หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 146
ตอนที่ 146 : วุ่นวาย
การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวสามารถจัดการสถานการณ์ทั้งหมดได้อยู่หมัด ถ้าหากเขาสามารถทําลายกําแพงเมืองด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากบอลเพลิงขนาดยักษ์ได้ทําไมเขาต้องอ้อมค้อมและหาทางอื่นในการพังกําแพงเมืองด้วยล่ะ?”
นักเวทย์ถูกเรียกว่าราชาแห่งสนามรบด้วยเหตุผลนี้
เมื่อมีความแข็งแกร่งเพียงพอ นักเวทย์สามารถใช้ได้หลากหลายวิธีในการทําลายการป้องกันของศัตรูศัตรู
ในการต่อสู้มีมือธนูและโจรที่พอจะสามารจัดการนักเวทย์ลงได้
ทว่ามันไม่ใช่ว่ามือธนูและโจรนั้นสามารถทําทุกสิ่งเพื่อจัดการนักเวทย์ได้ ในสนามรบนักเวทย์จะอยู่ภายใต้การป้องกันอันแน่นหนาและยากที่จะผ่านการป้องกันนั้นไปได้
สิ่งที่โง่เง่าและง่ายดายที่สุดในการปะทะกับนักเวทย์คือสร้างกําแพงป้องกันเวทย์ ทว่ามันมีราคาแพงมากและไม่ค่อยใช้สําหรับเมืองห่างไกลหรือเมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์
อีกวิธีหนึ่งคือหานักเวทย์ที่ทรงพลังหรือกลุ่มของนักเวทย์เพื่อลดพลังของเวทย์ลง
ถ้าหากไม่สามารถต่อต้านได้ก็จงเข้าร่วม
ปัญหาคือนักเวทย์นั้นหาพบได้ยากมาก ไม่ว่าจะเป็นพ่อมดหรือนักเวทย์ ยิ่งพวกเขาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ โอกาสปรากฏตัวของเขาก็น้อยลงเท่านั้น พวกเขามักจะอยู่ในหอคอยเวทย์เพื่อศึกษาเวทมนตร์
และตอนนี้มีอาร์คเมจเกิดในหมู่บุตรทองคํางั้นเหรอ?
จอห์นคนพ่อคิดถึงคนๆหนึ่งขึ้นได้ทันที โรแลนด์
ในตอนนั้นเองจอห์นคนลูกก็หันความสนใจไปยังพ่อของเขา
ทั้งพ่อและลูกต่างมีสีหน้าที่จริงจัง
จอห์นคํารามออกมา “พวกเจ้ารีบกลับไปยังเมืองและเข่นฆ่าผู้บุกรุกซะ!”
เขานั้นถูกหลอกเข้าจนได้ เขาคิดว่าอีกฝายน่าจะไม่มีทหารมากนักจึงเลือกที่จะขุดร่องลึกเพื่อป้องกันการถูกสังหารเท่านั้น
ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่ามันเป็นแค่แผนลวงเท่านั้น อีกฝ่ายย่องเข้าด้านหลังเขาแล้วโจมตีต่างหาก
เขารู้สึกว่าการปล่อยให้อีกฝ่ายลอบโจมตีทางด้านหลังเขาได้สําเร็จเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมาจอห์นนั้นสัญญากับตัวเองว่าจะจับศัตรูมาทรมาณให้รับโทษจากสงครามนี้ซะ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าโรแลนด์กลายเป็นอาร์คเมตแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่เมืองมอลลี่ถึงพังทลายโดยง่าย
มีเรื่องที่อธิบายไม่ได้จํานวนมากถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองมอลลี่ ราวกับมันถูกซ่อนเอาไว้อย่างจงใจ หากเขารู้ว่าโรแลนด์เป็นอาร์คเมจ เขาคงไม่ทําอะไรหุนหันอย่างนี้เป็นแน่
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามตอนนี้เขาต้องกลับไปยังเมืองก่อน
เขามองไปยังกําแพงเมืองที่พังทลายจากระยะไกล ท่าทางของเขาดูเย็นชาเป็นอย่างมาก
เหล่าทหารต่างเคลื่อนย้ายกันทันที
พวกเขาเริ่มหันหลังกลับและถอยทัพ
ทว่าทันใดนั้น ก็มีกลุ่มชายเปลือยอกแบกเสาหินสองถึงสามเสากระโดดออกมาร่องขุด
พวกเขาร้องออกมาด้วยเสียงอึดสู้แปลกๆและพุ่งไปข้างหน้า และใช้แรงใจในการเขวี่ยงเสาหินออกไป
หลังจากโยนเสาแรกไปแล้ว พวกเขาก็เริ่มโยนอีกเสา และเมื่อโยนเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบวิ่งกลับไปยังหลุมเพื่อหยิบอันใหม่ขึ้นมาทันที
คนสองร้อยกว่าคนขว้างก้อนหินจํานวนมากมาทางพวกเขาโดยใช้เวลาเพียงสิบวิหรือมากกว่านั้นเล็กน้อย
สําหรับคนที่รับผิดชอบอยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดแน่นอนคือทหารโล่ทว่าแม้พวกเขาจะสามารถยกโล่ขึ้นมาได้ทันแต่แท่งหินจํานวนมากก็ทําให้เกิดเสียงที่โกลาหล และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสวมหมวกเหล็กอยู่ ทว่าการโจมตีอันป่าเถื่อนทําให้พวกเขาหมดสติลงได้
ทันใดนั้นมือธนูที่อยู่ใกล้ๆ และตอนนี้อยู่แนวหน้า พยายามตอบโต้ด้วยการยิงธนูเพลิง ท้ายที่สุดเหล่าศัตรูก็ร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด ศรเพลิงทั้งหมดถูกยิงไปยังหลุม
ฝนลูกศรตกลง ทว่ามันไม่โดนใครเลยแม้แต่คนเดียว
ทันใดนั้นทหารที่มีหน้าที่สั่งการก็สบถออกมาด้วยความโกรธ “ไอเจ้าพวกขี้ขลาดนี้”
แม้ว่าจอห์นจะรีบไปยังกําแพงเมือง ทว่าเขาก็แอบหันไปมองด้านหลังของเขาเป็นระยะๆ
เขาเข้าใจถึงสงครามในครั้งนี้แล้ว จะถอยกลับเมื่อศัตรูบุก จะบุกเมื่อศัตรูถอย
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเหยเก
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับข้างั้นเหรอ?
ไอ้เจ้าพวกบุตรทองคํานั่น
เขารีบคุมม้าและกล่าวกับทหารข้างกายเขาว่า “เจ้าจงนําทหารราบสองร้อยนายและมือธนูอีกร้อยนายไปคุมตัวพวกหนูสกปรกไว้ ถ้าหากพวกมันจู่โจมพวกเราได้ เลิกคิดถึงเรื่องที่จะสามารถอยู่ในกองทัพในอนาคตได้เลย”
“ครับท่าน!”
ทหารหนุ่มทําท่าคํานับแบบอัศวินพร้อมหันกลับไปกับกลุ่มทหารทันที
อีกครั้งหนึ่ง จอห์นได้รีบกระตุ้นม้าของเขาให้วิ่งไปข้างหน้า ด้านหลังเขาเต็มไปด้วยเหล่าทหารที่ขี่ม้าอยู่เบื้องหลัง
พวกเขานั้นรวดเร็วมากเมื่ออยู่บนหลังม้า ทว่าเมื่อเขามาถึงยังประตูเมือง พวกเขาก็พบเข้ากับ ประตูเมืองที่พังทลายไปแล้ว และมีช่องว่างระหว่างกําแพงกว่าสิบเมตร
หินร้าวและแตกหักจํานวนมาก ทั้งยังคงมีควันขาวลอยอยู่ ไม่ว่าใครก็สามารถจินตนาการได้ทันทีว่านักเวทย์ที่ทําลายกําแพงเมืองนี้ทรงพลังขนาดไหน
“มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน!” จอห์นคนลูกมองไปยังกําแพงเมืองด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง “โรแลนด์กลายเป็นอาร์คเมจโดยที่พวกเราไม่รู้ได้ยังไง? ขนาดอัลโด้ยังไม่ได้บอกเราถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ํา”
“ช่างมันก่อน รีบไปที่ปราสาทก่อนเถอะ” จอห์นคนพ่ออดกลั้นความโกรธไว้ภายในใจก่อนรีบมุ่งหน้าต่อไป
กลุ่มชายเพียงไม่กี่คนรีบควบม้ามุ่งหน้าไปด้านหน้า ภายในเวลาไม่นานหลังพวกเขาผ่านกําแพงเมืองมาไม่นาน แสงสีขาวสว่างวาบก็ปรากฏขึ้นในระยะไกลอีกครั้ง ตามด้วยเสียงระเบิดอย่างรุนแรง
มันทําให้พวกเขายากที่จะควบคุมม้าก่อนที่พวกเขาจะสังเกตุเห็นกลุ่มควันดําลอยมาจากทางปราสาท
“โรแลนด์!” จอห์นอดทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เขาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
ในเวลาเดียวกันประตูทางเข้าปราสาทก็ถูกทําลายลงด้วยบอลเพลิงนรกของโรแลนด์ หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น
“ไม่ไหวละ ฉันเคลื่อนที่ต่อไปไม่ไหวแล้ว” โรแลนด์พูดด้วยใบหน้าซีดเผือกกับเหล่าคนที่อยู่ด้านหลังเขา “พาฉันไปที่ปลอดภัยที”
ทหารสองคนมาถึงพร้อมช่วยพยุงเขา และพาตัวเขาออกไป พร้อมนําตัวเขาออกนอกสนามรบ
ลิงค์ยกมือของเขาขึ้นจากนั้นทหารกว่าร้อยนายด้านหลังเขาก็เริ่มแยกย้ายกันไปพร้อมดึงเชือกเส้นหน้าที่พันตัวพวกเขาออกมาและนําไปผูกกับตอไม้ และส่วนอีกด้านนํามันไปพันไว้กับก้อนหิน
และพวกเขาก็ได้ติดตั้งกลไกเล็กน้อยโดยทําให้สามารถดึงเชือกให้ตรงได้
ภายในเวลาอันสั้นเชือกดักม้ากว่ายี่สิบเส้นก็ถูกเตรียมการไว้บนถนนเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นทหารอีกกลุ่มก็นําทรายมาปิดไว้อย่างระวัง เพื่อให้มองไม่ออกจากในระยะไกลว่ามีเชือกตรึงอยู่
จากนั้นพวกเขาก็รีบเข้าไปซ่อนตัว
ในขณะเดียวกันทหารที่อยู่ภายในปราสาทก็ไม่กล้าออกมาเพราะเวทย์ทําลายล้างนั่นเลยทําให้พวกเขาแอบซ่อนอยู่ที่ภายในส่วนลึกสุดของปราสาท
หลังจากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าหนักก็ดังขึ้นมาจากในระยะไกล
เป็นกลุ่มทหารม้าชั้นยอดของจอห์น เพราะหลุดลึกนั่นทําให้พวกเขาไม่จําเป็นต่อสนามรบ
ทําให้พวกเขาอยู่ที่ค่ายทหารบริเวณด้านหลังของปราสาท
โดยไม่คาดฝัน เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงถึงสองครั้ง ครั้งแรกที่ประตูเมือง และตอนนี้ดูเหมือนปราสาทกําลังจะตกอยู่ในอันตราย
ทหารที่เป็นคนที่จอห์นไว้ใจ ความภักดีของเขาไม่มีอะไรให้ตําหนิ
เขารีบออกมาดูแลพร้อมทหารม้าทั้งหมดของเขา
โรแลนด์ถูกแบกมายังปาเล็กๆ เขานอนพิงต้นไม้และเปิดไลฟ์สตรีมดู
มีกลุ่มชาวเน็ตโง่ๆบางคนภายในช่องแชทต่างออกมาแสดงจุดเด่นด้วยความฉลาดหลากหลายทางทั้งพูดด้วยเสียงนอบน้อมผสมเสียงครางแปลกๆ
โรแลนด์สังเกตุว่าทหารม้าของจอห์นนั้นตรงมาแต่ไกล และมองมันโดนกับดักเส้นเชือกและล้มลงไปนอนกับทรายที่ละตัวๆ
โรแลนด์มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งคนและม้าต่างร้องออกมาอย่างโหยหวน
มันทั้งดูโหดร้ายและสนุกสนานเสียจริง