หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 38 อย่าหลอกตัวเอง
- Home
- All Mangas
- หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 38 อย่าหลอกตัวเอง
คืนวันเสาร์
“…เออิจิหรอ”
“เฮ้ นายเป็นอะไรไป แต่งตัวเละเทะแบบนั้นเลยเหรอ”
เมื่อเปิดประตูออกไป เออิจิยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อมองมาที่ผม
อ่า จริงสินะ ผมกลับมาถึงบ้านแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น เสื้อผ้ากับผมเลยยุ่งเหยิงไปหมด
“…มันมีหลายเรื่องเกิดขึ้น ขออยู่คนเดียวสักพักเถอะ”
“ไม่มีทาง ฉันจะปล่อยให้นายอยู่คนเดียวไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะตอนนี้”
เออิจิพูดพร้อมกับจับไหล่ผม
“เล่ามาให้หมด ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันจะช่วยนายทุกอย่าง”
เขาจ้องมองตรงมาที่ผมด้วยสายตาที่แน่วแน่
“…เข้ามาก่อนเถอะ”
ผมไม่อาจไล่เขากลับไปได้ จึงเชิญเขาเข้ามาในห้อง
“ดื่มอะไรดี? มีชา กับกาแฟแบบสำเร็จรูป”
“กาแฟนี่แบบไม่มีน้ำตาลใช่ไหม”
“ใช่ แบบไม่มีน้ำตาล”
“งั้นเอาชาก็แล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว”
ผมรินชาใส่แก้วสำหรับแขกและยื่นให้เออิจิ จากนั้นก็รินกาแฟให้ตัวเองก่อนจะนั่งลง
“แล้ว? เกิดอะไรขึ้น”
“…หลายเรื่องเลย”
“ฉันไม่กลับจนกว่านายจะเล่ามา”
ผมไม่เคยเห็นเออิจิจริงจังและดึงดันแบบนี้มาก่อน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่จิบกาแฟแล้วถอนหายใจออกมา
“…วันนี้นากิบอกว่า ‘ต่อจากนี้เราคงเจอกันไม่ได้อีกแล้ว’”
คำพูดของผมทำให้สีหน้าของเออิจิเข้มขึ้นทันที
“เล่ารายละเอียดมา”
แม้จะลังเล แต่ผมก็เริ่มเล่าทุกอย่าง
นากิพูดว่าพรุ่งนี้เธอจะเข้าพิธีหมั้น…
ผมเล่าถึงชายหนุ่มที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในการแสดง และชายคนนั้นคือลูกชายของประธานบริษัทคู่แข่งของพ่อนากิ
เขายื่นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธให้กับพ่อนากิ เพื่อขอหมั้นกับเธอ
แม้มันจะเป็นการตัดสินใจของเธอเอง ผมก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด
น้ำตาเริ่มไหลขณะที่ผมเล่าถึงใบหน้าและสัมผัสอบอุ่นของเธอในวันนั้น
เออิจิฟังทุกคำพูดของผมอย่างเงียบสงบด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อเล่าจบในอีกสามสิบนาทีต่อมา เออิจิถอนหายใจยาว
“…บอกตามตรง ฉันไม่อาจเข้าใจความเจ็บปวดที่นายรู้สึกได้เลย มันลึกเกินกว่าจะพูดอะไรปลอบใจได้”
ผมพยักหน้า แม้จะไม่ต้องการคำปลอบใจ แต่…
เออิจิจ้องมองผมด้วยสายตาคม
“แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันต้องพูด ไม่งั้นฉันคงอยู่ไม่สุข”
น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ
“นายคิดว่าความตั้งใจที่ต้องทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างแบบนี้เรียกว่าความกล้าหาญงั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย มันเป็นแค่การเสียสละที่ไร้ค่า”
คำพูดเหล่านั้นกระทบใจผมอย่างแรง
“ทำไมถึงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ นายคิดว่านี่คือสิ่งที่นากิอยากเห็นจริงๆ เหรอ?”
น้ำเสียงของเออิจิปลุกความรู้สึกบางอย่างในใจผมให้ตื่นขึ้น
และในที่สุด ผมก็พูดออกมา…
“ฉันจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้แน่”
◆◆◆
“เฮ้! เรียกปุ๊บก็มาปั๊บเลยนะ!”
“อ้อ มาแล้วสินะ เป็นไงบ้าง?”
แม้จะเป็นกลางดึก นิชิซาวะก็ยังอุตส่าห์มาหา และเหตุผลที่เขามานั้น…
“เป๊ะเลย! ก็อย่างว่าแหละ บ้านของชิโนโนะเมะจังนี่เป็นที่พูดถึงกันอยู่แล้ว หาง่ายสุดๆ!”
ใช่แล้ว บ้านของนากิ ฉันรู้แค่สถานีรถไฟที่ใกล้บ้านเธอที่สุด แต่ไม่รู้ที่ตั้งจริงๆ
“นี่เลย ตรงนี้ ไปถึงแล้วก็จะเจอทันที”
นิชิซาวะพูดพลางเปิดแผนที่แบบ 3D ในเน็ตให้ดู บ้านที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น…
“โห…ใหญ่เกินไปแล้ว”
“สุดยอดเลยใช่มั้ยล่ะ ฉันยังอึ้งกับสวนของบ้านเขาเลย”
มันเป็นบ้านที่ทั้งกว้างใหญ่และมีความเป็นญี่ปุ่นสุดๆ
“แบบว่า บ้านเขาเป็นที่รู้จักแถวนั้นเลยนะ พอไปถามฮิคารุจัง ปุ๊บก็ได้คำตอบทันที!”
“ฮิคารุจัง?… อ้อ ฮายามะสินะ”
ฮายามะ ผมลืมคิดไปเลยว่าเธออาจจะรู้เรื่องนี้แล้ว
“อ้อ ใช่เลย ฮิคารุฝากข้อความมาด้วยนะ”
“…ว่าไง?”
“เธอบอกว่า ‘ฝากดีดหน้าผากเจ้าโง่คุณพ่อกับชิโนโนะเมะจังที่เข้าใจอะไรผิดๆ ที’ น่ะ” [TLN:อันนี้ความในใจคนอ่านชัดๆ]
“คำสั่งที่กำลังดีแค่กึ่งๆ จะรุนแรง”
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็อดหัวเราะไม่ได้ นิชิซาวะมองพวกเราพลางเอียงคอสงสัย
“ว่าแต่ มีแผนแล้วหรือยังว่าจะทำยังไง?”
“มีสิ โอกาสสำเร็จสูงมาก เอาจริงๆ ก็คือไม่ล้มเหลวแน่นอน แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าโซตะจะสู้ได้แค่ไหนต่างหาก”
“…อืม ก็จริง”
ก่อนหน้านิชิซาวะจะมาถึง ฉันกับเออิจิก็พูดคุยเรื่องนี้กันจนได้ข้อสรุป
“งั้นที่เหลือก็แค่…”
เออิจิหันมามองผม
“นอนซะ โซตะ พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าใช่ไหม”
“พวกเราจะเฝ้าไว้ให้ นายไม่ต้องกลัวว่าจะตื่นสาย”
“แต่อย่างนั้นมันจะเกรงใจเกินไป…”
ผมพยายามปฏิเสธ เพราะทั้งสองคนก็ช่วยผมมาเยอะแล้ว แถมนิชิซาวะเพิ่งมาถึงแท้ๆ
แต่เออิจิกับนิชิซาวะเพียงแค่ยิ้มแล้วพูดต่อ
“อ้าว นี่ดูถูกฉันเหรอ! ฉันเคยอดนอนตั้งแต่ป.3 มาแล้วนะ!”
“โอ้ ฉันก็ชินกับการอดนอนเหมือนกัน!”
นิชิซาวะหัวเราะเสริม
“จริงๆ พวกเราก็ชินกับแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเลย เอาอย่างนี้สิ ถ้านายรู้สึกเกรงใจ กลับมาค่อยเลี้ยงพิซซ่าเป็นการตอบแทน เอาสัก 4 คน…ไม่สิ 5 คนมากินด้วยกันดีไหม?”
“เออ ดีเลย! เอาแบบนั้นแหละ!”
พวกเขายังร่าเริงเหมือนเคย
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะปลุกนายตอนตีห้าครึ่ง!”
“…เข้าใจแล้ว”
พูดอะไรไปมากกว่านี้ก็คงเปลี่ยนใจพวกเขาไม่ได้ ผมจึงยอมรับความหวังดีนั้นอย่างเต็มใจ
“…ขอบคุณนะ ทั้งสองคน”
คำขอบคุณที่ไม่ค่อยพูดออกไปทำให้เสียงของผมเบา แต่ดูเหมือนพวกเขาจะได้ยิน
“ไม่เป็นไรเลย”
พวกเขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็ฝันดีนะ อย่าทำอะไรแปลกๆ ล่ะ”
“ไม่มีทาง เรารู้กาลเทศะอยู่แล้ว นอนให้เต็มที่ล่ะ”
“ฝันดีนะ!”
“อืม งั้นเจอกันพรุ่งนี้”
ผมกล่าวลาพวกเขาและเดินเข้าห้องนอน
แม้จิตใจจะยังว้าวุ่น แต่สุดท้ายผมก็บังคับตัวเองให้หลับลงจนได้…
◆◆◆
“ทรงผม…โอเค! เสื้อผ้า…โอเค!”
“ไม่มีอะไรผิดปกติเลย!”
“…ตอนเช้าแบบนี้ ช่วยเบาเสียงลงหน่อย”
“อ้อ โทษที โทษที”
เออิจิกับนิชิซาวะช่วยตรวจเช็กความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย ผมเองก็ส่องดูตัวเองในกระจก
“…น่าทึ่งจริงๆ เครื่องสำอางนี่”
“ใช่ไหมล่ะ? รอยคล้ำใต้ตาหรือรอยน้ำตาแค่ไหนก็จัดการได้สบายๆ!”
ตามที่นิชิซาวะบอกไว้ รอยคล้ำใต้ตากับอาการบวมแดงเล็กน้อยจากการร้องไห้ก่อนหน้านี้ก็หายไปจนแทบมองไม่เห็น
“โอเค งั้นหน้าที่เรามีแค่นี้แหละ แต่ถ้าอยากให้ไปด้วยก็ได้นะ?”
“ไม่ต้องหรอก… ฉันจัดการเองได้”
ผมตอบเออิจิ พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ขอบคุณมากจริงๆ กลับมาคราวนี้จะจัดปาร์ตี้พิซซ่าแน่นอน”
“โอ้! รออยู่เลย!”
“ฉันขอพิซซ่าหน้าชีสเยอะๆ ล่ะ!”
“ได้เลย จะติดต่อไปหลังจากทุกอย่างเรียบร้อย”
ผมโบกมือลาพวกเขา
“งั้นไว้เจอกันทีหลัง”
“เจอกัน ขอให้โชคดีนะ ยังไงนายก็ทำได้อยู่แล้ว”
“ใช่! ไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเลยนะ แล้วเจอกัน!”
หลังแยกจากทั้งสองคน ผมเดินต่อไปอีกหน่อย
ไม่นานนัก ผมก็มองเห็นสถานที่นั้น
“…พอได้เห็นกับตาแล้ว ยิ่งรู้สึกว่ามันสุดยอดจริงๆ”
บ้านหลังใหญ่โตที่ดูเป็นแบบญี่ปุ่นโบราณกำลังตั้งอยู่ตรงหน้า
แม้จะมีรั้วสูงบังจนมองเข้าไปด้านในไม่เห็นทั้งหมด แต่แค่มองจากภายนอกก็รู้ได้ทันทีว่าบ้านนี้ไม่ธรรมดา
เป็นบ้านที่อาจมีแม่บ้านหรือคนรับใช้อยู่หลายคนอย่างไม่น่าแปลกใจ
ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องพวกนี้ สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ประตูไม้ขนาดใหญ่และหรูหรา
“ไม่อยากเชื่อว่าทุกวันนี้ยังมีบ้านแบบนี้อยู่”
แต่ดูจากระบบรักษาความปลอดภัยแล้วก็เข้มงวดพอสมควร มีทั้งกล้องวงจรปิดและอื่นๆ
ผมสูดหายใจลึกสองครั้ง และกดกริ่งหน้าบ้าน
『สวัสดีค่ะ ที่นี่คือบ้านตระกูลชิโนโนะเมะ ดิฉันซึซากะ คนรับใช้ของที่นี่ ไม่ทราบว่าใครมาหา…เอ๊ะ?』
เสียงของคุณซึซากะดังขึ้น โชคดีที่เธอเป็นคนรับสาย
เธอคงสังเกตเห็นผมผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่
ผมจึงกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ คุณซึซากะ ไม่ได้เจอกันนานเลย ผมคือมิโนริ โซตะครับ”
『หา? คุณมิโนริ…?!』
เสียงของเธอดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ฟังเสียงนั้น ผมก็กำหมัดแน่นอีกครั้ง
นากิ… ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงแบบนี้เด็ดขาด