หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 31 การแสดงของเจ้าหญิงน้ำแข็ง
- Home
- All Mangas
- หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 31 การแสดงของเจ้าหญิงน้ำแข็ง
「โห คนเยอะมากเลย… แล้วก็เหมือนจะมีแต่คนที่ดูสำคัญ ๆ ทั้งนั้นเลย」
“ว้าว… คนใส่สูทหรูๆ แล้วก็ชุดกิโมโนเต็มไปหมดเลยเนอะ พูดถึงแล้ว บ้านของชิโนโนะเมะจังนี่สุดยอดจริงๆ ด้วยสินะ”
“ที่นี่เขารู้จักกันดีเลยล่ะ ว่าพ่อของเธอเป็นนักธุรกิจใหญ่โต แล้วก็ดูมีอิทธิพลมากด้วย”
ในที่สุด วันแสดงร่ายรำญี่ปุ่นที่นากิจะขึ้นแสดงก็มาถึง
บริเวณที่จัดการแสดงเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูท่าทางจะมีฐานะดีมากๆ
โชคดีที่พวกเราในฐานะนักเรียน ยังใส่แค่ชุดนักเรียน จึงไม่ดูโดดเด่นเกินไปนัก
“อย่าแสดงอาการตื่นเต้นเกินไปล่ะ โดยเฉพาะคู่รักคู่นั้น”
“โอ๊ย รู้แล้วน่า รู้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก! ฉันน่ะ เคยถูกเรียกว่า เอย์จังแห่งศิลปะญี่ปุ่น เลยนะเว้ย!”
“เออิจิสอบพวกนี้ได้คะแนนเต็มด้วยนี่นะ เอาเถอะ ยังไงเออิจิก็เงียบอยู่แล้ว ถ้าเออิจิเงียบ ฉันก็เงียบด้วย สบายใจได้เลย”
…ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดี… เอาเถอะ อย่างน้อยพวกเออิจิ คงจะไม่ทำตัววุ่นวายตอนเข้าข้างในหรอก
“ฮายามะ…เธอคงไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“ฉันน่ะ รู้จักสถานการณ์อ่านบรรยากาศเป็นนะ!”
อย่าพูดเองเลยดีกว่า… เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนั้นเธอก็ช่วยเก็บเรื่องที่เกิดไว้เงียบๆ คงไว้ใจได้ล่ะ
พวกเราเดินไปที่จุดลงทะเบียนแล้วเข้าข้างใน ที่นั่งถูกกำหนดเอาไว้แล้ว… จนทำให้ผมเผลอเหงื่อตกเล็กน้อย
กลัวว่าจะเจอครอบครัวของนากิอยู่ใกล้ๆ
“อ๊ะ จริงสิ ชิโนโนะเมะจังบอกไว้นะ ว่าครอบครัวเธอจะอยู่ใน…ที่นั่ง VIP พิเศษ ที่ห่างออกไปมาก เพราะงั้นพวกเขาคงไม่รู้หรอกว่าพวกเรานั่งอยู่ตรงไหน แค่บอกไว้ว่าชวนแล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง…”
ก็ดีแล้วล่ะ… ด้วยคนเยอะขนาดนี้ คงหากันไม่เจอแน่ๆ
ถึงจะรู้สึกโล่งใจ แต่ก็มีความรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เจอพวกเขา
เมื่อเข้าไปในหอประชุม บรรยากาศเงียบสนิท ไม่มีใครพูดคุยเลย
…ซึ่งก็แน่ล่ะ เพราะการแสดงร่ายรำญี่ปุ่นถือเป็นศิลปะชั้นสูง คนที่มาชมคงมีพื้นฐานความรู้กันมาไม่น้อย แถมยังพาครอบครัวมา จึงไม่มีใครกล้าทำเสียงดัง
พวกเราลดการพูดคุยลงเหลือเพียงเท่าที่จำเป็น ก่อนจะหาที่นั่งและนั่งลง แถวที่นั่งค่อนข้างใกล้เวที เห็นได้ชัดเจน
ลำดับที่นั่งคือ นิชิซาวะ เออิจิ ฉัน และฮายามะ
ระหว่างที่นั่งรอการแสดงเริ่ม เออิจิก็ดูตื่นเต้นอยู่ข้างๆ ผมเองก็ตั้งตารอเช่นกัน
หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ก็มีเสียงประกาศดังขึ้น
เป็นการเกริ่นนำก่อนเริ่มการแสดง และในคำกล่าวนั้น ก็มีบางคำที่ทำให้ผมสะดุดใจ
‘และสุดท้ายของวันนี้จะปิดฉากด้วยการร่ายรำของคุณชิโนโนะเมะ นากิ ซึ่งเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของคุณอิชิทาเกะ ซึรุ ผู้เป็นสมบัติแห่งชาติ’
ผมกับเออิจิหันไปมองหน้ากันอย่างตกใจ ท่าทางเออิจิอยากจะถามว่า “รู้อยู่แล้วหรือเปล่า” แต่ฉันก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ
จากนั้นผมก็หันไปมองฮายามะ เธอเองก็ส่ายหน้ากลับมาว่า “ไม่รู้เหมือนกัน”
อิชิทาเกะ ซึรุ…ชื่อที่ผมเคยได้ยิน ตอนที่ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการร่ายรำญี่ปุ่น เป็นชื่อที่อยู่ในระดับสูงมาก
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า นากิจะเป็นศิษย์ของสมบัติแห่งชาติแบบนั้น…
การแสดงเริ่มต้นด้วยเสียงของซามิเซ็งและกลอง
การร่ายรำญี่ปุ่นนั้นมีหลายประเภท วันนี้เป็นการแสดงที่เน้นการร่ายรำประกอบเสียงดนตรี ซึ่งนากิบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว
เสียงของเครื่องดนตรี เช่น ซามิเซ็ง กลอง และขลุ่ย ประกอบกับการร่ายรำของผู้แสดง ทำให้ทุกคนต้องตะลึง
“…สุดยอดไปเลย”
เสียงพึมพำของเออิจิดังขึ้นข้างๆ แต่ผมไม่สามารถตำหนิเขาได้ เพราะตัวผมเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
การแสดงทั้งหมดนั้นช่างน่าทึ่ง ราวกับถูกดึงดูดเข้าไปในโลกนั้น ไม่มีอะไรในจอภาพจะเทียบได้
และในที่สุด การแสดงสุดท้ายของวันก็มาถึง
นากิ ปรากฏตัวขึ้นบนเวที…
เธอช่างงดงามราวกับไม่ใช่คนเดียวกับที่เคยพึ่งพิงและอ้อนผมมาก่อน
คำว่า “งดงาม” ดูจะเหมาะสมที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้
“การร่ายรำญี่ปุ่นนี่ ผมขาวก็เข้ากันได้สินะ”
…แต่ก็ไม่ได้มีคำถามแบบนั้นอยู่ในหัวฉันเลย เพราะความงามนี้ ผมสีดำไม่มีวันถ่ายทอดออกมาได้ สีขาวต่างหากที่เป็นสีผมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนากิ
จากนั้น การร่ายรำของนากิเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีเสียงดนตรีประกอบ
การเคลื่อนไหวเล็กๆ ของศีรษะ และการขยับแขนขานั้นช่างสง่างาม บ่งบอกได้ชัดเจนว่าควรจ้องมองที่ส่วนไหน
การแสดงออกของเธอน่าทึ่งมาก แม้ไม่ได้มีใครบอก ฉันก็สามารถเข้าใจได้จากสายตาและการเคลื่อนไหวของมือ ว่าเธอกำลังสื่อถึงอะไร
แม้การแสดงก่อนหน้านี้จะอยู่ในระดับสูงแล้ว แต่การร่ายรำของนากิกลับก้าวข้ามไปอีกขั้น
สีหน้าจริงจังที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ความมุ่งมั่นที่แสดงออกในทุกท่วงท่า
…อา งดงามเหลือเกิน…
สายตาของเธอหันมาทางฉันเพียงชั่วครู่ แม้ใบหน้าจะไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่แววตาของเธอกลับดูอ่อนโยนลงเล็กน้อยในชั่วขณะนั้น
และในวินาทีต่อมา เธอก็เปิดพัดที่ถืออยู่ตรงหน้าอก
พัดสีฟ้าอ่อนไล่เฉดไปจนถึงสีครามงดงาม ราวกับเป็นสีเดียวกับดวงตาของนากิ
บรรยากาศเปลี่ยนไป ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
–ราวกับ “เจ้าหญิงน้ำแข็ง” เปลี่ยนกลับมาเป็น “นากิ” อีกครั้ง–
เธอหมุนพัดอย่างสง่างามและช้าๆ แต่ถึงจะดูช้า การขยับมือของเธอกลับทำให้ผมไม่เข้าใจว่าทำได้อย่างไร น่าจะเป็นเทคนิคที่เรียกว่า “โยะกาเอชิ” ที่ผมเคยอ่านเจอ
การพลิกพัดอย่างลื่นไหลเช่นนั้นดึงดูดสายตาผม จนผมเผลอถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้น ท่าทางการร่ายรำของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
พัดในมือของเธอเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ท่าทางของแขนขาและมือก็ดูเปลี่ยนไป ทุกอย่างดูลื่นไหลกว่าเดิม แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนไป แต่กลับให้ความรู้สึกราวกับมีชีวิตชีวาขึ้น
…อา แบบนี้นี่เอง…
นากิกำลังตื่นเต้นสินะ
เมื่อการเคลื่อนไหวของเธอเปลี่ยนไป เสียงซามิเซ็งก็ดังขึ้นก้องในหอประชุม
ท่วงท่าของเธอที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ยิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้น
นี่แหละ คือสิ่งที่นากิทำได้อย่างเต็มที่
ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เพราะผมรู้สึกดีใจที่ได้เห็น “ตัวตน” ของนากิอีกครั้ง
นากิ ผู้ที่มุ่งมั่นและพยายามมากกว่าทุกคน ใจดี และงดงามอย่างไม่มีใครเทียบได้ ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอเหมือนถูกรวมไว้ในร่ายรำนี้
ผมรู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน…
◆◆◆
“…สุดยอดมากเลยนะ”
“อืม สุดยอดจริงๆ”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเออิจิ คนรอบตัวที่กำลังเดินผ่านไปมาก็พูดชื่นชมนากิว่าเก่งและงดงามมาก ซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีใจอย่างมาก
เออิจิที่อยู่ข้างๆ มองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฮ่าๆ เห็นโซตะดูสนุกแบบนี้ก็ดีใจละนะ ตอนแรกแอบคิดอยู่ว่าถ้านายบ่นอีกว่า ‘ยังไงก็เป็นคนละโลกกัน’ ฉันคงแย่แน่ๆ”
ผมยิ้มแหยๆ กับคำพูดของเออิจิ
“…เอาจริงๆ ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นแหละ แต่พอดูไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเห็นตัวตนของนากิ นากิไม่ใช่ ‘เจ้าหญิงน้ำแข็ง’ อะไรทั้งนั้น แต่เธอคือนากิ… เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนเดิม”
“อืม…เข้าใจละ งั้นแปลว่าตอนนี้นายเปลี่ยนไปแล้วสินะ?”
“…อาจจะใช่”
แล้วในตอนนั้นเอง ผมก็มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง
เพราะในตอนนี้ ผมสามารถจัดการกับความรู้สึกทั้งหมดได้แล้ว
“คุณคือมิโนริ โซตะคุงใช่ไหม?”
เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอายุสี่สิบเศษยืนอยู่ตรงนั้น
“ค-ครับ ใช่ครับ… แล้วคุณคือ?”
“ต้องขออภัยที่เสียมารยาทค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นก้มศีรษะอย่างเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ดิฉันชื่อซูซากะ โชโกะ เป็นแม่บ้านของตระกูลชิโนโนะเมะ และยังเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณหนูนากิด้วยค่ะ”
ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับเวลาหยุดลงในตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น…
◆◇◆◇◆
ณ ห้องส่วนตัวแห่งหนึ่ง
ภายในห้องมีพ่อกับลูกชายคู่หนึ่งนั่งเผชิญหน้ากัน
“คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องอยากขอร้อง”
คนที่พูดขึ้นคือชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยสูทดูเรียบร้อย อายุราวๆ ยี่สิบปี ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความจริงจังอย่างที่สุด และดูเหมือนจะมีความกังวลใจเล็กน้อย กำปั้นที่กำแน่นของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“…ว่าไง?”
ผู้ที่ตอบกลับคือชายผมดำที่หวีผมเรียบไปด้านหลัง ใบหน้าของเขาดูสง่าผ่าเผยจนไม่มีร่องรอยของวัยชรา
“…ผู้หญิงที่ร่ายรำในโชว์การแสดงสุดท้าย ทำให้ผมสนใจครับ”
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็เอ่ยออกมา แม้คำพูดจะอ้อมค้อม แต่ความหมายก็ถูกสื่อไปถึงชายผู้นั้นอย่างชัดเจน
“พูดจริงหรือ? …นายเข้าใจใช่ไหมว่าเธอคือลูกสาวของคู่แข่งทางธุรกิจของเรา?”
ชายผมดำเอ่ยขึ้นโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ชายหนุ่มยังคงจ้องตอบกลับโดยไม่หลบสายตา
“ครับ… แม้จะเป็นไปไม่ได้ ผมก็ยอมถูกตัดขาดจากครอบครัว ถ้าจำเป็นผมจะหาทางเข้าไปใกล้เธอด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายผมดำก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะ เขารู้ดีว่าลูกชายของเขาจริงจังกับคำพูดนี้
“ขอโทษที่ทำให้คุณพ่อลำบากใจครับ… แต่ถึงแม้ว่าผมจะถูกตัดขาดจากครอบครัว ผมก็สัญญาว่าสักวันหนึ่งจะตอบแทนบุญคุณทั้งหมด”
“อย่าพูดอะไรโง่ๆ แบบนั้น”
ชายผมดำรักลูกชายของตนอย่างมาก ในตอนนี้จิตใจของเขากำลังถูกดึงให้แกว่งไปมาระหว่างหน้าที่การงานและครอบครัว
หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง ชายผมดำถอนหายใจเบาๆ
“สิ่งนี้จะทำให้นายมีความสุขหรือเปล่า?”
“ครับ อย่างแน่นอน”
“นายเข้าใจใช่ไหมว่าอีกฝ่ายยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลาย?”
“อายุไม่สำคัญครับ… ต่อให้เธออายุเท่ากับคุณพ่อ ผมก็คงมาขอร้องแบบนี้เหมือนเดิม”
ชายผมดำหลุบตาลง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเงียบสงบ
“ฉันจะลองคิดดู… แต่เตรียมตัวให้พร้อมไว้เผื่อถึงวันที่ต้องพบกับเธอ”
ใบหน้าของชายหนุ่มเปล่งประกายขึ้นทันที
“…! ขอบคุณมากครับ!”
เหตุการณ์ในครั้งนี้ กว่าที่ชายหนุ่มจะรับรู้ได้ถึงผลกระทบของมัน ก็คงอีกนานแสนนาน
[TLN:เริ่มมีกลิ่นตุๆหลังจากนี้อีกไม่กี่ตอนอาจจะหน่วงๆหน่อยเตรียมรับแรกกระแทก]
ปล.ขอบคุณสำหรับโดเนทเมื่อวานด้วยนะครับ><