หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 145
ตอนที่ 145 : ทําซ้ําอย่างเดิม
ทหารเกือบพันนายรวมตัวกันหน้าท่าเรือ พวกเขาดูสับสนเล็กน้อยเมื่อมองไปยังร่องลึกหน้าพวกเขาทว่าพวกเขากลับไม่เห็นศัตรูแม้แต่คนเดียว
พวกเขาจะรับมือกับมันยังไง?
พวกเขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์แบบนี้ในสนามรบไหนมาก่อน
จอห์นนั้นอยู่บนหลังม้า โดยรอบนั้นล้อมรอบไปด้วยองครักษ์
จอห์นคนลูกเองก็อยู่ข้างๆเขา
“พวกหนูนี่ซ่อนในร่องลึก นักธนูของเราไม่สามารถโจมตีเข้าไปได้ หากเป็นลูกลูกจะทํายังไง?”
จอห์นคนลูกอยู่ในชุดเกราะหนักขนาดพอดีตัว หมวกเกราะเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา
“ท่านพ่อตามความคิดของข้า หากพวกมันซ่อนตัวอยู่ในร่อง พวกเราสามารถฆ่ามันโด ยง่ายด้วยหอกและธนูเมื่อพวกเราเข้าไปใกล้และยืนเหนือพวกมัน”
จอห์นคิดออกมาหลังจากคิดอย่างระมัดระวัง เขาคิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่พ่อเขากําลังทดสอบเขาว่ามีความสามารถในสนามรบเพียงพอหรือไม่
จอห์นพยักหน้า “เป็นความคิดธรรมดา หากแต่ธรรมดาเกินไปและบางที่อาจจะไม่ได้ผล
จอห์นคนลูกสับสนออกมาว่าทําไม
จอห์นส่งสัญญาณให้ทหารที่ยืนอยู่ข้างเขา ทหารที่ยืนอยู่รีบไปยังกองทัพและรวบรวมทหารโล่, มือหอก และนักธนูพร้อมพุ่งตรงไปด้านหน้าทันที
เมื่อไปได้ถึงครึ่งทาง ก็มีนักธนูปรากฏตัวออกมาจากร่องลึกร่องแรกพร้อมทั้งยิงธนูใส่ทันที
เพราะโล่ขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา ทําให้ลูกศรเกือบทั้งหมดถูกป้องกันไว้ และโดนโจมตีไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และต่อให้ถูกลูกศรยิงใส่ พวกมันก็ดูไม่มีแรงมากนัก ทหารหลายคนมีธนูปักอยู่ตามตัวและยังคงเดินหน้าต่อไป ในขณะที่บางคนเลือกที่จะดึงลูกศรออกและถอยกลับมา
เมื่อพวกเราไปถึงยังร่องลึก เหล่าทหารต่างตกใจเมื่อเห็นว่ามือธนูที่อยู่ภายในนั้นหายไปแล้วและไปโผล่ที่ด้านหน้า พวกเขาพบว่าแต่ละร่องนั้นห่างกันหลายเมตรและมีช่องทางเล็กๆเชื่อมต่อกันเอาไว้ เหล่านักธนูพวกนั้นต่างใช้ทางเชื่อมเล็กๆนั่นไปยังร่องถัดไป
จากนั้นเหล่าทหารก็ล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรต่อไปดี
ร่องลึกนั้นกว้างกว่าสองเมตรและหากพวกเขาเป็นตอนปกติพวกเขาคงสามารถกระโดดข้ามไปได้แล้วทว่าตอนนี้พวกเขาใส่ชุดเกราะเบาก็จริงทว่ากลับถืออาวุธขนาดหนักดังนั้นมันจึงไม่ง่ายนักที่จะกระโดดข้ามไป
หรือจะกระโดดลงไปเพื่อไล่สังหารศัตรูดี
นั่นน่าจะเป็นความคิดที่โง่เง่าที่สุด
ขณะที่เหล่าทหารต่างรู้สึกหมดหนทาง ก็มีหัวของคนโผล่ขึ้นมาในร่องที่สองทันที คนพวกนั้นแกว่งบางสิ่งด้วยแขนของพวกเขา
เมื่อมองดูดีๆจะพบว่าศัตรูของพวกเขานั้นกําลังแกว่งหินอยู่
หินหลากหลายขนาดต่างถูกโยนใส่พวกเขา พวกมันโยนเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ และในท้ายที่สุดก่อนที่พวกเขาจะจากไปก็มีหินนับร้อยถูกโยนใส่เหล่าทหาร
เหล่าทหารต่างรู้สึกตกตะลึง พวกเขาตั้งโล่ของพวกเขาไว้เบื้องหน้าและทั่วทั้งร่างของเขาอยู่เบื้องหลังโล่
นี่เป็นการตอบสนองที่ถูกวิธี ทว่าปัญหาคืออีกฝ่ายโยนหินมาจํานวนมากเกินไป และมันก็ใหญ่เกินไปด้วย
ด้วยการเหวี่ยงทําให้พลังการทําลายของมันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หินถล่มลมลงใส่พวกเขาไม่ต่างจากการโจมตีอันหนักหน่วงของผู้เชี่ยวชาญระดับต่ําถือค้อน
เสียงซ้ําเดิมดังขึ้นอีกครั้ง และหลังจากผ่านไปไม่นาน โล่กว้างในมือของทหารก็พังลง พวกเขาถอยกลับอย่างรวดเร็ว จนชนเข้ากับทหารที่อยู่ด้านหลัง ขบวนทัพถูกทําลายลงแล้ว
และจากนั้นก็มีหินถูกปาออกมามากยิ่งขึ้น
ระยะห่างระหว่างพวกเขาเริ่มขยายกันเรื่อยๆ พวกเขาไม่สามารถทนถือโล่ได้ไหสอีกแล้ว
จากนั้นก็มีหินตกลงมาจากท้องฟ้า และภายในเวลาไม่ถึงนาที ก็ไม่มีทหารคนไหนสามารถ ยืนทนได้อีก
มีทหารที่เหลืออยู่เล็กน้อยวิ่งไปหลบด้วยความแตกตื่นก่อนจะสามารถเข้ามาหลบกับจอห์นได้
เมื่อได้ยินเสียงแสดงความยินดีดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม จอห์นก็อารมณ์เสียขึ้นมา
คํามองไปยังทหารที่คุกเข่าอยู่ พร้อมกระโดดลงจากม้า พร้อมเดินไปหาทหารคนนั้นแหละดึงลูกศรออกจากหลังให้
เขาคนนั้นรู้สึกเจ็บปวดทว่าก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา
แม้ลูกศรจะทําจากไม้แต่บริเวณหัวของมันก็แหลมมาก
มันยากที่จะเจาะทะลวงเกราะเบา ไม่ต้องพูดถึงเกราะหนัก บาดแผลนี้อาจจะบอกได้ว่าทหารคนนี้นั้นโชคร้าย
“จับอาวุธและกล้าต่อสู้กับพวกเราเช่นนี้ พลังในการกระตุ้นของเหล่าบุตรทองคําไม่ธรรมดาจริงๆ” จอห์นกล่าวอย่างหงุดหงิด “แต่การโยนหินเช่นนี้ก็นับว่าแปลกใหม่ใช้ได้”
ด้านหลังเขา บุตรชายของเขาพูดขึ้นมาว่า “ท่านพ่อดูเหมือนว่าแผนการของข้าจะไม่ได้ผลแล้วพวกเราจะทํายังไงกันดี?”
พ่อของเขาเจ้าเมืองนี้ เขาเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดต่อไป ดังนั้นจอห์นคิดว่าการยอมรับว่าตนเองยังไร้ความสามารถต่อหน้าท่านพ่อของเขาจึงไม่ใช่เรื่องที่แย่นัก
“การโจมตีอย่างรุนแรงจะสามารถทําลายพวกมันได้อย่างแน่นอน ทว่าพวกร่องลึกนี่เป็นปัญหาเราจะได้รับความสูญเสียเป็นจํานวนมาก” จอห์นกล่าวอย่างเย็นชา “พวกบุตรทองคําพวกนี้ฉลาดเลยทีเดียว ทว่าน่าเสียดายที่ข้าผ่านสงครามมามาก นี่มันก็แค่กลยุทธ์กําแพงที่น่ารังเกียจเท่านั้นต่างกันตรงที่ปกติจะสร้างสูงขึ้นฟ้า พวกมันแค่ขุดลงดินเท่านั้น สิ่งที่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีที่สุดคือเปลวเพลิง ริชาร์ดกลับไปและนําของจากหน่วยสนับสนุนมานําหญ้าแห้ง และเชื้อเพลิงออกมาและนําเครื่องยิงหินออกมาด้วย”
“ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าร่องลึกพวกนี้จะสามารถต้านทานหินเพลิงได้
ทหารรายหนึ่งรีบกลับไปยังเมืองพร้อมกลุ่มเล็กๆทันที
จอห์นกลับขึ้นไปบนม้าอีกครั้งและมองไปยังลูกของเขา “นี่คือทั้งหมดของสงคราม ทดสอบฝ่ายตรงข้าม มองหาโอกาส และทําให้ศัตรูเคลื่อนไหวไม่ได้ ผลลัพธ์ไม่รวดเร็วนักหากลูกยังคงใจร้อน ลูกสามารถพักสักครู่ได้”
จอห์นคนลูกนั้นไม่ใช่คนโง่ “ท่านพ่อข้าไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับประสบการณ์จากการทําสงคราม ข้าไม่อยากพลาดมันไป”
จอห์นคนพ่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
จอห์นโล่งอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นทายาทเพียงคนเดียว แต่ใครจะรู้ว่าพ่อเขาบุตรนอกสมรสคนอื่นอีกหรือไม่
ถ้าหากเขาเป็นเจ้าเมือง เขาคงมีลูกชายสองสามคนอย่างเปิดเผย ทว่าจะมีลูกลับๆอีกสองสามคนเผื่อกรณีที่ทายาทถูกฆ่าตายโดยศัตรู ทายาทลับๆนั้นสามารถมีชีวิตรอดและพลิกสถานการณ์ได้
กองทัพรออยู่เป็นเวลานานทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวในร่องลึกที่อยู่ตรงกันข้าม
มีเพียงแค่จอห์นคนพ่อที่รู้สึกมีบางสิ่งผิดปกติ
สัญชาติญาณจากการผ่านสงครามมามากมายบอกเขาว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
ทันใดนั้นมีทหารวิ่งเข้ามาด้วยลมหายใจขาดห้วง “ท่านครับ เรือรบที่ทําหน้าที่ขัดขวา งนักเวทย์โรแลนด์และนักบวชเจ็ทถูกแช่แข็งเรือทั้งสองลําเสียหายโดยสมบูรณ์ ทั้งยังไม่สามารถหาตัวโรแลนด์และเจ็ทได้”
ท่าทางของจอห์นเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดและน่ากลัวในทันที
จอห์นคนลูกรู้สึกถึงสิ่งแปลกๆ “ต้องมีน้ําแข็งใหญ่ขนาดไหนเชียวที่สามารถทําลายเรือลงได้? ตอนนี้มันยังคงเป็นฤดูร้อนอยู่เลย เป็นไปได้ยังไงกัน!”
“บ้าเอ้ย!” จอห์นคนพ่อด่าขึ้นมาทันที “พวกเราถูกหลอกรีบนํากองทัพกลับไปยังเมืองเร็ว”
เมื่อเขาพูดขึ้นมาก็เกิดแสงสีขาวระเบิดขึ้นทางด้านหลังเขา มันเกือบจะบดบังแสงอาทิตย์ทั้งหมดเลยที่เดียว
เสียงของการระเบิดดังขึ้นมาจากทางกําแพงเมือง
เสียงของมันราวกับสายฟ้า
ม้าเกือบทั้งหมดต่างตื่นตระหนกและบ้าคลั่งทําให้เหล่าทหารยากที่จะควบคุม
ทว่าเมื่อเหล่าทหารมองไปยังกําแพงเมืองพวกเขาก็หน้าขาวซีดทันที
จากระยะไกลสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือกําแพงเมืองหายไปแล้ว!
ขวัญกําลังใจของพวกเขานั้นตกลงในทันที