หัวหน้าของฉันเป็นเด็กขี้แย - ตอนที่ 1
บรรยากาศของบริษัทคงไม่สามารถตึงเครียดไปได้มากกว่านี้แล้ว
เซิน หนิงซิน โผล่หัวขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์เพื่อแอบมองก่อนจะรีบกลับไปกดแป้นพิมพ์ทำงานเหมือนคนอื่นๆ
ในหัวของเธอนั้นกำลังตื่นตระหนก
เค๋อรุ่ย เป็นบริษัทผลิตเม็ดแก้ว ที่มีประวัติยาวนาน ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดี มีอนาคตที่รุ่งโรจน์และมีสภาพการทำงานที่ดี
มันเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เด็กจบใหม่ทุกคนอยากเข้ามาทำงาน ถ้าไม่ใช่เพราะ ดง ซู ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ทำงานอยู่ในแผนกบุคคลแนะนำเข้ามา เซิน หนิงซินที่จบมาจากมหาลัยไม่มีชื่อคงไม่ได้รับโอกาสนี้
แต่ยังไงก็ตามเธอไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าทำงานในแผนกขายในประเทศ หลังจากคิดอยู่ซักพัก ดง ซู ก็แนะนำเธอให้เข้าทำงานในแผนกขายต่างประเทศที่พึ่งจะก่อตั้งได้ไม่ถึงสองปีแทน
“เค๋อรุ่ยพึ่งเริ่มขยายตลาดไปต่างประเทศเมื่อสองปีก่อน ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ที่นั้นยังมีลูกค้าน้อยเมื่อเทียบกับแผนกขายในประเทศ เพราะงั้นมันเลยวุ่นวายน้อยกว่า เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเด็กจบใหม่แบบเธอมาก” เหมือนตลกคาเฟ่ ดง ซู ตบไหล่ เซิน หนิงซิน เบาๆ “ตั้งใจทำงานหละ”
เซิน หนิงซิน พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และแสดงออกมาว่าเธอจะทำให้ดีที่สุด มองบริษัทเป็นเหมือนกับบ้านของเธอ และพุ่งทะยายไปยังแนวหน้า
“ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นหรอก” ดง ซู หัวเราะกับท่าทางของเธอ “มันไม่ได้งานเยอะเหมือนที่เธอคิด ต่อให้เธออยากทำงานเธออาจจะไม่มีอะไรให้ทำเลยด้วยซ้ำ”
ถูกของเธอ
มีคนไม่เยอะในฝ่ายขายต่างประเทศ แต่เพราะว่ามันยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ที่นี้ไม่มีลูกค้ามากนักทำให้แม้แต่พนักงานรุ่นพี่ก็มีงานให้ทำไม่มาก
ไม่ต้องถามถึงเด็กฝึกงานแบบ เซิน หนิงซิน นอกจากทำเอกสารและปริ้นออกมา เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งเฉยๆ
แต่ว่านะ นี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับบรรยากาศตึงเครียดแบบนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพราะ คิว อีไป๋ ประธานแผนก ที่ได้เดินทางเพื่อทำไปธุรกิจนานกว่าสัปดาห์แล้วจะกลับมาวันนี้
เซิน หนิงซิน สูดหายใจฝั่งเสียงสนทนารอบตัวอยู่เงียบๆ โดยจัดเรียงเอกสารไปด้วย
“ไม่ใช่ว่าเธอจะไปอยู่ที่นั้นครึ่งเดือนหรอ? ทำไมเธอถึงกลับมาแล้วหละ? ฉันยังจัดเรียงเอกสารที่ต้องส่งให้ลูกค้าไม่เสร็จเลย!”
“ใครจะรู้หละ! ฉันยังไม่ได้ทำงานของฉันเลย พวกเราชิบหายแล้ว เราต้องโดนด่าแน่เลย!”
“…..”
มันค้อนข้างจะน่าเวทนา
เซิน หนิงซิน ฟังคำของพวกเขาก่อนจะหันหน้าไปยิ้มให้ “มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”
เธอมีดวงตาทรงเมล็ดซิ่งและลักยิ้มที่เห็นได้ชัดเจนบนให้หน้าเรียวขาวของเธอ รอยยิ้มเธอนั้นหวานเยิ้มและดูไร้พิษภัย ใครก็ตามที่ได้เห็นจะต้องชอบเธอ
เพื่อนรวมงานด้านหลังเธอผงะไปเล็กน้อยตอนได้ยินคำพูดของเธอ ก่อนที่ตาของเธอจะเป็นประกายและประกบมือเหมือนกำลังแสดงความขอบคุณ “ช่วยฉันสำเนาเอกสารหน่อยนะ! เสร็จแล้วฉันจะเลี้ยงขาวเธอ!”
“ไม่มีปัญหา” เซิน หนิงซินยิ้ม หยิบแฟ้มเอกสารและเดินไปที่ปริ้นเตอร์ ด้วยอะไรบางอย่างเธอเหล่ไปด้านข้าง มองไปยังห้องสำนักงานด้านหลังประตูกระจก
มันเป็นห้องของประธาน
ถึงแม้ว่าเธอจะพึ่งเข้ามาเมื่อสองวันก่อน เธอก็ได้ยินข่าวลื่อมากมายเกี่ยวกับประธานคนนี้
เธออายุยังน้อยแต่ก็สามารถไต่เต๋าขึ้นมาในตำแหน่งนี้ได้ เรียนจบจากเมืองนอก ทำอะไรรวดเร็วและรุนแรง นอกจากนั้นแล้ว ยังสวยจนไม่มีใครเทียบได้
สำหรับคนที่ชื่นชอบคนสวยๆ เซิน หนิงซินได้เฝ้ารอที่จะพิสูจน์ความสวยของประธานด้วยตาขอเธอ
เธอจะสวยเท่า…ผู้หญิงที่เธอเจอบนรถโดยสารเมื่อเช้าไหมนะ?
นึกถึงคนที่เธอเจอเมื่อเช้า เซิน หนิงซินหยุดมือของเธอที่กำลังสำเนาเอกสารอยู่ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาซ้อนใบหน้าที่กำลังเริ่มแดงของเธอ
—
ช่วงเช้าผ่านไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด
เมื่อพักเที่ยงมาถึง พนักงานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลงเวลาออกก่อนนะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ อย่างที่คิดทุกคนไม่เหลือพลังงานที่จะขยับตัวกันแล้ว
หลังจากที่ เซิน หนิงซิน จัดเอกสารที่สำเนามาเสร็จแล้ว เธอส่งมันให้กับเพื่อนรวมงานด้านหลัง หลังจากที่เธอนั่งลง หวัง ฉี ก็เดินเข้ามาถาม “ไปกินข้าวด้วยกันไหม?”
หวัง ฉี เป็นหัวหน้าทีม เธอทำงานที่บริษัทมาหลายปีแล้วและูเหมือนว่าเธอกำลังจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งในอีกไม่นาน ตั้งแต่ที่ผู้จัดการและประธานเดินทางไปทำธุรกิจ เธอเป็นคนจัดการดูแลออฟฟิศ เธอเป็นพี่สาวที่อบอุ่นและใจดี และยังเป็นคนช่วยเรื่องขั้นตอนต่างๆตอนที่ เซิน หนิงซินเข้ามาทำงานในบริษัทด้วย
เมื่อเห็นเธอมาหา เซิน หนิงซินก็ยิ้ม “ไม่เป็นไรคะ เจ้หวัง เจ้ไปก่อนเลย วันนี้หนูเอาข้าวเที่ยงมาด้วย หนูจะเอาไปอุ่นในไมโครเวฟที่หลัง”
“โอเค” หวัง ซี พยักหน้าตอบ “งั้นฉันไปก่อนนะ”
เซิน หนิงซิน โบกมือลาเธอ
หลังจากมองเธอจากไป เธอก็บอกลาเพื่อนร่วมงานที่กำลังจะไปโรงอาหาร เซิน หนิงซิน นำข้าวกล่องที่เธอทำมาอย่างดีขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วเธอแชทกลุ่มในโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา
ชื่อกลุ่ม : ถ้ำน้ำสาวสวย
เธอยิ้ม และใช้นิ้วแตะหน้าจอไม่กี่ครั้งเพื่อส่งข้อความออกไป “สาวๆ ฉันพักแล้ว” เพื่อนๆในกลุ่มตอบกลับมาทันที
สวยที่สุดในโลก เหมิง เย้าเย้า: “เธอเลิกงานแล้วหรอ? ฉันพึ่งตื่นเองนะ”
หัวใจกุหลาบ เจียง เยว้ เยว้: “เพิ่มไปอีกหนึ่ง ‘พึ่งตื่น’”
ดาราชื่อดัง หลี่ ฉ่าน ฉ่าน: “ฉันไม่เหมือนพวกเธอนะ ฉันพึ่งกลับจากไนน์ท็อค ฉันยังไม่ได้นอนเลย!”
ไนน์ท็อค ที่ หลี่ ฉ่าน พูดถึงคือบาร์เลสเปี้ยนที่กำลังเป็นที่นิยม มันเปิด 24 ชม. และมีปาตี้แทบจะทุกคืน บางครั้งก็มีการแสดงร้องเพลงและเต้นจัดขึ้นด้วย
ความจริงแล้ว เซิน หนิงซิน เจอ หลี่ ฉ่าน และคนอื่นๆที่บาร์แห่งนี้ และเพราะพวกเธอเจอกันบ่อย และมีรสนิยมทางเพศที่เหมือนกัน ทำให้พวกเธอสนิทกัน ไม่นานพวกเธอก็เป็นเพื่อนกัน
หลังจากแชทกันได้ซักพัก หัวข้อสนทนาก็วนกลับมาที่ เซิน หนิงซิน
หัวใจกุหลาบ เจียง เยว้ เยว้: “ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ สองสามวันมานี้ฉันลืมถามไปเลย ซินซิน ที่ทำงานของเธอมีสาวสวยๆบ้างไหม?”
“ทางเทคนิคแล้วก็มี”
เซิน หนิงซิน ก้มหน้าลงแล้วพิมพ์ตอบ
“แต่ไม่มีใครสเป็คฉันเลย”
เธอเอียงคอแล้วครุนคิดสักพัก ก่อนจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้กับเพื่อนของเธอ
“แต่ว่านะ ฉันเจอคนที่สวยมากเลยบนรถโดยสารเมื่อเช้า”
จนถึงตอนนี้ เซิน หนิงซิน ก็ยังจำหน้าตาของคนคนนั้นได้
ผู้หญิงคนนั้นสวมสูทสีขาวเนี้ยบ เธอมีผมยาวสีดำและขนตางอนสวย ดวงตาสีเหลืองทอง ผิวเรียบเนียน และริบฝีปากแต้มสีแดง เธอนั้นงดงาม
แม้แต้มือของเธอที่กำลังจับมีที่เท้าแขน ด้วยนิ้วเรียวยาวนั้น มันเป็นมือที่มีมีเสน่ห์มากที่สุดที่เธอเคยเจอ
เมื่อ เซิน หนิงซิน ยกที่นั่งของเธอให้กับคนแก่ที่ขึ้นมาบนรถที่กำลังแน่น เธอเห็นคนคนนั้นมองขึ้นมา หลังจากนั้น เธอก็ไม่สามารถละสายตาไปได้
เพราะมันเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน รถโดยสารหยุดกระทันหัน มันสั่นแรงมากจนผู้ชายที่อยู่ใกล้ๆเธอขยับมาชน เซิน หนิงซิน โดยไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเสียสมดุลแล้วเซไปทางด้านข้างสองสามก้าว
เป็นตอนนั้นเองที่เธอชนเข้ากับแขนของคนคนนั้น และถูกโอบกอดด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆนั้น
เซิน หนิงซิน หน้าแดงขึ้นมาทันที
“ฉันขอโทษ” เธอขอโทษและรีบลุกขึ้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย “ฉันไม่ยืนให้ดีๆแล้วมาชนกับคุณเข้า คุณเป็นอะไรไหม?”
คนคนนั้นหัวเราะและส่งเสียงตอบกลับมา
“ฉันไม่เป็นอะไร” เธอสายหน้า เสียงของเธอช่วงนิ่มนวลและรื่นรม “แล้วเธอหละ?”
“ฉันก็ไม่เป็นไร” เซิน หนิงซินตอบ ยกริมฝีปากของเธอเพื่อยิ้มขณะที่หัวใจของเธอกำลังเต้นเร็วขึ้น
เธอรู้ตัวว่าเธอเป็นคนที่ชื่นชอบคนสวยๆมาหลายปีแล้ว และได้เห็นคนสวยๆมาเยอะ แต่เธอไม่เคยเจอใครที่สามารถทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวได้ขนาดนี้มาก่อน อย่างที่คิด ทุกอย่างของเธอคนนี้นั้นตรงกับรสนิยมของเธออย่างสมบูรณ์
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย
เซิน หนิงซิน พิมพ์ขณะที่เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อเช้า ชื่อชมคนคนนั้นอย่างหมดใจ
หลี่ ฉ่าน ขัดเธอ “ชมเธอขนาดนั้น เธอได้ขอช่องทางการติดต่อเอาไว้หรือเปล่า”
“ยังเลย”
เซิน หนิงซิน ตอบตามตรง
“มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอเธอ ฉันจะไปขอช่องทางการติดต่อเธอได้ยังไง?”
หลี่ ฉ่าน ตอบกลับมาด้วยอิโมจิที่แสดงอารมณ์ ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหาย
เซิน หนิงซิน ยิ้มแล้วก้มหัวลง พิมพ์ตอบอย่างมั่นใจ “แต่ฉันเชื่อว่าเราจะได้กันอีกในอนาคต”
—
พักเที่ยงผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากลงชื่อเข้างานความตึงเครียดในออฟฟิศก่อนกลับมา
ประธานที่มีข่าวลือว่ากลับมาแล้วยังไม่ได้เข้ามา เหล่าพนักงานที่กังวลและผวา กดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วที่หน้าจอคอม รีบเร่งทำงานของตัวเองให้เสร็จ
เธอนั้นเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่เฉยๆ
แม้ว่าจะพูดได้ว่ามันสบายกว่าที่แผนกขายต่างประเทศเมื่อเทียบกับในประเทศ แต่เพราะว่าในทุกๆการซื้อขายนั้นมี ศุลกากร ค่าขนส่ง โกดังพักของ ค่าใช้จ่ายต่างๆ และปัจจัยอื่นๆอีก ทำให้มันมีเอกสารที่เกี่ยวของมากกว่า และเรื่องที่เอกสารทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้งานมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา
สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำงานซ้ำๆ ฝึกฝนซ้ำๆ และทำตัวให้คุ้นเคยกับมันให้เร็วที่สุด
เพราะงั้นตลอดชั่วโมงที่ผ่านมา เซิน หนิงซิน ฝึกฝนไม่หยุด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อทุกคนตั้งใจทำงาน
ทันใดนั้น เสียงกระแอมอย่างมีเป้าหมายก็ดังขึ้นในออฟฟิศที่เงียบสงบ
หลังจากนั้น ที่หางตาของเธอ เธอเห็นพนักงานทุกคนยืนหลังที่กำลังงอขึ้นมานั่งตัวตรงอย่าพร้อมเพรียงกัน
เซิน หนิงซิน รู้ทันที่ว่ามันหมายถึงอะไร ประธานได้กลับมาแล้ว
เธอยกหัวของเธอขึ้นมาเงียบๆเพื่อมองและเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆในชุดสูทสีดำเดินเข้ามา ทุกคนทักทายเธอ “ผู้จัดการ หลิ๋ว”
เซิน หนิงซิน สงสัยทักทายตามคนอื่น “ผู้จัดการ หลิ๋ว”
หลังจากนั้น ผู้หญิงที่สูงกว่าอีกคนก็เดินตามมา ทุกคนเรียกเธอ “ผู้ช่วยฯ ฮั๋น”
เธอเองก็ทักทาย “ผู้ช่วยฯ ฮั๋น”
ผู้ช่วยฯ ฮัน พยักหน้ารับแล้วเดินจากอย่างรวดเร็วเหมือนจะมีงานเร่งด่วนในมือ ประมาณหนึ่งนาทีหลังจากนั้นผู้หญิงในชุดสูทสีขาวก็เดินเข้ามา
ครั้งนี้ทุกคนใช้ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้นและพูดทักทายเสียงดัง “สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านประธาน!”
เซิน หนิงซิน เองก็พูดตาม แต่เธอไม่สามารถพูดคำสุดท้ายได้ เธอนั้นกำลังตกตะลึง
ตรงหน้าของเธอคือผู้หญิงสีแสนจะอ่อนโยนและงดงามที่เธอเจอบนรสโดยสารเมื่อเช้า!
เธอคือประธาน คิว อีไป๋?!
เซิน หนิงซิน ตกใจ สายตาของเธอหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น
เธอเห็น คิว อีไป๋ พนักหน้าเบาๆ เดินไม่กี่ก้าวแล้วมาหยุดที่หน้าโต๊ะของ เซียวหยัง อยู่พักใหญ่
เซียวหยัง ตื่นตระหนก แม้แต่มือของเขาที่กำลังจับเมาก็สั่นอยู่
“ประธานคิว” เขาเริ่มเปิดโฟเดอร์ในคอมพิวเตอร์ของเขาให้ คิว อีไป๋เห็น “นี้เป็นงานที่คุณบอกให้ผมทำในอีเมลล์เมื่อคืน ผมทำเสร็จแล้ว คุณช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่ามันโอเคไหม….”
“คุณคิดว่าไง?” คิว อีไป๋ เลื่อนดูด้วยเมาส์และถามขึ้นมา
เธอไม่ได้ยิ้ม แถมย้นคิ้วของเธอด้วย
“มันไม่ค่อย เอิ่ม ดีเท่าไหร” เซี่ยวหยัง พึมพัม แล้วพยักหน้าเป็นการสื่อสารว่าเขาจะแก้ไขมัน
“แก้มันด้วยนะ” คิว อีไป๋ ตอบแล้วลุกยืนตัวตรง “เรามีข้อมูลให้คุณมากพอแล้ว ดูข้อมูลดีๆ คุณสามารถอ้างอิงงานจากปีที่แล้วได้”
“ถ้าคุณทำมันได้ไม่ดี อย่าคิดว่าจะได้กลับบ้านคืนนี้”
มันตรงกันข้ามกับความอ่อนโยนเมื่อเช้าเลย!
เซิน หนิงซิน ตกใจจนปากของเธอแทบจะอ้าออกมา
—
เปิดเรื่องใหม่หละ! เรื่องนี้เป็นน่ารักๆที่ผมอ่านอยู่พักใหญ่ๆ เพราะแปลอิงมันแปลไม่จนนะสิ!เลยต้องไปดำดิบด้วยกูเกิลทรานสเลทเอาซึ่งเวลาอ่านก็ต้องมานั่งแกะคำผิด แกะบริบทใหม่หมดทำให้อ่านแล้วขัดใจมาก (ก.ไก่ล้านตัว)ด้วยความขัดใจเลยคิดในใจ แปลไทยเองแม้งเลยแล้วค่อยกลับมาอ่านแล้วกัน 5555หวังว่าจะไม่ประสาทแดกตายก่อนแปลจนละนะหลายๆคนอาจจะตกใจทำไมหยุดแปลยูกะจังไปแล้วมาเปิดเรื่องใหม่ซะงั้น พอดีว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลานั่งแปลครับ เลยหาเรื่องที่แปลง่ายๆมาแปลในโทรศัพท์เวลาเดินทางไปทำงานง่ายในที่นี้หมายถึงการจัดหน้าอะนะ ยูกะจังเวลามีไลฟ์ แชท เทรส ค้อนข้างจะยุ่งยากที่จะแปลด้วยโทรศัพท์เลยต้องพักไปก่อนครับไม่ต้องห่วงว่าจะมาแปลเรื่องนี้จนลืมยูกะจังนะครับ เรื่องนี้เน้นเอาไว้แปลบนรถไฟฟ้าครับ ยูกะจังก็แปลตามตารางเหมือนเดิมถ้ายังไงก็ฝาก ซินซิน กับประธานขี้แยคนนี้ไว้ด้วยนะครับ
– A Cup of Owls