หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 147
ตอนที่ 147 : การคำนวนที่ผิดพลาด
หน้าที่ของโรแลนด์ในตอนนี้หมดลงแล้ว เขาพักและปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของฮอร์กและลิงค์
ต่อให้เขามีสกิลติดตัวที่จะช่วยการฟื้นฟูพลังเวทย์เป็นสองเท่า แต่เขาก็คงไม่มีแรงต่อสู้ไปอย่างน้อยอีกสามชั่วโมง
บอลเพลิงทำลายล้างสองบทนั้นผลาญมานาเขาจนหมด และผลของการที่มานาหมดสะท้อนมายังตัวโรแลนด์ในรูปแบบของดีบัฟซึ่งถูกแจ้งเตือนจากระบบ
“พลังเวทย์ตีกลับอย่างรุนแรง: คุณใช้พลังจิตมากเกินไป ดังนั้นคุณจะไม่สามารถใช้เวทย์ได้อย่างน้อยเป็นเวลาสามชั่วโมง
มันมีสัญลักษณ์เล็กๆที่ด้านหลังซึ่งเป็นตัวบอกเวลาว่ายังต้องรับผลของดีบัฟนานอีกเท่าไหร่
โรแลนด์พยายามทดลองด้วยความไม่เชื่อและพบว่ามันคือความจริงเขาไม่สามารถใช้เวทย์ได้ และผลของการลองคือเขาปวดหัวอย่างหนักจนลามมายันกรามของเขาด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นเองในไลฟ์ของเจ็ทก็มีการถ่ายถออดสถานการณ์สดผ่านหน้าจอ
“เชี่ย ลิงค์นี่โคตรเจ้าเล่ห์เลย ไม่เพียงแค่กั้นเชือกดักไว้เท่านั้นหมอนี่ยังเอาโคลนถมพวกเขาไว้อีก”
“ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”
“ในฐานะชาวไร่ ฉันขอประนามพฤติกรรมที่ปฏิบัติกับม้าแบบนี้”
“ฉันแค่คิดว่าเสียดายเนื้อม้าพวกนั้นจัง มันสามารถเอาไปทั้งต้ม, ทอด, และย่างได้ น่าเสียดายจริงๆ”
“ไม่สิ ไม่ใช่ว่าพวกนายควรจะพูดไม่ออกไม่ใช่เหรอ? นี่มันกลยุทธ์บุกฐานศัตรู พวกเขาเข้าไปอย่างเปิดเผยไม่ได้งั้นเหรอ? พวกเขาจะกลายเป็นคนขี้ขลาดหากใช้วิธีซุ่มโจมตีแบบนี้ โดยเฉพาะโรแลนด์ เอาแต่ทำลายประตูบ้านคนอื่นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มันน่ายกย่องตรงไหนกัน?”
“สมองกลวงรึไงเม้นบนน่ะ โรแลนด์และพวกของเขามีจำนวนคนไม่ถึงครึ่งของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ, ไม่มีชุดเกราะ, ไม่มีอาวุธ และพวกเขามีเพียงแค่หินให้ใช้ ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะที่นายต้องการให้พวกเขาสู้กันตรงไปตรงมา นายมีปัญหาทางสมองรึเปล่าถามจริง”
“ถ้าฉันเป็นโรแลนด์ ฉันว่าวิธีนี้แหละเจ๋งแล้ว”
“+1”
และตามไปด้วยคอมเม้นต์ของนักวิชาการมากมาย
โรแลนด์ยิ้มให้กับมัน พวกชาวเน็ตง่เง่านตลกจริงๆ
ทว่าเมื่อเทียบกับโรแลนด์ที่กำลังผ่อนคลาย จอห์นทั้งสองต่างรู้สึกไม่ดีนัก
บางที่อาจจะบอกได้ว่าหดห่จนถึงขีดสดแทนก็ได้
เมื่อพวกเขาขี่ม้าอย่างกังวลใจมายังหน้าปราสาท พวกเขาพบเข้ากับกองทหารม้าชั้นยอดที่เปรียบได้กับคนใยครอบครัวของพวกเขาถูกทำลายไปเกือบทั้งหมด คนและม้าเกือบทั้งหมดนอนกองลงไปกับพื้น
เสียงร้องเจ็บปวดของเหล่าทหารและเสียงโหยหวนของมาผสมปนเปกัน และมันทำให้เกือบน้ำตาไหลออกมาเมื่อได้ยิน
ม้านั้นสะดุดและนอนลงไปกับพื้นเท้าหน้าของพวกมันหักได้เพียงแค่นอนอยู่เฉยๆและร้องอย่าอาลัยอาวรณ์
มีทหารม้าไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถชะลอตัวไว้ได้ทันและควบม้าไปรอบๆด้วยความกังวล
“แก!” ใบหน้าของจอห์นคนพ่อกลายเป็นเย็นชาและมองไปยังลิงค์ เขามองอย่างโกรธแค้นพร้อมกัดฟันแน่นและพ่นคำพูดหนึ่งออกจากลำคอของเขา “บุตรทองคำ”
น้ำเสียงของเขาทุ่มต่ำ ทั้งเย็นชาและมืดมนราวกับงูพิษที่พึ่งตื่นจากการจำศีล
ลิงค์ยืนอยู่หน้าปราสาทที่ถูกทำลาย ทหารที่ด้านหลังเขาได้ควบคุมทั้งปราสาทไว้แล้ว
จอห์นคนพ่อเห็นภรรยาและลูกสาวของเขาถูกจับให้นั่งอยู่ตรงระเบียงในชั้นสอง
ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้ถูกมัดไว้ ทว่าพวกแธอต่างดูกังวล และประหลาดใจอย่างมาก
จอห์นลงจากหลังม้าพร้อมก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและพูดด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ากำลังก่อกบฎวาง อาวุธในมือลงซะและยอมรับการลงโทษ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้กลายเป็นศัตรูกับเหล่าขุนนางทั้งหมดในอนาคต”
“นายไม่สามารถเป็นตัวแทนของขุนนางทั้งหมดได้หรอก” ลิงค์ยิ้มเยอะ “ฉันได้ยินคำขู่แบบนี้มามากมันฟังดูไร้สาระชะมัด มาพูดถึงเรื่องสำคัญกันเถอะ”
จอห์นคนลูกเองก็กระโดดลงจากหลังม้าเช่นกันพร้อมพูดด้วยเสียงดัง “ลิงค์ข้าและพวกเจ้าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าตอบแทนพวกข้างั้นเหรอ”
การกล่างอ้างถึงบุญคุณและศีลธรรมต่างๆเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่ชนชั้นสูง
“ตอบแทนนาย?” ลิงค์เอียงคอไปด้านข้าง แม้ว่าจะดูน่ารักแต่เขาก็ยังคงเป็นชายล่ำบึกอยู่ดี “นายให้อะไรพวกเราบ้างละ? ให้อาชีพเหรอ ให้เงินเดือน หรือให้ชีวิต? นายนี่มันตัวตลกจริงๆงั้นไหม? นายคิดว่านายทั้งยิ่งใหญ่และมีเกรียติในฐานะขุนนางและยิ้มให้กับเหล่าสามัญชนราวกับว่าเป็นของขวัญจากสวรรค์งั้นเหรอ?”
ท่าทีของจอห์นคนลูกมืดมนลงทันที
ลิงค์พูดถูก จอห์นคิดจริงๆว่าเขานั้นเป็นคนที่ดีมากแล้วสำหรับสามัญชน และเพราะเกรียติและศักดิ์ศรีในฐานะขุนนางของเขาทำให้เขาไม่กลั่นแกล้งสามัญชน
เขาคิดว่าของขวัญที่ยอดเยี่ยมสำหรับโรแลนด์และบุตรทองคำคนอื่นๆนั่นก็คือการที่เขาเชิญพวกเขาไปยังงานเลี้ยงด้วยเจตนาที่ดี
ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้โรแลนด์และคนอื่นๆเข้าใจผิดถึงเจตนาของเขา
จอห์นคนพ่อหยุดลูกของเขาไว้และจ้องมองไปยังลิงค์ เขาระงับความโกรธและพูดอย่างช้าๆ “เจ้าต้องการพูดถึงอะไร?”
“ตอนนี้พวกเราเป็นฝ่ายชนะ พวกเราต้องการทำข้อตกลง เพราะถึงยังไงพวกเราทั้งคู่ต่างก็รักชีวิตของตนและไม่ต้องให้การต่อสู้เหนือการควบคุมไป” ลิงค์ยังคงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม
“ข้อตกลงอะไรกัน”
“มันเป็นข้อตกลงที่ไม่ร้ายแรงนัก แค่นายต้องคอยจ่ายบรรณาการเป็นเหรียญทองให้พวกเราเท่านั้น”
“ไม่มีทาง!” จอห์นตอบกลับโดยเน้นคำพูดแต่ละคำ
ลิงค์ยังคงยิ้มต่อไป “มันคือความคิดของฮอร์ก ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ส่วนตัวฉันอยากถอนรากถอนโคนปัญหาทั้งหมดมากกว่า แต่ว่าเขาเป็นรองหัวหน้าและฉันเองก็จำเป็นต้องเชื่อฟังเขา เจ้าเมืองถ้าหากนายไม่รับข้อเสนอนี้ ฉันจะเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดด้วยซ้ำ ฉันอยากจะให้นายคิดอีกรอบนะ อย่าทำให้ฉันมีความสุขมากเกินไปละ เข้าใจไหม?”
เชี่ยเอ้ย เจ้านี่มันโรคจิตชัดๆ
มองไปยังลิงค์ที่มีรอยยิ้มบิดเบี้ยว ความโกรธของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าจำนวนมากก็เข้ามาใกล้ และปรากฎว่าเป็นเหล่าทหารหน้าประตูเมืองหลายร้อยคนกำลังมุ่งมา สองขานั้นไม่มีทางเร็วเท่าสี่ขาอยู่แล้ว
เมื่อมีทหารอยู่ข้างเขา จอห์นก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น เขาโบกมือและตะโกนขึ้นมา “พวกเจ้าจัดการมันซะสังหารพวกมันให้หมด”
จอห์นคนลกตกตะลึงทันที “ท่านพ่อ ท่านแม่และน้องสาวยังคงอยู่ในมือพวกมัน จะเป็นอย่างไรถ้าหากพวกมัน…”
“อย่ากังวลไปเลยลูก ข้าจะสอนบทเรียนเจ้าอีกบทหนึ่ง” จอห์นมองไปยังภรรยาและลูกสาวของเขาและพูดอย่างเฉยชา “ก็จริงอยู่ว่าสตรีนั้นควรค่าให้รัก ทว่าพวกเธอเองก็มีหน้าที่ต้องสละชีพให้แก่ตระกูลในยามสำคัญเช่นกัน พวกเธอนั้นอยู่อาศัยอย่างมีสุข สวมเสื้อผ้าที่งดงาม และไม่ต้องกังวลสิ่งใดแม้แต่น้อย มีเพียงชีวิตที่เป็นสุข และในตอนนี้ ถึงเวลาต้องชำระหนี้แล้ว”
จอห์นคนลูกต้องการพูดบางสิ่ง “ทว่า…”
พ่อของเขานั้นโบกมืออย่างไม่ไยดี “ถ้าหากข้ายอมในครั้งนี้ ในอนาคตศัตรูก็จะใช้วิธีนี้เล่นงานขาอีก จำเอาไว้เมื่อเจ้าเป็นเจ้าเมืองเจ้าทำเป็นต้องมีจุดอ่อนทางอารมณ์ให้น้อยที่สุด”
จอห์นคนลูกมาไปยังแม่และน้องสาวของเขาที่อยู่ไม่ไกล และหัวหน้าพร้อมปิดตาอย่างช่วยไม่ได้
ทหารราบที่อยู่ด้านหลังเขาวิ่งผ่านเขาไปราวกับน้ำ
ลิงค์ถอยกลับไปและพวกขอทานกว่าร้อยก็พุ่งออกมาเบื้องหลังเขา กลุ่มแรงตั้งโล่ไม้ขึ้นมาและกลุ่มต่อมาก็มาพร้อมหอก และโยนหอกออกไปตามช่องว่าง
นี่มันกลยุทธ์การป้องกัน!
ซึ่งกลยุทธ์นี้จะปิดทางเข้า และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบุกไปยังปราสาท
เจ้าพวกทหารขอทานพวกนี้ได้อาวุธมากจากไหนกัน! แถมปลายหอกพวกนั้นยังเป็นเหล็กอีกด้วย