หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 36 ครั้งแรกของ――
- Home
- All Mangas
- หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 36 ครั้งแรกของ――
ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง… แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ก็ทำไม่ได้
เพราะหัวของผมว่างเปล่าไปหมด คิดอะไรไม่ออกเลย
เมื่อเริ่มคิดอะไรได้ก็น่าจะผ่านไปแล้วไม่กี่วินาที… หรือบางทีอาจจะหลายนาทีก็ได้
“เมื่อกี้… เธอว่าอะไรนะ?”
เสียงของผมแหบพร่า และฟังยากมาก
แต่นากิกลับไม่แสดงท่าทีใดๆ เธอพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ฉันบอกว่า… ตั้งแต่วันนี้ ฉันจะไม่สามารถพบกับโซตะคุงได้อีกแล้วค่ะ”
ตรงๆ และชัดเจน คำพูดนั้นทำให้หัวของผมว่างเปล่าอีกครั้ง
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว ก่อนจะจางหายไป
ไม่ได้การ ต้องรวบรวมสติ
“…ขอถามเหตุผลได้ไหม?”
ผมพยายามเค้นคำพูดออกมา นากิพยักหน้าและจับมือที่เย็นเฉียบของผมไว้
“ฉันต้องหมั้นกับใครบางคน… อันที่จริงยังไม่ได้หมั้นอย่างเป็นทางการหรอกค่ะ”
ผมรู้สึกคลื่นไส้อย่างรุนแรง แต่ก็พยายามอดทนไว้ และจดจำคำพูดของเธอในสมองที่ยุ่งเหยิง
“เล่าต่อเถอะ”
“คู่หมั้นของฉันเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง… เขาอายุยี่สิบปี น่าจะใช่ค่ะ เขาเห็นฉันในงานแสดงครั้งก่อน และดูเหมือนจะตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ”
อายุมากกว่า และเป็นลูกชายของประธานบริษัท ถึงแม้สมองจะไม่ค่อยแล่น แต่ฉันก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ได้
“ที่จริงแล้ว ฉันยังไม่ได้บอกเลยค่ะ พ่อของฉันเป็นนักธุรกิจ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับกิโมโน โดยเน้นไปที่การขยายสู่ตลาดสากล… ส่วนคู่หมั้นของฉันนั้น เป็นบุตรชายของบริษัทกิโมโนชั้นนำในประเทศ”
“…อย่างนี้นี่เอง”
ทุกอย่างเริ่มกระจ่างขึ้น การที่นากิรู้ลึกในเรื่องรำญี่ปุ่น พิธีชงชา และการจัดดอกไม้… อาจมีเหตุผลจากเรื่องนี้ก็ได้
“ใช่ค่ะ ถ้าสามารถตกลงเรื่องการแต่งงานได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ และหมั้นหมายกันได้ พ่อของฉันก็จะยอมให้บริษัทถูกรวมกิจการ พูดง่ายๆ คือ นั่นเป็นเงื่อนไขที่ถูกตั้งไว้ค่ะ”
“…แล้วความต้องการของนากิล่ะ?”
“ฉันบอกว่าฉันยินดีค่ะ”
ผมคงทำหน้าตาเลวร้ายมากแน่ๆ เพราะเมื่อเห็นรากิ เธอยิ้ม… แต่เป็นยิ้มที่ดูเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
“ฉัน… ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เลย”
เธอกระซิบเบาๆ และเอื้อมมือมาแตะที่แก้มของผม
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องมาเกี่ยวข้องด้วย… จริงๆ แล้ว ฉันคิดไว้นานแล้ว ว่าสักวันจะมีการหมั้นหมายแบบนี้ ฉันจึงใช้โซตะคุงเพื่อจุดประสงค์นั้น”
“ว่าอะไรนะ…?”
“จำได้ไหมคะ ตอนที่ฉันคุยกับโซตะคุงครั้งแรก?”
คำพูดของนากิทำให้ฉันย้อนนึกถึงเรื่องในตอนนั้น
และในที่สุด ฉันก็เข้าใจ…
ตอนที่นากิบอกว่าอยากเอาชนะความกลัวผู้ชายของเธอ…
『เวลาอาจช่วยแก้ไขทุกอย่างได้ นั่นอาจจะจริงค่ะ แต่เพราะคำว่า “สักวัน” นี่แหละ ที่อาจทำให้ฉันพลาดโอกาสบางอย่างไป ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ การเรียน หรืออาจจะเป็นการสอบเข้าก็ได้』
…สิ่งนั้นเคยแฝงอยู่ในคำพูดของเธอ
“ใช่ค่ะ ถ้าวันหนึ่งมีการหมั้นหมายเกิดขึ้น แล้วฉันยังคงกลัวผู้ชาย มันจะกลายเป็นปัญหา… ฉันเลยตั้งใจใช้โซตะคุงช่วย… หรืออย่างน้อยก็คิดว่าควรเป็นแบบนั้น”
น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านแก้มของนากิ
“…แต่ฉันเผลอไปรักเข้าแล้ว”
แม้เสียงนั้นจะเบา แต่ผมก็ยังพอฟังออก
“ฉันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้ปฏิเสธพ่อได้ ฉันเลยไปปรึกษาฮายามะซังและพี่พนักงานในร้าน”
น้ำตาของนากิไหลอาบแก้มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันคิดว่า ถ้าฉันรักโซตะคุงมากขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นใครอื่น ฉันจะกล้าปฏิเสธพ่อได้ ฉันจึงพยายามให้โซตะคุงรักฉัน เพื่อที่ฉันจะได้รักโซตะคุงมากขึ้นอีก ฉันถามคนอื่นๆ ว่าจะทำอย่างไรให้โซตะคุงรักฉัน”
น้ำตาเธอยังคงไหลไม่หยุด ผมยื่นมือไปเช็ดน้ำตานั้นอย่างไม่รู้ตัว
“และนี่คือเหตุผลที่ฉันรักความอ่อนโยนของโซตะคุง ฉันพยายามให้โซตะคุงรักฉัน และเมื่อได้รู้จักโซตะคุงมากขึ้น ฉันก็ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก”
นากิยื่นมือมาจับมืออีกข้างของผม
“แต่สุดท้าย… ฉันก็ต้องเจอกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้”
“แล้วทำไมนากิถึงไม่ปฏิเสธ?”
“เพราะฉันรักพ่อกับแม่มากค่ะ”
เธอตอบทันทีพร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
“ฉันเป็นหนี้บุญคุณพ่อกับแม่มากมายจนตอบแทนไม่หมด ฉันจึงเลือก… เลือกระหว่างครอบครัวกับโซตะคุง”
ใจผมเจ็บปวดอย่างรุนแรง เพราะสายตาที่เธอส่งมา
“ฉันไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ ไม่ว่าจะมีใครพูดอะไร ฉันจะไม่เปลี่ยน”
ผมรู้ดีว่า นากิตัดสินใจแล้ว ไม่มีคำพูดใดจะเปลี่ยนใจเธอได้
“ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง ฉันรู้ว่าควรบอกโซตะคุงให้เร็วกว่านี้ แต่ฉันกลัว… ทุกครั้งที่เจอหน้าโซตะคุง ฉันรู้สึกสงบจนลืมเรื่องแย่ๆ ไปหมด ฉันเลื่อนมาวันนี้จนสุดท้าย”
มือของนากิปล่อยจากมือฉัน ความอบอุ่นหายไป พร้อมกับมือของผมที่ตกลง
“ได้โปรด… เกลียดฉันเถอะค่ะ โซตะคุง”
เธอยิ้ม แต่พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“เกลียดฉันให้มากๆ ลืมฉันไปซะ… แต่ขอโทษนะคะ ฉันรู้ว่าโซตะคุงไม่มีทางทำแบบนั้นได้”
นากิส่ายหัวและลุกขึ้น เพราะชิงช้าสวรรค์เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
“มีอีกเรื่องที่ฉันอยากพูดก่อนจาก รบกวนเดินตามมาหน่อยค่ะ”
นากิลงจากชิงช้าสวรรค์ ฉันตามไปโดยไม่มีบทสนทนาใดๆ จนถึงที่ที่คนน้อย
“โซตะคุงต้องมีความสุขให้ได้นะคะ จะต้องเจอคนที่ดีกว่าฉันแน่นอน”
…หยุดเถอะ
“สร้างครอบครัวที่มีความสุขมากกว่าฉันได้ด้วย… นะคะ”
…ไม่เอา
“นากิ…”
เมื่อผมมองไปที่นากิ เธอกำลังร้องไห้ด้วยน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
“จริงๆ แล้ว ฉันไม่อยากให้มีใครนอกจากฉันอยู่ข้างโซตะคุงเลย”
“ฉันก็เหมือนกัน”
ผมไม่อยากเห็นใครอยู่ข้างนากิที่ไม่ใช่ผม
“ขอโทษที่ฉันอ่อนแอ… ขอโทษนะคะ”
เธอพูดพลางก้าวเข้ามาใกล้ผม
ใบหน้าของยากิเข้ามาใกล้ สวยงามแต่เจ็บปวด น้ำตาไหลแต่ยังจ้องตาผม
“…นี่จะเป็นความทรงจำสุดท้าย”
สิ่งที่อ่อนนุ่มและอบอุ่นสัมผัสริมฝีปากผม
เป็นช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที นากิก้าวถอยหลังและหันหลังให้
“นี่คือสิ่งแรกที่ฉันอยากมอบให้โซตะคุงเสมอ”
“นากิ… อย่าไปเลย”
ฉันยื่นมือออกไป แต่…
“ลาก่อนค่ะ ฉันขอให้โซตะคุงมีความสุขจากใจจริง”
มือของผมไม่อาจเอื้อมถึง
…จูบแรกที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
[TLN:ขมจริงแต่…..]
◆◆◆
ปวดหัว…
ผมลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหายาแก้ปวด… เดี๋ยวนะ ผมกลับมาถึงบ้านได้ยังไง?
…ช่างมันเถอะ เรื่องแบบนี้ ไม่สำคัญแล้ว
ผมปิดโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด กินยาแก้ปวด แล้ว… แต่ก็ไม่มีแรงพอจะกลับไปที่เตียง
ทิ้งตัวลงบนโซฟา
อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด? ผมไม่รู้
ไม่รู้อะไรทั้งนั้น และก็ไม่อยากรู้… อยากจะหลับไปแบบนี้ แล้วหายไปจากโลกนี้เสียเลย
เมื่อความง่วงค่อยๆ เข้ามา ผมก็ไม่ขัดขืนและค่อยๆ หลับตาลง
――ติ๊งต่อง
เสียงออดปลุกผมขึ้นมา แต่ไม่มีแรงพอจะลุกไปเปิดประตู
ไม่ได้สั่งอะไรไว้… ขอแกล้งทำเป็นไม่อยู่แล้วกัน
――ติ๊งต่อง
…
――ติ๊งต่อง
…
――ติ๊งต่อง
…
――ติ๊งต่อง
――ติ๊งต่อง
――ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงออดที่ดังไม่หยุดทำให้ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ
ดึกป่านนี้แล้ว… ใครกันที่มาหาผม?
◆◇◆
“ยินดีต้อนรับกลับ…คุณหนู เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
ทันทีที่กลับถึงบ้าน ฉันก็ถูกคุณซึซากะ คนรับใช้จับได้ทันที
…แต่ก็สมควรแล้ว เพราะหน้าฉันคงเลอะเทอะไปด้วยน้ำตา
พยายามใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ก่อนจะพูดกับคุณซึซากะ
“มีหลายเรื่องเกิดขึ้นค่ะ แล้วก็…คุณซึซากะคะ ช่วยมาหาฉันที่ห้องทีหลังได้ไหมคะ? ฉันมีเรื่องอยากจะพูดด้วย”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
จนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับคุณซึซากะ ฉันขอร้องพ่อไม่ให้บอกเธอ เพราะกลัวว่าเธอจะเล่าเรื่องของโซตะคุงให้พ่อฟัง
หลังจากบอกคุณซึซากะ ฉันก็กลับมาที่ห้อง วางกระเป๋าลง…
และนอนลงบนเตียงอย่างไม่เรียบร้อยนัก
ฉันหลับตาลง และเริ่มคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
“…ฉันชอบโซตะคุงมาตลอดเลยค่ะ”
ฉันนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ได้พบกับโซตะคุง