวเราะลั่น พลิกตัวทีหนึ่ง นอนควํ่าอยู่บนเตียงแล้วเอ่ยกับอวี้ถังว่า “ตอนเด็ก
ข้าเถียงกับท่านพ่อบ่อยๆ ท่านพ่อโมโหแทบจะลบชื่อข้าออกจากสกุลตั้งหลายครั้ง” เล่าถึงตรงนี้
เขาก็คิดถึงบิดาที่จากไป สีหน้าหม่นแสงลง เขาพลิกตัวอีกรอบหนึ่ง นอนหงายอยู่บนเตียง ไม่
เล่นหยกแขวนเอวของอวี้ถังต่อ แต่ใช้แขนหนุนแทนหมอน แล้วถอนหายใจยาวเหยียด “ถ้าท่าน
พ่อยังอยู่ก็คงดี ถ้าเขารู้ว่าข้าแต่งงาน คงต้องดีใจมากแน่”
2612
อวี้ถังรู้ว่าเขากตัญ�ูต่อท่านผู้เฒ่าสกุลเผยมาก เพราะเหตุนี้จึงได้สั่งตัดดอกไม้ที่สร้าง
ความสดใสในจวนทั้งหมด เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ นางก็ปวดใจตามไปด้วย ได้แต่ปลอบเขา
เสียงนุ่มว่า “รอให้ผ่านเดือนสิบสอง พวกเราค่อยไปจุดธูปไหว้ท่านพ่อ! หรือจะเชิญเจ้าอาวาส
วัดเจาหมิงมาทําพิธีให้ด้วยก็ได้”
เผยเยี่ยนเห็นว่าความคิดนี้ไม่เลว “ท่านพ่อเชื่อคําสอนของเต๋า ข้าจะเชิญนักพรตจาก
วัดชิงกวนมาทําพิธีให้ท่านพ่อก็แล้วกัน”
เขาพูดจบ ก็เริ่มเล่าความแตกต่างระหว่างคําสอนของศาสนาเต๋ากับศาสนาพุทธให้
นางฟัง
อวี้ถังเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก นางจึงตั้งใจฟังอย่างออกรส เห็นว่าเผยเยี่ยนเล่าให้ฟัง
อยู่นาน จึงไปรินนํ้าให้เขาด้วยตนเอง
หัวข้อสนทนาที่น่าเบื่อเช่นนี้สองคนยังคุยกันได้ทั้งบ่าย หากมิใช่ว่าชิงหยวนเอ่ยเตือนว่า
ใกล้ถึงเวลาไปกินมื้อเย็นกับท่านแม่เฒ่าแล้ว สองคนก็คงจะคุยกันต่อไปเรื่อยๆ
เผยเยี่ยนขมวดคิ้วพร้อมมีรอยยิ้มแตะมุมปาก
เขาไม่ได้คุยกับใครมานานมากแล้ว ทั้งคิดไม่ถึงว่าอวี้ถังจะสนใจเรื่องที่เขาพูด
บางที เขาอาจสอนอวี้ถังให้เรียนหนังสือได้?
เผยเยี่ยนใคร่ครวญในใจ อวี้ถังกลับลอบเสียดายพลางเอ่ยว่า “ดูท่าคงต้องรอให้ถึงช่วง
คํ่าถึงจะมีเวลาว่างไปเจอคนของเรือนเขาซู่อวี้แล้ว”
เผยเยี่ยนไม่อยากทําเช่นนั้น
เขาเอ่ยว่า “ฟ้ามืดแสงก็สลัว เจ้ายังจะมองหน้าใครชัดๆ ได้อีก! รอพวกเรากลับมาค่อย
ว่ากันใหม่เถอะ!”
2613
ตอนกลางคืนเขาอยากฝึกฝนท่วงท่าที่ไม่มีเวลาพอให้ทดลองมากกว่า วันนี้จะต้อง
ชดเชยกลับมาให้ได้
อวี้ถังไม่ได้นึกเอะใจ พวกนางไปกินข้าวเย็นกับท่านแม่เฒ่าสกุลเผย ท่านแม่เฒ่ารั้งตัว
สองคนไว้ ฝากฝังข้อที่ต้องระวังหลายอย่างเกี่ยวกับการไปเยือนบ้านเก่า ทั้งกําชับเผยเยี่ยน
ทํานองว่า “อย่าตีหน้านิ่ง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้หงุดหงิด แต่คนอื่นไม่รู้” จากนั้นถึงปล่อยสองคนกลับ
เรือน
พอคล้อยหลังคนทั้งสองแล้ว ท่านแม่เฒ่าสกุลก็เอ่ยกับเฉินต้าเหนียงว่า “เจ้าดูสยากวง
สิ เขาคล้ายกลับไปดื้อรั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่ไหม? วันนี้ข้าให้เขาทําตัวเป็นมิตรกับพ่อตาของ
เขาหน่อย เขากลับถลึงตาใส่ข้าตั้งสองที ตอนเขาเด็กๆ เวลาที่ไม่อยากทําทบทวนบทเรียน พอ
ถูกท่านพ่อตําหนิให้ ถ้าข้าอยู่ข้างๆ ด้วย เขาก็จะถลึงตาใส่ข้าแบบนี้”
เฉินต้าเหนียงรับคําสั่งจากท่านแม่เฒ่าให้ไปตรวจสอบสิ่งของที่พวกอวี้ถังจะนํากลับไป
เยี่ยมบ้านเก่าอีกรอบ คนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แล้วจะเป็นพยานให้ได้อย่างไร แต่ไม่เสีย
แรงที่นางเป็นแม่นมคนสนิทของท่านแม่เฒ่า จึงหัวเราะแล้วตอบอย่างไม่ตรงคําถามว่า “แม้
นายท่านสามจะเป็นเสาหลักของสกุล แต่อายุเขาก็เพิ่งเท่านั้น มิง่ายเลยที่นายหญิงสามจะทํา
ให้เขาอารมณ์ดีได้ นี่มิใช่ ‘เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย’ ที่คนทั่วไปเขาอิจฉากันหรือเจ้าคะ? หาก
เปลี่ยนเป็นข้าบ้าง ข้าคงดีใจแย่แล้ว”
ท่านแม่เฒ่าหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
วันรุ่งขึ้น อวี้ถังลุกจากเตียงด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เผยเยี่ยนกําลังจัดแต่งกล้วยไม้หลายกระถางอยู่ในห้องโถง
เขาอยู่ในเสื้อคลุมหังโฉวตัวบางเขียวอ่อนประดับลายใบไผ่ ดวงหน้างามดั่งหยก คล้าย
เปล่งประกายท่ามกลางแสงยามเช้า กระทั่งมุกหรือหยกก็มิอาจเทียบชั้นได้
อวี้ถังไม่รู้ด้วยซํ้าว่าจะพูดอย่างไรดี
2614
เหตุใดจึงมีคนที่กลางคืนกับกลางวันต่างกันลิบลับเช่นนี้?
ช่างเหมือนสัตว์ป่าในคราบมนุษย์จริงๆ!
อวี้ถังด่าทอในใจ แต่ตอนที่เผยเยี่ยนหันหน้ากลับมาก็ส่งยิ้มให้นางแล้วเอ่ยว่า “ตื่นแล้ว
รึ? ไม่ต้องรีบหรอก ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย พี่ชายเจ้าคงไม่มาถึงไวขนาดนั้น” นางกลับไม่ได้รู้สึกขุ่น
เคืองเท่าไร มีเพียงสีหน้าที่แดงไหม้เท่านั้น
ธรรมเนียมของหลินอัน เจ้าสาวกลับบ้านเก่า พี่ชายหรือน้องชายฝั่งมารดาต้องเตรียม
กล่องขนมมารอรับ
อวี้ถังกลัวว่าอวี้หย่วนจะมาเช้าเกินไป จึงตื่นเร็วกว่าเมื่อวาน พยายามฝืนลุกจากเตียง
ให้ได้ พอได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จึงไม่ได้สนใจอีก
เผยเยี่ยนรู้ว่านางเขินอาย จึงไม่ได้โมโห บอกให้ชิงหยวนยกนํ้าแกงโสมไก่ที่ตุ๋นไว้
ข้ามคืนเข้ามา “รองท้องไปก่อน”
อวี้ถังรู้สึกหิวแล้วจริงๆ จึงดื่มไปสองชามติดๆ กัน
อวี้หย่วนเดินทางมาถึงแล้ว
เขาไปคารวะท่านแม่เฒ่าสกุลเผยก่อน จากนั้นก็มารับอวี้ถังกับเผยเยี่ยนกลับบ้านเก่า
เผยเยี่ยนเชิญเขากินมื้อเช้าด้วยกันตามมารยาท จากนั้นทุกคนก็เดินทางกลับสกุลอวี้
อวี้ถังออกเรือนไปอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริก ตอนที่พวกเขากลับเรือนเก่าจึงมีเพื่อนบ้าน
บางคนมารออยู่หน้าประตูเพื่อชมดูเป็นพิเศษ
เผยเยี่ยนก็ทักทายพวกเพื่อนบ้านอย่างค่อนข้างจะใจกว้างและเป็นมิตร ทําให้เหล่า
เพื่อนบ้านชื่มชมในนิสัยใจคอของเขากันยกใหญ่
อวี้เหวินรู้เรื่องก็ดีใจมาก เดินออกจากห้องโถงไปรอรับเขยคนใหม่ด้วยตนเอง เผยเยี่ยน
ก็วางท่าของบุตรเขยได้เหมาะสม ทําให้คนของสกุลอวี้พออกพอใจไปตามๆ กัน
2615
อวี้ถังถูกสตรีในสกุลเรียกตัวแยกไปในห้อง เฉินซื่อจูงมือนางแล้วถามอย่างเคร่งเครียด
ว่า “เป็นอย่างไร? เจ้าแต่งเข้าไปแล้วคนสกุลเผยปฏิบัติต่อเจ้าดีหรือไม่? แล้วบุตรเขยดูแลเจ้าดี
หรือเปล่า?”
การดูแลของเผยเยี่ยนนั้น หากมิใช่ไม่ยอมให้นางได้หลับนอนทั้งคืน ก็บอกนางว่าอย่า
กลัวที่ต้องทะเลาะกับคนอื่น
โชคดีที่นางเป็นคนรู้หนักเบา แค่ฟังผ่านๆ ไปก็พอแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงต้อง
ก่อเรื่องวุ่นวายจนไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่
อวี้ถังบ่นงึมงําในใจ จิตใต้สํานึกบอกว่าเรื่องแบบนี้ต่อให้เป็นมารดานางก็กระดากเกิน
กว่าจะเล่า เรื่องแรกเพราะสะเทิ้นอาย ส่วนเรื่องหลังกลัวว่าคนในสกุลจะเข้าใจเผยเยี่ยนผิด
เปล่าๆ
นางได้แต่อ้อมแอ้มตอบไปว่า “ไม่เลวเลยเจ้าค่ะ! นายท่านสามก็ดีหรือท่านแม่เฒ่าก็ดี
ทุกคนล้วนดีต่อข้าทั้งสิ้น”
เฉินซื่อไม่ค่อยเชื่อนาง จึงสํารวจดูทั้งด้านบนด้านล่างไปหนึ่งยก
หวังซื่อที่ยืนมองอยู่ข้างๆ หลุดหัวเราะ “เจ้าลองดูท่าทางนางสิ ดูไม่สบายดีตรงไหนกัน?
ในเมื่อนางไม่อยากพูด เจ้าก็เลิกถามเถอะ พวกเราเองก็เคยเป็นเด็กสาวแรกรุ่นก่อน วันข้างหน้า
ยังอีกยาวไกล โอกาสยังมีอีกเยอะ”
เฉินซื่อหัวเราะเหอะๆ จากนั้นก็ไม่ถามอะไรอีก
เซียงซื่อถามด้วยความอยากรู้ว่า “ข้าได้ยินว่านายหญิงใหญ่สกุลเผยเป็นคนเข้าถึงยาก
เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
แต่งเข้าสกุลใดก็ต้องช่วยพูดจาให้กับสกุลนั้น
2616
อวี้ถังตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าแต่งเข้าไปได้ไม่นาน มีแค่ตอนพิธีรับญาติที่เพิ่งจะได้เจอ
หน้านางไม่กี่ครั้ง คนนิสัยเป็นอย่างไร ตอนนี้ยากจะพูดได้ ทว่าเพราะนางเป็นม่าย จึงไม่สะดวก
ออกมาข้างนอกบ่อยๆ นั้นเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ”
ความหมายก็คือ นางจะเข้าถึงยากสักหน่อยก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว
เซียงซื่อรู้สึกว่าตนถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม จึงหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็แค่อยากรู้ว่าเรื่อง
จริงเป็นอย่างไรก็เท่านั้น”
อวี้ถังเข้าใจนาง แต่ก่อนนางก็สนใจอยากรู้เรื่องพวกนี้ไม่ต่างกัน
ทุกคนต้อนรับเผยเยี่ยนสองสามีภรรยาอย่างอบอุ่น เพราะว่าอยู่ห่างกันไม่มาก พวกอวี้
ถังจึงอยู่กินอาหารเย็นแล้วถึงค่อยกลับ
คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับเรือนจะบังเอิญเจอนายหญิงใหญ่เข้าได้
นางเพิ่งออกมาจากเรือนของท่านแม่เฒ่า พอกล่าวทักทายอวี้ถังกับเผยเยี่ยนอย่างเย็น
ชาแล้วก็เดินจากไป
เผยเยี่ยนก็วางท่าไม่แยแส พยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วจูงมืออวี้ถังเดินหนี
จากสถานการณ์นี้ เห็นท่าคงแตกหักกันซึ่งๆ หน้าแล้ว
นางตามเผยเยี่ยนไปคารวะท่านแม่เฒ่า สีหน้าท่านแม่เฒ่าไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังฝืนยิ้ม
แล้วถามพวกนางเรื่องกลับบ้านเก่าไม่กี่ประโยค จากนั้นคนก็เผยสีหน้าอ่อนเพลียให้เห็น
อวี้ถังรีบกระตุกชายเสื้อเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนจึงพานางลุกขึ้นแล้วบอกลา
ท่านแม่เฒ่ามองม่านกั้นประตูที่สะบัดพริ้วตามหลัง เอ่ยกับเฉินต้าเหนียงอย่างทอด
ถอนใจว่า “เจ้าพูดถูก พอสยากวงแต่งภรรยา นิสัยก็อ่อนโยนขึ้นมาก นี่เป็นเรื่องดีนัก สิ่งใดที่
แข็งเกินไปย่อมจะหักง่าย แบบนี้นับว่าพอดีแล้ว”
2617
เฉินต้าเหนียงนึกถึงคําพูดเมื่อครู่ของนายหญิงใหญ่ คนก็ลอบถอนหายใจเบาๆ
วันต่อมา อวี้ถังเพิ่งจะได้ทําความรู้จักกับบ่าวไพร่ของเรือนเขาซู่อวี้อย่างเป็นทางการ
จัดสรรคนรับใช้ข้างกายของตนกับเผยเยี่ยนตามที่เผยเยี่ยนได้บอกไว้ก่อนหน้า ปรับเปลี่ยน
โยกย้าย กําหนดหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคน เรือนเขาซู่อวี้จึงเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือน
เรือนอื่นๆ ภายในเวลาอันรวดเร็ว
อวี้ถังนอกจากช่วงเย็นต้องคอยดูแลกับช่วงเช้าต้องไปคารวะท่านแม่เฒ่าสกุลเฉินทุกๆ
วันแล้ว ยังต้องถูกเหล่าคุณหนูสกุลเผยคอยล้อเลียน จากนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับเผยเยี่ยนที่
เหมือนคนไม่รู้จักพอ
เช่นนี้ ทําให้นางต้องเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
โดยเฉพาะเหล่าคุณหนูทั้งหลาย พักหนึ่งก็พาหลานตัวน้อยในสกุลมาคารวะอาสะใภ้
อีกเดี๋ยวก็พาญาติผู้พี่ผู้น้องมาทักทายอาสะใภ้ ช่วงบ่ายของทุกวันที่เรือนเขาซู่อวี้มีเสียงหัวเราะ
ไม่ขาดสาย ส่วนเผยเยี่ยนจะตีหน้าบูดบึ้งขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น
อวี้ถังได้แต่ขอร้องเผยเยี่ยนว่า “ท่านไปนอนที่ห้องหนังสือสักสองสามวันได้หรือไม่?”
เผยเยี่ยนเดือดดาลจนหน้าดําเป็นก้นหม้อ คิดว่าตนไม่สําคัญเท่าเหล่าหลานๆ ตัวน้อย
จึงโวยวายด้วยความไม่พอใจว่า “อาศัยสิ่งใด? ข้าแต่งภรรยาแล้วยังต้องไปนอนห้องหนังสืออีก
รึ? เจ้าลองฟังดู ที่พูดยังใช่ภาษาคนอยู่หรือไม่?”
อวี้ถังงรู้สึกผิดอย่างมาก งึมงําเสียงเบาตอบว่า “แต่ท่าน…ท่านก็ต้องปล่อยให้ข้านอน
หลับสบายๆ บ้างสิ”