หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 19 เจ้าหญิงน้ำแข็งเริ่มเคลื่อนไหว ตอนที่ 1
- Home
- All Mangas
- หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 19 เจ้าหญิงน้ำแข็งเริ่มเคลื่อนไหว ตอนที่ 1
ในเย็นวันนั้น
ระหว่างทางกลับบ้าน ท่าทีของชิโนโนะเมะดูเหมือนเหม่อลอยไปไกล ไม่ว่าจะพยายามชวนคุยยังไงก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนกลับมาเลย
และในวันนั้นเองก็เป็นครั้งแรกที่ชิโนโนะเมะไม่ได้โทรหาผม
『วันนี้ของดโทรหาวันนึงนะค่ะ!』
ข้อความแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนของผมปรากฏขึ้น
…ดูเหมือนว่าผมจะทำให้เธอโกรธจริง ๆ แล้วสินะ ผมคิดว่าคงต้องคุยกันตรง ๆ สักครั้ง เลยตั้งใจแน่วแน่ในเช้าวันรุ่งขึ้น
แต่ทว่า…
“สวัสดีค่ะ มิโนริคุง”
ชิโนโนะเมะเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มสดใส
“อะ อ่า สวัสดีนะ?”
ท่าทีของเธอไม่ได้แตกต่างไปจากปกติเลย… ไม่สิ ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะดีเป็นพิเศษด้วยซ้ำ
“เมื่อวานต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันมีเรื่องต้องปรึกษากับเพื่อนใหม่ที่เคยเล่าให้ฟัง ก็เลยไม่ได้โทรไป”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
เมื่อผมตอบกลับไป ชิโนโนะเมะก็พยักหน้า… และมองหน้าผมนิ่ง
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ตั้งแต่วันนี้ฉันจะโทรหาคุณเหมือนเดิมแล้วนะคะ ฝากตัวด้วยนะ”
“อ่ะ อ๋อ ได้สิ”
จากนั้นพวกเราก็ย้ายไปยังสถานที่ประจำของเรา… แต่วันนี้ดูเหมือนเธอจะเข้ามาใกล้กว่าปกติ
ระยะห่างระหว่างเราเหมือนจะใกล้จนผิดสังเกต ตอนที่เธอสอนผมเรียน เรานั่งข้างกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หลังมือของเราสัมผัสกัน นั่นหมายถึงระยะห่างมันชิดกันมากทีเดียว
“ว่าแต่ มิโนริคุง”
แต่ชิโนโนะเมะกลับดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอเรียกชื่อผมขึ้นมา
…หรือว่า จริง ๆ แล้วแก้มและหูของเธอกำลังแดงอยู่?
“คุณไม่ได้พกร่มมาด้วยเหรอคะ? วันนี้มีพยากรณ์ว่าจะฝนตกตอนบ่ายด้วยนะ”
“หืม? จริงเหรอ?”
ผมเผลอหลุดเสียงอย่างตื่นตระหนก ขณะที่มองท้องฟ้าที่แทบไม่มีเมฆเลย
เมื่อหันไปมองชิโนโนะเมะ เธอก็ถือร่มสีขาวเอาไว้
“แย่แล้ว… ดันตากผ้าไว้ซะด้วย”
“อืม… นั่นน่าแย่จริง ๆ”
ไม่น่าเลย ผมควรเช็กพยากรณ์อากาศให้ดี
…แต่จะมัวกังวลไปก็เปล่าประโยชน์
“มิโนริคุง ถ้าไม่รังเกียจ—”
ชิโนโนะเมะเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง… แต่ก็หยุดไป
“อะไรเหรอ? ถ้ามีอะไรก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“—เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร อย่าคิดมากเลย”
เธอตอบพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ… ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไม่ต้องบังคับเธอก็ได้
แต่ก่อนที่ผมจะถามเธออีกครั้ง ชิโนโนะเมะก็พูดขึ้นมาเอง
“ว่าแต่ มิโนริคุงนี่มีพี่น้องไหมคะ?”
“หืม? ไม่มีหรอก”
“อย่างนี้นี่เอง… แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ ทำงานอะไร?” [TLN:ถามแบบนี้มีแผนแน่นอนร้ายกาจจ]
“พ่อฉันเป็นข้าราชการท้องถิ่น แม่เป็นแม่บ้าน… ทำไมเหรอ? อยู่ดี ๆ มาถามเรื่องนี้”
ผมตกใจเล็กน้อยกับคำถามกะทันหันของเธอ แต่ชิโนโนะเมะกลับพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ
“ฉันแค่คิดว่าตัวเองแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยน่ะค่ะ… ถ้าไม่รังเกียจ ฉันอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ จะได้ไหมคะ?”
รอยยิ้มสดใสนั้นอยู่ใกล้กว่าปกติ จนหัวใจผมเต้นแรง
“อ-อ๋อ ได้สิ”
และแล้ว… ผมก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องเมื่อวานเลย จนกระทั่งมาถึงสถานีที่ชิโนโนะเมะต้องลง
…และสุดท้าย ผมลืมซื้อร่มที่ตั้งใจจะแวะซื้อหน้าสถานีอีกต่างหาก
◆◆◆
“เฮ้ย วันนี้ฝนจะตกจริงเหรอ?”
“ดูเหมือนจะจริงนะ พยากรณ์อากาศบอกไว้อย่างนั้น”
ที่โรงเรียน ผมคุยกับเออิจิเหมือนปกติ ดูเหมือนเขาเองก็ไม่ได้พกร่มมาด้วย
“บ้าจริง… งั้นคงต้องให้คิริกะมารับแล้วล่ะ”
“อึก… ไอ้คนมีแฟน”
“ฮ่า ๆ ถ้ามันทำให้นายอิจฉาก็หาแฟนซะสิ”
“ก็ไม่ได้อยากมีสักหน่อย ไม่เห็นเป็นไร”
“ปกติตรงนี้นายควรจะอิจฉาไม่ใช่รึไง”
บทสนทนาแบบนั้นผ่านไป แล้วผมก็คิดได้ว่า
เย็นนี้กลับบ้านยังไงดีนะ? คงต้องวิ่งฝ่าฝนกลับล่ะมั้ง…
◆◆◆
“ฝนตกจริง ๆ ด้วยสินะ”
ผมพึมพำเบา ๆ ขณะยืนรออยู่ที่หน้าโรงเรียนกับเออิจิ
“แถมยังตกหนักอีกต่างหาก… อา ช่วงนี้พวกแม่บ้านคงยุ่งอยู่กับการเก็บผ้าตากแน่เลย”
“ฉันน่ะ ทิ้งผ้าไว้ตากแล้วออกมาเลย”
“จริงดิ? โชคร้ายสุด ๆ เลยนะนั่น”
สายฝนที่ตกกระหน่ำจากท้องฟ้ามืดครึ้ม ผสมกับอากาศเย็นช่วงนี้ทำให้ผมอดถอนหายใจไม่ได้
ถ้ากลับบ้านแบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะไม่สบายแน่ ๆ
“เอาไงดีล่ะ? ถ้าคิริกะมารับแล้ว เราแวะซื้อร่มกันไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็มีคนรออยู่เหมือนกัน”
ดูเหมือนว่าคงต้องวิ่งกลับบ้านแล้วสินะ ขณะที่ผมกำลังเตรียมตัวอยู่นั้น ก็มีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาในมือถือ
『ฉันขึ้นรถไฟสายถัดไปไม่ทัน คงถึงช้าหน่อย จะรออยู่ที่โรงเรียนได้ไหมคะ?』
เป็นข้อความจากชิโนโนะเมะ เรื่องที่เธอพลาดรถไฟนี่ค่อนข้างแปลกทีเดียว
『ได้เลย』
พอคิดดูแล้ว ก็ดีเหมือนกันที่ยังไม่ได้ออกไป ถ้าต้องวิ่งฝ่าฝนเพื่อรอรถไฟล่ะก็ ผมคงไม่รอดจากไข้หวัดแน่ ๆ
“คนที่ฉันรอคงมาสายหน่อย ฉันจะรออยู่ที่นี่อีกสักพัก”
“จริงดิ? งั้นฉันคงได้กลับก่อนล่ะ… เฮ้ย พูดถึงก็มาเลย”
ตรงประตูโรงเรียน มีร่มสีชมพูปรากฏให้เห็น ผมมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่เออิจิคงคุ้นเคยกับคนที่มารับเขาดี
คน ๆ นั้นกำลังพูดคุยกับครูที่เฝ้าประตูโรงเรียนอยู่ คงกำลังขออนุญาตเพื่อมารับเขา หลังจากได้อนุญาตแล้ว เธอเดินตรงมาทางพวกเรา
“ไง เออิจิ พยากรณ์อากาศต้องดูให้ดีนะ ไม่งั้นป่วยแน่ ๆ อ้อ สวัสดีมิโนริน เมื่อวานเจอกันอยู่แท้ ๆ ว่าแต่มิโนรินก็ลืมร่มเหรอ แปลกจัง”
“ฉันเองก็ลืมร่มเหมือนคนอื่นนั่นแหละ จริง ๆ ฉันออกจะขี้เกียจด้วยซ้ำ”
เราคุยกันเล็กน้อยก่อนที่ผมจะส่งเอจิกลับ
“งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ เอจิ… ช่วยภาวนาให้ฉันไม่ป่วยด้วยล่ะ”
“แน่ใจนะ? จะให้ฉันไปซื้อร่มมาด้วยก็ได้”
“เดี๋ยวนี้ร้านสะดวกซื้อคงเต็มไปด้วยนักเรียนแล้วล่ะ แค่นายเสนอมาก็พอ… หืม?”
จู่ ๆ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นตรงประตูโรงเรียน มีคนมุงดูอะไรกันอยู่เต็มไปหมด
ทั้งเอจิและนิชิซาวะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมหยุดมองตรงนั้นทันที
“มีอะไรเหรอ? หรือพี่สาวใครเป็นดาราหรือนางแบบล่ะ?”
“เป็นไปได้อยู่เหมือนกันนะ”
ครูที่เฝ้าประตูค่อย ๆ เปิดทางให้คน ๆ หนึ่งเดินเข้ามา หญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักเรียนที่ถือร่มสีขาวเดินออกมาจากฝูงชน
…เดี๋ยวนะ ชุดนั้นคุ้น ๆ เหมือนผมเคยเห็นมาก่อน ร่มนั่นก็ด้วย
ทันใดนั้น ความรู้สึกประหลาดราวกับมีใครมาลูบหัวใจของผมก็เกิดขึ้น
ไม่น่าเป็นไปได้… หรือว่า… ไม่สิ มันต้องไม่ใช่แน่
แต่ตรงข้ามกับความคิดของผม เด็กสาวในชุดนักเรียนที่ดูสวยราวกับนางฟ้าคนนั้น กำลังเดินตรงมาทางผม
สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เธอ ไม่เว้นแม้แต่เออิจิและนิชิซาวะ แต่ด้วยร่มที่เธอถือไว้ ใบหน้าของเธอจึงยังดูไม่ชัดเจน
จนกระทั่งเธอหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“มิโนริคุง”
เธอเอ่ยชื่อผม พร้อมกับลดร่มลง
“ฉันมารับคุณค่ะ”
สมองของผมเหมือนหยุดทำงาน เหงื่อเริ่มซึมออกจากฝ่ามือและทั่วร่าง
“ช… ชิโนโนะเมะ?”
เธอที่ยืนอยู่ตรงนี้ พร้อมรอยยิ้มเหมือนเด็กที่เพิ่งแกล้งสำเร็จ
คนที่ไม่น่าจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างเธอ คือชิโนโนะเมะจริง ๆ…
◆◇◆
ย้อนเวลากลับไปยังคืนก่อนหน้า
“เฮ้อ…”
ฉันยกมือกุมหน้าอกที่ปวดหนึบ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ความเจ็บปวดนี้ก็ไม่เคยบรรเทาลง
แม้แต่ข้าวเย็น ฉันก็ทานไม่หมดจนทำให้คุณแม่เป็นกังวล… ทั้งที่ฉันควรรีบหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุดแท้ ๆ
“ฉันนี่… เป็นคนที่แย่จริง ๆ”
เมื่อคิดอย่างนั้น ฉันก็เผลอถอนหายใจอีกครั้ง เหตุผลมันชัดเจนอยู่แล้ว…
“มิโนริคุง…”
ฉันนึกถึงภาพเขา ที่กำลังทานของหวานอย่างมีความสุขกับผู้หญิงคนหนึ่ง… ถ้าจำไม่ผิด เธอคงเป็นแฟนของเพื่อนสนิทเขาสินะ
ทุกครั้งที่ภาพนั้นผุดขึ้นมาในหัว ลมหายใจของฉันก็ขาดห้วง หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนเจ็บปวด
“คืนนี้… คงนอนไม่หลับแน่”
ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถโทรหาเขาได้… ตอนเย็นฉันทำตัวแย่กับเขาเกินไป หากโทรไปตอนนี้ก็คงจบลงเหมือนเดิม
ความคิดนั้นทำให้ฉันยิ่งทุกข์ใจ
“มิโนริคุง…”
ฉันอยากได้ยินเสียงของเขาอีกครั้ง… อยากให้เขาลูบหัวฉันอีก
ขณะที่ฉันกำลังไถลูบโทรศัพท์ไปมาอย่างไม่มีจุดหมาย ชื่อของคนหนึ่งก็สะดุดสายตา
‘ฮิคารุ’
ฮายามะ ฮิคารุ ใช่สิ ฉันเคยแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกับเธอไว้
“ลองปรึกษาเธอดูดีไหมนะ…”
‘การมีเพื่อนเยอะดีกว่ามีเพื่อนน้อยนะ? จะได้ปรึกษาเรื่องต่าง ๆ ได้ด้วยไง’
‘เช่น ปัญหาเรื่องความรัก? ฉันปากหนัก ไม่พูดเรื่องใครง่าย ๆ อยู่แล้วล่ะ’
…มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องความรักแน่ ๆ ใช่ไหม? ไม่สิ มันไม่ใช่แน่
แต่ยังไงก็ควรปรึกษา ฉันตัดสินใจเปิดหน้าจอสนทนาของเธอขึ้นมา
‘ตอนนี้สะดวกคุยไหม?’
พอส่งไป ข้อความก็ขึ้นว่าอ่านแล้วทันที
‘อ้าว มีอะไรเหรอ? ไม่บ่อยเลยที่ชิโนโนะเมะจังจะทักมาน่ะ’
คำตอบนั้นทำให้ฉันโล่งใจ…
ฉันเริ่มเล่าเรื่องของเขาให้เธอฟัง
เรื่องของเขาที่ไปสนิทสนมกับคนใหม่ เรื่องที่ฉันเห็นเขาทานข้าวกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วมันทำให้ฉันเจ็บปวด
ฉันเล่าในภาพรวมโดยไม่ลงรายละเอียดจนเกินไป เพื่อไม่ให้ระบุตัวตนของเขา
‘นี่ ฉันโทรไปได้ไหม?’
ฉันลังเลเล็กน้อยก่อนตอบตกลง เพราะวันนี้ฉันได้บอกเขาแล้วว่าจะไม่โทรหา
‘ฮัลโหล นี่ฮิคารุ พอได้ยินไหม?’
“ค… ค่ะ ได้ยินค่ะ”
เสียงของเธอดังมาจากปลายสาย เราไม่ได้คุยกันนานนัก แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
‘โอเค งั้นก่อนอื่นขอพูดอะไรอย่างหนึ่งนะ ได้ไหม?’
“…ได้ค่ะ เชิญเลย”
ฉันถามฮายามะซังว่าควรทำอย่างไรดี
‘ชิโนโนะเมะจัง เธอน่ะ กำลังตกหลุมรักอยู่ล่ะ’
คำพูดนั้นทำให้ฉันต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเข้าใจ
“เอ๋?”
ฉันเผลอส่งเสียงประหลาดออกไปโดยไม่รู้ตัว…