หัวหน้าของฉันเป็นเด็กขี้แย - ตอนที่ 20 รีบกลับมาเร็วๆ
เวลารับมือกับผู้หญิงชั้วที่ชอบตีหน้าซื่อแบบนี้ คุณต้องทำตัวให้ร้ายยิ่งกว่า
หลังจากที่ เซิน หนิงซิน ทำถังหล่นใส่เท้าของ เป๋ย ฉิง สองครั้ง เธอเหมือนจะโวยวาย แต่เพราะว่าตอนนี้มีคนมองอยู่เยอะ เธอเลยหยุดกลัวว่าภาพลักษณ์ของเธอจะเสีย
แต่เธอไม่ได้โง่ เธอรู้ตัวอย่างรวดเร็วว่าคนๆนี้จงใจแน่นอน และเธอก็เก็บความแค้นไว้ไม่มีลืม ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอเจอเรื่องอะไรเกี่ยวกับ เซิน หนิงซิน เธอจะเปิดปากแล้วพูดเยาะเยยออกมา
เซิน หนิงซิน ขี่เกียจเกินกว่าจะสนใจเธอ
เธอคิดแค่ว่าเธอก็เป็นแมลงวันที่บินกวนเธอเท่านั้น
เวลาผ่านไปช้าๆ สองวันได้ผ่านไปแล้วแต่ คิว อีไป๋ ก็ยังไม่กลับมา
หวัง ฉี ได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว
เธอกลายเป็นรองผู้จัดการแล้วเงินเดือนของเธอก็เพิ่มเท่าตัวทันที
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนอีกคนได้รับการเลื่อนขั้น
เป๋ย ฉิง
คนๆนี้ได้รับการเลื่อนขั้นโดยตรงจากพนักงานธรรมดาเป็นหัวหน้าทีมของกลุ่ม เซิน หนิงซิน
ปฏิกิริยาของเรื่องนี้นอกจาก เจ้ฉาง และ เซิน หนิงซิน ที่รู้อยู่แล้ว ทุกคนนั้นต่างแปลกใจ
แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงซะคนที่ตัดสินใจก็คือเบื่องบน ทุกคนเลยทำได้แค่แสดงความยินดีกับเธอ
เซิน หนิงซิน เองก็ทำตามคนอื่นและตบมือสองสามครั้ง ก่อนจะกลับไปทำงาน เมื่อมองอีกทีเธอก็เห็น เป๋ย ฉิง กำลังถือถุงผลไม้อยู่เพื่อแบ่งมันให้กับทุกคน
มันมีผลไม้หลายอย่างข้างใน ไม่ว่าจะแอปเปิ่ล ลูกพีช ลูกแพร ทุกลูกนั้นใหญ่และน่ากิน
แต่คนๆนี้กลับยื่นมือลงไปแล้วค้นหาอยู่นานก่อนจะหยิบลูกแอปริคอตเล็กๆเหี่ยวๆออกมาว่างไว้บนโต๊ะของเธอ
ก่อนที่เธอจะสวมรอยยิ้มปลอมๆแล้วพูดกับเธอ “พวกมันหวานมากเลยนะ เธอควรลองกินดูนะ”
“ฉันซื้อมันมาให้เธอโดยเฉพาะเลย~”
โอ๋ นั้นยิ่งเป็นอีกเหตุผลที่จะไม่กินพวกมันเลยหละ
เซิน หนิงซิน ยิ้ม ยื่นมือออกไปว่างแอปริคอตทั้งสองลูกไว้อีกด้าน ก่อนจะเอ๋ยขอบคุณเธออย่างจริงจัง ดวงตาของเธอโค๊งเป็นจันทร์เสี้ยวและร้อยยิ้มของเธอนั้นก็หวานเป็นพิเศษ
เธออดไม่ได้ที่จะสาปแช่งอยู่ในใจ ไม่ใช่ว่าเธอจะทำให้ฉันกินของเปรี๊ยวจนตายเลยหรอ
เมื่อเห็นว่าเธอไม่แสดงท่าทางไม่พอใจ เป๋ย ฉิง ที่ไม่ได้เห็นผลลัพท์ที่ต้องการก็หยุดยิ้มด้วยความไม่พอใจก่อนจะรีบเดินจากไป
ดูเหมือนว่าเธอจะพึมพำอะไรบางอย่าง และ เซิน หนิงซิน ก็พอจะฟังออกนิดหน่อย เธอคงพูดประมาณว่า “คอยดูเถอะ”
ดูเหมือนว่าเธอต้องการจะล้างแค้นเธอ
เมื่อรู้ตัวเรื่องนี้ เซิน หนิงซิน ทำได้แค่ถอนหายใจ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ
พอมาคิดดูดีๆ ตอนนั้นเธอก็หุนหันพลันแล่นเกินไป ตอนที่เธอได้ยินคนๆนั้นเปิดปากว่าร้าย คิว อีไป๋ เธอก็อดไม่ได้ที่จะโกรธและโต้ตอบด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสมไป
แต่เธอก็ไม่ได้เสียใจที่ทำมันไป ถ้าเธอได้มีโอกาสเลือกอีกครั้ง เธอก็คงจะทำเหมือนเดิม
เพราะว่าเธอรู้ว่าจริงๆแล้วยัยเด็กขี้แยนั้นเป็นคนยังไง แล้วเธอก็ไม่ได้เป็นคนเหลือจะทนเหมือนที่คนอื่นพูดกัน
เธอไม่สามารถโกหกความรู้สึกของตัวเองได้
แล้วเธอก็ไม่อยากจะปฏิเสธหัวใจของตัวเอง
—
การล้างแค้นที่ เป๋ย ฉิง พูดถึงนั้นไม่ได้สร้างปัญหามากนัก
การเลื่อนจากพนักงานธรรมดาไปเป็นหัวหน้าทีม ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่มากับการเปลี่ยนตำแหน่งนั้นก็ต้องเพิ่มขึ้นไปด้วย งานของเธอเพิ่มขึ้น และเธอก็ยุ่งอยู่กับการปรับตัวกับมันทุกวัน เวลาว่างของเธอน้อยลงเธอเลยไม่ค่อยได้มีโอกาสสร้างปัญหาอะไร
ถ้าเธอใช้คำพูดของ เจ้ฉาง เพื่ออธิบายมัน มันคงเพราะความสามารถของเธอไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง
นอกซะจากว่าจะเธอจะถ่อมตัวลงและใส่ความพยายามเข้าไป เธอจะต้องทำพลาดในไม่ช้า
นอกจากนั้น เซิน หนิงซิน ก็ยังเป็นแค่เด็กฝึกงาน เธอไม่ได้มีเงื่อนไขที่เกี่ยวกับข้องกับยอดขาย เป๋ย ฉิง เลยไม่สามารถโจมตีด้วยเรื่องนี้แม้เธอจะอยากก็ตาม
เพราะแบบนั้นนอกจากการขอให้ เซิน หนิงซิน ทำธุระและจงใจเพิ่มงานของเธอ ก็ไม่มีอะไรที่ เป๋ย ฉิง ทำได้อีก
เซิน หนิงซิน แต่โต้ตอบด้วยการยอมรับคำสั่งที่ส่งมาให้เธอ
และไม่ใช่แค่เธอยอมรับทุกคำสั่ง แต่เธอก็ยังทำมันจนเสร็จด้วยความสามารถทั้งหมดที่เธอมี จนถึงจุดที่ไม่สามารถหาข้อผิดพลาดได้
เธอกำลังคิดว่า
มาดูกันว่าใครจะทำให้อีกคนรังเกียจจนตายก่อนกัน
—
ผ่านไปหลายวัน คิว อีไป๋ ก็ยังไม่กลับมาจากโรงงาน
มันนานมาจนมันเกือบจะใช้เวลาเท่ากับระยะเวลาที่เธอไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ มันคงมีเรื่องที่สำคัญมากๆที่ต้องทำที่นั้น
แล้วเธอก็ดูจะยุ่งมาก ยุ่งมากๆจนเธอไม่ม่เวลาโพสเวย์ปั๋วเลย
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจ เลื่อนผ่านเวย์ปั๋วในช่วงเวลาว่างขอวเธอก่อนจะกดออกมาแล้วเปิดวีแชท
หลังจากลังเลอยู่ซักพักเธอก็ยังตัดสินใจจะส่งข้อความออกไปอยู่ดี ถามเธอว่าเธอเป็นยังไงบ้าง
หลังจากพิมพ์ข้อความจนเสร็จและตอนที่เธอกำลังจะกดส่งนั้นเอง เป๋ย ฉิง ก็เรียกชื่อเธอจากด้านหลัง “เซิน หนิงซิน! เธอทำอะไรอยู่ในช่วงเวลางาน!”
เสียงของเธอดังมาก
ในที่สุดเธอก็หาจุดที่จะจับผิดเธอได้
เซิน หนิงซิน นิ่งไปหลังจากจัดท่าทางของเธอซักพัก เธอก็หันหลังไป
“ขอโทษค่ะ” เธอยิ้ม ขอโทษอย่างจริงจัง “ฉันจะรีบกลับไปทำงานเดียวนี้เลยค่ะ”
เธอไม่ได้รอให้เธอพูดอะไรอีกแล้วยืนขึ้น หยิบเอกสารในมือของเธอแล้วมุ้งหน้าไปที่แผนกจัดการเอกสาร
เธอไม่ได้ให้โอกาศ เป๋ย ฉิง พูดอะไรด้วยซ้ำ
ตอนที่เห็นเธอจากไป เป๋ย ฉิง กัดฟันจนฟันของเธอแทบจะแตก สีหน้าของเธอดูน่าเกลียดกว่าปกติ
แต่เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอกลับมาเป็นปกติ
เธอถึงกับยกริมฝีปากเพื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน
—
ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เซิน หนิงซิน เองก็วุ่นวายอยู่กับการจัดการเอกสารจนลืมเวลา เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกที่ออฟฟิศก็ว่างเปล่าแล้ว
แต่เมื่อเธอหันหน้าของเธอ เธอก็เห็น เป๋ย ฉิง ยังไม่กลับ
เมื่อเห็น เซิน หนิงซิน ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรอ?
เป๋ย ฉิง คนที่จะทำงานให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ กำลังตั้งใจทำงานอยู่วันนี้
ความแปลกใจลอยเข้ามาใจจิตใจของเธอ แต่ เซิน หนิงซิน ไม่ชอบคนๆนี้มากซะจนเธอไม่อยากคิดอะไรต่อ
เธอรีบจัดเอกสารบนโต๊ะของเธอ และเพื่อป้องกันไม่ได้คนๆนี้ทำอะไรไม่ดี เธอล็อคทุกอย่างเอาไว้ในลิ้งซักของเธอ
หลังจากนั้นเธอก็ยืนขึ้น ปิดคอมพิวเตอร์และเตรียมพร้อมจะกลับ
ก่อนที่เธอได้ก้าวไปไกล เป๋ย ฉิง ก็เดินเข้ามาจับแขนเธอไว้
เธอหรี่ตาจนกลายเป็นเส้นตรง ริมฝีปากของเปิดออกช้าๆ ด้วยใบมีดที่ซ้อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น เธอพูด “คุยกันหนอ่ยได้ไหม?”
“หมดเวลางานแล้วค่ะ” เซิน หนิงซิน หันหลังกลับมาหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ก่อนที่จะยิ้ม “เราสามารถคุยเรื่องงานได้ในวันพรุ่งนี้”
“มันไม่เกี่ยวกับงาน” เป๋ย ฉิง สายหน้า แล้วใช้มือม้วนผมของเธอด้วยความเคยชิน รอยยิ้มของเธอมีความหมายบางอย่าง “มันเป็นเรื่องส่วนตัว”
“มันยิ่งไม่มีความจำเป็นจะต้องพูดเรื่องส่วนตัวเลยค่ะ” เซิน หนิงซิน จ่องมองเธอแล้วเลิกคิวขึ้น “และฉันคิดว่ามันไม่มีเรื่องส่วนตัวอะไรระหว่างเราที่เราต้องคุยกัน”
หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังกลับเพื่อจะออกมา
“เซิน หนิงซิน!” เมื่อเห็นแบบนั้น เป๋ย ฉิง ก็กระวนกระวายและยืนมือออกไปจับตัวเธอไว้อีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันเธอก็ยกโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาไว้ที่หน้าของเธอ พูดเลียงดัง “ดูสิว่านี้คืออะไร!”
บรรยากาศเงียบลง และหลังจากผ่านไปซักพัก เซิน หนิงซิน ก็หันหน้าของเธอมา
หลังจากกวาดตามอง เธอก็ต้องตกใจ
ที่หน้าจอนั้นคือระวัติการสนทนาระหว่าง เป๋ย ฉิง และ ประธานหวัง จากแผนกขายภายในประเทศ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการกวาดตามอง เซิน หนิงซิน ก็เห็นคำสำคัญหลายๆคำ
“ที่รัก” “คนดี” “รักเธอนะ”
ไม่ว่ามันจะเป็นคำว่าอะไร พวกมันทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่า-
ความสัมพันธ์ระหว่าง เป๋ย ฉิง และ ประธานหวัง นั้นไม่ธรรมดา
หัวใจของเธอกำลังสั่น
“ตกใจหรอ?” เป๋ย ฉิง เก็บโทรศัพ์ของเธอแล้วยืนมองเธออยู่นิ่งๆ “คาดไม่ถึง ใช่ไหมหละ?”
“เธอคิดว่าเพราะอะไรฉันถึงได้เลื่อนตำแหน่งหละ? เธอคิดว่าฉันจะโดนรังแกได้ง่ายๆงั้นหรอ?”
ขณะที่พูดเธอขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ยกมือขึ้นมาจัดคอเสื้อของ เซิน หนิงซิน อย่างเบามือ ร้อยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นชัดเจนมาก “เธอไม่ควรต่อต้านฉัน ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะปกป้องประธานคิว แต่…เธอควรจะรู้ที่ของเธอให้ดีก่อน”
“ประธานหวังเข้ามาทำานในบริษัทนานกว่ากว่าประธานคิวมาก แค่เขาพูดอะไรนิดหน่อยครั้งเดียว ประธานคิวก็ต้องฟังเขา เธอเป็นแค่เด็กฝึกงานเธอจะมีค่าอะไรมากในสายตาของเธอ? ถ้ามีอะไรกิดขึ้นกับเธอ เธอคิดว่าเธอจะออกมาปกป้องเธอหรอ?”
“ฉันคิดว่าประธานหวังน่าจะทำงานเสร็จในอีกไม่นาน เรามารอดูกันไหม?”
—
ออฟฟิศนั้นเงียบมาก
เป๋ย ฉิง กลับไปซักพักแล้ว และนอกจาก เซิน หนิงซิน ก็ไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศแล้ว
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องผ่านเข้ามาทางช่องว่างระหว่างมู่ลี่หน้าต่างกระทบลงบนตัวของเธอ อบอุ่นและสวยงามเหมืนอกำลังปลอบเธออยู่
แต่ตอนนี้ เซิน หนิงซิน กำลังอารมณ์ไม่ดี
เพราะว่าเธอนั้นประเมิน เป๋ย ฉิง ต่ำไป ตอนนั้นเธอเดาไว้แล้วว่าคงมีใครอยู่เบื่องหลังคนๆนี้ แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นคนที่ทรงพลังอย่างประธานหวัง
สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ประธานหวังนั้นเป็นคนที่เหมาะสมและมีความสามารถ คิว อีไป๋ เองก็ต้องเคารพเขา
ต่อสู้กับคนแบบนั้น เธอไม่มีโอกาศจะชนะได้เลย
เมื่อรู้ตัวเรื่องนี้หัวของ เซิน หนิงซิน ก็ว่างเปล่า
มันมีความคิดที่ลอยขึ้นมาในหัวของเธอ เมื่อประธานหวังกลับมาเธอจะต้องโดนหมายหัวจนถึงจุดที่โดนกดดันให้ลาออก
ถ้ามันเป็นแบบนั้น เธอก็ควรจะพูดส่วนกลับไปมากกว่านี้ซักหน่อย พูดแค่ “ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร ก็ยิ่งตกลงมาเจ็บเท่านั้น” มันยังน้อยไปสำหรับคนอย่าง เป๋ย ฉิง
อะไรหลายอย่างลอยเข้ามาในหัวของเธอ
ซิน หนิงซิน เม้มปากด้วยด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา
เธอไม่รู้ว่าเธออยากจะทำอะไรกันแน่แล้วทำแค่กดไอคอนบนโทรศัทพ์ของเธอซ้ำไปซ้ำมา
กดเข้าไป กดออกมา กดเข้าไปอีก แล้วกดออกมาอีก
หลังจากทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมากี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ การแจ้งเตือนจากวีแชทก็ดังขึ้น
เธอผงะไปเมื่อได้ยินเสียง หลังจากใช้เวลาซักพัก เธอก็ยกมือขึ้นมากดมันดู
มันเป็นข้อความจากยัยเด็กขี้แย่-
“ปัญหาใกล้จะจบแล้ว ฉันจะกลับไปในอีกไม่กี่วัน
อาหารที่โรงอาหารโรงงานแย่มาก ไหนๆเธอก็ติดหนี้ฉันอยู่ เธอควรจะเลี้ยงข้าวฉันตอนฉันกลับไปนะ”
เธอยังพูดต่ออีกว่า “อย่าคิดจะกลับคำพูดหละ เซิน หนิงซิน”
เซิน หนิงซิน อดไม่ได้ที่อึงไปซักพัก
นี้มันอะไรกันเนี้ย? เธอยุ่งมากแต่เธอก็ยังไม่ลืมเรื่องบุญคุณแถมยังออกตัวขอให้เลี้ยงข้าวด้วย
ยัยเด็กขี้แย่นี้จะเด็กน้อยได้มากกว่านี้อีกไหมเนี้ย? เธอไม่มีทางโตกว่าสองขวบครึ่งได้หรอก
เมื่อคิดแบบนั้น เธอก็อยากจะหัวเราะออกมา
แต่ขณะที่มุมปากของเธอกระตุกอยู่เป็นเวลานาน พวกมันก็ไม่ได้ยกขึ้น หัวใจของเธอกลับดิ่งลงแทน
ด้วยแหตุผลอะไรบางอย่าง น้ำตาลไหล่ออกมาช้าๆโดยที่เธอไม่รู้ตัว
เธอไม่ได้ร้องไห้มาหลายปีแล้ว….
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจ ยืนมืออกไปปหยิบกระดาษชิดชู่ เช็ดน้ำตาลออกจากใบหน้าของเธอ เธอก้มหน้าลงแล้วยกมือขึ้นพิมพ์ “โอเค” ในกล่องข้อความ
หลังจากนั้น เธอก็ลุกขึ้น หายใจเข้าลึกๆและสะพายกระเป๋าขณะที่เธอกำลังเดินไปที่ลิฟต์ ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายปนเปกัน
แต่สิ่งที่เธอคิดอยู่ตอนนี้มีแค่เรื่องเกี่ยวกับ คิว อีไป๋
เธอต้องรีบกลับมาเร็วๆแล้วนะ
เธอคิดขณะเดินออกมา
มาช้าแค่ก้าวเดียว เธออาจจะไม่เห็นฉันอีกแล้ว….
—
ซินซินตอนโดนขู่แค่อารมณ์ไม่ดี แต่พอนึกถึงสาวแล้วเศร้าเลยนะ
ตอนนี้แอบกำหมัดนิดหน่อยครับ คิดว่าหลายๆคนก็คงเคยเจออะไรคล้ายๆกัน ผมเองถึงจะไม่เคยโดนหมายหัวแบบนี้แต่ก็เจอคนแบบนี้เยอะเลยหละ เยอะจนน่าใจหายเลย ที่ไม่โดนหมายหัวก็เพราะว่าผมไม่ได้ยุ่งกับใครแล้วตีเนียนไม่สนใจมากกว่า ถึงตอนนี้จะออกมาแล้วแต่ก็ยังแค้นไม่หายเลย
-A Cup of Owls