หวนแค้นชะตารัก - ตอนที่ 552 ก้าวบนหนทางขรุขระ ตอนที่ 553 เผชิญหน้าซิ่นอ๋อง
ตอนที่ 552 ก้าวบนหนทางขรุขระ
“ตั้งแต่นี้ไปตระกูลมู่กับจวนซิ่นอ๋องเป็นศัตรูกัน” มู่หย่งซื่อสัตย์มาตลอดเวลานี้แววตาเคียดแค้นอย่างล้ำลึก เขาแค้นจวนซิ่นอ๋องมาก
“บางครั้งพวกเราสู้ซือซือไม่ได้เล ท่านพ่อ พี่ใหญ่ เรื่องช่วยซือซือข้าจัดการเอง นางเป็นน้องสาวที่กว่าจะกลับมาได้ไม่ใช่ง่าย ต้องปกป้องนาง
มิน่าองค์รัชทายาทจึงรักนางมาก ถ้าไม่ใช่น้องสาว ข้าก็อยากแต่งงานกับผู้หญิงอย่างนี้”
พอได้ยินมู่เจี๋ยพูดถึงเรื่องแต่งงาน มู่อวิ๋นชางก็ขมวดคิ้ว “พูดจาเหลวไหลอะไรกัน”
“ข้าเพียงแต่ยกตัวอย่างเท่านั้น ข้าไปเตรียมคนก่อน” พูดจบมู่เจี๋ยก็ออกไป
ฟู่จิ่งไม่ให้ซูจิ่วซือพาคนไป ซูจิ่วซือพาอาหลานไปคนเดียว ทั้งสองนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปยังเรือนของฟู่จิ่งนอกเมือง
ตลอดทางนางคิดหาทางรับมือกับปัญหา นางไม่อยากตาย นั่นเป็นหนทางสุดท้ายจริงๆ นางไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองไปถึงขั้นนั้นแน่
เมื่อเห็นซูจิ่วซือมีเรื่องราวมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง อาหลานก็พูดอย่างเป็นห่วง “คุณหนูยังไม่ทันได้ไปเขาเป่าหลิง ฮูหยินกับฮูหยินน้อยก็เกิดเรื่อง ทำให้ล่าช้าไปอีกนานเท่าไรไม่รู้ ข้าดูแล้วร้อนใจ คุณหนูลำบากจริงๆ การเอาตัวรอดในตูเฉิงยากอย่างนี้เอง”
ซูจิ่วซือยิ้มเจื่อนๆ “เอาตัวรอดในตูเฉิงไม่ใช่เรื่องยาก แต่เพราะข้าเดินบนหนทางที่ขรุขระ
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องชั่วคราว พอพ้นไปแล้วก็ไม่มีอะไร ข้ากับเฉินหรงเป็นคนแบบเดียวกัน เริ่มแรกเราสองคนต้องการยืนให้มั่นคงด้วยตัวเอง ก้าวไปยังตำแหน่งที่ต้องการทีละน้อย”
“ได้ยินว่าเมื่อก่อนคุณหนูเป็นลูกกำพร้า”
“ใช่”
“คุณหนูอาศัยอะไรจึงเดินมาถึงทุกวันนี้?”
อาหลานถามด้วยความประหลาดใจ เรื่องราวเหล่านี้นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด วีรกรรมของซูจิ่วซือนางเคยได้ยินมาก่อน ตอนอยู่ที่หมู่บ้านเขากุยอวิ๋นซานก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด กู้หลียวนชอบพูดเรื่องนี้ให้นางฟัง
ซูจิ่วซือหันหน้ามามองอาหลาน น้ำเสียงหนักแน่น “เชื่อมั่นในตัวเอง”
“ง่ายๆ แค่นี้เองหรือ?”
“ใช่ ง่ายๆ แค่นี้แหละ ก่อนอื่นต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ช่วงชิงโอกาสทุกครั้ง พัฒนาความสามารถของตนตลอดเวลา ทำให้ตนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครมองข้ามได้
อาหลาน ไม่ว่าเวลาใดต้องจำคำพูดของข้าไว้ เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเอง แม้มองไม่เห็นความหวัง ก็ต้องบอกตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น”
อาหลานประสานสายตาหนักแน่นของซูจิ่วซือ แล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าจะจำไว้ คุณหนูวางใจ ข้าจะปกป้องคุณหนูเสมอ”
“ขอบใจ อาหลาน”
“เป็นเรื่องที่ข้าต้องทำ เมื่อก่อนเพื่อตอบแทนบุญคุณ เวลานี้เพราะข้าต้องการทำ คุณหนูสมควรให้ข้าปกป้อง”
อาหลานน้ำเสียงจริงจัง
“ช่างเป็นเด็กโง่จริงๆ”
“คุณหนู เราสองคนอายุใกล้เคียงกัน เรียกข้าเป็นเด็กโง่ไม่เหมาะเลย”
ซูจิ่วซือหัวเราะ นางไม่ใช่อายุเท่ากับอาหลาน ตอนที่นางตายอายุได้ยี่สิบสามแล้ว เพียงแต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดให้อาหลานเข้าใจ
นางยื่นมือไปลูบกำไลหยก ราวกับจับมือฟู่เฉินหรงไว้ ในใจรู้สึกเศร้า เฉินหรง ถ้าเจ้ากลับมา แต่ข้าไม่ได้กลับ เจ้าจะทำอย่างไร?
พอคิดได้อย่างนี้ นางก็ส่ายหน้า ไม่มีทาง ไม่มีทางเกิดสภาพอย่างนี้แน่ คำสัญญาที่จะอยู่ร่วมด้วยจนแก่เฒ่า นางต้องรักษา
ครู่หนึ่งรถม้าก็มาถึงเรือนหลังหนึ่งนอกเมือง อาหลานลงไปก่อน ประคองซูจิ่วซือลงจากรถม้า แสดงตัว มีคนพาซูจิ่วซือเข้าไปในเรือนทันที
ฟู่จิ่งรอซูจิ่วซืออยู่ข้างใน
ตอนที่ 553 เผชิญหน้าซิ่นอ๋อง
ซูจิ่วซือเดินเข้าไปช้าๆ เห็นฟู่จิ่งนั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน นางคารวะฟู่จิ่ง แม้จะเป็นศัตรูกับฟู่จิ่ง แต่ผ่านการอบรมมาอย่างดีทำให้นางยังคงรักษามารยาท
“ท่านอ๋องเรียกข้ามาพบที่นอกเมืองเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่ามีอะไรจะสั่งหรือ?”
“คุณหนูมู่เชิญนั่ง” ฟู่จิ่งชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ ทำท่าบอกให้ซูจิ่วซือนั่ง สาวใช้ยกชามาให้ทันที
ซูจิ่วซือนั่งลงจึงพบว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางพบฟู่จิ่งตามลำพัง ไม่เคยพบกันตามลำพังมาก่อน
ซิ่นอ๋องในเสื้อคลุมสีดำดูน่าเกรงขามและโหดเ**้ยม คนทั่วไปเกรงกลัวซิ่นอ๋อง ไม่มีใครกล้าสบตากับซิ่นอ๋อง
ซูจิ่วซือกลับประสานสายตาของซิ่นอ๋องอย่างหนักแน่น ท่าทางผ่อนคลาย ไม่มีความหวาดหวั่นเกรงกลัวแม้แต่น้อย “ข้ามาอยู่เบื้องหน้าท่านอ๋องแล้ว หวังว่าท่านอ๋องจะทำตามสัญญาปล่อยท่านแม่กับพี่สะใภ้ข้า”
ฟู่จิ่งไม่ใช่คนที่รักษาสัญญาแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะฐานะของตระกูลมู่ เขาคงฆ่าฮูหยินมู่กับหลิ่วเหวินฉือแล้ว เวลานี้เขาเองก็วิตก เมื่อบรรลุจุดหมายแล้วย่อมไม่อยากให้เรื่องราวขยายตัว
“คุณหนูมู่วางใจ พรุ่งนี้เช้าฮูหยินมู่กับฮูหยินน้อยจะกลับจวนตระกูลมู่อย่างปลอดภัย ถ้าอยากให้ทั้งสองปลอดภัย คืนนี้คุณหนูมู่เชื่อฟังให้ดี ไม่งั้นจะได้แต่ศพกลับไป”
“ขอแต่ให้ทั้งสองปลอดภัย ข้ายินดีทำตามที่ท่านอ๋องต้องการ”
เวลานี้ซูจิ่วซือนึกถึงการปกป้องฮูหยินมู่กับหลิ่วเหวินฉือเป็นอันดับแรก จึงไม่ได้ขัดขืน ได้แต่ยอมตามความต้องการของฟู่จิ่ง ที่นี่เป็นบ้านของเขา ถ้านางขัดขืน คงไม่เป็นผลดีต่อนางเอง
“พูดกับคนฉลาดก็ต่างออกไป ไม่ต้องเปลืองแรง มานี่ พาคุณหนูมู่ไปพักผ่อน”
ฟู่จิ่งสั่ง สาวใช้เข้ามาพาซูจิ่วซือออกไปทันที ซูจิ่วซือคารวะ ลุกขึ้นตามสาวใช้ออกไป
พอมาถึงห้อง อาหลานก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณหนูทำไมเกรงใจวนซิ่นอ๋องออย่างนี้”
“ไม่เกรงใจแล้วจะทำอะไรได้ พูดเอาแต่ใจจะทำร้ายตัวเอง ไม่เป็นผลดี เวลานี้เราถูกซิ่นอ๋องควบคุมตัว แม้จะรู้ว่าเฉพาะหน้านี้ยังไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าขัดขืน ซิ่นอ๋องอาจจะเอาความโกรธไปลงที่ท่านแม่กับพี่สะใภ้ ข้าเองก็อาจจะถูกทรมาน
เรื่องนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำไมต้องเอาไข่ไปกระแทกหินล่ะ? ซิ่นอ๋องเป็นคนโหดร้าย อย่าทำให้เขาโกรธ ตามใจเขาไปก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธี”
อาหลานครุ่นคิด รู้สึกว่าซูจิ่วซือพูดมีเหตุผล จึงไม่ได้พูดอะไรอีก ถ้าเป็นนาง เมื่อกี้คงจะลงมือจัดการซิ่นอ๋อง การที่ซูจิ่วซือสามารถพูดคุยกับซิ่นอ๋องได้อย่างสงบและมีมารยาทเป็นเรื่องที่นางคาดไม่ถึง
“เวลานี้เราต้องรักษาพลังไว้ อย่าให้สูญเสียโดยไม่จำเป็น” ซูจิ่วซือนั่งที่โต๊ะรินน้ำดื่ม” รอให้พวกเขากลับจวนอย่างปลอดภัย เราค่อยหาทางหนีไป คืนนี้อย่าทำอะไรผิดสังเกต”
ซูจิ่วซือพูดจบ จู่ๆ อาหลานก็ระวังตัวทันที เมื่อครู่มีเงาคนสีดำพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง พอเห็นเงาร่างนั้น อาหลานก็รีบเข้าไปคุ้มกันซูจิ่วซือที่ข้างหน้า ตะคอกถาม “นั่นใคร?”
“จิ่วซือ ไม่เจอกันหลายเดือน เจ้ามีสาวใช้เก่งกาจ วรยุทธใช้ได้ ไปเอามาจากไหน?”
จงมั่วเจียงมองหน้าซูจิ่วซือด้วยสีหน้าเหมือนยิ้ม
พอเห็นจงมั่วเจียง ซูจิ่วซือก็รู้สึกคาดไม่ถึง ทำไมเขามาที่นี่?