หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 141
ตอนที่ 141 : รูปปั้นทราย
ในที่สุดจอห์นก็เข้าใจว่าทําไมก่อนหน้านี้ลูกชายของเขาถึงประเมินบุตรทองคําทั้งสี่ว่าเป็นพวก “เลวร้าย” และ “ลื่นไหล” พวกเขานั้นแสดงอคติออกมาชัดเจน
บุรทองคําพวกนี้มีความสามารถไม่น้อยในการพูดดีกว่าขุนนางบางคนเสียด้วยซ้ํา
“ในเมื่อเป็นความต้องการของท่านโรแลนด์ ช้าคงต้องขอพูดตรงๆ” จอห์นคนพ่อมองไปยังทั้งสามคนที่เหลือแม้ว่าเขาจะเริ่มกินอาหารกันอยู่ ทว่าความสนใจของพวกเขานั้นยังอยู่ที่ตัวเขาจากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาและพูดต่อว่า “ข้าคงต้องให้ใครบางคนไปอยู่ในท่าเรือใหม่นั่น ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าทั้งสี่นั้นคิดยังไง?”
“จําเป็นงั้นเหรอ?” โรแลนด์ถามออกมา
ฮอร์กและลิงค์เองก็วางส้อมและมีดลงเช่นกัน
“จําเป็นสิ!” จอห์นคนพ่อพยักหน้าออกมาอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “นี่คืออาณาเขตของตระกูลจอห์นไม่ว่าใครจะสร้างอะไรก็ตามบนอาณาเขตนี้มันจําเป็นต้องให้ตระกูลของพวกข้า นั้นข้องเกี่ยวด้วยมันไม่ดีนักหากเจ้าสร้างอะไรโดยไม่ถามไถ่พวกเราเสียก่อนจากกฏของอาณาจักรพวกเจ้าจําเป็นต้องถูกขังเป็นเวลาสามเดือนและริบทรัพย์สินทั้งหมด”
โรแลนด์ไม่กังวลนัก และฮอร์กกับลิงค์เองก็ยิ้มเช่นกัน
“งั้นหมายความว่าพวกเราจะต้องเข้าคุกหลังมื้อนี้งั้นเหรอ?” โรแลนด์ถามออกมา
สายลมพัดเข้ามาและเทียนที่อยู่ภายในห้องโถงก็สั่นไหวขึ้น มีคนเพียงไม่กี่คนภายในห้องโถงทว่าเงาของพวกเขากลับยืดยาวไปตามสายราวกับมีภูตผีอยู่ภายในคฤหาสน์แห่งนี้
ไม่นานนักเสียงลมก็หายไป เงาที่บิดเบี้ยวก็กลับกลายเป็นปกติอีกครั้ง
จอห์นคนพ่อหัวเราะออกมา “จะเป็นอย่างนั้นได้เช่นไร? พวกข้านั้นมีเหตุผลมากพอและเข้าใจในภาพรวม พวกข้านั้นไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์อย่างงั้น”
โรแลนด์มองไปทางฮอร์กที่หยุดกินแล้ว
พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่าจะให้โรแลนด์เป็นคนเจรจาและข้อตกลงนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม
ความสนใจของโรแลนด์กลับไปยังจอห์นคนพ่อ ก่อนที่เขาจะพูดว่า “ใช่ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนมีเหตุผล ทว่าฮอร์กทํางานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเดลพอนในการแก้ปัญหาการว่างงานทั้งยังสร้างบ้านให้กว่าอีกร้อยหลัง ไม่ก็เกือบพัน สําหรับเหล่าขอทานและผู้ยากไร้ทั้งหลาย และในอนาคตพวกเขายังต้องจ่ายภาษาอีกเป็นจํานวนมาก ทั้งยังไม่ได้ความดีความชอบใดๆอีกไม่ใช่คุณควรมอบรางวัลให้เขาเหรอ?”
รอยยิ้มของนายกแข็งค้างไปในทันที
โรแลนด์ยังคงยิ้มอยู่และมองไปทางเขา
เจ้าเมืองนั้นเผยความกดดันมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าโรแลนด์ยังคงไม่ต่างจากเดิม
ไม่นานนัก เขาก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า “ข้ารู้สึกง่วงเล็กน้อย ลูกช่วยรับแขกต่อจากพ่อที”
จอห์นพยักหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ภายในห้องโถงเงียบลงหลังจากนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงแค่เสียงของโรแลนด์และคนอื่นกินอาหารกันอยู่
หลังจากผ่านไปสิบนาที โรแลนด์ก็ออกจากปราสาทไปพร้อมกับพวกฮอร์กทันที
จอห์นไม่ได้ออกไปส่งพวกเขา
พวกเขาเดินออกจากปราสาทพร้อมมองสะพานที่กําลังปิดตัวลง โรแลนด์ยิ้มออกมา เขาหันหน้าไปทางฮอร์กและพูดว่า “ระวังตัวไว้ละ จอห์นคนพ่อดูเหมือนจะเริ่มทําอะไรสักอย่างแล้ว”
เจ็ทถามออกมา “ทําไมนายถึงไม่พยายามสานสัมพันธ์ไว้ก่อนละ?”
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” โรแลนด์ส่ายหัวออกมา “อีกฝ่ายบังคับให้พวกเราเลือกจุดยืนแล้วและนั่นมันก็ข้ามเส้นจากสิ่งที่ฮอร์กยอมรับได้แล้ว ถ้าหากพวกเราไม่รวมตัวกัน พวกเราจะถูกจัดการลงทีละคน”
“พวกเรานั้นเป็นอมตะ พวกเราจะกลัวอะไรกับเขากัน?” เจ็ททําหน้าไม่เห็นด้วย
“พวกเราคืนชีพได้ก็จริงแต่หากพวกเราถูกจัดการลงทีละคน เขาก็สามารถฆ่าเราจนเหลือเลเวล 0 ได้” โรแลนด์อธิบาย “ความแข็งแกร่งของเรายอดเยี่ยมก็จริง ทว่าพวกเรามีจํานวนน้อยเกินไป เขามีกองกําลังที่แข็งแกร่ง ไม่เหมือนกองกําลังของขุนนางยศต่ําๆอย่างที่ฮอร์กเคยจัดการและเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย พวกเรามีโอกาสชนะน้อยมากและพวกเราจะลดโอกาสลงอีกหากพวกเราแยกกันอยู่ พวกเราใช้เวลาครึ่งปีในการมาถึงเลเวล 5 พวกเรามีครึ่งปีกันกี่ครั้งเชียวในชีวิต?”
เจ็ทถอนหายใจ “ไม่รู้เลยว่าหมอนั่นจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้เหมือนเขาเป็นพวกใช้กําลังอย่างเดียว ซะอีก”
โรแลนด์หันหน้าไปหาฮอร์ก “อีกกี่วันกองหนุนของปีกสีเงินจะมาถึง?”
“คนกลุ่มแรกจะมาถึงภายใน 5 วัน”
“ถ้างั้นพวกเราต้องยึดเวลาไปอีกสัก 5 วัน” โรแลนด์คิดขึ้นกับตัวเองและกล่าวขึ้น “มันน่าจะดีที่สุดหากพวกเราทั้งสี่อยู่ด้วยกันสักสองสามวัน ไปที่ท่าเรือกันเถอะ ฉันจะไปที่หอคอยเวทย์แล้วจัดการอะไรสักหน่อยแล้วเดี๋ยวฉันตามไป”
“ถ้างั้นฉันขอไปโบสถ์แห่งแสงก่อนแล้วกัน”
จากนั้นทั้งสี่ก็แยกย้ายกันไป โรแลนด์กลับมายังหอคอยเวทย์และสั่งระฆังสีทองเรียกรวมตัวทุกคนและพูดว่า “ฉันจะไปอยู่ท่าเรือที่นอกเมืองสักพัก วิเวียนหลังจากนี้เธอต้องเชิญอัลโด้มาเพื่อควบคุมหอคอยเวทย์และจําไว้ว่ามันเป็นคําขอของฉัน หากเขาปฏิเสธบอกไปว่าข้อตกลงของฉันก่อนหน้าจะเป็นโมฆะ”
เหล่านักเวทย์ฝึกหัดต่างมึนงงในทันที พวกเขาเริ่มพูดกันขึ้นมา
“ท่านรอง อย่าไล่พวกข้าไปเลย ใครที่มีปัญหากับท่านก็นับว่าเป็นศัตรูกับหอคอยเวทย์เช่นกันพวกข้านั้นคือนักเวทย์พวกข้าไม่กลัวใครทั้งสิ้น”
“ใช่ท่านรอง โปรดอย่าไปเลย พวกข้าสามารถต่อสู้ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าตระกูลของพวกข้าจะเป็นขุนนางขนาดเล็ก ทว่าพวกเขาเองก็มีเกรียติเช่นกัน”
วิเวียนเองก็พูดขึ้น “ท่านรองท่านต่างกีดกันพวกเราออกไปเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น มันทําให้พวกข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง”
โรแลนด์หัวเราะออกมา “มันช่วยไม่ได้นี่ พวกนายไม่สามารถทําตัวให้สามารถคาดหวังได้เองนี่! ถ้าหากพวกนายกลายเป็นนักเวทย์ที่แท้จริงเมื่อไหร่ ฉันจะอยู่ต่อสู้ที่นี่”
กลุ่มนักเวทย์ฝึกหัดต่างอับอายทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น ทว่าแม้คําพูดของโรแลนด์จะดูรุนแรงทว่าพวกเขาก็ไม่ขุ่นเคืองแม้แต่น้อย
เพราะถึงยังไงพวกเขานั้นผิดเองที่ไม่สามารถทําตัวให้เป็นที่คาดหวังได้
โรแลนด์มองไปยังวิเวียน “ฉันเชื่อใจในตัวเธอมากที่สุดนะ จําไว้บอกประธานไปตามคําพูดของฉันเข้าใจไหม?”
การแสดงออกของโรแลนด์ดูเข้มครีมเป็นอย่างมากทําให้เธอทําได้เพียงพยักหน้ารับออกมา
ไม่นานนักหลังจากโรแลนด์ออกจากหอคอยเวทย์เขาก็ตรงไปที่ท่าเรือตรงนอกเมือง
กฎเคอร์ฟิวของเมืองนั้นใช้ไม่ได้กับนักเวทย์ และดูเหมือนว่าทหารยามของเมืองไม่ได้รับคําสั่งใดๆมาจากนายกของเมือง ดังนั้นโดยไม่ลังเลอะไรเขาปล่อยให้โรแลนด์ออกนอกเมืองในทันทีและจากนั้นเจ็ทเองก็เดินตามออกมา
ณ อาคารที่สูงและกว้างที่สุด มีอ่างเหล็กสีดํากําลังเปล่งสีแดงออกมา ภายในอ่างนั้นเต็มไปด้วยน้ํา
เมื่อจุดไฟภายในนี้แล้วจําเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งไม่ให้ไฟสามารถลุกลามไปได้
และยังมีหม้ออีกใบหนึ่งซึ่งกําลังผสมวัตถุดิบต่างๆมากมากเข้าด้วยกัน
กลิ่นหอมของหม้อไฟลอยฟังไปทั่วอากาศ
โรแลนด์, ฮอร์ก, ลิงค์ และเจ็ทนั่งอยู่ด้วยกันขณะเลื่อนดูฟอรั่ม
ขณะกําลังไล่อ่านอยู่นั่นเองจู่ๆลิงค์ก็หัวออกมา “ฮ่าๆๆ โรแลนด์ไอ้งเง่า(1)
คําด่าที่โพล่งออกมาอย่างกระทันหันทําให้ทุกคนตกใจในทันที
ลิงค์รีบหลบตาพร้อมบิดปากของเขาทันทีและหัวเราะ “ในหมวดรูปน่ะ มีกระทู้ปักหมุดอยู่ไปดูเอาเอง”
โรแลนด์ค้นหาและพบเจอโพสต์นั้นในทันทีและเข้าใจมันในทันที
มันเป็น “โรแลนด์ไอ้งเง่าจริงๆ”
รูปปั้นมันทํามาจากทรายทั้งหมด
คําว่ารูปปั้นทรายในภาษาจีนพ้องเสียงกับคําว่าไอ้งเง่า