หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 25 เจ้าหญิงน้ำแข็งกับคุณแม่
- Home
- All Mangas
- หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 25 เจ้าหญิงน้ำแข็งกับคุณแม่
「…เฮ้อ」
ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ผมถอนหายใจในวันนี้ ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยความครุ่นคิดไม่หยุดหย่อน
เหตุผลมันชัดเจน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถไฟตอนขากลับนั่นแหละ
「…นั่นมันเล่นไม่แฟร์เลย」
ความอบอุ่นของมือที่แตะสัมผัสแผ่นหลังผม ความรู้สึกถึงอุณหภูมินั้น… และความนุ่มนวลนั้น… จนถึงตอนนี้ยังจำได้ไม่ลืม
แล้วยังคำพูดนั่นอีก
『…ฉันไม่รู้สึกไม่ดีเลยนะคะ ที่ได้ใกล้ชิดกับมิโนริคุง』
มันไม่ใช่ท่าทีที่อ่อนโยนปกติ หรือดูเหมือนจะเกรงใจนิดหน่อยเหมือนทุกครั้ง แต่กลับเป็นการกระทำที่ดูรุกเข้ามาหน่อย ๆ
「…ไม่ไหวแล้ว นี่มันยังไงกันแน่」
แม้ว่าความคิดในหัวจะยุ่งเหยิง แต่ผมก็พยายามเริ่มเรียบเรียงมัน
แน่นอนว่าอาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิด… แบบที่ว่า เพื่อนผู้ชายกับเพื่อนผู้หญิงอาจจะมีวิธีแสดงความสนิทสนมต่างกัน
อย่างเช่น ผู้ชายด้วยกัน อาจมีคนที่ลูบหัวหรือกอดกัน… อืม มันก็อาจจะมีอยู่ แต่ในกลุ่มของผมไม่เคยมีแบบนั้น อย่างเออิจิก็ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบนั้นเหมือนกัน
แต่ในขณะที่ผู้หญิง บางคนกลับดูเหมือนจะทำเรื่องอย่างการกอดหรือจับมือกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ… ซึ่งผมเคยเห็นอยู่บ้าง
บางที ชิโนโนะเมะอาจจะเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น… แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีบางอย่างที่ดูไม่เข้ากันอยู่ดี
「การเรียกชื่อกันนี่… เราทั้งคู่ไม่เคยทำได้เลยนี่นา」
ผมก็แน่ใจว่าเป็นแบบนั้น และชิโนโนะเมะเองก็เหมือนกัน อาจจะเพราะสถานการณ์ตอนนั้นมันไม่เหมาะสมด้วย
แต่หลังจากพูดอะไรแบบว่า “น่าจะเป็นภรรยาที่ดีในอนาคต” ไปแล้ว แบบนี้มัน… จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงล่ะ?
「ไม่ไหวละ ไม่เข้าใจเลย」
ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเลย อาจเพราะผมไม่มีประสบการณ์กับผู้หญิงมาก่อน… หรือพูดง่าย ๆ ก็แทบไม่มีเลย
「เฮ้อ…」
ผมถอนหายใจอีกครั้ง ดูเหมือนว่าวันนี้คงนอนไม่หลับแน่ ๆ
และในตอนนั้น เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้น ผู้ส่งคือ—
『เอ่อ… คุณยังไม่นอนใช่ไหมคะ?』
เป็นข้อความจากชิโนโนะเมะ
◆◇◆
「อือ… ทะ-ทำไมฉันถึงทำเรื่องแบบนี้ได้นะ」
แม้จะพยายามเข้านอนแล้ว แต่ก็ไม่อาจหลับลงได้เลย เพราะดันเผลอคิดถึงเหตุการณ์บนรถไฟขากลับขึ้นมาอีกจนได้
ใบหน้าของมิโนริคุงอยู่ใกล้… ใกล้มากจนเกินไป อือ… [TLN:รุกเองเขินเอง]
กลิ่นหอมสดชื่นที่ทำให้รู้สึกสบายใจแผ่ซ่านเต็มอก และสัมผัสที่แข็งแรง แต่ก็อบอุ่นและอ่อนโยน
มือที่ค่อย ๆ โอบกอดฉันอย่างช้า ๆ ราวกับกำลังสัมผัสกับของตกแต่งแก้ว… อือ…
「มะ-ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ! ไม่ได้เลย แบบนี้ฉัน… ดูเหมือนเป็นเด็กที่คิดอะไรลามกเลย」
ถ้ามิโนริคุงรู้ว่าฉันเป็นคนแบบนั้น… เขาต้องเกลียดฉันแน่ ๆ จะต้องหาวิธีจัดการความรู้สึกนี้ให้ได้
「แต่ว่า…」
ไม่ได้จริง ๆ
ความรู้สึกดีใจมันทำให้มุมปากของฉันยิ้มออกมาไม่หยุด แม้จะพยายามใช้ฝ่ามือปิดไว้ แต่มันก็คลายออกมาอีกจนได้
「อือ… ใบหน้าฉันจะกลับมาเป็นปกติได้ไหมคะเนี่ย」
ตอนกินข้าวก็ลำบากมาก ต้องคอยพยายามไม่ให้เผลอยิ้มออกมาเองจนหน้าเสีย มันอาจจะลำบากพอ ๆ กับตอนเข้าร่วมแสดงรำญี่ปุ่นครั้งแรกก็ว่าได้
และอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น…
「นอนไม่หลับเลยค่ะ」
ใช่เลย ฉันหลับไม่ได้จริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลย ทั้งที่นี่ก็น่าจะเป็นเวลาที่ฉันง่วงนอนแล้วแท้ ๆ
「จะทำยังไงดีคะเนี่ย」
พยายามจะคิดเรื่องอื่น แต่สุดท้ายก็เผลอนึกถึงมิโนริคุงขึ้นมาอีกจนได้
อ๊ะ ใช่แล้ว
「มิโนริคุง… เขาจะยังไม่นอนอยู่หรือเปล่านะ」
แม้จะเพิ่งวางสายไปเมื่อครู่ แต่ฉันก็อดยื่นมือไปหยิบสมาร์ทโฟนไม่ได้
『เอ่อ… คุณยังไม่นอนอยู่ใช่ไหมคะ?』
ฉันส่งข้อความไปโดยไม่รู้ตัว และมันก็ขึ้นว่าอ่านแล้วในทันที
『มีอะไรเหรอ?』
『ฉันนอนไม่ค่อยหลับค่ะ ถ้ามิโนริคุงสะดวก ฉันขอโทรหาคุณอีกครั้งได้ไหมคะ?』
『อืม ได้สิ ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกันพอดี』
พอได้รับข้อความตอบกลับ ฉันก็โล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้คุยกับมิโนริคุง… ฉันคงจะง่วงนอนได้ในที่สุด เพราะความสบายใจที่เขามอบให้
แต่… การโทรหามิโนริคุงมันสนุกมาก จนเผลอคุยกันยาวไปจนข้ามวันโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นได้แบบนี้…
◆◇◆
เสียงกริ่งดัง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง
“มาแล้วสินะ”
“คะ-ค่ะ… รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ”
ก่อนเที่ยงวันถัดมา ขณะที่ผมและชิโนโนะเมะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ผมทิ้งชิโนโนะเมะไว้ในห้องนั่งเล่น แล้วเดินไปที่ประตู เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“ครับ ๆ เดี๋ยวมาเปิดให้”
เมื่อเปิดประตูออกไปก็เจอกับ…
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โซตะ สบายดีไหม?”
“ครับ สบายดี แม่เองก็สบายดีใช่ไหมครับ? ยินดีต้อนรับครับ”
แม่ผมที่ถือถุงของใช้ในมือ ยิ้มและกางแขนออก
…ผมรู้สึกเขินเล็กน้อย แต่ก็โอบกอดแม่กลับไป
บ้านของเรา… หรือจะพูดให้ชัดก็คือพ่อกับแม่ของผมเป็นพวกที่แสดงความรักกันอย่างเปิดเผย ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเรา
ตั้งแต่ผมเข้าเรียนมัธยมต้น ความอบอุ่นแบบนี้ก็ลดลงบ้าง แต่วันนี้มันคงไม่เป็นไร
“ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะ ดูสุขภาพดีมากเลยลูก”
“แม่เองก็สดใสเหมือนเดิมนะครับ”
แม่ลูบหัวผมเบา ๆ แล้วปล่อยตัวออกจากกอด
“แล้วพ่อล่ะครับ?”
“พ่อทำงานจนเสร็จไม่ได้ เขาบอกว่าอยากเจอเธอมาก ๆ อยากแนะนำตัวกับเพื่อนลูกด้วย แต่ก็ทำไม่ได้”
“เหรอครับ… งั้นเชิญเข้ามาก่อนสิครับ ผมอยากจะแนะนำเพื่อนที่ช่วยเหลือผมให้แม่ได้รู้จัก”
“ดีเลยจ้ะ แม่เองก็อยากเจอ อยากรู้ว่าเพื่อนของโซตะเป็นใคร”
ผมพาแม่เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“บ้านสะอาดดีนะลูก น่าชื่นชม”
“ก็มีเพื่อนมาบ่อยน่ะครับ ผมเลยต้องทำความสะอาดทุกสัปดาห์”
เมื่อถึงห้องนั่งเล่น…
“โอ้โห!”
แม่มองเห็นชิโนโนะเมะที่นั่งอยู่ตรงนั้น ยิ้มด้วยความดีใจ
ชิโนโนะเมะยืนขึ้นและสั่นผมสีขาวของเธอ
“ยินดีที่ได้พบค่ะ! ดิฉันชื่อชิโนโนะเมะ นากิค่ะ! ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือโซตะค่ะ!”
“โอ้โหโหโห! เพื่อนของลูกเป็นเด็กผู้หญิงนี่เอง! ขอบคุณมากนะคะ นากิ-จัง ฉันป็นแม่ของโซตะ ชื่อมิโนริ คาซึมิ จ่ะ”
ทั้งสองยิ้มและโค้งให้กัน… แม่ยิ้มกว้างพร้อมมองไปที่ผมและชิโนโนะเมะด้วยความยินดี
“แต่ว่า… ทำไมไม่บอกแม่ล่ะว่ามีเพื่อนน่ารักขนาดนี้?”
“เอ่อ… คือผมลืมบอกไปครับ”
ผมหลบตาขณะที่พูด ชิโนโนะเมะยิ้มเบา ๆ แล้วแม่ก็เริ่มมองเราสองคนอย่างแปลกใจ
“เธอสวยมากเลยนะ… ผิวพรรณก็เรียบเนียน ผมก็ขาวสะอาดดี”
“ขอบคุณค่ะ พ่อแม่ของดิฉันเป็นชาวต่างชาติค่ะ แต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ดิฉันได้ถูกนำไปเลี้ยงดูค่ะ”
“อ้อ, แบบนี้นี่เอง… ดีจังที่ได้มีแม่ที่ดีอย่างนั้น”
แม่ถามต่อ ชิโนโนะเมะตอบอย่างสดใส “ค่ะ! ขอบคุณมากค่ะ”
…คำถามนี้อาจจะเป็นกับดักสำหรับบางคน แต่นึกถึงชิโนโนะเมะแล้วก็รู้สึกว่าเธอคงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาหรอก ผมจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“พ่อแม่ของเธอเป็นคนดีมากเลยนะ”
“ดีใจที่ได้ยินค่ะ… แล้วเธอกับโซตะเจอกันที่ไหนเหรอ?”
“อ๋อ เราเรียนคนละโรงเรียนค่ะ”
“อ้าว งั้นเหรอ?”
…ปกติน่าจะคิดว่าเราสองคนเรียนที่เดียวกันนะ
ผมกำลังจะอธิบาย แต่ชิโนโนะเมะก็พูดออกมาก่อน
“มิโนริคุง… เอ่อ… หนูเจอกับโซตะคุงตอนที่อยู่บนรถไฟค่ะ”
ชิโนโนะเมะเรียกชื่อผม ทำให้หน้าเริ่มร้อนขึ้นมาทันที และเมื่อมองไปที่ชิโนโนะเมะก็เห็นว่าเธอก็หน้าแดงเหมือนกัน แต่เธอก็อธิบายต่อไป
“ตอนนั้นดิฉันโดนลวนลามค่ะ… ไม่มีใครช่วยเหลือเลย รู้สึกกลัวและขยะแขยงจนเกือบจะร้องไห้ แต่โซตะเขาช่วยดิฉันไว้”
ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเขินนิดหน่อย แต่ก็ยิ้มออกมา
“การช่วยเหลือของผมก็อาจจะไม่เก่งนักหรอกนะ”
“ไม่ค่ะ ดิฉันดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่… จากเหตุการณ์นั้นทำให้ดิฉันเริ่มกลัวผู้ชาย”
“อืม… คงจะลำบากมากเลยนะ”
แม่ยื่นมือไปลูบหัวชิโนโนะเมะอย่างอ่อนโยน ชิโนโนะเมะตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับมันอย่างอบอุ่น
“ค่ะ โดยเฉพาะการขึ้นรถไฟ ดิฉันกลัวมาก… เพราะงั้นดิฉันเลยขอให้โซตะคุงอยู่ข้าง ๆ ค่ะ ขอติดรถไฟกับโซตะคุง แล้วเราก็เริ่มสนิทกันค่ะ”
หลังจากนั้น ชิโนโนะเมะก็มองไปที่แม่ของผม
“โซตะ… โซตะคุงคนเดียวที่ดิฉันไม่กลัว เขาดูแลดิฉันดีมากค่ะ… ดิฉันคิดว่าโซตะคุงโตขึ้นมาได้ดีขนาดนี้ คงเป็นเพราะอิทธิพลจากพ่อแม่ของเขาด้วยค่ะ… เลยอยากขอบคุณคุณแม่ค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ”
เมื่อชิโนโนะเมะโค้งให้แม่ ผมเห็นว่าแม่ยิ้มอย่างมีความสุข
“อิอิ ยินดีจ้ะ”
เสียงของแม่ทำให้หูของชิโนโนะเมะขยับนิด ๆ แล้วก็ยิ้ม
“…คงจะติดมาจากคุณแม่สินะคะ”
“อาจจะเป็นอย่างนั้น”
คำพูดของชิโนโนะเมะทำให้ผมหัวเราะเบา ๆ นี่ก็เรื่องที่ไม่ควรคิดมากนัก
แต่แม่กลับมองผมและชิโนโนะเมะด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
“โอ้ แม่เหรอ… ไม่คิดเลยนะว่านอกจากโซตะแล้ว จะมีเด็กน่ารักแบบนี้มาเรียกฉันว่าแม่”
“เอ๊ะ… อ๊ะ… คือว่า…”
คำพูดของแม่ทำให้ชิโนโนเมะลนลาน และเมื่อเห็นอย่างนั้น แม่ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม
“แบบนี้คงไม่นานแล้วสินะที่ ‘แม่’ จะกลายเป็น ‘แม่สามี’”
“แม่! ล้อเล่นมากไปแล้วนะ”
ชิโนโนเมะแดงหน้ากว่าเดิม …แต่ก็เถอะ ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปพูดอะไรมากได้เหมือนกัน
“โอ๊ะ โอ๊ะ ขอโทษทีนะ พอฉันดีใจขึ้นมาก็เผลอไปหน่อย”
“ม-ไม่เป็นไรค่ะ…”
หลังจากสนทนากันแบบนั้น แม่ก็เริ่มเดินนำไป
“เอาล่ะ เดี๋ยวแม่ทำมื้อกลางวันให้ละกันนะ พวกเธอสองคนยังไม่ได้กินใช่ไหม?”
“อืม ขอบคุณนะ แม่”
“ข-ขอบคุณค่ะ”
แม่เดินไปที่ห้องครัว… แต่ไม่นานก็กลับมา
“โซตะ ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“มีอะไรเหรอ?”
แม่มองมาที่ฉันแล้วยิ้ม
“หรือว่า… มีแอบให้คุณนากิทำอาหารให้กินบ้างแล้ว?”
คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เหมือนมีบางอย่างเย็นเฉียบพาดผ่านแผ่นหลัง…